มนต์ไพร บทที่ 13 : ปะทะโขลงช้างป่า
|
 |
บทที่ 13
ฝากฟ้าตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย เธอบอกไม่ถูกว่าเป็นเพราะพื้นเอนกายไม่ใช่ที่นอนนุ่มนิ่มอันคุ้นเคยหรือเพราะอาการเหมือนหลับไม่สนิท แต่เธอก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมารับรู้สิ่งใดข้างนอก ความฝันที่วุ่นวายสับสนพาเธอท่องเรื่อยเปื่อยไปในสถานที่อันแปลกประหลาดและน่ากลัว ยิ่งหาทางหนีก็ดูเหมือนว่าจะวกวนและเหนื่อยล้า เธอไม่รู้ว่าฝนทองเป็นเหมือนกันบ้างหรือเปล่า เพราะฝ่ายนั้นยังนอนหลับอุตุอยู่ เมื่อดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าตีห้าครึ่งคงยังเช้าไปสำหรับการจะตื่นขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอะไร และตรงไหน
แต่เมื่อเปิดเต็นท์ออกมาเธอก็ต้องโล่งอกพร้อมกับกับคลี่ยิ้มโดยไม่รู้ตัว และแล้วภาพในฝันก็ชัดเจนขึ้นเมื่อจำได้ว่าคนที่พาเธอให้หลุดจากฝันร้ายคือคนที่นั่งอยู่ข้างกองไฟข้างๆ กับพรานนำทางนั่นเอง
ไม่มีใครตื่นขึ้นมาอีกนอกจากชายต่างวัยสองคนนั่นซึ่งดูเหมือนจะนั่งคุยกันเบาๆ
เหมือนกับมีตาหลังเมื่อเธอลุกขึ้นยืนเตรียมจะก้าวไปสมทบยังกองไฟชายอ่อนวัยในสองคนนั้นก็หันขวับกลับมา ประกายตายินดีปรากฏบนดวงหน้าเข้มคม เสียงเอ่ยถามทุ้มอ่อนโยน
ตื่นแล้วหรือ นอนหลับหรือเปล่า
หญิงสาวทำหน้าปั้นยาก ยกมือเสยผม เดินมาทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าบนพลาสติก ไม่รู้จะบอกคนถามอย่างไรดีเพราะใช่ว่าจะไม่หลับแต่ก็เหมือนไม่ได้หลับ แต่อีกฝ่ายก็ไม่รอคำตอบเมื่อถามต่ออีกว่า
คงจะแปลกที่ล่ะสิ
ก็มีบ้างค่ะ เธอตอบ แล้วพี่สนล่ะคะ ทำไมตื่นเช้าจัง ออกยามตอนตีสามไม่ใช่หรือคะ ความจริงตอนนี้น่าจะนอนพักผ่อนให้เต็มอิ่มมากกว่า
ใช่ แต่ก็ตื่นมาตอนตีห้า ตื่นแล้วเลยไม่รู้จะนอนต่อไปทำไม
หญิงสาวมองไปยังกองจานชาม ยิ้มเจ้าเล่ห์ งั้นก็ดีเลยค่ะ เพราะว่าจานยังไม่ได้ล้าง
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว มองตามสายตาอีกฝ่ายไปแล้วก็ตีหน้าซื่อตาใส ไม่รู้ไม่ชี้ หันไปหาพรานเฒ่าที่ดูดบุหรี่ปุ๋ยๆ
พรานอ่องท่าย น้องฝากฟ้าบอกว่าจานยังไม่ได้ล้างแน่ะ
แน้ ! ฝากฟ้าทำตาโต มองพรานเฒ่าอย่างลุแก่โทษ
ไปบอกพรานได้ยังไงกันคะ คนขี้เกียจก็อย่างนี้แหละ ชอบโบ๊ยให้คนอื่นอยู่เรื่อย
