15
เขมรัฐกับโขงนั่งคุยกันในครัว
บ้านเวลานี้มีกันแค่สองคนพ่อลูกเนื่องจากผู้เป็นย่ายังติดภารกิจดูแลความเรียบร้อยของร้านอาหารก่อนจะปิดทำการประจำวัน หลังอาหารคาวก็เป็นของหวาน ระหว่างนั้นทั้งสองกำลังง่วนกับการชื่นชมของขวัญ
ชายหนุ่มกางเสื้อเชิ้ตที่ได้รับจากลูกชายออกดู
“ชอบไหมพ่อ”
พ่อยิ้ม “ชอบสิ แกให้อะไรพ่อก็ชอบทั้งนั้นแหละ”
“มันต้องชอบมากเป็นพิเศษสิ เสื้อตัวนี้เจ๊เลือกให้เชียวนะ”
คนฟังยกคิ้ว “นั่นไง นึกอยู่ว่าลำพังแกคงคิดไม่ได้แน่...ใช้ลูกไม้แบบไหนล่ะ”
โขงยกนิ้ว “ผมได้แต้มนำแล้วนะ เอ๊ะ พ่อรู้ด้วยเหรอ”
“อย่างแกอ้าปากก็เห็นไปถึงลำไส้เล็กแล้ว”
เขมรัฐว่า กะด้วยสายตา ขนาดกำลังพอดี สีก็ดูไม่ทึบทึมหรือจัดจ้านเกินไป เรียกว่าถูกใจ เพียงแต่กำลังคิดถึงโอกาสที่จะได้ใส่ เพราะปกติเขาไม่ได้แต่งตัวเกินไปกว่าเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์
“นั่นแน่ พอบอกว่าเจ๊ซื้อให้เคลิ้มจนตาลอยเลยนะ ปีหน้าผมบอกให้เขาซื้อกางเกงในให้ดีไหม”
“พ่อจะบอกปูนิ่มว่าซื้อให้แกนั่นแหละ ทีนี้ก็ไม่ต้องเดือดร้อนย่าเลย ดีไหม”
“พ่อ!” อีกฝ่ายทำหน้าตื่น ยกนิ้วจ่อริมฝีปาก “เงียบเลยนะพ่อ ห้าม ๆ ให้เรื่องนี้รู้ถึงหูเจ๊เด็ดขาด ห้าม!”
“ฮ่าฮ่า วันหลังก็ไปซื้อเองได้แล้ว ไอ้ลูกหมา” เขมรัฐหัวเราะพลางลูบศีรษะลูกชายที่ทำหน้านิ่วคิ้วผูกโบว์
มีเสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์มาที่หน้าบ้าน บทสนทนาจึงหยุดลง โขงชะโงกหน้าทางหน้าต่าง
“อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น เจ๊มาแน่ะ”
เขมรัฐสงวนท่าที แต่สีหน้าแช่มชื่น เจ้าลูกชายสบตาพ่อ ทำทีกอดอก
“ในฐานะที่ผมได้ไปเดทมาก่อน ยกให้พ่อแล้วกันฟรีคิกลูกนี้”
เด็กชายยกคิ้วข้างเดียวให้ อีกฝ่ายอดไม่ได้ต้องโยกศีรษะด้วยความหมั่นไส้ บางทีก็นึกอยู่ว่าตัวเองเลี้ยงลูกเป็นเพื่อนมากเกินไปหรือเปล่า
ปุริมายืนหน้าตูม ในมือถือถุงกระดาษ พอเห็นเจ้าของบ้านออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าเกลื่อนยิ้มก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงยื่นถุงใบนั้นให้อย่างรวดเร็ว
เขมรัฐแก้กลับด้วยการไม่รับทันที
“คุณเขมรัฐ”
เขาเปิดยิ้ม “แหม อุตส่าห์มาหาทั้งที ใจคอจะแค่เอาถุงมาทิ่มหน้าผมเท่านี้น่ะเหรอ” ปุริมาพยายามทำเป็นไม่ได้ยินคำยั่วแหย่ “ไม่ได้อยากมา แต่เพราะว่าของนี้มันเป็นของคุณ ฉันเอามาคืน”
