ลิขิตรักธารามังกร บทที่ 4.
|
 |
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11291774/W11291774.html
ทักทาย 
scottie : เอ๋ หมายความว่ายังไงครับ
มานีโอลา : ขอบคุณมากครับ ขอบคุณที่ติดตามทุกตอน ^____^
ปลา (love_plaka) : จะพยายามเขียนให้ต่อเนื่องครับ ^^
******************************************************************************
กระแสลมยะเยือกกรีดผิว กระโชกแรงจากหน้าต่างที่ถูกทะลายลง เปลวเทียนในห้องวูบไหวไปมาจวนเจียนจะดับเสียให้ได้ บังเกิดเงาวูบวาบเคลื่อนไหวไม่หยุดยั้ง ดั่งฝูงปีศาจมากมายวนเวียนหมายทวงคืนชีวิต
สภาพร่างเถียนฟู่โหย่วยังอุ่นๆ แสดงว่าเพิ่งถูกสังหารไม่นาน!
นางพยายามตั้งสติระงับความตื่นตระหนก รีบตรวจสอบสภาพใบหน้าร่างไร้วิญญาณเบื้องหน้า หวังพบพิรุธร่องรอยการปลอมแปลงโฉม ทว่าตรวจละเอียดถ้วนถี่กลับไม่พบสิ่งใดผิดปกติ แม้มิได้พบหน้าค่าตาหลายปี แต่ยังจำอดีตเสนาบดีกระทรวงโยธาผู้นี้ได้แม่นยำ คนผู้นี้คือเถียนฟู่โหย่วอย่างแน่นอน!
นางทราบว่าสถานการณ์คับขันจวนตัว ไม่เสียเวลาขบคิดมากความ รีบตรวจค้นบนร่างเถียนฟู่โหย่ว แต่กลับไม่พบหลักฐานอื่นใด รื้อค้นภายในห้องอย่างละเอียดก็ไม่พบร่องรอยใดเช่นกัน ซึ่งความจริงหากอดีตเสนาบดีกระทรวงโยธาผู้นี้เก็บหลักฐานอันใดไว้กับตัว ย่อมต้องถูกผู้ลงมือสังหารแย่งชิงไปแล้ว ดังนั้นไม่มีประโยชน์จะรั้งอยู่ที่นี่
เสี้ยวอึดใจ ก่อนจะโผทะยานร่างผละออกจากห้อง บังเกิดเสียงดังโครม ประตูบ้านพังทลายเปิดออก!
เงาร่างสายหนึ่งพุ่งวาบเข้ามาภายใน นางถลันร่างหลบเลี่ยงอย่างเฉียดฉิว รีบวกร่างหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้า จี้กระบี่สั้นจู่โจมเข้าใส่ทันที!
แต่ก่อนประกายกระบี่สั้นบรรลุถึงเป้าหมาย ผู้บุกรุกเบื้องหน้าโพล่งเสียงเร่งร้อน ข้าพเจ้าเอง! เป็นเสียงของหานอี้ซิน
บุรุษร่างใหญ่หันขวับ สำรวจสภาพภายในห้อง พลางเอ่ยถาม ได้ตัวเถียนฟู่โหย่วไหม
นางระงับความแตกตื่น รีบตอบร้อนรน เถียนฟู่โหย่วถูกสังหารอยู่ในห้อง!
หานอี้ซินสะดุ้งตกใจ รีบตรงไปดูสภาพศพเถียนฟู่โหย่ว เพียงมองปราดก็ออกมา รีบหนี ไม่มีประโยชน์จะอยู่ที่นี่แล้ว
สิ้นประโยค รอบตัวบ้านบังเกิดเสียงสายลมปะทะร่างผู้คนจำนวนมาก ทั้งหมดใช้วิชาตัวเบาละลิ่วร่างมุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว ต่างแยกย้ายกระจายกำลังคิดปิดสกัดทุกเส้นทางหลบหนีหมดสิ้น เพียงบรรลุถึงตัวบ้านต่างระดมยิงเกาทัณฑ์สั้นเข้าใส่ภายในเป็นจุดเดียว หมายเข่นฆ่าสังหารทุกผู้ที่อยู่ในบ้านให้สิ้น!
หานอี้ซินรีบฉุดดึงร่างนางมาข้างกาย โสตซึ่งสดับจับความเคลื่อนไหวของศัตรูแต่แรก จำแนกออกว่าหน้าบ้านกลับเป็นตำแหน่งซึ่งศัตรูเบาบางที่สุด ร่างสูงใหญ่กระชากร่างนางละลิ่วตามติด อาศัยวิชาตัวเบาดั่งเหินบิน หลบเลี่ยงพายุเกาทัณฑ์ทะลวงสู่เบื้องนอก
ประกายดาบสั้นในมือบุรุษหนุ่ม สะท้อนรัศมีดาราวาบออกเป็นวงกว้างสีเงินยวง บัดนั้นโลหิตแดงฉานสาดกระจายรอบบริเวณ เหล่ามือสังหารทอดร่างกลายเป็นศพหมดสิ้นในพริบตา!
