Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มนต์ไพร บทที่ 11 : สัตว์ร้ายในเงามืด ติดต่อทีมงาน

บทที่  11


“หัวหน้ามีเครื่องรางไว้ป้องกันตัวมาด้วยหรือเปล่า” พรานอ่องท่ายเอ่ยถามผู้อ่อนวัยกว่าหลังจากเดินเข้าไปเอาปืนลูกซองจากในเต็นท์ออกมาแล้วทรุดตัวลงนั่งลงข้างกองไฟข้างๆ กัน

ขณะนั้นไม่มีใครรู้สึกตัวตื่นและรับรู้ว่าทั้งสองคนพานพบกับอะไรมาบ้าง ร่างสองร่างนั่งอยู่ข้างกองไฟอย่างเงียบๆ รอบบริเวณสงบเงียบ บางคราวมีค้างคาวบินลอดกิ่งไม้ไปมาเป็นระยะ

“ผมไม่มีเครื่องรางของขลังอะไรหรอกครับ มีแต่พระองค์นี้เท่านั้น ได้มาสมัยไปออกค่ายแล้วพระท่านแจกก็เลยสวมตั้งแต่นั้นมา”

วนาสณฑ์ก้มลงแล้วดึงสายสร้อยหนังออกมาจับพระเครื่องสีดำแดงมาชูให้พรานนำทางดู ความเป็นผู้นำในการเดินทางครั้งนี้ทำให้ค่อนข้างหนักใจกับเรื่องที่เจอ สิ่งที่มองเห็นกลายเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้และไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไรถึงเห็นเช่นนั้น

“ผมมีสร้อย” ว่าแล้วพรานเฒ่าก็จับสร้อยถักจากเถาวัลย์ที่ห้อยด้วยเขาสัตว์สีขาวขุ่นครึ่งสายขึ้นมาดู “เอาไว้ป้องกันผีหรือสิ่งไม่ดีในป่ามาทำอันตราย ผมเข้าป่าหมอกดำแต่ก่อนก็ได้สร้อยนี้แหละ ขลังมากเลยนะ จะให้หัวหน้าก็ไม่ได้เพราะผมมีอยู่แค่อันเดียวเอง”

ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมมีพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณอยู่ในใจ เชื่อว่าจะป้องกันอันตรายทั้งปวงได้ สิ่งเลวร้ายคงไม่มีอำนาจเหนือคุณความดีงามหรอก”

หนุ่มอ่อนวัยกว่าบอกแล้วหย่อนพระเครื่องลงตามเดิม

“ก็ใช่นะครับ แต่สำหรับผมน่ะไม่มีไม่ได้หรอกเพราะสมัยเมื่อยังหนุ่มเคยเจอมาแล้ว ครั้งแรกๆ ที่เข้ามาล่าสัตว์ผีป่าอาถรรพ์เล่นงานจนแทบกลับออกจากป่าไม่ได้เหมือนกันขนาดว่ามีคาถาอาคมพอตัว แต่สงสัยว่าตอนนั้นจะไม่แก่กล้าเหมือนตอนนี้ก็ไม่รู้” พูดแล้วพรานอ่องท่ายก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูดต่อว่า

“ครั้งนั้นพอกลับไปบ้านได้ก็ต้องหาหมอผีมาขับไล่ของไม่ดีจากตัว หลังจากนั้นก็เลยไม่ประมาท ต้องหาของดีมาติดตัวอย่างน้อยเวลาเข้าป่าทุกครั้งต้องมีสร้อยนี้ไว้ป้องกันตัว ทำให้แคล้วคลาดทุกที”

ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มๆ ไพล่นึกไปถึงภาพโยดีอีกจนได้ ยังไม่ทันจะเอ่ยอะไร ก็หันไปให้ความสนใจกับร่างหนึ่งที่เปิดเต็นท์ออกมา

“จะไปไหนหรือจ่าขวด” เขาส่งเสียงถามไปเบาๆ เพราะเกรงว่าจะรบกวนคนที่นอนอยู่

“ไปฉี่ครับหัวหน้า”

ชายหนุ่มพยักหน้าส่ง “ถ้าไม่ได้ปล่อยระเบิดก็ไม่ต้องไปไกลนักล่ะ”

จ่าขวดยิ้มบางๆ ยกมือลูบหน้าลูบผม รับรู้ความหมายของป่าไม้หนุ่มว่าปล่อยระเบิดหมายถึงปลดทุกข์หนัก ก่อนจะเดินเข้าป่าไปด้านหนึ่ง