ว่าแล้วฝากฟ้าก็ลุกขึ้นตรงไปยังใต้โคนต้นยางนา สองมือเก็บรวบรวมจานกองกันไว้อย่างคล่องแคล่วอย่างรู้งาน แต่แล้วก็เหลือบไปเห็นมือหนึ่งหยิบถ้วยจานใส่ถุงพลาสติกใบโตที่มีน้ำยาล้างจานขวดเล็กกับฟองน้ำล้างจาน เธอหันไปมองเขาทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งขัน
จะล้างจริงหรือคะ
แม่บ้านสั่งมีหรือจะไม่ทำตาม ตอบหน้าตาเฉย ขืนไม่ทำสิ พ่อบ้าน เอ๊ย...ลูกบ้านเป็นได้อดแน่
ฝากฟ้าเม้มปาก ตีหน้าบึ้งใส่ เขม้นมองวงหน้าคมสันซึ่งกำลังก้มหน้าแต่เห็นได้ชัดว่ามีรอยยิ้มขัน ฝากไม่ได้ออกคำสั่งกับใครนะคะ โดยเฉพาะคนที่เป็นถึงหัวหน้าอุทยาน มิบังอาจหรอก เมื่อกี้ก็แค่พูดเล่นเฉยๆ เท่านั้นเอง
ไม่มีใครว่าหรอก หัวหน้าอุทยานก็คนเหมือนกัน ไม่ใช่เทวดามาจากไหนสักหน่อย ที่มานี่ก็กินข้าวด้วยกันทำไมจะช่วยล้างจานไม่ได้ ไปกันเถอะ
ว่าแล้วก็จับแขนฝากฟ้ารั้งให้ลุกขึ้นยืนโดยถือถุงพลาสติกใส่จานไปด้วย ชายเสื้อที่เลิกขึ้นทำให้หญิงสาวมองเห็นปืนสั้นเหน็บอยู่ตรงเอว เรือนร่างเขาสูงกว่าเธอเกือบฟุตกับอาวุธที่เจ้าตัวเตรียมพร้อมสร้างความอุ่นใจและมั่นคงให้อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน มืออุ่นๆ เช่นนี้สร้างความคุ้นเคยอย่างไม่น่าเชื่อ
แม้ฟ้าจะเริ่มสางจนสามารถเดินได้โดยไม่ต้องอาศัยแสงไฟจากไฟฉายแล้ว แต่คนเดินเยื้องไปข้างหลังนิดหนึ่งดูจะห่วงใยคนเดินข้างหน้าจนเกินเหตุ เมื่อคอยแต่จะส่องไฟฉายลงบนพื้นดินชื้นไปด้วยน้ำฝนที่เธอเหยียบย่ำไปพร้อมกับส่งเสียงเตือนเป็นระยะทั้งที่คนถูกห่วงก็ไม่ได้มีอะไรติดไม้ติดมือให้พะรุงพะรังเลยด้วยซ้ำ
เดินดีๆ ล่ะ เดี๋ยวสะดุดเถาวัลย์ล้ม
สะดุดเถาวัลย์ล้มอยู่ หรือสะดุดเถาวัลย์แล้วคนล้มคะ ฝากฟ้าย้อนถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
กวนคนอื่นก็เป็นด้วย วนาสณฑ์ทำเสียงหมั่นเขี้ยว
ก็ไม่ได้กวนคนอื่นคนไกลนี่คะ กวนพี่ชายตัวเองแท้ๆ
ชายหนุ่มไพล่ไปถึงใครอีกคนแล้วเอ่ยถามเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกความรู้สึก แล้วเคยกวนนายทิวาอย่างนี้บ้างหรือเปล่า
ถามทำไมคะ คนถูกถามหันหน้ามาหวังจะจับสังเกตสีหน้าแต่ก็ต้องร้องอุทานออกมาเมื่อเจ็บแปลบที่ดวงตาข้างซ้ายจนเผลอครางออกมา
อูย...