ชายหนุ่มเห็นว่ามันคือขนมจากร้านเดียวกันกับที่เพิ่งกิน เจ้าโขงไม่ได้บอกว่าเขาควรจะได้รับสองถุง คิดแล้วจึงรับมา ขณะเปิดตาก็จับจ้องคนให้ ซึ่งแทนที่เธอจะรีบผละออกไปก็ยังยืนอยู่ ราวกับอยากจะดูสีหน้าเมื่อเขารู้คำตอบของการมาเยือน
มุมปากยกนิดนึงเมื่อเห็นข้อความ
“ดีจังที่น้องนกให้ขนมมาสองถุง แล้วก็ดีจังเลยที่เจ้าโขงให้ถุงผิด”
ปุริมาผิดคาด ขมวดคิ้ว กระชากเสียง “ดีตรงไหนไม่ทราบ”
“ก็ดีตรงที่ทำให้คุณรีบมาหาผมเลยนี่ไง”
ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นจะลนลานแก้ตัวรักษาภาพลักษณ์ทำนองว่า เป็นเพียงข้อความที่ไม่แฝงความนัย แค่การล้อเล่นในมิตรภาพ แต่นายฟาร์มคนนี้ไม่เพียงจะปัดไม่ต้องเข้าตัวแล้ว ยังเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้ทันควัน
แน่นอน คนเสียคะแนนคือเธออีกแล้ว
หญิงสาวหน้าบึ้ง เชิดหน้าทำท่าจะเคลื่อนตัวออกไป
“แค่นี้เหรอ” อีกฝ่ายกรอกตา “โขงบอกว่าคุณซื้อของขวัญวันเกิดให้ผมด้วย ให้เลยสิ เอามาด้วยใช่ไหมล่ะ”
ให้ตายสิ!! จะรู้ทันไปถึงไหน
ปุริมาเดินลงส้นกลับไปที่รถ ฉวยเอาถุงที่อยู่ในตะกร้ามายื่นให้ด้วยกริยาที่ไม่ต่างกับครั้งแรก ตั้งใจว่าถ้าเขาไม่พูดอะไรก็จะฝากโขงให้พรุ่งนี้ตอนเย็น ทำทีว่าเพิ่งรู้ แต่ถูกอ่านออกแบบนี้เลยจำยอม
ผลของมันทำให้เจ้าของวันคล้ายวันเกิดยิ้มกริ่ม
“บอกก่อนนะ ฉันไม่ได้พิศวาสหวั่นไหวปลื้มใจอะไรทั้งสิ้น แค่เป็นการขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือ ถ้าไม่ใช่วันเกิดฉันก็คิดจะให้อยู่แล้ว อย่าเหมาเอาไปรวมกัน เข้าใจไหม”
“เข้าใจครับ”
ทำเสียงหนักแน่น แต่สีหน้าคิดไปถึงไหน ช่างเถอะ คนให้ผ่อนลมหายใจ อย่าพยายามต่อปากอะไรให้ยาวกว่านี้ ไม่งั้นจะเข้าตัว เธอเพิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ
“โขงอยู่ข้างในเหรอ”
“ถามหาจัง ติดใจอะไรลูกชายผมนักหนา”
โอ้ย! ทำเป็นหลอกให้เหยื่อตายใจ จะบ้า เธอสะบัดเสียงอีก “ทำไมชอบเฉไฉ ก็ปกติเห็นตัวติดกัน ฉันมาถึงบ้านแบบนี้น่าออกมาดาหน้าต้อนรับกันมากกว่า”
“แค่นี้คุณก็โดนหลอกหัวหมุนแล้ว มีโขงอยู่ด้วยรับรองพรุนจนอุดรูไม่อยู่แน่”
“นาย!”
“หรือจะว่าที่โขงส่งถุงขนมผิด”
ปุริมาอ้าปาก แล้วหุบ นับหนึ่งถึงร้อย ท่องบทสวดของนางสาวแสนดี รักสายลม แสงแดด แพปลา มาม่า ฉันรักโลกใบนี้!