นางแทบไม่เชื่อภาพที่ปรากฏตรงหน้า มือสังหารสี่คนหลอดลมสะบั้นสิ้น ภายใต้ประกายดาบเพียงวาบเดียวของหานอี้ซิน! พลังฝีมือของบุรุษร่างใหญ่ลึกล้ำจนเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
แม้นางตระหนักดีว่า เหตุหนึ่งที่ทำให้บุรุษร่างใหญ่ลงมือประสบผล เนื่องเพราะเหล่ามือสังหารไม่คาดว่า ผู้อยู่ภายในบ้านจะกล้าทะลวงฝ่าพายุเกาทัณฑ์ออกมา กระนั้นด้วยพลังฝีมือสูงเยี่ยมเพียงนี้ยิ่งระบุชัด หานอี้ซินต้องมิใช่บุคคลธรรมดาผู้ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม หากคนผู้นี้เคยอยู่หน่วยพยัคฆ์คำรณจริง ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำต้อย
ยามนั้น หานอี้ซินใช้เชือกปลายติดตะขอของนางอย่างชำนาญ ร่างใหญ่แบกนางไว้บนหลังอย่างมั่นคงดุจสิ่งของไร้น้ำหนัก เพียงชั่วอึดใจอาศัยเชือกเส้นเดียว เหวี่ยงเกาะเกี่ยวกิ่งไม้ใหญ่ต้นแล้วต้นเล่า ชั่วอึดใจก็ทะยานร่างออกจากใจกลางบึงกว้าง ทิ้งเหล่ามือสังหารไว้เบื้องหลังไกลลิบ
ในที่สุดทั้งสองกลับมาสู่ขอบริมบึงภูตจันทรา ต่างหลบซุ่มนิ่งเงียบหลังต้นไม้ตระหง่าน จากสภาพภูมิประเทศและตำแหน่งแห่งที่ทิศทาง แสดงว่าอยู่บนละด้านกับเมื่อแรกที่เข้ามา เหล่ามือสังหารเงียบเสียงติดตามไปแล้ว แต่คาดว่าพวกมันคงไม่เลิกติดตามโดยง่าย ไม่แน่อาจมีแผนการใดล้อมจับคนทั้งสอง ยามนี้ยังไม่อาจคลายความระแวดระวัง
นางกระซิบถามแผ่วเบา เร่งร้อน ทำไมเป็นเช่นนี้ ใครสังหารเถียนฟู่โหย่ว!
หานอี้ซินส่ายหน้า ขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิด ข้าพเจ้าไม่ทราบ ท่านไม่พบหลักฐานใดบนตัวเถียนฟู่โหย่วใช่หรือไม่
นางพยักหน้ารับคำ กล่าวสำทับ ข้าพเจ้าตรวจถ้วนถี่แล้ว ในห้องก็ไม่มีหลักฐานใดทั้งสิ้น คราวนี้พวกเรามาเสียเที่ยวแล้ว
หานอี้ซินนิ่งคิดชั่วอึดใจ พลันส่ายหน้าช้าๆ จู่ๆ บุรุษหนุ่มอุทานโพล่งขึ้น มิแน่ว่า...เร็ว! รีบตามมา!
นางไหนเลยมีเวลาสอบถามว่าเป็นเรื่องอันใด ได้แต่เร่งฝีเท้าทะยานตามติดเต็มกำลัง ครั้นเข้ามากระชั้นทันกัน รีบเอ่ยถามอย่างร้อนรน
ท่านจะไปไหน คนที่อยู่บนเรือ! อาจมีหลักฐานอยู่ในตัวคนผู้นั้น!