เป็นอะไรไปฝากฟ้า ชายหนุ่มถามเสียงตกอกตกใจ
ไม่รู้เหมือนกันค่ะ สงสัยแมลงจะเข้าตา เจ็บจัง เหมือนก้อนหินเลย อุ๊...มันดิ้นด้วย
ใจเย็นๆ เดี๋ยวพี่จะพาไปที่ริมลำธาร ขอพี่ล้างมือก่อน อดทนไว้นะ อย่าขยี้สิ
เขาดุในตอนท้ายขณะจับมือคนที่หลับตาปี๋สีหน้าเหยเกพาออกเดิน แต่เมื่อเห็นว่าขืนปล่อยให้เดินอย่างนี้ต่อไปเป็นได้หกล้มเป็นเรื่องไปอีก จึงเลื่อนมือไปโอบเอวแล้วรั้งให้ออกเดินไปด้วยกัน
เจ็บ คนอ่อนวัยกว่าครางน่าสงสาร น้ำตารื้นออกมา
ถึงแล้ว ชายหนุ่มปลอบประโลม รอตรงนี้ก่อน อย่าเพิ่งทำอะไร
เขากำชับแล้ววางถุงพลาสติกลงบนก้อนหินริมน้ำ จากนั้นก็รีบล้างมือตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลุกขึ้นยืนตรงหน้าฝากฟ้า ใช้นิ้วแตะตรงหางตาขาวเนียนเบาๆ แล้วค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น
โอ๊ย ! ฝากฟ้ากะพริบตาพร้อมกับอุทานจนมือสีแทนปล่อยออกมา
เจ็บมากไหม
มันยิ่งดิ้นไปมาค่ะ
เดี๋ยวเถอะเจ้าตัวนี้ เอาออกมาได้เมื่อไหร่จะเอาให้แหลกคามือ
แม้จะเจ็บแต่เมื่อเจอประโยคราวกับจะฝากไว้ก่อนกับแมลงตัวเล็กๆ ฝากฟ้าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะทั้งน้ำตา
ยังจะหัวเราะได้อีก
ก็พี่สนพูดเหมือนมันเข้าตาพี่สนเองนี่คะ
มันเข้าตาฝากก็ยิ่งกว่าเข้าตาพี่อีก อยู่นิ่งๆ นะ นั่นไงเจอแล้ว...เอาไงดีล่ะ...ไม่มีอะไรจะเขี่ยด้วยสิ ตอนท้ายพูดเหมือนรำพึงกับตัวเอง และนิ่งไปชั่วอึดใจ ตัดสินใจว่าจะเอายังไงดี สุดท้ายก็ถามเสียงเบาอย่างไม่แน่ใจนักว่า
เสื้อของฝากได้หรือเปล่า ได้ไหม
โธ่...แล้วจะเอาไปเขี่ยยังไงล่ะคะ
วนาสณฑ์ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่เอามือกรีดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างแผ่วเบา ก็ถูกอย่างเธอว่า จะให้ใช้เสื้อของคนที่ถูกแมลงเข้าตาแล้วเช็ดตาเธอเองคงทุลักทุเลน่าดู
มีผ้าเช็ดหน้าไหมล่ะ เดี๋ยวพี่จะเดินกลับไปเอา หรือว่าจะกลับไปเอาด้วยกันถ้าไม่กล้าอยู่ ฝากฟ้าอึกอักอยู่ชั่วครู่สุดท้ายก็ตัดสินใจ
เสื้อพี่สนก็ได้ค่ะ คงจะไม่สกปรกจนถึงขั้นติดเชื้อจนตาบอดหรอกมั้งคะ อีกอย่างฝากพกยาหยอดตามาด้วยกลับไปค่อยไปหยอดตาฆ่าเชื้อ แต่จะให้เดินกลับไปคงไม่ไหวค่ะ ปวดเหลือเกิน เมื่อจนปัญญาจึงแนะนำออกไป เพราะถ้าเอาเสื้อของตัวเองก็คงไม่สะดวก
เอางั้นหรือ
ถามอย่างชั่งใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าวนาสณฑ์จึงถอดเสื้อออกอย่างรวดเร็ว แล้วใช้ส่วนตรงบริเวณอกเสื้อม้วนให้แหลมจากนั้นค่อยๆ เปิดเปลือกตาเธอขึ้น แสงสว่างยามเช้าทำให้ไม่เป็นอุปสรรคนัก
เจ็บหน่อยนะ เขาเตือนเบาๆ
ฝากฟ้ารู้สึกถึงลมหายใจที่รินรดข้างแก้ม มือใหญ่ที่ประคองแก้มเธอไว้กดลงมายามที่เจ้าของมือก้มหน้าชิดดวงหน้าเธอจนเผลอมองจมูกโด่งเป็นสันสวย แต่แล้ว...
