Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กลร้ายในเงารัก - บทที่ 9 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11285082/W11285082.html

บทที่ 9

'คุณพระ'  เป็นเสียงอุทานในทรวงสะท้านของอคิน พร้อมกับสองแขนก็ต้องรีบประคองร่างซวนจวนล้มของดนัยดลไว้อย่างสงสาร นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีก ทำไมจู่ๆ ศพของพุธชมพูจึงหายไปได้ ตำรวจทำงานกันประสาอะไร ทั้งบกพร่องบัดซบ ทั้งไร้ประสิทธิภาพในการคุ้มครอง

"พวกคุณพูดได้เท่านี้หรือ" ชายมุทะลุตะคอกหน้าแดงก่ำ ในสองแขนยังต้องรองรับร่างสั่นปนสะอื้นของหนุ่มใหญ่ไว้อย่างทุลักทุเล "พูดว่าเสียใจ จะรับผิดชอบ จะตามหาให้เจอ พูดได้เท่านี้หรือ"

"คุณอคิน" ผู้กองตั้นปรามอย่างเข้าใจ "สงบสติอารมณ์ลงก่อน ทางเราก็ไม่ต้องการให้เกิดเหตุเลวร้ายแบบนี้ขึ้น เรา.. "

"มันเกิดแล้ว"

อคินตะคอกกลับ แล้วดันร่างระทวยของดนัยดลไปพิงราวระเบียง วูบหนึ่ง ก็อดรำคาญไม่ได้ เพราะหนุ่มใหญ่อ่อนแอได้อย่างน่าเหลือเชื่อ นี่ถ้าไม่มีเขาอยู่เคียงข้าง มันจะเป็นยังไงเล่า

"เรื่องรับผิดชอบ มันก็ต้องของแน่อยู่แล้ว ก็ลองบอกว่าไม่ใช่ความผิดของพวกคุณสิ ผมจะอาละวาดให้ถึงขั้นระเบิดกรมตำรวจก็จะทำ บัดซบเอ๊ย"

"กรุณาให้เกียรติเจ้าพนักงานด้วยนะครับ ผมก็ชี้แจงไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องเลวร้ายที่ทางเราไม่เคยต้องการให้มันเกิดขึ้น"

"ใช่ พวกคุณก็ดีแต่จะมาตั้งแง่สงสัยคนกันเอง ฝ่ายเราเป็นโจทก์แท้ๆ เป็นเจ้าทุกข์ที่ไปร้องเรียนว่ามีคนฆ่าตัวตายในบ้านเรา แต่คุณกลับมองเราคนใดคนหนึ่งด้วยสายตาระแวงบัดซบ ต้องมีคนสักคนในบ้านเป็นฆาตกร พวกคุณถึงจะพอใจ"

"คุณอคิน"

"ใช่ไหมผู้กองตั้น ใช่ไหม คุณระแวงเราทุกคนในบ้าน เพราะคิดว่าต้องมีสักคนที่ฆาตกรรมพุธของเรา การยัดเยียดข้อสังสัยแบบนั้น มันบัดซบไม่ใช่หรือ แล้วนี่อะไร มัวแต่จับตาดูเราใช่ไหม ศพถึงได้ถูกขโมยไป"

"เราจะรีบตามหาศพกลับคืนมาโดยเร็ว"

"มันจะได้ง่ายๆ หรือคุณผู้กอง คนขโมยเขามีเจตนา คงไม่โง่พอที่จะตั้งอวดโจ่งแจ้งให้ไปเจอในวันสองวันหรอก"

ผู้กองตั้นข่มใจไม่ถือสาที่คนหนุ่มก้าวร้าว สายตาคมกล้าชำเลืองไปจับกิริยาอาดูรปานใจจะขาดของสามีพิการด้วยใจสะทกสะท้อน

เขาเองก็ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องขึ้นได้ยังไง ทันทีที่ได้รับรายงาน เขาก็ตรงดิ่งมาเกาะสถานการณ์โดยไม่รอช้า แต่มันก็ช่างประจวบเหมาะกับที่สองหนุ่มปรากฏตัวเพื่อถามความคืบหน้ากับมาขอรับศพ

ใครกันนะ ที่อุตริขโมยศพไป แล้วมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำอย่างนั้น ไม่นึกบ้างหรือว่าจะทำให้รูปคดีเปลี่ยนไป การฆ่าตัวตายจะถูกเบี่ยงเบนเป็นประเด็นฆาตกรรม หรือดีไม่ดี คนขโมยก็อาจจะเป็นฆาตกร แต่คงเพราะทราบว่าเผลอทิ้งร่องรอยเอาไว้ จึงรีบเร่งทำลายหลักฐาน

"ไหวไหมครับ" ร่างสูงในเครื่องแบบเดินมาแตะบ่าใหญ่ของพ่อหม้ายหมาดๆ เห็นน้ำตานองแก้มแล้วสงสารจับใจเลย