นางอุทานด้วยคาดไม่ถึง ห้วงความคิดยิ่งมึนงง จับต้นชนปลายเรื่องราวไม่ถูก แวบนั้นค่อยฉุกคิดได้ว่า นางเคยเกิดความสงสัยตั้งแต่แรก ว่าเพราะเหตุใดเพียงเห็นเรือแล่นออกจากบึงเข้าสู่ลำน้ำแขนง หานอี้ซินกลับทราบว่านี่เป็นกับดัก สามารถเตือนนางให้หนีได้ทันท่วงที ความสงสัยประการนี้ถูกลืมเลือนไปชั่วขณะ เพราะเหตุเปลี่ยนแปรพลิกผันทั้งหลายที่เกิดขึ้น ยามนี้พลันได้คิดอีกครั้ง
ไม่เพียงเท่านั้นความสงสัยเมื่อบังเกิด ย่อมเชื่อมโยงให้พบข้อสงสัยอีกหลายประการติดตาม หานอี้ซินในเมื่อช่วยเหลือนาง หลอกล่อเหล่ามือสังหารไปอีกทิศทางหนึ่ง แล้วไฉนจึงวกกลับไปพบนางในบ้านกลางบึงได้ทันท่วงที คล้ายดั่งบุรุษร่างใหญ่ทราบตำแหน่งบ้านหลังนั้นอยู่ก่อน แล้วปฏิกิริยาของหานอี้ซินเมื่อครู่ คล้ายมั่นใจอย่างยิ่งว่าหลักฐานอยู่ในเรือลำนั้น บุรุษร่างใหญ่อาศัยอะไรจึงบังเกิดความมั่นใจปานนั้น
นางไม่มีคำตอบใดให้กับข้อสงสัยของตน ทำได้เพียงทะยานเร่งตามหลังหานอี้ซินสุดฝีเท้า ผ่านไปอีกอึดใจใหญ่นางและหานอี้ซินจึงกลับมาถึงเรือ บุรุษร่างใหญ่รีบค้นร่างผู้กลายเป็นซากศพอยู่บนเรือ ไม่นานก็พบจดหมายฉบับหนึ่งซ่อนในตะเข็บชายเสื้อ ทั้งบนเรือยังพบกระบอกส่งสารโลหะ ในนั้นอัดแน่นด้วยม้วนผ้าแพรขนาดใหญ่!
หานอี้ซินรีบเปิดจอดหมายออกอ่าน สีหน้าปรากฏแววพึงพอใจ ยื่นส่งต่อให้นาง หลักฐานเท่านี้เพียงพอหรือไม่
นางรับจดหมาย อ่านด้วยความฉงน บัดนั้นใจระส่ำเต้นระทึก เนื้อหาในจดหมายนั้นน่าตระหนก จนแทบมิอาจเชื่อสายตาตนเอง!
ข้อความในจดหมาย ระบุถึงจุดตั้งทัพพักแรม เส้นทางการเดินทัพ ยุทธวิธีที่ใช้ ตลอดถึงแม่ทัพนายกองผู้ควบคุม ทั้งระบุชื่อหัวหน้าหน่วยและความสามารถของหน่วยจู่โจม ที่จะออกปฏิบัติภารกิจในวันพรุ่งนี้อย่างละเอียด!
นี่เป็นไปได้อย่างไร! กระทั่งนางยังไม่มีสิทธิ์รับรู้ข้อมูลเหล่านี้...
เนื่องเพราะภารกิจนี้จัดเตรียมรอบคอบรัดกุม ด้วยเกรงจะเป็นแผนลวงอีกครั้ง ท่านแม่ทัพใหญ่สั่งการเป็นความลับด้วยตนเอง ทั้งการเคลื่อนกำลังและเส้นทางที่ใช้ รับรู้เฉพาะแม่ทัพระดับสูงไม่กี่คนเท่านั้น กระทั่งหัวหน้าหน่วยที่จะออกปฏิบัติงานเป็นผู้ใดยังไม่ระบุชื่อล่วงหน้า
หากข้อมูลในจดหมายเป็นความจริง นี่เป็นเรื่องน่าตระหนกเกินไปแล้ว!
เพราะคำนวณจากช่วงเวลาการส่งจดหมายฉบับนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ข่าวจะรั่วจากหน่วยปฏิบัติผู้รับคำสั่ง ไส้ศึกต้องเป็นหนึ่งในแม่ทัพระดับสูงของอาณาจักรเทียนหมิง!
แล้วเถียนฟู่โหย่วไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร
ใบหน้าซีดเผือดของนาง ตะคอกถามหานอี้ซิน ท่านบอกมา เถียนฟู่โหย่วเกี่ยวข้องอะไรด้วย!
หานอี้ซินรีบตัดบท เอ่ยเสียงเครียดขึง รีบหนีเถอะ! ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว!
ไม่ทันสิ้นประโยค เสียงพายุเกาทัณฑ์แหวกอากาศดังอื้ออึง บังเกิดขึ้นรอบด้านอีกครั้ง!
เหล่ามือสังหารไม่ทราบเคลื่อนไหวอย่างไรกลับหาคนทั้งสองพบ ซ้ำลอบเข้ามาโอบล้อมด้วยฝีเท้าเบากริบดุจภูตพราย กระทั่งผู้มีพลังฝีมือเยี่ยงหานอี้ซินกว่าจะทันรู้ตัว ก็ถูกโอบล้อมหมดทุกด้านสิ้นหนทางหนีแล้ว วงล้อมพายุเกาทัณฑ์หนาแน่นถี่ยิบ ไม่เหลือช่องว่างใดให้เล็ดลอดหลบหนี เมื่อใดที่เหล่ามือสังหารกระชับวงล้อมถึงตัวทั้งสอง ยามนั้นมีแต่กลายร่างเป็นวิหคเหินบิน มิเช่นนั้นต้องทอดร่างทิ้งวิญญาณ กลายเป็นภูตเฝ้าบึงปีศาจแห่งนี้!