โอ๊ย
วนาสณฑ์สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงอุทาน ขอโทษทีที่ทำให้เจ็บ แต่มันออกแล้วแหละ
ฝากฟ้ากรีดน้ำตาออกจากหางตาแล้วถอนใจอย่างโล่งอก และทันได้เห็นแผงอกแข็งแกร่งของคนที่กำลังใช้มือบี้สิ่งเล็กๆ ในมือราวกับเป็นตัวร้ายที่ต้องทำลายให้สิ้นซาก แต่พอเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องหน้าร้อนเมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนกับดวงตาคมปลาบที่มองอยู่ก่อนแล้ว เธอจึงหมุนตัวไปทรุดตัวนั่งลงบนก้อนหินแล้วเริ่มต้นเอาเศษอาหารออกจากจานชาม
มา...พี่ช่วย
คนพูดเทน้ำยาล้างจานลงบนฟองน้ำแล้วหยิบจานไปล้างอย่างคล่องแคล่ว จนคนที่เทเศษอาหารอดยิ้มไม่ได้
ท่าทางเหมือนจะทำบ่อย...สงสัยเคยอยู่คนเดียวจนชิน
มองอะไรหรือ
ฝากฟ้าก้มหน้าลงทำงานต่อ ใบหน้ามีรอยยิ้มขำ เปล่าหรอกค่ะ เพียงแต่สงสัยว่าพี่สนคงถูกใครใช้ให้ล้างจานบ่อยหรือเปล่าคะถึงได้ดูคล่องจัง
เผื่อไว้เวลาได้เมียดุไง ชายหนุ่มตอบเสียงกลั้วหัวเราะ
เกี่ยวอะไรกับเมียดุด้วยคะ หญิงสาวทำหน้าพิกล
อ้าว...ก็ถ้าได้เมียดุ เขาบอกให้ทำอะไรก็ต้องทำ ให้ล้างจานก็ต้องล้าง ให้ซักผ้าก็ต้องซัก
ถ้าอย่างนั้นได้เมียดุก็ดีน่ะสิคะ จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้านกัน...ดีออก ทุกวันนี้จะให้ผู้หญิงทำทุกอย่างคนเดียวไม่ไหวหรอกนะคะ
ถ้าเรารักต่อให้ดุแค่ไหนก็ยอมทั้งนั้นแหละ
สายตาคนพูดจ้องนิ่งที่เธอ แถมยังหยุดชะงักการล้างจานไว้ก่อนราวกับจะสื่อความนัยบางอย่างทำให้ฝากฟ้าเสก้มลงหยิบจานที่เขาล้างด้วยน้ำยาแล้วจุ่มลงไปในน้ำใช้มือลูบไปมา พูดลอยๆ
แต่ดูท่าทางอาจารย์แป้งคงไม่ดุมั้งคะ
เกี่ยวอะไรกับคุณแป้ง วนาสณฑ์ถามกลับแบบไม่ทันคิด
ก็อาจารย์แป้งจะเป็นลูกสะใภ้ในอนาคตของคุณลุงพันรบไม่ใช่หรือคะ
ใครบอกกัน รู้มาจากไหน ชายหนุ่มย้อนถามเสียงคาดคั้น สีหน้าบ่งบอกว่าหมั่นไส้คนรู้ดีนัก
เดาเอาค่ะ
อ้อ...เป็นคนชอบเดาว่างั้นเถอะ
ดวงหน้านวลเงยขวับ เปล่าสักหน่อย
แล้วทำไมต้องมาเดาเรื่องของพี่กับคุณแป้งด้วยล่ะ ถ้าไม่ชอบเดาล่ะก็ หรือว่าคิดอะไรอยู่ข้างใน
ก็บอกว่าเปล่านี่คะ เดาแค่นี้ก็ไม่ได้
พี่ไม่ชอบให้ใครมาเดาสุ่มเรื่องของพี่ โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ใครจะมารู้ใจพี่ดีกว่าตัวเอง ถ้าอยากรู้นักทำไมไม่ถามล่ะว่าใครที่พี่คิดอยากให้มาเป็นลูกสะใภ้ของพ่อ