"ผมจะทำยังไง ป่านนี้พุธของผมจะเป็นยังไงบ้าง ทำไมครับผู้กอง ทำไมเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น นี่มันเกิดอะไรขึ้น พวกคุณกำลังปกปิดอะไรผมอยู่ พูดความจริงกับผมได้ไหม พุธฆ่าตัวตายจริงหรือเปล่า บอกมาเถอะ ผมรับได้"

"พุธฆ่าตัวตาย" อคินสำทับเสียงกร้าว ตาวาวขึ้นอย่างโกรธๆ "คุณไม่เชื่อที่ผมเล่าหรือ คุณคงไม่บ้าเหมือนผู้กองตั้นไปอีกคนหรอกนะ ที่คิดว่ามีคนลอบเข้าไปฆ่าพุธ แล้วอำพรางให้เหมือนเป็นการฆ่าตัวตาย"

"มันเป็นวิธีการทำงานของเรา" ผู้กองตั้นชี้แจง "ความจริงทุกอย่าง มักจะซ่อนอยู่ข้างหลังก่อนเสมอ ตำรวจจะไม่ด่วนสรุปกับสิ่งที่เห็นในนาทีแรก มันมีกระบวนการของมันอยู่แล้ว คุณไม่ใช่ตำรวจ ไม่เข้าใจก็ไม่แปลก"

"ผมไม่อยากเข้าใจ ผมรู้แค่ว่า ผมเป็นคนแรกที่เห็นพุธฆ่าตัวตาย ผม.. "

"คุณเห็นตอนเธอฆ่าตัวตาย เห็นในวินาทีที่เธอใช้มีดกรีดข้อมือใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมไม่รีบเข้าไปขัดขวาง"

"คุณ.. "

ผู้กองตั้นถอนใจยาว ส่ายหน้าสุขุม ก่อนจะตบบ่าหนุ่มอารมณ์ร้อน สบตาคู่หวานที่ในยามนี้ เปล่งแต่แสงดุร้าย แต่เขาก็อยากจะบอกว่า เขาไม่กลัวสักนิด

"อย่ามัวแต่ตีโพยตีพายเลย" เขาตัดบทเยือกเย็นในท้ายที่สุด "ศพก็หายไปแล้ว เอะอะไปก็เท่านั้น ผมรับปากว่า ทางเราจะรีบตามหาให้เจอโดยเร็ว ส่วนคุณก็พาคุณดนัยดลกลับบ้านไปก่อน ท่าทางเขาดูแย่มาก"

"พุธถูกฆ่าใช่ไหมครับ" ดนัยดลถามปนสะอื้น เขาร้องไห้โดยไม่ต้องอายใคร เพราะเขามองไม่เห็นใครทั้งนั้น นอกจากความเจ็บปวดที่แผ่อยู่ในความมืดผืนทะมึน "ผมก็คิดอย่างนั้นอยู่แล้ว" ตอนท้ายก็บอกความเชื่อในใจออกมากลั้วกับเสียงร้องไห้กระซิก

"ไม่" อคินบดกราม รู้สึกโกรธจังที่ทุกคนไม่ยอมเชื่อคำบอกเล่าของเขา "เลิกคิดบ้าๆ เสียที คุณตาบอดนะคุณดนัย ผมต่างหากที่เห็นสภาพของพุธเต็มตา"

"แต่พุธไม่มีเหตุผลที่จะต้องฆ่าตัวตายเลยอคิน มันไม่มีเหตุผล ผมไม่อยากเชื่อ ไม่อยากเชื่อเลยอคิน"

"ต้องให้ย้ำยังไงหรือ" อคินระเบิดเสียงอัดอั้น ตาแดงก่ำ "ต้องให้ผมยืนยันแบบไหน คุณถึงจะยอมเชื่อว่าพุธกรีดข้อมือฆ่าตัวตายเอง"

"คุณอคิน"

"เธอนอนตายกลางพื้น เลือดไหลนองอยู่ใกล้ๆ กับร่างของเธอ สภาพในครัวมันปกติดี ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ได้ยินไหมคุณดนัย ได้ยินไหม"

ผู้กองตั้นส่ายหน้าสะทกสะท้อน ศพถูกขโมยไปอย่างลึกลับ ทำให้สองหนุ่มแทบจะสูญสิ้นการควบคุมอารมณ์

เวลานี้ ก็แค่กวาดความหวาดกลัวภายในออกมาสาดใส่กัน คนหนึ่งก็ตั้งมั่นยืนยันว่า ผู้ตายจงใจฆ่าตัวตายเอง อีกคนหนึ่งก็ปักใจว่า ผู้ตายไม่มีเหตุผลใดๆ ในการตัดช่องน้อยลาโลก

สำหรับอคิน ดูเหมือนว่าชายเจ้าอารมณ์คนนี้ จะหวาดกลัวกับการถูกระแวงสงสัย ก็ไม่เชิงว่าร้อนตัว แต่ก็เผยความกระวนกระวายต่อการปกป้องตัวเองอย่างเด่นชัด