บุรุษหนุ่มฉวยกระบอกส่งสารโลหะ เก็บม้วนผ้าแพรไว้ภายในเช่นเดิมโดยไม่มีโอกาสเปิดอ่าน รีบผูกกระบอกโลหะกับสายรัดเอว ตัดสินใจโดยพลัน
กระโดดลงน้ำ!
นางไหนเลยเสียเวลาคิดใคร่ครวญ พุ่งร่างกระโดดลงน้ำตามหานอี้ซิน แม่น้ำสายนี้ทั้งแคบและตื้น นางพยายามแหวกว่ายให้ลึกที่สุด กระนั้นเกาทัณฑ์สั้นยังถูกยิงด้วยกำลังแรงจากเหนือผิวน้ำ พุ่งโฉบเฉี่ยวเฉียดร่างนางไปมา หลายดอกสะกิดถากแขนขาลำตัวโลหิตหลั่งไหล แต่ดีที่ไม่มีดอกใดถูกจุดสำคัญเป็นแผลฉกรรจ์
ลำน้ำสายเล็กแคบตื้น ลดเลี้ยวเคี้ยวคดไปมา นางไหนเลยจำแนกทิศทางออก ได้แต่มุ่งหน้าว่ายตามติดหานอี้ซิน ทั้งสองโผล่ขึ้นเปลี่ยนลมหายใจเป็นระยะ เวลาราวผ่านไปนานชั่วกัปกัลป์ เสียงเหล่ามือสังหารที่ตามติดก็เริ่มทิ้งห่าง กระทั่งเปลี่ยนลมหายใจอีกสามครั้ง เสียงผู้ไล่ล่าเบื้องหลังก็เงียบหาย
บุรุษร่างใหญ่พุ่งร่างขึ้นสู่ผิวน้ำอีกครั้ง เหลียวสำรวจสภาพรอบด้าน รีบขึ้นฝั่งเถอะ ข้าพเจ้าคิดเลาะตามลำน้ำสายนี้ เข้าสู่แขนงลำน้ำของทะเลสาบมังกรสวรรค์ หากโชคดีพวกเรายังสามารถยั้งทัพทัน
นางพยักหน้ารับทราบ ยามนี้ไหนเลยมีความเห็นอื่นใด ด้วยนางไม่อาจจำแนกแยกทิศทาง บุรุษหนุ่มบอกให้ไปทางใดย่อมไม่อาจโต้แย้งอันใด เมื่อทั้งสองขึ้นบนฝั่งค่อยเห็นโลหิตหลั่งไหลชุ่มโชก ออกจากบาดแผลบนไหล่บุรุษร่างใหญ่ เกาทัณฑ์สั้นติดตรึงบนไหล่ซ้ายหานอี้ซิน!
บุรุษร่างใหญ่กัดฟันกรอด ข่มความเจ็บปวด ยื่นมือกล่าวว่า ส่งกระบี่สั้นให้ข้าพเจ้า
นางปัดมือบุรุษร่างใหญ่ กล่าวแผ่วเบา ข้าพเจ้าทำให้เอง
กระบี่สั้นคมกรีดเปิดปากแผลบนไหล่หานอี้ซิน ลูกเกาทัณฑ์ฝังลึกเกือบมิด นับเป็นแผลฉกรรจ์มิใช่น้อย โลหิตหลั่งไหลชุ่มโชก นางจับปลายเกาทัณฑ์ไว้มั่นดึงออกโดยแรง รีบเทยาสมานแผลที่บุรุษร่างใหญ่ยื่นส่งให้ ฉีกชายผ้าเป็นริ้วยาวพันปิดปากแผลไว้
หานอี้ซินเข้มแข็งยิ่ง ไม่มีเสียงร้องจากปากแม้ครึ่งคำ ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่เกาทัณฑ์ไม่มีพิษ
ท่านพักสักครู่...