วนาสณฑ์เบนหน้าจากจ่าขวดแล้วหันกลับมาหาคู่สนทนา

“ผมขอบคุณมากนะพรานอ่องท่ายที่ออกมาทันทำให้ผมตื่นจากสิ่งลี้ลับจนไม่หลงละเมอและอาจถูกชักจูงไปทางไหนก็ไม่รู้ คืนนี้พรานอ่องท่ายไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องนำทางต่ออีก”

“สักครู่ก่อนครับ ขอดูดไอ้นี่แป๊บเดียว” ว่าแล้วก็ดึงถุงยาเส้นออกมาจากย่ามที่ติดตัวอยู่ตลอดเวลา หยิบกระดาษมามวนยาเส้นด้วยท่าทางครุ่นคิด พลันกระดาษก็หลุดจากมือเมื่อเสียงจ่าขวดร้องลั่นเหมือนเจออะไรน่ากลัวสุดขีด

“จ่าขวด !”

เจ้าของร่างสูงทะมัดทะแมงร้องออกมาและลุกพรวดขึ้นพร้อมกับคว้าปืนเอชเคติดมือมาด้วยแล้วออกวิ่งตรงไปยังทิศทางที่เห็นจ่าขวดเดินไปอย่างไม่รั้งรอ โดยมีร่างของพรานอ่องท่ายวิ่งตามไปพร้อมกับปืนลูกซอง เมื่อไปถึงจุดที่จ่าขวดอยู่ทั้งสองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเสือดำตัวใหญ่ยืนจังก้าแยกเขี้ยวขาวห่างจากจ่าขวดซึ่งนอนหงายยักแย่ยักยันอยู่ไม่ถึงห้าเมตร ลูกตาของมันแดงเหมือนลูกไฟ

“หัวหน้า...ช่วยผมด้วย”

“จ่าขวดหมอบลง”

ชายหนุ่มตะโกนบอกเสียงเฉียบขาด รอจนจ่าขวดกลิ้งหลบไปอีกทางและหมอบคุดคู้ป่าไม้หนุ่มก็ยกปืนขึ้นประทับแล้วเล็งก่อนจะยิงออกไป แต่ดูเหมือนว่ากระสุนจะไม่ส่งผลต่อสัตว์ร้ายเลยแม้แต่น้อย

“ต้องลองเอานี่ไปกินเลย” พรานอ่องท่ายว่าแล้วก็ยิงปืนลูกซองคู่ใจออกไป

แม้ปืนจะเก่า แต่เพราะอานุภาพใดก็สุดรู้ที่ทำให้ร่างของเสือดำผงะก่อนจะส่งเสียงร้องคำรามอย่างเจ็บปวดแล้วหมุนตัวกระโจนหายไปในความมืด

“โอย...โอย...หัวหน้า...พรานอ่อง...ช่วยด้วย...ผมลุกไม่ไหว”

เสียงของจ่าขวดพูดตะกุกตะกักแทบไม่เป็นภาษา

“เกิดอะไรขึ้น...ใครยิงอะไร” เสียงดิตถ์ร้องถามจากด้านหลังและวิ่งมาหยุดยืนอยู่ข้างเพื่อน พร้อมกับที่คนในคณะวิ่งหน้าเริ่ดตามมา

“พาจ่าขวดเข้าไปที่กองไฟกันเถอะ”

วนาสณฑ์บอกเสียงเครียด เมื่อจ่าขวดถูกพยุงไปแล้ว เขาก็หันไปมองในความมืดที่เสือดำหายไป แว่วได้ยินเสียงคำรามลอยมาเข้าหู

                                    ******************

“ผมไม่แน่ใจว่าเป็นอาถรรพ์ของป่าหรือว่ามนต์ดำของใครกันแน่”

“อาถรรพ์ ! มนต์ดำ !”