คนถูกดุก้มหน้าลงล้างถุงพลาสติกแล้วรวบรวมจานที่ล้างเรียบร้อยใส่ลงไป ในป่าจะเอาความสะอาดอะไรมากมายนักหนา ใครที่เคยเข้าป่าบ่อยคงรู้ดีว่าการทำอะไรให้ง่ายเข้าไว้เป็นดีที่สุด ฝากฟ้าก็เป็นคนหนึ่งที่เข้าใจในการดำรงชีวิตในป่า แต่ที่เธอไม่เข้าใจคือทำไมเขาต้องทำเสียงคล้ายไม่พอใจ
ว่าไงล่ะ ไม่อยากรู้หรือว่าพี่อยากให้ใครมาเป็นสะใภ้ลุงพันรบของฝาก เขายังถามมาอีก
ถ้าฝากฟ้ามองดวงตาของวนาสณฑ์ก็จะเห็นประกายตาอ่อนหวานที่ทอดนิ่งยังดวงหน้าของเธอ
ไม่อยากรู้ค่ะ เอาไว้จะแต่งวันไหนเดี๋ยวก็รู้เอง...ไปกันเถอะค่ะ จะได้ไปทำกับข้าวกัน ป่านนี้คนอื่นคงตื่นกันหมดแล้ว เราจะได้ออกเดินทางไปทำงานกันแต่เช้า
มือใหญ่ยื่นมาแย่งเอาถุงพลาสติกไปถือเอง มานี่พี่ถือเอง
ฝากฟ้าไม่พูดอะไรอีก เมื่อเดินนำหน้าเขาไป หากในใจกำลังนึกเคืองนิดๆ ว่าทำไมพี่สนจะต้องทู่ซี้กับเรื่องสะใภ้ของลุงพันเดชนัก ไม่ได้เกี่ยวด้วยเสียหน่อย ถามอยู่ได้
เมื่อไปถึงที่พักแรมก็เห็นว่าทุกคนตื่นกันหมดแล้ว บางส่วนกำลังเก็บเต็นท์ ทิวาปราดเข้ามาหาฝากฟ้าทันที
ฝากไปไหนมาแต่เช้า ทำไมไม่ปลุกพี่
ฝากไปล้างจานค่ะพี่ทิวา เธอตอบก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางกองไฟที่มีดิตถ์นั่งอยู่
วันนี้พี่ผู้กองเป็นพ่อครัวหรือคะ
ใช่แล้ว จะโชว์ฝีมือหน่อย อีกอย่างเมื่อคืนไม่ได้ช่วยนายสนเข้าเวรเลยต้องทำหน้าที่อย่างอื่นไปก่อน คืนนี้ค่อยว่ากันใหม่ ไม่อยากเอาเปรียบคนอื่น มาด้วยกันก็ต้องช่วยกันในป่าไม่มีใครเป็นเจ้านายเป็นลูกน้องหรอก ถ้ามัวแต่คิดอย่างนั้นก็คงพาทำเอาคณะลำบากหรือแย่ไปด้วย พูดแล้วผู้กองดิตถ์ก็ปรายตาไปยังชายอีกคนที่เดินเข้ามาสมทบด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
ต้มน้ำร้อนหรือยังครับผู้กอง ผมขอชงกาแฟหน่อย ทิวาเอ่ยขึ้น
โน่น...หม้อสนามอยู่ตรงโน้น หรือจะเอากระบอกไม้ไผ่ก็ได้ มีดวางอยู่ตรงโน้นเคยใช้มีดฟันไม้ไผ่หรือเปล่า เอาน้ำใส่เข้าไปแล้วก็สอดใส่ไม้วางตรงนี้ หรือจะวางข้างกองไฟก็ได้ รอเวลาสักหน่อยพอมันเดือดก็ชงเอาเองคงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าชงกาแฟยังไง แต่ถ้าจะให้ผมต้มน้ำให้ล่ะก็เสียใจด้วย ผมไม่ว่างทำให้ใครเพราะผมจะหุงข้าวและทำอาหารเช้า
ทิวาหน้าตึง ผมก็แค่ถาม
ผมก็บอกไปแล้วว่าต้องทำอะไรเพื่อให้ได้น้ำร้อน