หานอี้ซินรีบตัดบท กล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่เป็นไร เหลือเวลาไม่มากเราต้องรีบเดินทาง อดทนอีกหน่อยขอเพียงเลาะไปตามลำน้ำสายนี้ เมื่อใกล้เข้าสู่ทะเลสาบมังกรสวรรค์จะพบท่าข้าม ปกติควรมีเรือรับจ้างรออยู่ ขอเพียงขึ้นเรือได้พวกเราก็ปลอดภัยแล้ว
บุรุษร่างใหญ่มองบาดแผลบนร่างนาง น้ำเสียงเจือแววห่วงใย บาดแผลท่านเป็นอย่างไร หนักหนาหรือไม่
เพียงแผลถากเล็กน้อย พวกเรารีบออกเดินทางเถอะ
นางแม้กล่าวออกไปเช่นนั้น แต่ยามนี้บาดแผลที่ไหล่เริ่มปวดแปลบขึ้นอีก ซ้ำยิ่งนานความปวดยิ่งทวีรุนแรง เรี่ยวแรงก็แทบสิ้นสูญ ส่วนบาดแผลจากลูกเกาทัณฑ์แม้เพียงโดนถากๆ แต่โลหิตยังไม่หยุดไหล ปวดแปลบทั่วทั้งร่าง แต่นางไหนเลยมีเวลาหยุดพักผ่อน หานอี้ซินก็มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ไหล่ แขนขาก็ถูกเกาทัณฑ์ยิงถากหลายแห่ง เสียโลหิตมิน้อยกว่านาง บุรุษร่างใหญ่ยังสามารถเดินทางต่อไป นางย่อมสามารถกระทำได้เช่นกัน
ประการสำคัญ ตั้งแต่ออกเดินทางจากกระท่อมของหานอี้ซิน จนขณะนี้กว่าครึ่งค่อนคืนร่วมสี่ชั่วยามแล้ว มีเวลาอีกเพียงสองชั่วยามต้องเดินทางไปยับยั้งทัพให้ทัน ดังนั้นทั้งสองเร่งเดินทางโดยไม่ผ่อนฝีเท้า ด้วยรู้ดีว่านี่เป็นแรงเฮือกสุดท้ายของทั้งคู่แล้ว ยามนี้หากหยุดพักเมื่อใดจะสิ้นเรี่ยวแรงไม่สามารถลุกขึ้นยืนอีกได้ ดังนั้นต้องไปถึงท่าข้ามให้เร็วที่สุด
เกือบครึ่งชั่วยามผ่านพ้น ทั้งสองได้ยินคล้ายเสียงกระแสน้ำไหลแรงขึ้น ดังนั้นรีบตามกระแสเสียงไปพบเบื้องหน้าไกลออกไปเป็นทะเสสาบใหญ่สุดลูกหูลูกตา ริมฝั่งลำน้ำช่วงเชื่อมต่อกับทะเลสาบพบท่าข้ามขนาดเล็ก มีเรือพายลำหนึ่งผูกไว้กับหลัก แต่ไม่ทราบเจ้าของเรืออยู่ที่ใด ทั้งคู่ย่อมไม่กล้าส่งเสียงดังตะโกนเรียกหา ต่างแยกย้ายสำรวจยังไม่พบเจ้าของเรือ ที่สุดตัดสินใจวางเงินไว้แท่งหนึ่ง ปลดเรือจากหลักพายเข้าสู่ทะเลสาบมังกรสวรรค์
บุรุษหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงผ่อนคลายขึ้น พวกเราพักผ่อนสักครู่เถอะ สายน้ำช่วงนี้ท่านไม่จำเป็นต้องใช้พาย ปล่อยเรือให้แล่นตามกระแสน้ำเถอะ นั่นเป็นทิศที่พวกเรามุ่งหน้าไปอยู่แล้ว กล่าวจบหลับตาโคจรลมปราณฟื้นฟูพลัง
นางเก็บพายไว้บนเรือ เริ่มโคจรลมปราณเฉกเช่นกัน
ชั่วครู่ใหญ่ เมื่อพละกำลังของทั้งสองเริ่มฟื้นฟูขึ้น หานอี้ซินเอ่ยกับนางว่า ท่านอยากรู้เรื่องอะไร หากตอบได้ข้าพเจ้าจะตอบ
ท่านรู้ได้อย่างไรว่าหากจู่โจมเรือเล็กจะเป็นกับดัก แล้วภายหลังไฉนจึงรู้ว่าของเหล่านี้อยู่บนเรือ กล่าวพลางหยิบจดหมายจากในเสื้อ และเขม็งจ้องกระบอกส่งสารโลหะข้างเอวบุรุษหนุ่ม
หานอี้ซินพยักหน้า กล่าวตอบว่า พวกเราเห็นเรือลำนั้นเข้าสู่บึงภูตจันทรา ย่อมคาดเดาว่าผู้อยู่บนเรือเป็นผู้ส่งข่าวหรือนำสารใด คนเช่นนี้ย่อมไม่ไปและกลับมือเปล่าหากไม่นำสารไปให้เถียนฟู่โหย่ว ก็ต้องนำของบางอย่างมาส่งภายนอก ข้าพเจ้าเพียงคาดเดาถูกต้องเท่านั้น ส่วนที่ข้าพเจ้ารู้ว่าเป็นกับดัก เพราะลักษณะการพายเรือของคนผู้นี้แปลกอย่างยิ่ง...