ดิตถ์ร้องขึ้นหลังจากพรานอ่องท่ายพูดจบไม่ถึงวินาที พรานเฒ่าพยักหน้าช้าๆ ในขณะที่หญิงสาวสองคนเบียดตัวเข้าหากัน วนาสณฑ์เหลือบตามองอย่างห่วงๆ เขาปรายตามองด็อกเตอร์อลันกับทิวา คนแรกนั้นยังมีท่าทีไม่เข้าใจเหตุการณ์นัก แต่รายหลังมีสีหน้าหวาดผวาอย่างเห็นได้ชัด

“ใช่ครับผู้กอง ไม่อย่างนั้นกระสุนของหัวหน้าสนต้องทำให้มันเลือดสาดและหนีไปตั้งแต่ทีแรกแล้ว ผมเห็นท่าไม่ดีก็เลยใช้กระสุนเสกอาคมยิงใส่มัน นั่นแหละมันถึงได้ร้องครางแล้วหนีไป”

“แล้วอาถรรพ์พวกนี้จะทำอันตรายพวกเราได้หรือเปล่าคะพรานอ่องท่าย” แม้จะกลัว แต่ความอยากรู้กับเรื่องลี้ลับทำให้ฝากฟ้าถามพรานอ่องท่ายออกไปด้วยเสียงสั่นๆ

“มีผมอยู่รับรองว่าปลอดภัย” พรานเฒ่าเริ่มคุยโว “แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับทุกคนด้วย ถ้าไม่แยกตัวจากคณะและทำตามที่ผมบอกก็จะปลอดภัย”

“พรานเพียงคนเดียวนี่นะจะดูแลพวกเราทุกคนได้ เฮอะ ! ผมไม่อยากจะเชื่อแล้ว ผมว่าถ้าขืนพวกเราเดินทางต่อไปต้องเกิดอันตรายขึ้นแน่” ทิวาโพล่งขึ้น สีหน้าเคร่งเครียด

“แล้วพี่ทิวาจะให้พี่สนพาทุกคนกลับอย่างนั้นหรือคะ”

ฝากฟ้าเอ่ยเสียงแข็ง เธอเหลือบมองด็อกเตอร์อลันอย่างไม่แน่ใจนัก แต่ในความคิดของเธอเชื่อว่าฝ่ายนั้นคงไม่ต้องการจะกลับทั้งที่งานเก็บข้อมูลกำลังไปได้ดี จากที่ได้พูดคุยกับด็อกเตอร์อลันทำให้รู้ว่าเพียงแค่เริ่มต้นก็มีพรรณไม้น่าสนใจจนไม่อยากรีรอที่จะเดินทางต่อไปเพื่อศึกษา และเมื่อเธออธิบายให้ฝ่ายนั้นอีกครั้งจึงได้รู้ว่าที่คิดไว้ไม่ผิดจริงๆ

“แล้วเราจะต้องเดินทางต่อไปทั้งที่มีอาถรรพ์อยู่มากมายรออยู่อย่างนี้หรือ เกิดเจอผีป่าซาตานหลอกจนจับไข้หัวโกร๋น หรือว่าอาถรรพ์ทำร้ายจนตายล่ะ ขนาดจ่าขวดยังเอาตัวแทบไม่รอดเลย”

ทิวายกโต้โดยการยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง มองไปทางจ่าขวดซึ่งนั่งค้นย่ามสีแดงของพรานอ่องท่ายโดยมีจ่าแก้วนั่งขนาบข้าง

“เจอเข้าไปเต็มๆ ขนาดนั้นยังอยากจะไปต่ออีกหรือเปล่าจ่าขวด” เขาถามเสียงเยาะ

“ผมน่ะยังไงก็ได้ครับคุณทิวา ถ้าด็อกเตอร์จะไปต่อผมก็ไปด้วยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ขอหาเครื่องรางก่อน...ขนาดพรานอ่องยังบุกลุยฝ่ามาหลายครั้งแล้ว ถ้าผมใจฝ่อก็อายพรานอ่องน่ะสิ” ว่าแล้วก็ค้นในถุงผ้าสีแดงเก่าคร่ำคร่าต่อไป อึดใจก็ยกสิ่งหนึ่งขึ้นร้องอย่างดีใจ

“นี่ไง”

“นั่นอะไรน่ะจ่า” วนาสณฑ์ถามพลางเขม้นมองของในมือจ่าขวด

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“โธ่เอ๊ย...แล้วก็ทำเป็นดีใจ” จ่าแก้วทำหน้าเซ็ง ในขณะที่มือยังไม่ละจากการค้นหาของในถุงผ้าอีกอันในมือ แล้วก็ร้องออกมาอย่างดีใจบ้าง

“นี่ไง !”

“อะไรเหรอครับจ่า” บิ๊กกระถดมาใกล้อย่างดีใจ เมื่อคิดว่าจะได้เครื่องรางบ้าง

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“โธ่...”