ขอน้ำร้อนหน่อยไอ้ผู้กอง จะชงกาแฟ เสียงของใครคนหนึ่งดังขัดจังหวะขึ้นตามด้วยร่างเจ้าของเสียงทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างพร้อมกับวางกระบอกไม้ไผ่ที่มีซองผงกาแฟทรีอินวันอยู่ในนั้น
รอน้ำร้อนของคุณทิวาก็แล้วกัน
ทิวามองคนพูดอย่างไม่ชอบใจ แต่กระนั้นก็ยังหันไปถามฝากฟ้าอย่างมีน้ำใจ ฝากจะเอากาแฟไหม พี่จะต้มน้ำเผื่อ
ไม่ล่ะค่ะ แต่เดี๋ยวฝากจะไปถามด็อกเตอร์อลันก่อนนะคะว่าจะดื่มไหม พูดแล้วก็ลุกขึ้นเดินจากไป
เอาวางตรงไหนล่ะ ทิวาถามอย่างเสียไม่ได้
ดิตถ์บุ้ยปากส่งๆ ไปยังกองไฟ เขี่ยไฟออกมาแล้วก็วางลงไป หรือจะเอามือถือหม้อสนามเหนือกองไฟก็ได้ร้อนเร็วดีด้วย
พูดจบก็เลยได้รับศอกของเพื่อนเป็นการปราม
ทิวาได้แต่เม้มปาก เมื่อเห็นว่าพึ่งใครไม่ได้จึงใช้ไม้เขี่ยถ่านออกมาจนควันโขมงถึงขนาดต้องเอามือโบกไปมาพลางทำหน้ามุ่ย พอเอาหม้อสนามวางลงบนถ่านร้อนๆ ก็ร้องออกมาเมื่อไอร้อนของไฟลวกมือพร้อมกับสะบัดมือเร่าๆ
ดิตถ์มองด้วยสีหน้าสมน้ำหน้า ในขณะที่ผู้เป็นเพื่อนมองด้วยสีหน้าสมเพช
***************
หลังจากอาหารมื้อเช้าผ่านไปด้วยฝีมือของดิตถ์กับจ่าขวดโดยมีพิทักษ์ป่าบิ๊กกับเบ้งเป็นผู้ช่วยกุ๊ก คณะเก็บข้อมูลพรรณไม้ทั้งหมดก็เก็บข้าวของบรรจุใส่เป้สนามแล้วออกเดินทางเริ่มการทำงานอีกครั้ง ด็อกเตอร์อลันดูจะไม่คำนึงถึงอะไรนอกจากการเก็บข้อมูล ในขณะที่ทีมงานนักพฤกษศาสตร์ที่มาจากกรุงเทพฯ ก็กระตือรือร้นไม่แพ้กันเมื่อเริ่มการทำงานอีกครั้ง
วันนี้จะไม่ออกไปสำรวจป่าหรือสน
ดิตถ์ถามเพื่อนขึ้นเมื่อเห็นว่างานหลักกำลังดำเนินไปอย่างเชื่องช้า เพราะมีพรรณไม้แปลกๆ มากขึ้น ทั้งสองคนยืนห่างจากกลุ่มคนที่ทำงานอยู่พอสมควร ในมือข้างซ้ายของวนาสณฑ์มีแผนที่ภูมิประเทศอยู่ในมือในขณะที่มือขวาจับดินสอและกำลังทำเครื่องหมายจุดพิกัดลงไป
คงต้องพับเก็บไว้ก่อน เพราะฉันยังไม่วางใจเรื่องอาถรรพ์ประหลาด กับสัตว์ร้ายที่เจอ ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของคนในคณะทุกคน ตอบทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่กับแผนที่
งั้นเราก็ต้องเป็นบอดี้การ์ดไปตลอดการเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืนน่ะสิ ดิตถ์ถาม
คงต้องเป็นอย่างนั้น แต่ถ้านายอยากจะทำหน้าที่นอกเหนือจากนี้ก็ได้นะ เป็นผู้ช่วยน้องฝนเก็บข้อมูลไง เห็นชอบพูดชอบคุยกับน้องเขาไม่ใช่เหรอ วนาสณฑ์เย้า