บุรุษร่างใหญ่แค่นหัวร่อ เอ่ยต่ออย่างเฉื่อยชา ข้าพเจ้าเคยคุ้นกับการใช้รหัสสัญญาณ นั่นมิใช่การพายเรืออย่างแน่นอน แต่เป็นการส่งรหัสสัญญาณบางอย่าง อาจเป็นการป้องกันมิให้ผู้ไม่มีสัญญาณที่ถูกต้องออกจากบึง ดังนั้นบริเวณโดยรอบย่อมมีเหล่ามือสังหารซุ่มซ่อน ทั้งหมดต้องอยู่ในจุดที่สามารถมองเห็นลำเรือถนัด เมื่อท่านชิงลงมือเท่ากับเปิดเผยตัวให้พวกมันรับทราบ
นางเองก็แค่นเสียง น้ำเสียงประชดกล่าวว่า ท่านทราบเรื่องราวมากมายจริงๆ
เหตุที่ข้าพเจ้าทราบเรื่องราวมากมาย...คงต้องเล่ายืดยาว
นางแค่นหัวร่อ กล่าวอย่างเฉื่อยชา เริ่มเล่าเถอะ จะอย่างไรพวกเรายังมีเวลา
เรื่องนี้ต้องเริ่มต้นทำความเข้าใจก่อน ว่าเหตุใดเถียนฟู่โหย่วจึงคิดเป็นไส้ศึก...
บุรุษร่างใหญ่ทอดถอนใจ น้ำเสียงเยียบเย็น กล่าวช้าๆ เริ่มแรกเดิมที...เถียนฟู่โหย่วมิได้คิดเป็นไส้ศึก...
นางอุทานด้วยความฉงน! บุรุษร่างใหญ่กำลังกล่าวสิ่งใด!
สีหน้าหานอี้ซินเปลี่ยนเป็นกระด้างเย็นชา เริ่มต้นเล่าเรื่องราว ห้าปีก่อนท่านแม่ทัพจูกัดจิ้นเปี่ยมอำนาจบารมี ระหว่างสร้างรากฐานให้อาณาจักรก่อความดีความชอบมากมาย บรรดาแม่ทัพขุนพลทุกระดับล้วนให้ความเคารพเลื่อมใส ที่สุดบารมีทัดเทียมกระทั่งเกินหน้าจักรพรรดิหลี่เสี่ยง พระองค์เริ่มหวั่นพระทัยเกรงท่านแม่ทัพใหญ่จะก่อกบฎ ดังนั้นทรงคิดหาวิธีกำจัดท่านแม่ทัพใหญ่ตลอดเวลา แต่จะอย่างไรยังไม่กล้าผลีผลาม ด้วยเกรงกองทัพชาญศึกซึ่งอยู่ใต้บัญชาท่านแม่ทัพใหญ่ พอดีเถียนฟู่โหย่วกราบทูลให้ทราบว่า จักรพรรดิว่านอู้ต้องการซื้อตัวมัน จึงเกิดแผนไส้ศึกซ้อนขึ้น...
นางอุทานด้วยความตกใจอีกครั้ง ห้วงสมองอึงอลงุนงงสับสนไปหมด!
หานอี้ซินขบกรามแน่น ใบหน้าเคร่งเครียด เล่าสืบต่อ ในขณะที่จักรพรรดิว่านอู้ทรงคิดว่าเถียนฟู่โหย่ว หาทางกำจัดแม่ทัพจูกัดจิ้นให้พระองค์ แท้จริงคนผู้นี้กำจัดท่านแม่ทัพใหญ่ตามคำสั่งจักรพรรดิหลี่เสี่ยงต่างหาก! หลังจากนั้นเถียนฟู่โหย่วจึงหนีข้ามลำน้ำแสร้งว่าแปรพักตร์ แต่คนผู้นี้ยังต้องหลบซ่อนตัวจากการตามล่า ของเหล่าผู้ภักดีต่อแม่ทัพจูกัดจิ้น และที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าคือ...
บุรุษหนุ่มแค่นหัวร่อ ยิ้มเยาะหยันไม่ทราบให้แก่ผู้ใด จักรพรรดิหลี่เสี่ยงทรงเจ้าเล่ห์ยิ่ง พระองค์ทรงหักหลังเถียนฟู่โหย่ว! ทรงสนับสนุนเหล่าคนของแม่ทัพจูกัดจิ้นให้ตามสังหารเถียนฟู่โหย่วเพื่อซื้อใจ คนผู้นี้เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรดีความผิดทุกอย่างตกที่มันเพียงผู้เดียว ในที่สุดเพื่อเอาชีวิตรอดจึงต้องสวามิภักดิ์ต่อจักรพรรดิว่านอู้จริงๆ
นางตกตะลึงแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน พึมพำแผ่วเบา เฉินเทียนหรานยอมให้ทุกคนตราหน้า ว่าตนโง่เขลาถูกเถียนฟู่โหย่วหลอก เพียงเพื่อสามารถสั่งประหารจูกัดจิ้นหรือ!"