สำหรับดนัยดล สามีพิการผู้น่าสงสารคนนี้ กลับมุ่งไปที่ความคลางแคลง เขาคงอยากทราบเหตุผลแท้จริงว่า อะไรหรือที่ทำให้ภรรยาฆ่าตัวตาย แล้วทอดทิ้งสามีตาบอดไปได้ลงคอ

และสำหรับผู้กองตั้นขวัญใจประชาชนอย่างเขา ก็จะไม่ปักหลักอยู่กับประเด็นใดประเด็นหนึ่ง แต่จะขอใช้กระบวนการทำงานของตำรวจ สาวความจริงเบื้องหลังออกมากอง ไม่ว่าผู้ตายจะฆ่าตัวตายเองก็ดี หรือจะถูกฆาตกรรมก็ดี สุดท้ายแล้ว คดีก็จะต้องจบลงอย่างหมดจด




แม่พิศวางถาดเครื่องดื่มลงเบาๆ สายตาสอดรู้สอดเห็นลอบสำรวจสีหน้าอิดโรยระคนหมองเศร้าของคุณผู้ชายอย่างว่องไว

แล้วอีกอึดใจก็ลอบสังเกตอากัปกิริยาของแขกพิเศษที่เดินล้วงกระเป๋างุ่นง่านใกล้หน้าต่าง อาจจะหยุดบ้างเป็นพักๆ แต่ก็ไม่ยอมมานั่งข้างๆ คุณผู้ชายเสียที

"กาแฟค่ะ" นางหยั่งท่าทีด้วยการอ้อมแอ้มบอกออกไป

"จะไปไหนก็ไป" อคินไล่ห้วนๆ ร่างสูงหันหาหน้าต่าง

"อ้อ ค่ะ เอ้อ คุณผู้ชายคะ จะดื่ม.. "

"ฉันบอกว่าไปไหนก็ไป ทางนี้ฉันจัดการเอง ออกไป"

คราวนี้เป็นเสียงตวาดดุดัน ทำเอาแม่พิศสะดุ้งโหยง นางรีบรับคำแล้วถอยเงอะงะ กระทั่งหอบร่างท้วมกลับเข้ามานั่งระบายลมหายใจโล่งอกในครัว อนงค์เห็นเข้าก็เข้าใจ เพราะช่วงนี้ หล่อนก็โดนฤทธิ์เดช 'ว่าที่คุณผู้ชาย' ว้ากใส่เอาก็หลายหน

"เออแฮะ แกว่ามาก็เข้าที" แม่พิศเปรยเหมือนเหนื่อยๆ "นับวันนะ คุณอคินทำตัวเหมือนจะเป็นคุณผู้ชายเสียเองเข้าทุกทีแล้ว สงสารก็แต่คุณผู้ชายของเรานะ ทั้งตาบอด ทั้งสูญเสียคุณผู้หญิง นี่.. "

แล้วแม่พิศก็พยักพเยิดให้อนงค์ขยับมาใกล้ๆ เพราะนางจะลดเสียงเบาลงเป็นกระซิบว่า

"แกว่ามันจะเป็นไปได้ไหม ที่ต่อไป คุณอคินจะไม่แค่ปกครองบ้านหลังนี้ แต่จะถือโอกาสฮุบบริษัทไปเป็นของตัวเองเสียด้วยเลย"

"อุ๊ย ไม่หรอกจ้ะ" อนงค์รีบค้านตาโต "ทำไมคิดร้ายกาจจัง เขาเป็นเพื่อนคุณผู้ชายไม่ใช่หรือ นี่ป้า คุณผู้ชายของเราน่ะ สายตาแหลมคมออก ท่านดูใครเคยผิดเสียที่ไหน ถ้าคุณอคินไม่ดีจริง ท่านก็คงไม่คบหาไว้ใจถึงขั้นให้มาเป็นหุ้นส่วนด้วยหรอก"

ความเห็นโต้แย้งของอนงค์ ทำให้แม่พิศคันปากยิกๆ อยากโพล่งออกไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด กับภาพกอดจูบเหิมเกริมที่ตนแอบเห็น ดีจริงไม่ดีจริง นางก็ยืนยันไม่ได้หรอก แต่ถ้าลองว่าแอบลักกินขโมยกินเสน่หากันลับหลังแบบนั้น ดูท่าส่วนดีจะมีน้อยล่ะ

แล้วว่าก็ว่าเถอะ ความเห็นส่วนตัวของนางนี่ก็ร้อนไม่เบา เพราะนางก็เป็นอีกคนที่ไม่ค่อยอยากเชื่อเลยว่าคุณผู้หญิงจะฆ่าตัวตาย แล้วก็แอบปักใจนิดๆ ด้วยว่า อคินต้องมีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องด้วยแน่ๆ

หรือหากว่าภายหลัง ตำรวจสืบจนทราบความจริงว่า เขาเป็นฆาตกรขึ้นมาจริงๆ นางก็เชื่อว่าตนจะไม่แปลกใจเลยด้วยซ้ำ เพราะเท่าที่ดูเท่าที่สังเกต อคินคนนี้ก็ 'ออกจะร้าย'