รุ่นน้องนายนี่ดูท่าจะอุดมการณ์ไม่แพ้นายเหมือนกันนะ เพียงแต่คนละเรื่องเท่านั้นเอง
อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นพลางเลิกคิ้ว ทำไมหรือ
ก็...นายอุดมการณ์ในแนวอนุรักษ์เต็มเปี่ยม ในขณะที่รายโน้น ดิตถ์บุ้ยปากไปทางคนที่กำลังง่วนกับการจำแนกชนิดพรรณไม้กับด็อกเตอร์อลันและฝากฟ้า โดยไม่รู้ว่ามีใครกำลังพูดถึงอยู่ รักสายงานอาชีพของตัวเองไม่แพ้กัน ใครมาวิจารณ์และเห็นแตกต่างจากความคิด เจ้าหล่อนดูจะไม่ชอบใจ
นายวิจารณ์เรื่องอะไรล่ะ ป่าไม้หนุ่มถามเรื่อยๆ
ฉันก็แค่บอกว่างานวิจัยป่าไม้ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์เท่ากับงานวิจัยด้านอื่น
วนาสณฑ์พยักหน้า ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาพอจะรู้และเห็นด้วยกับดิตถ์แม้จะไม่ทั้งหมด แต่ก็พอจะเข้าใจว่าบางสายงานก็มีจุดบอด
นายก็คงจะกวนน้องเขาด้วยล่ะสิ หนุ่มป่าไม้บอกด้วยน้ำเสียงรู้ทันพลางพับแผนที่เป็นแผ่นเล็กๆ แล้วเสียบใส่กระเป๋า ดึงกระบอกปืนเอชเคมาอยู่ด้านหน้าลำตัว
เปล่าเลย ดิตถ์รีบบอกเสียงสูง
ชอบเขาก็เลยแหย่ล่ะไม่ว่า
เมื่อถูกตอกกลับมาดิตถ์เลยทำหน้ากึ่งขำกึ่งบึ้ง ก่อนจะหันไปมองจ่าขวดที่มีสีหน้าตาตื่นเดินเร็วๆ ตรงมาหา ในขณะที่พรานอ่องท่ายก็เดินมาจากอีกทางหนึ่งเข้ามาพร้อมกัน
มีอะไรหรือจ่าขวด พรานอ่องท่าย
พรานอ่องได้ยินเหมือนผมหรือเปล่า แทนที่จะตอบคำถามของวนาสณฑ์จ่าขวดกลับหันไปถามพรานเฒ่าที่มาหยุดยืนข้างกัน
ได้ยินครับจ่า พรานนำทางตอบทันที
แล้วมันคือเสียงอะไร จ่าขวดย้อนถาม
ช้าง
หา! ช้าง! จ่าขวดสะดุ้งโหยง พลอยทำเอาคนที่กำลังทำงานอยู่อย่างตั้งใจหันขวับมาพร้อมกัน ยกเว้น ทิวาที่หายไป ไม่ได้อยู่ตรงนั้น
ช้างเหรอ ตรงไหน ดิตถ์ถามเสียงร้อนรน พร้อมกับกระชับลำกล้องปืนเอชเคโดยไม่รู้ตัว
จริงเหรอ มีกี่ตัว มีลูกด้วยหรือเปล่า วนาสณฑ์ถามต่อเสียงรัวเร็ว
ผมไม่รู้ ยังไม่เห็นตัว เฮ่ย! หยุดก่อน...นั่นไง ร่างผอมตัวเกร็งตรง ยกมือขึ้น สีหน้าเคร่งเครียด วนาสณฑ์กับดิตถ์รวมทั้งจ่าขวดพลอยนิ่งขึงไปด้วย
ความเงียบสงบภายในป่า บัดนี้ถูกทำลายลงด้วยเสียงกิ่งไม้ป่าของป่าดิบแล้งหักต่อเนื่องกันมาไม่หยุด และแล้วต้นเหตุก็ปรากฏแก่สายตาของทุกคน ร่างใหญ่โตของช้างหลายขนาดเดินตรงมายังทิศทางด้านที่คนยืนอยู่ ต้นไม้ใหญ่น้อยหักล้มมาเป็นทาง
ตายห่า... จ่าขวดครางออกมา หน้าซีดเผือด มาเป็นโขลงเลย...จะรอดไหมเนี่ย