“ไม่ได้ตำหนิ แค่ถามหา เขาบอกว่าวันนี้วันเกิดคุณ... โอเค ฉันเอาของมาให้เป็นอันจบ เชิญฉลองกันตามสบายค่ะ” ถ้าไม่ติดว่าจะเป็นการต่อล้อต่อเถียงไม่จบสิ้น หญิงสาวจะถอนสายบัวงาม ๆ ให้สักที แต่ชายหนุ่มมองหน้า
“ฉลองอะไร ไม่มีนี่”
คนฟังนิ่งงง แต่ชายหนุ่มตอบเอง “อ๋อ จัดงานวันเกิด บ้านผมไม่มีหรอก พอดีเพิ่งกินข้าวเสร็จ ก็ดูของขวัญแค่นั้นเอง แม่ก็ยังไม่กลับเลยนั่งคุยกัน” เขาพูดยิ้ม ๆ
ปุริมารู้สึกผิดคาดเล็กน้อย คิดว่านิสัยแบบเขาน่าจะชอบงานเลี้ยงสังสรรค์ ไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่ทำหน้า ‘เหรอ’
“ปกติตอนเช้าก็ทำบุญกันเท่านั้นแหละ”
“ธรรมะเหมือนกันนี่ นึกว่าทำเมียอย่างเดียว”
หลุดปากไปไวเกินกว่าจะยั้ง ยิ่งเห็นสีหน้าตึง ๆ ของชายหนุ่มยิ่งร้อนวูบวาบ ตายล่ะวา
“ฮึ่ย ปูนิ่มพูดไม่เพราะเลย ไหนว่าจะสอนโขง แบบนี้จะเป็นตัวอย่างให้เด็ก ๆ ได้ยังไงล่ะ”
ปุริมาหน้าแดง อีกตาคนตัวดำที่เธอค่อนขอดว่าหน้าตาเหมือนนายหัว ทำท่าราวกับผู้ใหญ่สอนเด็ก เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเสียหน้าจริงจัง
“ถึงจะไม่ใช่ครูแต่...”
“ขอโทษค่ะ!”
เธอแทรกเสียงแล้วรีบสาวเท้าออกมา หันกลับไปมองนิดหนึ่งด้วยความไม่แน่ใจ แต่รีบฉวยจังหวะที่ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัวถอยฉากออกมาดีกว่า ต้องเป็นฝ่ายจบบทสนทนาเสียเอง ต้องยอมแพ้อีกจนได้สิน่า
แต่ปุริมาก็ไม่ทันเห็นว่า แท้จริงแล้วมีแต่รอยยิ้มระบายบนหน้าเข้มของชายหนุ่มอย่างพึงใจ
วันนี้อากาศสดใส ปุริมากับคเชนทร์เลือกมากินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารในเมืองเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ และได้ใช้เวลาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันเรื่องงาน
“จะปีใหม่แล้ว แป๊บเดียวเอง เหมือนว่าปูนิ่มเพิ่งมาเมื่อวานนี้เองนะ”
“เร็วเหรอคะ”
“พ่อรู้สึกว่าเร็ว หนูไม่รู้สึกเหรอ ถ้างั้นก็แสดงว่างานไม่สนุกค่อนไปทางเบื่อล่ะสิ ถึงได้รู้สึกว่าเวลาเดินช้า”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ” ลูกสาวทำเสียงโอด “หนูว่าเวลามันก็เดินปกติ ไม่เห็นจะเร็วตรงไหน พ่อชอบว่าหนูก่อนที่หนูจะคิด”
คนเป็นพ่อยิ้มชอบใจ เห็นท่าทีลูกสาวกลับมากระเง้ากระงอดเป็นคนเดิมก็โล่งอก หวั่นเกรงว่าข่าวลือข่าวลอยทั้งหลายจะทำให้เธอพาลเบื่อหนีกลับไปใช้ชีวิตแสงสีในกรุงเทพเหมือนเดิม
“ไม่เบื่อ แล้วชอบไหม”
ปุริมามองเพดานทำท่านึก “อืม...ไม่รู้สิคะ ยังทำงานไม่ครบวงจรแผนงานเลย สักครึ่งปีค่อยมาถามกันใหม่แล้วกันค่ะ”
“จะรอถึงครึ่งปีทำไม เดี๋ยวเดือนหน้าพ่อจะให้หนูสอนภาษาอังกฤษแล้ว”
มือที่จิ้มทอดมันชะงัก มองหน้าบุพการีเหมือนเห็นผี “พ่อ...”
คเชนทร์ยกมือ “พ่อคิดไว้แล้ว เป็นภาษาอังกฤษเสริม ลักษณะเอาไปใช้จริง...
“แต่...”
“อย่าเพิ่งโวย อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ การได้ลองทำอะไรที่แตกต่างจะช่วยให้พัฒนาศักยภาพในตัวเองได้ งานห้องสมุดพ่อจะหาคนมาช่วย ระหว่างนี้ปูนิ่มลองศึกษาการสอน การวางแผนการสอน เดี๋ยวจะให้ชาร์คเป็นพี่เลี้ยง...”