เกือบเย็นของวันเดียวกัน 'ทนายรัศมี นงบุญ' มาปรากฏตัวเป็นแขกด้วยสีหน้าไม่ค่อยเบิกบานนัก หล่อนทราบว่าเจ้านายอยู่ในภาวะเศร้าโศก แต่งานก็จำเป็นต้องเดินหน้า และผู้กุมบังเหียนก็ต้องแยกแยะเวลาเข้มแข็งอ่อนแอให้เป็นสัดเป็นส่วน

"ผมไม่มีจิตมีใจอยากทำอะไรทั้งนั้น" ดนัยดลนั่งซุกชิดมุมโซฟา กอดหมอนอิงแนบอก

"แต่ว่า.. "

ทนายสาวอยากจะแย้งบางอย่าง แต่ครั้นเหลือบไปสบตาปรามเข้มของอคินเข้า หล่อนก็จำต้องหยุด แล้วเปลี่ยนเป็นเม้มปากอึดอัด

แล้วจะให้ดำเนินการยังไงต่อไปเล่า การเซ็นสัญญาและรับรู้การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขแนบท้ายสองสามข้อ มันเป็นหน้าที่ของผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในบริษัทไม่ใช่หรือ

"มีอะไรล่ะ" อคินเดินมานั่ง หมุนเอกสารที่คุณทนายวางตรงหน้านักธุรกิจหนุ่มใหญ่ มาทางฝั่งตน แล้วเปิดอ่านลวกๆ

"อีกสามวัน จะนัดเซ็นสัญญาที่บริษัทนะคะ แต่ว่า มันมีรายละเอียดเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับเงื่อน.. "

"ทำหนังสือมอบอำนาจให้คุณอคินดำเนินการแทนทุกอย่างทุกเรื่องเถอะ" ดนัยดลพูดแทรกโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ "ตราบใดที่ผมยังไม่ได้ข่าวของพุธ ผมจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น ผมทำไม่ได้ อคิน คุณอยู่ตรงไหน" ตอนท้ายก็ขยับตัวยื่นมือหาเป้าหมาย

"อยู่นี่ครับ" อคินรีบส่งมือไปให้จับ ใจสั่นระคนสับสน บอกไม่ถูกว่า รำคาญหรือสงสารมากกว่ากัน

"คุณจะแบกรับภาระงานในบริษัทไปตามลำพังสักระยะได้ไหม ผมรู้ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของคุณคนเดียว แต่ผม.. "

"ไม่เป็นไรครับ ผมยังไหวอยู่ ดีเหมือนกัน ผมก็ไม่อยากให้คุณต้องไปรกสมองกับเรื่องงานอีก พักผ่อนจิตใจให้เต็มที่ดีกว่า"

"คุณอคิน" ดนัยดลน้ำตาไหลขณะเขย่ามือของคนพูดคล้ายจะขอบคุณ

"อย่าทำอย่างนี้น่า เราสองคนเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ โดยเฉพาะคุณที่เป็นฝ่ายหยิบยื่นมิตรภาพมาให้ผมก่อน ทั้งที่สภาพแรกที่คุณเห็นในคืนนั้น ผมมันก็แค่ไอ้ขี้เมาอกหักคนหนึ่งเท่านั้นเอง ถึงคราวที่คุณล้มทรุดบ้าง แล้วผมจะทอดทิ้งคุณไปได้ยังไง"

ทนายรัศมีลอบสงสารขณะจับจ้องอิริยาบถอาดูรของเจ้านาย ไม่มีใครตำหนิที่เขาอ่อนแอ และอาจจะทรงสภาพนี้ต่อไปอีกสักระยะ เพราะแม้แต่พนักงานในบริษัทหรือหล่อนเอง ตอนทราบข่าวก็พากันตกอกตกใจ นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายสุดโต่งเช่นนี้ขึ้นได้

พุธชมพูไม่ค่อยแวะไปที่บริษัทบ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่แวะไป ก็มักจะมีของติดไม้ติดมือไปเผื่อแผ่เหล่าพนักงานอยู่เสมอ

เธอเป็นคุณผู้หญิงที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเลิศ ทุกคนจึงค่อนข้างนับถือและชื่นชมเธอไม่แพ้เจ้านายด้วยเช่นกัน ดังนั้น การจากไปอย่างกะทันหันของเธอ จึงยังความใจหายระคนเศร้าโศกเสียใจให้กับทุกคนไม่น้อยเลย

"ผมจะอ่านเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงให้ฟังก่อน คุณมีความเห็นยังไงก็.. "

"ไม่ต้องหรอกอคิน ผมไว้ใจคุณ ตัดสินใจไปตามที่เห็นสมควรเถอะ อย่าหาว่าผมเสียมารยาทเลยนะ ขอให้ผมอยู่คนเดียวสักครู่ได้ไหม คุณพาทนายรัศมีไปคุยต่อในห้องทำงานก็ได้ ไปเถอะ"