หานอี้ซินแค่นหัวเสียง น้ำเสียงแดกดันประชดประชัน นั่นเป็นอย่างไรได้ สิ้นแม่ทัพจูกัดจิ้นใครจะกล้าคิดก่อการแข็งข้อ ภายหลังแม้สืบกระจ่างว่า ที่แท้เป็นจักรพรรดิหลี่เสี่ยงหลอกใช้เถียนฟู่โหย่ว เพื่อประหารท่านแม่ทัพใหญ่ แต่ล่วงเลยถึงตอนนั้นหวังซิงเหอคนของจักรพรรดิหลี่เสี่ยง ก็กุมอำนาจทหารส่วนใหญ่ไว้ได้ แม้ยังมีคลื่นใต้น้ำแต่ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าต่อต้านอย่างเปิดเผย
อย่างนั้นท่านทราบหรือไม่ หลังแปรพักตร์เพราะเหตุใดเถียนฟู่โหย่วจึงหายตัวจากราชสำนัก หลายปีนี้คนผู้นี้ไปอยู่ที่ไหน คงมิใช่พำนักในบึงภูตจันทราตลอดกระมัง
ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าหลายปีนี้เถียนฟู่โหย่วไปอยู่ที่ใดบ้าง แต่เหตุที่มันออกจากราชสำนักอาจเพราะของสิ่งนี้ บุรุษหนุ่มเปิดกระบอกส่งสารโลหะ หยิบม้วนผ้าแพรยาวเหยียดภายในคลี่กางออกบางส่วน
นางมองภาพที่ปรากฏตรงหน้าด้วยความตะลึงลาน นี่คือสิ่งใด!
ม้วนผ้าแพรยาวเหยียด บรรจุภาพสิ่งก่อสร้างหลากหลายชนิด ลายเส้นเหล่านั้นเป็นแบบก่อสร้างอาคารบ้านเรือน ตึกรามใหญ่โตรูปทรงประหลาด บางรูปยังคลับคล้ายพระตำหนัก ทั้งยังมีป้อมค่ายประตูหอรบอันใด แต่ทั้งรูปทรงทั้งรายละเอียดหลายอย่างของสิ่งก่อสร้าง กลับผิดแปลกไปไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย สิ่งนี้คืออะไรกัน!
หานอี้ซินส่ายหน้า กล่าวเพียง ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าสิ่งนี้คืออะไร รู้เพียงจักรพรรดิว่านอู้ทรงสั่งให้เถียนฟู่โหย่วคุมงานก่อสร้าง แต่สร้างไปได้เพียงเล็กน้อยคนผู้นี้ก็หายตัวไป...หรือตอนนี้เถียนฟู่โหย่วหมดประโยชน์แล้ว...
นางจับจ้องใบหน้าบุรุษร่างใหญ่ เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง ท่านคล้ายกำลังบอกว่า คนที่สังหารเถียนฟู่โหย่วไม่ใช่ของคนเฉินเทียนหราน
ไม่ใช่อย่างแน่นอน ท่านมั่นใจได้อย่างไร
หานอี้ซินจ้องหน้านางแน่วนิ่ง เอ่ยทีละคำช้าๆ อย่างไร้เรื่องราวใด เพราะผู้ที่ได้รับเลือกจากเหล่าแม่ทัพขุนพลผู้ภักดี ทำการล้างแค้นให้ท่านแม่ทัพจูกัดจิ้นคือข้าพเจ้า
ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ข้าพเจ้าไม่รู้
นางอุทานอย่างตื่นตะลึง ร่างผละถอยห่าง เมื่อแรกยังเข้าใจว่าหานอี้ซินวางแผนล้างแค้นด้วยกำลังตนเอง ทว่าจากวาจาเหล่านี้แสดงว่าหานอี้ซินได้รับมอบหมายภารกิจ มิน่าคนผู้นี้ถึงรู้ข้อมูลมากมายที่ไม่ควรรู้ปานนี้ ความหวาดระแวงโถมเข้าคลุมจิตใจนางอีกครั้ง กระบี่สั้นในมือพุ่งวาบจ่อจี้ลำคอหานอี้ซิน!
ท่านที่แท้เป็นใคร! ต้องการอะไรกันแน่!
หานอี้ซินแค่นหัวร่อในลำคอ ยังจับจ้องใบหน้านางแน่วนิ่ง กล่าวเสียงเย็นชา เหตุใดท่านจึงระแวงข้าพเจ้าอีก
นางกระชากเสียงแข็งกร้าว เดิมข้าพเจ้าเข้าใจว่า ท่านล้างแค้นให้จูกัดจิ้นเพราะความภักดีส่วนตัว แต่นี่กลับมิใช่! ท่านได้รับมอบหมายภารกิจ แสดงว่าท่านเป็นทหารของเฉินเทียนหราน!
หานอี้ซินหัวร่อก้องกังวาน ราวได้ยินเรื่องขบขันที่สุดในชีวิต ส่ายหน้ากล่าวอย่างเฉื่อยชา
มิใช่! เหล่าแม่ทัพขุนพลผู้วางแผนครั้งนี้ ล้วนเคารพเลื่อมใสท่านแม่ทัพจูกัดจิ้น ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเฉินเทียนหราน! ทั้งหมดเคืองแค้นเฉินเทียนหรานไม่น้อยกว่าเถียนฟู่โหย่ว แต่เฉินเทียนหรานจะอย่างไรเป็นเจ้าชีวิต ดังนั้นเป้าของทั้งหมดจึงมุ่งที่เถียนฟู่โหย่วผู้เดียว สำหรับข้าพเจ้าที่ยอมรับงานครั้งนี้ เพราะต้องการล้างแค้นให้ท่านแม่ทัพใหญ่...