เสียงครางจากหลายคนดังขึ้นพร้อมกัน

“เลิกเล่นกันได้แล้ว ผมคิดว่าเราควรจะมาประชุมตกลงกันดีกว่าว่าจะเอายังไง” วนาสณฑ์หันไปทางฝากฟ้า

ฝากฟ้าหันไปอธิบายให้ด็อกเตอร์อลันเบาๆ เธอหันมาบอกชายหนุ่มว่า “ด็อกเตอร์บอกว่ายังต้องการจะเดินทางต่อไปเพื่อเก็บข้อมูล ส่วนเรื่องอื่นนั้นไว้ใจและปล่อยให้พรานอ่องท่ายกับพี่สนและพี่ผู้กองช่วยดูแลค่ะ”

นักพฤกษศาสตร์หนุ่มยืดตัวขึ้นหันขวับไปหารุ่นน้องมีท่าทีขัดใจและไม่เห็นด้วยอย่างเห็นได้ชัด

“น้องฝากได้บอกด็อกเตอร์หรือเปล่าว่าพวกเรากำลังเจอกับอะไร บางทีเราอาจกลับไปอย่างไม่ครบสามสิบสองประการก็ได้”

“พี่ทิวากำลังกังวลเกินไปหรือเปล่าคะ ขนาดพรานอ่องท่ายเข้าออกป่านี้หลายต่อหลายครั้งและกลับไปอย่างปลอดภัยทุกครั้ง ทำไมเราจะไม่ปลอดภัยล่ะคะ”

คำพูดของด็อกเตอร์อลัน ทำให้ความเชื่อมั่นและความกล้าซึ่งซ่อนอยู่ในตัวของฝากฟ้าเพิ่มขึ้นมา

“เพราะฝากมองโลกในแง่ดีเกินไปจนไม่ได้บอกด็อกเตอร์ถึงความน่ากลัวที่รออยู่น่ะสิ”

“ผมเชื่อใจพรานและหัวหน้าสน” ดอกเตอร์อลันพูดขึ้นพลางมองทิวาเหมือนตำหนิ

“ผมอยากเก็บข้อมูลให้ได้ตามแผนที่วางไว้ หลายๆ ที่ๆ ผมไปมันลำบากและอันตรายกว่านี้ ทั้งโรคร้ายและสัตว์ร้ายทางบกและน้ำ แต่ผมไม่เคยหวั่นเพราะความสุขของผมคือการเดินทางไปในที่แปลกใหม่และมีงานที่รักรออยู่ ผมคิดว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน”

“แต่...”

คำพูดของทิวากลืนหายลงลำคอลงไปเมื่อสายตาของทุกคนมองมาเป็นจุดเดียว หลากหลายความรู้สึกที่แสดงออกมาจากดวงตาเหล่านั้นไม่ได้แสดงออกถึงการตำหนิอย่างโจ่งแจ้งทั้งหมด แต่เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังเป็นจำเลยและไร้ซึ่งเสียงสนับสนุน

“ผมจะถือว่าคำพูดของด็อกเตอร์เป็นที่สุด และผม พรานอ่องท่ายและดิตถ์มีหน้าที่ทำตามเป้าหมายตามนั้น” วนาสณฑ์เอ่ยขึ้นด้วยเสียงราบเรียบแต่เด็ดขาดอยู่ในตัว

“ด็อกเตอร์พูดได้ใจอย่างนี้ ไปไหนไปกันอยู่แล้ว” แม้ไม่ได้เห็นเรื่องราวกับตัวเอง แต่ก็ทำให้หวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย แต่เพราะนิสัยอยากผจญภัยที่มีอยู่ในตัวทำให้ฝนทองยกกำปั้นชูประกอบคำพูด

ดิตถ์ยิ้มใส่ตาหญิงสาว แต่ได้รับการย่นจมูกใส่เป็นการตอบรับหมั่นไส้...ทำตาแพรวพราวยังกับหนุ่มน้อย ทั้งที่อายุตัวเอง ก็ไม่น้อย

ทิวาเม้มปาก ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยท่าทีที่อ่อนลงกว่าทีแรกมาก แต่ร่องรอยความรู้สึกต่อต้านยังมีหลงเหลืออยู่

“ผมเพียงแต่ห่วง โดยเฉพาะด็อกเตอร์เป็นผู้มีความรู้ความสามารถถ้าเป็นอะไรไปพวกเราจะโดนกันทุกคนว่าไม่มีการเตรียมพร้อมและศึกษาพื้นที่หรือข้อจำกัดให้ดีก่อน”