"มันจะดีหรือ ที่นั่นมันเป็นที่ส่วนตัวนะ คนอื่นอาจจะมองผมไปในทาง.. "

"ถ้าคนอื่นจะคอยอยู่เคียงข้างผมเหมือนกับคุณในเวลานี้ ผมก็จะพอฟังหูไว้หูนะอคิน อย่าคิดมากเลย จากนี้ไป ก็ขอให้คุณคิดเสียว่าทุกอย่างที่นี่เป็นของคุณ ในเมื่อผมไม่มีพุธอีกต่อไปแล้ว ผมก็ไม่อยากได้อะไรอีก ยกให้คุณดูแลแทนก็ดีเหมือนกัน"

"คุณดนัย" อคินยกมือลูบหน้าอย่างอัดอั้นแกมสับสน "นี่ถ้าคุณยังพูดแบบนี้อีก เห็นทีผมคงต้องไปจากคุณจริงๆ ผมไม่ต้องการให้ใครมองว่าผมฉวยโอกาสซ้ำเติมคนล้มหรอกนะ ผมยินดีทำทุกอย่างแทนคุณ ก็เพราะว่าคุณเป็นเพื่อนผม"

ดนัยดลก้มหน้า น้ำตาไหลเงียบๆ ให้ทนายรัศมีพลอยน้ำตาซึมไปด้วย หล่อนสบตากับอคินดั่งจะขอร้องว่าอย่าพูดติติงอะไรอีกเลย สภาพจิตใจของเจ้านายคงแบกรับไม่ไหวอีกแล้ว

การสูญเสียพุธชมพู เหมือนจะเป็นการประจานหัวใจดวงแท้ของเขาไปโดยปริยายว่า จริงๆ แล้ว มันเปราะบางยิ่ง จะประคับประคองหรือทะนุถนอม ก็ทำได้อย่างยากลำบากเหลือเกิน

ก็เป็นอันว่า นับจากนี้ไปสักระยะ ภาระหน้าที่ในการปกครองดูแลบ้านและบริษัท จะตกเป็นของอคินอย่างถูกต้องและด้วยความเห็นชอบของเจ้าของเดิม โดยมีทนายรัศมีเป็นตัวเชื่อมการเปลี่ยนแปลงประหนึ่งพยาน




ตอนหัวค่ำ คนสวนวัยชราแวะเข้ามานั่งคุยกับแม่บ้านและสาวใช้ในครัว อนงค์หลานสาวก็รีบรินน้ำให้ดื่ม แม่พิศก็เลื่อนจานขนมมาให้ ทั้งสองทำหน้าเนือยให้เห็น นายอุ่นจึงอดที่จะทักถามไม่ได้ว่า

"เป็นอะไรกันไปหมด ทำหน้าเหมือนโดนไล่ออกจากงาน"

"ใกล้แล้วล่ะ" อนงค์เปรยยอมรับขึ้นก่อน "เมื่อตอนเย็นนะ หนูได้คุยกับคุณทนายรัศมี เลยรู้อะไรดีๆ มาล่ะ"

"อะไรล่ะ" นายอุ่นซัก แต่น้ำเสียงไม่ค่อยสนใจ

"ตอนนี้น่ะ คุณผู้ชายมอบอำนาจให้คุณอคินทำโน่นทำนี่แทนทุกอย่างล่ะ ดูแลบ้านด้วย บริหารบริษัทด้วย"

"ท่าทางเขาก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเราเสียด้วย" แม่พิศเสริม สีหน้าก็แลว่าปลงๆ ชอบกล

"ก็ไม่ใช่เขาฝ่ายเดียวไม่ใช่หรือ" นายอุ่นแย้ง ตาวาวประหลาดขึ้น "ทางเราก็เหม็นขี้หน้าเขาเหมือนกัน ไอ้ฉันนี่นะ ไม่ชอบตั้งแต่มาขึ้นเสียงเอะอะ เจ้ากี้เจ้าการสั่งให้ย้ายนั่นไปไว้นี่ ยกไอ้โน่นโยกไปตรงนั้น ทำเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน"

แม่พิศตีแขนแล้วร้อง 'จุ๊ๆ ' ตาก็ส่ายไประแวดระวังยังหน้าประตู เกรงไปว่าเจ้าของชื่อจะผ่านมาได้ยิน เท่าที่ทราบจากทนายรัศมี ก็คาบลูกคาบดอกกับอนาคตจะแย่อยู่เลย ขืนให้มาได้ยินว่านินทากันเต็มๆ หู มีหวังคงเก็บผ้าผ่อนกันเสียแต่คืนนี้ล่ะ

"ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันเดินสวนกับเขาเมื่อกี้นี้เอง ป่านนี้ คงจะกลับไปนอนตีพุงก๊งเหล้าเพลินอุราไปแล้ว ได้เป็นใหญ่แล้วนี่"