บุรุษร่างใหญ่เอ่ยกระแสเสียงเยียบเย็น เฮอะ...ท่านเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นคนโง่เขลาหรือ หรือท่านคิดว่าข้าพเจ้ายังจะภักดีกับคนเช่นเฉินเทียนหราน! หากภักดีต่อมัน ข้าพเจ้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่า วันหนึ่งจะไม่พบชะตากรรมเช่นท่านแม่ทัพใหญ่! หรือเฉกเช่นเถียนฟู่โหย่ว!
นางนิ่งอึ้ง เนื่องเพราะคำกล่าวของหานอี้ซินเปี่ยมเหตุผล หลังถูกทรยศครั้งหนึ่งคงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่ยังยอมภักดีต่อคนเช่นเฉินเทียนหราน...
หลังภารกิจเสร็จสิ้น ข้าพเจ้าคิดหาหนทางถอนตัวอยู่แล้ว เหตุบังเอิญที่ได้พบท่าน ทำให้ข้าพเจ้ามีทางเลือก
นางจับจ้องใบหน้าบุรุษร่างใหญ่แน่วนิ่ง ที่ท่านลอยเรือกลางลำน้ำ กระทั่งช่วยเหลือข้าพเจ้า ทั้งหมดเป็นเหตุบังเอิญจริงหรือ
หานอี้ซินครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนพยักหน้ากล่าวว่า ตกลง...หากไม่เล่ารายละเอียดท่านคงไม่ไว้ใจข้าพเจ้า
หยุดเล็กน้อยค่อยกล่าวว่า เมื่อคืนข้าพเจ้ากำลังรอข่าวชิ้นหนึ่งกลางแม่น้ำ มิคาด คนส่งข่าวยังมาไม่ถึง กลับบังเอิญพบท่านถูกไล่ล่า การช่วยเหลือในคืนล้วนเป็นเหตุบังเอิญทั้งสิ้น
นางเขม็งจับจ้องนัยน์ตาหานอี้ซิน พยายามจับความรู้สึกค้นหารอยพิรุธ ทว่ากลับไม่พบสิ่งใดผิดสังเกต บุรุษร่างใหญ่วางสีหน้าเรียบเฉย แววตาทอประกายสงบนิ่งลึกล้ำ เขม็งจ้องนางตอบอย่างไม่เกรงกลัว
บุรุษผู้นี้ไม่มีเค้ารอยใดให้จับโกหกได้จริงๆ... หรือทุกสิ่งที่หานอี้ซินกล่าวเป็นความจริง...
เสี้ยวขณะนั้น ความไว้วางใจเช่นที่เคยรู้สึกบนเรือบังเกิดขึ้นอีกครั้ง...
นางครุ่นคิดหวนทบทวนเรื่องราว ที่ผ่านมาแม้หานอี้ซินปกปิดข้อมูล แต่ก็ยังมิเคยโกหกสิ่งใด ยิ่งตอนนี้มีหลักฐานที่สามารถช่วยยั้งทัพได้อยู่ในมือ ทั้งม้วนผ้าแพรแปลกประหลาดนี้ยังต้องสืบหาความจริง ประการสำคัญคนผู้นี้ยังเสี่ยงชีวิตช่วยนางไว้หลายครั้ง
นางตัดสินใจ...จะลองไว้ใจบุรุษผู้นี้อีกสักครั้ง...
กระบี่สั้นในมือค่อยๆ รั้งคืนจากลำคอหานอี้ซิน... ข้าพเจ้าจะเชื่อใจท่านอีกสักครั้ง แต่จำไว้! ต่อไปอย่าได้ปิดบังข้อมูลใดกับข้าพเจ้าอีก!
หานอี้ซินมิได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ชี้มือบอกว่า ถึงโค้งหน้าจะเลี้ยวเข้าลำน้ำแยกแล้ว ส่งพายให้ข้าพเจ้า
นางกลับถือไม้พายไว้มั่น กล่าวว่า ท่านบาดเจ็บที่ไหล่ ไว้เป็นหน้าที่ข้าพเจ้าเถอะ
หานอี้ซินคิดโต้แย้ง แล้วกลับบอกเพียงว่า กระแสน้ำที่ไหลเข้าสู่ทะเลสาบแรงมาก ระวังตัวด้วย
นางแค่นเสียงเฮอะกึ่งรำคาญ บุรุษผู้นี้คิดว่านางทำอะไรไม่เป็นหรืออย่างไร
จากคุณ |
:
big pigdaddy
|
เขียนเมื่อ |
:
วันลอยกระทง 54 10:31:17
|
|
|
|