“ทำไมพี่ทิวาพูดแบบนั้นล่ะคะ พูดเหมือนว่าเป็นความผิดของเจ้าของพื้นที่เลย”

ฝนทองพูด ก็วนาสณฑ์เป็นรุ่นพี่เธอเรื่องอะไรที่จะปล่อยให้ใครมากล่าวหาทั้งที่เขาไม่ได้ผิดเลย จะว่าไปถ้าเป็นอาถรรพ์หรือมนต์ดำอย่างที่พรานอ่องท่ายพูดก็เป็นเรื่องเกินความคาดหมายหรือไม่มีใครคาดคิดว่าจะเจอ

“ใช่ ถ้าคุณคิดว่าเป็นความผิดของเจ้าของพื้นที่ คุณก็มีส่วนผิดเหมือนกันที่ไม่รู้จักศึกษาก่อนมาให้รู้แน่ไปเลยว่าอันตรายจะได้ไม่ต้องมากับเขา ปล่อยให้คนที่เขาอยากมาด้วยจริงๆ มายังไงล่ะ” นายทหารหนุ่มต่อให้ราวกับเห็นด้วยกับสาวป่าไม้อยู่ทุกกรณี

“ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากมา เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเจออาถรรพ์บ้าบอนี่ อีกหน่อยไม่รู้จะเจออะไรอีกบ้าง อาจเป็นเสือดาว เสือโคร่ง ช้างป่าของจริงก็ได้” เมื่อได้พูดก็วกเข้าเรื่องเดิมอีก น้ำเสียงเริ่มฉุนเฉียวอันเกิดจากความกลัวและระแวงภัย

“พี่ทิวาคะ เข้าป่าไม่ควรพูดถึงสัตว์ร้ายนะคะ” ฝากฟ้าโพล่งขึ้น

“ก็ได้ ก็ได้น้องฝาก” ทิวารีบบอกอย่างเสียไม่ได้

“เอาเถอะ ผมว่าเลิกพูดกันเรื่องนี้ดีกว่า ไหนๆ เราก็เคารพประชาธิปไตยกันอยู่แล้วนี่ อีกอย่างจ่าขวดจะได้พักผ่อนเสียทีเจอเรื่องระทึกมายิ่งพูดไปจะยิ่งนอนไม่หลับไปใหญ่” ดิตถ์ตัดบท

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปพักผ่อนกันเถอะครับ พรุ่งนี้จะได้ทำงานกันต่อ”

สิ้นประโยคของป่าไม้หนุ่ม ร่างของคนทั้งหมดก็เริ่มขยับเคลื่อนไหวลุกขึ้นและแยกย้ายกันไปที่เต็นท์ของตัวเอง ฝากฟ้าลุกขึ้นเป็นคนสุดท้ายเมื่อเก็บแก้วกาแฟที่วางระเกะระกะไปวางรวมกันที่พลาสติก

“ฝากฟ้า”

เสียงเรียกอ่อนเบาอ่อนโยนทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวไปยังเต็นท์ชะงักกึก

“คะ”

“กลัวไหม”

รอยยิ้มน้อยๆ คลี่ออกบนใบหน้านวล

“ถ้าบอกว่าไม่กลัว ไม่คิดมากก็คงผิดความจริงไปหน่อย แต่ฝากเชื่อว่าเรามาดีไม่ได้คิดร้ายใคร ทุกอย่างต้องดำเนินไปอย่างราบรื่นค่ะ”

“พี่ดีใจที่ฝากไม่ตื่นตกใจเหมือนทิวา”

เมื่อเห็นว่าตัวเองยืนค้ำหัวคุยกับผู้ใหญ่กว่าเธอจึงทรุดตัวลงนั่งบนผ้าพลาสติก ห่างจากชายหนุ่มไม่ถึงเมตร หลุบตามองปืนที่วางพาดตักของอีกฝ่ายอย่างไม่รู้จะวางสายตาไว้ตรงไหน

“พี่ทิวาเขาเป็นคนอย่างนั้นเองค่ะ บางครั้งก็ตื่นเกินเหตุ แต่เมื่อเป็นความคิดของคนส่วนใหญ่ฝากเชื่อว่าพี่ทิวาจะยอมรับและทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดค่ะ”

“ดูท่าจะเข้าใจกันดีนะ”