คเชนทร์หยุดเมื่อเห็นลูกสาวหน้าคว่ำ จุดยิ้มอ่อนโยน
“พ่อมัดมือชกหนูนี่คะ”
เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะ “พ่อไม่ได้มัดมือชก แต่ถ้าเป็นคำสั่งในฐานะหัวหน้านี่คือสิ่งที่เหมาะสมแล้ว”
ปุริมานิ่งหลายนาที ครั้นแล้วก็ผ่อนลมหายใจ จริงดังว่า การดูแลหนังสือกับห้องสมุดเป็นงานลักษณะประจำวัน พอทำสักพักก็เบื่อเหมือนกัน แต่ถ้าเขียนแผนงานเตรียมโครงการก็ดูจะน้อยไปอีก โรงเรียนไม่ได้มีบุคลากรมากมาย การรับหน้าที่สองสามตำแหน่งในคนเดียวกันเป็นเรื่องธรรมดา
เธอเองก็ก้าวเข้ามาในเส้นทางนี้แล้ว
“เข้าใจค่ะ แต่ไม่บอกไม่กล่าว อยู่ดี ๆ ก็สั่ง ถ้าช็อคไปทำยังไงคะ อย่าบอกนะคะว่าจะเริ่มพรุ่งนี้เลย”
“ไม่หรอก อาจจะเป็นหลังปีใหม่ หรือกลาง ๆ เดือนมกรา”
“เฮ้อ” เธอถอนใจออกมาดัง ๆ
“ทำหน้าแบบนี้ต่อหน้าหัวหน้าไม่ได้นะ”
คนได้ตำแหน่ง ‘ลูกน้อง’ ทำปากยื่น “เหรอคะ หนูนึกว่าปูนิ่มเป็นเมียเด็กผอ.ซะอีก”
คเชนทร์นิ่ง ครั้นแล้วก็หลุดเสียงหัวเราะก๊าก พอรู้สึกตัวก็รีบสงวนท่าที เนื่องจากเห็นสายตาเป็นคำถาม
“พ่อน่ะ...เป็นห่วงมาตลอดว่าลูกพ่อจะรู้สึกกับเรื่องนี้ยังไง ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจ”
“สบายใจ ดูยังไงคะ หนูเคืองนะ”
เขาส่ายหน้า รอยยิ้มยังเกลื่อน “ไหนคราวก่อนยังว่าดีอยู่เลยที่ไม่ต้องมีใครมาจีบ”
คนฟังเคี้ยวทอดมันดุเดือด “พ่อว่าจะถามหนูเหมือนกัน อยากจะให้บอกอย่างเป็นทางการไหมว่าหนูเป็นลูกพ่อ คนจะได้เลิกพูดกัน รู้ว่าหนูก็ไม่ชอบ พ่อเองก็ไม่สบายใจ...”
ปุริมาฟังน้ำเสียงกับสีหน้าจริงจัง แต่กลับแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงของบิดาก็สงสาร นอกจากจะเรื่องงานก็ยังต้องมาดูแลเธออีก ในแววตาบ่งบอกว่าหวั่นเกรงเหลือเกินถ้าหากเธอไม่สามารถจะอยู่ที่นี่ได้ เขาจะต้องอยู่ลำพังอีกคราว
คนเป็นลูกจับมือแล้วยิ้ม
“ไม่เป็นไรค่ะ พ่อบอกหนูเองนี่คะว่าเรื่องแบบนี้มันมีกันทุกที่ ก็แค่คำพูด ความจริงก็ย่อมเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ ถ้าแค่นี้หนูทนไม่ได้ คงไปทำงานในที่ที่หนักกว่านี้ไม่ได้แน่ อีกอย่าง...” เธอเว้นวรรค
“เราจะได้รู้กันด้วยค่ะว่าใครเป็นยังไง ใครหูเบา ใครหน้าหนา ใครมีสติ”
เธอขยิบตาข้างหนึ่ง กริยาน่ารักทำให้คนเป็นพ่อหน้าบาน
“งั้นก็ไม่กลัวนะ ถ้าใครมาเห็นปุริมาจับมือสามีแก่แบบนี้”
ปุริมาหัวเราะชอบใจ บรรยากาศมื้อกลางวันสดใสและยินดี ลึกลงไปในความคิด ข้อดีประการหนึ่งที่เธอเลือกถือข้อสงสัยนี้เอาไว้ก็เพื่อเป็นอาวุธไว้ก่อน
อยากรู้เหมือนกันว่า พ่อหนุ่มหนังสือปกไม่สวยคนนั้น จะมีเนื้อหาด้านในเป็นสาระพอให้เสียเวลาอ่านสมราคาคุยหรือเปล่า
มีต่อค่ะ
จากคุณ |
:
BabyRed
|
เขียนเมื่อ |
:
7 พ.ย. 54 09:40:08
|
|
|
|