"เอ้อ พูดเรื่องเหล้านี่ก็เหมือนกัน" อนงค์โพล่งออกมา "หนูว่าคุณอคินติดเหล้านะ ดื่มเก่งชะมัด คอแข็งเป็นบ้าเลย วันก่อนหนูไปทำความสะอาด โอ้โฮ ในโถงนะ ขวดเหล้านอนเล่นกันเกลื่อนพื้น ในห้องนอนก็กลิ่นหึ่งเชียว"

นายอุ่นหลุบตามองขนมในจาน ไม่อยากเผยความชิงชังโจ่งแจ้งนัก แล้วอันที่จริง ก็ไม่ใช่แม่พิศคนเดียวที่เคยแอบเห็นอคินคุกคามพิศวาสต่อคุณผู้หญิง เพราะแกเองก็เคยเห็นในสวนด้านหลัง

แม้จะแอบมองจากในพุ่มไม้และไกลออกมาหน่อย อาจไม่ได้ยินว่าทั้งสองสนทนาอะไรกันบ้าง แต่ก็มองท่าทีขัดขืนไม่เต็มใจของคุณผู้หญิงออก รู้สึกเห็นใจด้วยว่า 'เธอจำใจจำนน'

แต่ก็นั่นล่ะ เป็นเพราะว่าแม่พิศกับนายอุ่น ต่างก็จงรักภักดีต่อคุณผู้ชาย จึงได้แต่เก็บกลืนความลับอันน่ากลัวไว้ในใจ ที่ทำได้ก็แค่จับตาดูเป็นระยะ

ทั้งสองมักจะโล่งอกและยินดีเสมอในทุกครั้งที่อคินต้องเดินทางออกต่างจังหวัดหรือต่างประเทศพร้อมกับคุณผู้ชาย เพราะมันจะทำให้คุณผู้หญิงปลอดจากภัยพิศวาสไปได้สักชั่วระยะ

หน้าระเบียงอันเงียบเหงา แลเห็นระเบียงห้องนอนชั้นสองของบ้านใหญ่ในสวนฟากโน้นตกอยู่ในความมืด เจ้าของห้องคงนอนร้องไห้ คร่ำครวญหายาหยีที่รักอยู่กระมัง

เหมือนเขาใช่ไหม ต้องมานั่งว้าเหว่เดียวดาย ใช้เหล้าแก้วแล้วแก้วเหล้าเป็นเพื่อน ในยามที่อกมันระอุไปด้วยไฟคับแค้น มันก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะโหยหาสาวแปลกหน้ามาร่ายสวาท ปลดเปลื้องกามเถื่อนให้ตัวเบา เหนื่อย เพลีย แล้วก็ 'หลับผล็อย'

อคินก็เหมือนกับดนัยดลนั่นล่ะ หัวใจดวงนี้เปราะบางและอ่อนแอนัก แต่มันก็แปลกที่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน และเผชิญกับการสูญเสียใหญ่หลวง เขากลับเข้มแข็งและควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าหนุ่มใหญ่หลายเท่าตัวนัก

ดูแต่เมื่อครู่ก่อนสิ กว่าที่พ่อหม้ายหมาดๆ จะยอมละทิ้งโซฟา แล้วกลับขึ้นห้องพักผ่อน เขาต้องเปลืองน้ำลายตะล่อมกันแทบตาย

"น่าสมเพช" เขาเค้นเสียงหมิ่นแคลนกลั้วยิ้มเยาะหยัน "นึกว่าแน่ ก็เห็นว่าเก่งไปเสียหมด อย่างนี้ละวะไอ้พวกเศรษฐี สุขสบายมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยเจอละสิไอ้ความทุกข์ผืนใหญ่ๆ พอเจอเข้าสักครั้ง ก็ทำเหมือนโลกจะแตก แน่จริงก็ตายๆ ไปเสียอีกคนสิ"

ไม่หรอก มันไม่ใช่ความปรารถนาอีกแล้ว อคินกระดกเหล้าเข้าปากอย่างเจ็บปวด น้ำเมาคมกริบบาดระคายทั่วลำคอ พร้อมกับน้ำตาคับแค้นไหลร่วง เจ็บใจ น้อยใจ ขมขื่นใจ ที่พุธชมพูตอบโต้ความรักของเขาด้วยความตาย

มีแต่เขานี่ล่ะ ที่ทราบล้นทรวงว่า สุดที่รักจงใจใช้ทางออกสายนี้เพื่อแตกหักกับสงครามรักสามเส้า วูบหนึ่ง ก็อยากเกลียดเธอ เพราะใจเธอมันเด็ดเกินกว่าที่เขาจะหยั่งถึงและคะเนได้

"พุธ" เขาสะอื้นแล้วเงยขึ้นไปบนฟ้า "เราคิดถึงพุธ ทำไมพุธต้องรังเกียจความรักของเรามากมายขนาดนี้ ทำไมไม่ให้โอกาสเราได้พิสูจน์ก่อน เราไม่เชื่อหรอกว่าความรักของเราจะยิ่งใหญ่น้อยกว่าความรักของคุณดนัย"