มือหนึ่งตบปุลงบนไหล่หนา ตามด้วยเสียงห้าวดุของดิตถ์ ถ้าไม่รอดก็เพราะปากนี่แหละจ่า
บอกทุกคนให้ขยับมารวมตัวกัน และอยู่เงียบๆ ไว้ หนุ่มป่าไม้เตือนเสียงต่ำ ใช้มือดันร่างของจ่าขวดที่ยังยืนตัวแข็งให้หลบไปยังต้นไม้ใหญ่
คำเตือนของชายหนุ่มช้าไปเสียแล้ว
เฮ้ย ช้าง ! ช่วยด้วย
ทิวาซึ่งโผล่มาจากป่าทางใดก็สุดรู้ตะโกนลั่นขึ้นมาอย่างตกใจและขวัญเสียพร้อมกับวิ่งตะลีตะลานมารวมกลุ่มกับเพื่อน
เฮ่ย...มันมาทางนี้แล้ว
ความโกลาหลเกิดขึ้นเมื่อลูกช้างซึ่งตอนแรกเดินนำหน้าแม่อยู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาหากลุ่มคน แม่ช้างกับตัวอื่นๆ จึงวิ่งตามมาอย่างรวดเร็วเพราะห่วงลูก สัญชาตญาณของสัตว์ป่าที่เป็นแม่ก็คงไม่ต่างกับคนเมื่อหวั่นเกรงว่าลูกอาจเกิดอันตราย เสียงไม้หักทุกก้าวย่างที่โขลงช้างย่ำเท้าลงไปดังกระแทกเข้าไปในใจของทุกคน
หนีเร็ว
วนาสณฑ์ตะโกนบอกทุกคนเสียงดังลั่น ความรู้สึกของการเป็นหนึ่งในผู้นำของคณะนี้กระชากใจเขาให้ดิ่งวูบลงด้วยความกังวลและห่วงใยทุกคน วินาทีฉุกเฉินนั้นเกิดการชุลมุนขึ้น ต่างคนต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอดแตกกระเจิงกันไปคนละทิศละทาง ไม่คิดแม้จะเอากระเป๋าเป้เดินป่าที่วางกองทิ้งไว้เพื่อความสะดวกและคล่องตัวในการทำงาน
วนาสณฑ์มองหาร่างของใครคนหนึ่งยืนงงอยู่ เขาพุ่งปราดไปหาทันทีฉวยข้อมือแล้วพาออกวิ่ง โดยไม่ทันเอาสัมภาระที่วางห่างออกไป
มาทางนี้เร็วเข้า
พี่สน
แขนบอบบางถูกมือแข็งปานคีมเหล็กกำแน่นแล้วดึงให้วิ่งลัดเลาะตามไปอย่างรวดเร็ว หนามเกาะเกี่ยวแขนและใบหน้าจนเจ็บแสบ แต่ความกลัวตายดูเหมือนจะมีมากพอที่จะสร้างอะดรีนาลินออกมามากจนวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนไปถึงเนินผาโล่งคนข้างหน้าจะยั้งเท้าไว้ก็ไม่ทันเสียแล้ว คนที่ถูกดึงให้วิ่งตามก็เสียหลักไถลลงไปก่อนและลากเอาร่างสูงของคนข้างหน้าล้มกลิ้งม้วนลงไปยังพื้นที่ด้านล่างอย่างรวดเร็วแม้จะมีเป้เดินป่า ปืนเอชเค รวมทั้งเต็นท์บนหลังของชายหนุ่มอยู่ก็ตาม
ช่วงเวลานั้นอ้อมแขนแข็งแรงพยายามตวัดเอาอีกร่างมาแนบกับตัว ราวกับว่าจะช่วยปกป้องคุ้มภัยให้ได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด
*****************
จากคุณ |
:
permanent stream
|
เขียนเมื่อ |
:
วันลอยกระทง 54 06:54:40
|
|
|
|