ฝากฟ้าเหลือบตามองคนพูดทันควัน บอกกับตัวเองว่าน้ำเสียงที่ได้ยินติดจะเยาะคล้ายจะประชดประชันอยู่ในที หากไม่เห็นอะไรนอกจากสีหน้าราบเรียบ แต่เขาก็ไม่ให้เธอค้นคว้าหรือวิเคราะห์ได้นานเมื่อเอ่ยมาอีกว่า

“ไปนอนพักผ่อนเถอะ มีอะไรเรียกพี่ได้ทุกเวลา ไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณนะคะที่อุทิศตนเป็นที่พึ่งของคนในคณะ แม้กระทั่งเป็นยาม วันต่อไปพี่ทิวาคงจะมาช่วยเป็นยามบ้างเหมือนกัน”

“อ้อ...กลัวคนอื่นจะว่าคนของเราหรือ”

“เอ๊ะ !” คนฟังชักจะสงบอารมณ์ไว้ไม่ค่อยมิด เมื่อชั่วเวลาที่พี่สนเรียกตัวเธอไว้คุยจะมีถ้อยประโยคที่ชวนให้คิดต่ออยู่เรื่อย

ทำไมจะจับน้ำเสียงตีรวนนั้นไม่ได้ แรกทีเดียวที่ได้ยินเธอไม่กล้าคิดอะไรมากมายเกินเลยไปนัก เพราะอาจารย์มธุรินที่แสดงออกว่าพึงพอใจกันอยู่ทำให้สรุปว่าอายุอานามขนาดนี้คนที่หมายตาก็คงไม่พ้นอาจารย์สาวสวย เป็นใครที่เจอก็คงคิดอย่างนั้น แต่เมื่อเธอได้ยินพี่สนพูดชวนให้คิดบ่อยเข้าจากที่คิดว่าเป็นการเย้าแหย่ก็ดูจะเกินไปในเมื่อระยะเวลาที่ได้พูดคุยก็เพียงสั้นๆ เท่านี้ เหตุผลกลใดที่พี่สนต้องพูดอย่างนี้ ที่น่าแปลกคือเขาพูดด้วยสีหน้าปกติไม่เหมือนพี่ชายพึงพูดกับน้องสาว มันเหมือนกับมีอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่แต่เธอบอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคืออะไรกันแน่

“ไปนอนเถอะ หรืออยากอยู่ยามเป็นเพื่อนพี่”

โอย...อะไรกัน...นี่พี่สนเป็นคนอย่างนี้เองหรือ จุดความรู้สึกคนให้ฟุ้งแล้วก็ผลักไส นี่ถ้าเธอจะลองเย้าเขาเรื่องอาจารย์มธุรินบ้างก็คงไม่เป็นไร

“จะไปนอนหลายครั้งแล้ว ใครกันล่ะคะที่เรียกไว้” ว่าแล้วก็หมุนตัวเดินแต่พอเดินได้ก้าวเดียวก็มีเสียงไล่หลังลอยมาเข้าอีก

“นอนหลับฝันดีนะ แต่คงไม่ต้องอวยพรให้ฝันถึงคนรู้ใจหรอกเพราะอยู่ใกล้กันแค่เต็นท์กั้นเท่านั้นเอง”

“พี่สนหมายถึงใครคะ”

“ไม่รู้สิ อยากให้เป็นใครก็นึกเอาเองก็แล้วกัน”

เอากับพี่ท่านสิ ยังไม่ได้เอาเรื่องกับคำพูดที่กล่าวหาว่าพี่ทิวาเป็น ‘คนของเธอ’ แต่เขาก็ยังต่อประเด็นมาได้เรื่อยๆ สิน่า...

“ความจริงถ้าพี่สนคิดถึงอาจารย์มธุรินล่ะก็...เวลาเงียบๆ อย่างนี้ก็นั่งคิดไปเลยค่ะ ไม่ต้องหาคนมาคุยด้วยหรอก แต่เอ...ก็น่าเห็นใจนะคะ ห่างกันหลายวันสัญญาณมือถือก็ไม่มี คงจะคิดถึงใจจะขาดรอนๆ”

ย้อนคืนเอาบ้างแล้วก็ไม่รีรอฟังอะไรอีกเธอรีบสาวเท้าไปยังเต็นท์ หารู้ไม่ว่าใบหน้าสีแทนที่ถูกแสงสว่างจากกองไฟจับจนกลายเป็นสีทองแดงนั้นแปรเปลี่ยนเป็นหน้าปั้นยากที่จิตรกรไหนก็ไม่อยากรับงาน

                                  *******************

จากคุณ : permanent stream
เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 54 07:05:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com