เหล้าอีกแก้วถูกกลืนด้วยกิริยากระชากกระชั้นระคนอัดอั้น สีหน้าหนุ่มมุทะลุแลเครียดกึ่งดุร้าย ในแววตาฉายความอำมหิตลึก เพื่อสนองความคิดที่ผุดวาบกะทันหันทำนองว่า 'เผาบ้านมันให้วอดเสียเลยดีไหม'

"คอยดูนะพุธ อย่าให้เรารู้นะว่าไอ้บัดซบตัวไหนมันขโมยศพของพุธไป เราจะฆ่ามัน จะฝังมันทั้งเป็น ให้มันทรมานขาดอากาศไปทีละน้อยจนกว่าจะตาย เหมือนที่พุธค่อยๆ ตายเพราะเลือดไหลจนหมดตัว ทำไมพุธ ทำไมพุธทำอย่างนี้ ทำไมไม่รักเราบ้าง"

เสียงสะอื้นที่แผ่วในตอนแรก ค่อยทวีความเข้มหนักเมื่อล่วงเข้ายามดึก จนในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นฟูมฟายกลั้วรำพัน ใครมาฟังก็คงจับความไม่ถูก เหมือนที่ครั้งหนึ่ง ดนัยดลก็เคยตั้งใจฟัง แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้เพ้อเจ้อไปเรื่อยจนกระทั่งหลับ

แตกต่างกันก็ตรงที่คืนนี้ อคินไม่ยอมหลับง่ายๆ เขายังไม่เมา อนงค์บอกว่าเขาติดเหล้าและคอแข็งมาก มันก็คงจริงล่ะ เพราะหลายปีที่ผ่านไปพร้อมกับอกเดาะรักคุด เขาดื่มเหล้าถี่กว่าน้ำ จะติดอกติดใจบ้างก็ไม่ประหลาดแต่อย่างใด

แต่นี่แน่ะ เรื่องประหลาดมันกำลังเกิดขึ้นแล้ว และปรากฏวูบวาบเข้ามาในรัศมีสายตาของหนุ่มฟูมฟายเสียด้วย อคินวางแก้วกึก ทันทีที่แสงตาพร่าปะทะเข้ากับ 'เงา'

ร่างที่นั่งโงนเงนคล้ายจะเมาแหล่ไม่เมาแหล่ พลันขยับกระฉับกระเฉง แสงตาพร่าที่ว่าถูกปลุกเร้าจนกลับมาคมกล้าภายในเสี้ยวนาที หนุ่มหล่อบดกรามหวาดระแวง เพราะเงามันโผล่มาจากหลังบ้าน แล้วเคลื่อนวูบวาบหายเข้าไปในสวนด้านข้าง

เขาไม่รอช้ากับการกระโจนข้ามระเบียงเตี้ยลงมายืนมั่นคงบนพื้นกรวด ชั่งใจว่าจะตามเงาไปดี หรือจะลองเลี้ยวไปสำรวจสิ่งผิดปกติหลังบ้านก่อนดี

อึดใจเดียว อคินก็เลือกที่จะตามล่าเงาลึกลับ เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า สวนด้านข้างมันไปเชื่อมกับทางเข้าสวนฟากโน้น ลัดเลาะไปตามความมืดอีกสักเล็กน้อยก็จะเข้าถึงบ้านใหญ่

แล้วแวบนั้นล่ะ ที่เขาเกิดความห่วงใยความปลอดภัยของดนัยดลอย่างล้นเหลือ บางที เงาปริศนาอาจจะเป็นหัวขโมยที่ดอดไปฉกศพกลางวงล้อมของตำรวจ

"เอาเถอะ แกจะเก่งมาจากไหนก็ช่าง แต่ถ้าฉันจับตัวแกได้ ก็อย่าหวังเลยว่าแกจะตายด้วยน้ำมือตำรวจ ฉันนี่แหละ จะพิพากษาแกเอง แล้วถ้าบทลงโทษของฉัน มันไม่ทารุณสาแก่ใจแกละก็ อย่ามาเรียกฉันว่าอคินเชียว"

นี่คือด้านมืดอันตรายของอคิน มันแอบแฝงอยู่เบื้องหลังนิสัยเจ้าอารมณ์และมุทะลุ พุธชมพูเคยบอกกับสามีว่า เธอรู้จักตัวตนของเขา เธอบอกว่าเขาร้ายลึก และทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ปรารถนา

แต่เธอก็ไม่เห็นด้านมืดอันตรายของหนุ่มหล่อคนนี้อย่างลึกซึ้งถ่องแท้จริงๆ ได้เท่ากับนายกำพล ซึ่งเป็นบิดาของเธอเอง และเพราะเห็นนี่ล่ะ ชายขี้โรคสูงวัย จึงพยายามขัดขวางทุกวิถีทางไม่ให้บุตรสาวถลำลึกมอบชีวิตไว้บนอุ้งมือโหดลึกคู่นี้




'คุณพระ' อคินตาวาวในความมืด เมื่อพบว่าเงาเคลื่อนไหวปราดเปรียวอ้อมไปด้านหลังครัว จากฟากสวนที่เขาจดจ้องอยู่ มันก็ค่อนข้างไกล เขาคงตามไม่ทัน

แต่เดาว่า ถ้าอ้อมไปทางนั้น เป้าหมายก็ไม่น่าจะพ้นบุกรุกเข้าบ้านใหญ่ เขาน่าจะไปรอท่าในโถงมืด อย่างน้อยเขาก็คุ้นเคยทำเลมากกว่า อาจจะดักตะครุบตัวหลังเสาสักต้นก็ได้

ใคร่ครวญได้อย่างนี้ สองเท้าก็วิ่งตื๋อกรีดความมืดมาเลย เขาหอบเล็กน้อยตอนมาหยุดใต้ระเบียง สายตาคมกล้ากวาดไปรอบๆ หวังจะสำรวจหาสิ่งผิดปกติในความมืดให้เจอสักอย่าง ก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่เจอเลย แต่ก็ไม่เต็มร้อยหรอก เพราะมั่นใจอยู่แล้วว่า ต้องได้เจอข้างในแน่ๆ

'โอ้ ให้ตายสิ' เขาสบถกร้าวเมื่อพบว่าตนช้ากว่าเงาไปหลายก้าวเชียว มันน่าใจหายน้อยอยู่หรือที่เห็นผู้บุกรุกขึ้นไปปร๋ออยู่บนระเบียงชั้นบนแล้ว ทิศทางที่เลี้ยวก็เป็นตำแหน่งที่ตั้งวิมานรักของดนัยดลเสียด้วย

"ไอ้บัดซบเอ๊ย ถ้าคุณดนัยเป็นอะไรไป แกกับฉันรับรองว่าต้องไม่ได้อยู่ร่วมโลกกันแน่ๆ "

จากนั้นก็สบถด่าหยาบคายไปอีกหลายคำตามแบบฉบับหนุ่มดิบเถื่อนเร้นลึก สองขาเพรียวปราดยาวๆ กระโจนขึ้นบันได แต่มันพลาดที่จู่ๆ ก็มาสะดุดกับชั้นไม้ที่ตั้งประดับตามมุมตามซอก

"โอ๊ะ ไอ้เวรเอ๊ย"

อคินบดกรามเจ็บใจ คิดว่าเสียท่าไปอย่างน่าเสียดาย เพราะเสียงอุทานกับเสียงแจกันหล่นแตก มันส่งสัญญาณให้เงาเหลียวขวับกลับมา ทั้งที่มือก็แตะลูกบิดประตูได้แล้ว

"หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้"

เขาตวาดดุร้าย พลางถลันตามติด เมื่อเงารู้ตัวแล้วตัดใจทิ้งเป้าหมาย พลางผละหนีไปหมุนซ้ายหมุนขวาตรงทางแยกสุดทางเดิน จากนั้น ก็ตัดสินใจกระโดดข้ามระเบียงอย่างโลดโผน

"ไอ้สารเลวเอ๊ย"

อคินหยุดฝีเท้าที่ซอยพุ่งมาอย่างเร็วไม่ทัน หน้าท้องจึงกระแทกกับราวโปร่งเกือบจุก

เขาบดกรามและรัวกำปั้นทุบหนักหน่วงจนราวสั่น นึกเสียใจที่ในมือไม่มีปืน ทำให้เงาลึกลับที่ไหลลงไปตามกันสาดแล้วหล่นตุบลงบนเนินหญ้า หลบหนีไปได้อย่างลอยนวล และ 'ต่อหน้าต่อตา'

"ไอ้บัดซบ" ร่างสั่นเดินงุ่นง่านกระสับกระส่าย สองมือกำกุมกันเอง บีบกันแน่น บ้างก็สลับกับต่อยหมัดใส่ฝ่ามือชื้นเหงื่อ "แกนะ อย่าให้เจอนะเว้ย ไอ้สารเลว ไอ้บัดซบ"

และนี่ก็คืออคิน ในอีกหนึ่งอิริยาบถที่พุธชมพูเห็นจนชาชิน ในยามโกรธจัด หนุ่มอารมณ์ร้ายไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย

เขาจะงุ่นง่านคล้ายเสียสติ ใบหน้าหล่อเหลาสูญเสียความคมคายไปมากโข เพราะจะถูกแทนที่ด้วยริ้วรอยขึ้งเครียดวิตกกังวล เช่นเดียวกับเสียงทุ้มหวานที่เขามักใช้ออดอ้อนให้พุธชมพูใจอ่อน ก็จะแปรปรวนเดี๋ยวสั่นเบา เดี๋ยวก้องกร้าว

และอิริยาบถสุดท้ายที่ 'เงา' ในพงมืดลอบจับตาสังเกตและเห็นเต็มแสงวาวๆ ก็คือ หนุ่มอคินเผยความคลุ้มคลั่งด้วยการ 'ทึ้งผมจนหัวสั่นหัวเกร็ง'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 54 09:19:56




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com