Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ทางสองแพร่ง ติดต่อทีมงาน

:ทางสองแพร่ง


กลิ่นคาวคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วห้อง ของเหลวสีแดงฉานไหลนองเปรอะเปื้อนพื้นไม้ปาร์เก้เป็นบริเวณกว้าง ร่างที่แน่นิ่งสองร่างซึ่งสวมใส่เพียงชุดนอนกอดกันกลมดิก หนึ่งคือหญิงรูปร่างเพรียวระหงบอบบางส่วนอีกหนึ่งนั้นคือร่างเล็กของเด็กชายอายุราวสิบขวบ สายธารของโลหิตยังหลั่งรินออกมาจากรอยทะลุบริเวณศีรษะทั้งสองไม่ขาดสาย


ใกล้กันนั้นมีร่างหนาของชายอีกคนในชุดเสื้อเชิร์ตสีขาวที่แขนเสื้อทั้งสองข้างพับขึ้นมาจนถึงข้อศอก ท่อนล่างสวมใส่กางเกงผ้าเนื้อดีสีดำนั่งกอดเข่าคุดคู้สั่นสะท้าน หน้าตาบิดเบี้ยวร่ำไห้สะอึกสะอื้น มือขวาที่อ่อนแรงและตกอยู่ที่ข้างลำตัวยังคงกำมัจจุราชโลหะไว้อย่างสั่นไหว ริมฝีปากพร่ำพูดคำขอโทษซ้ำๆ ราวกับพรั่งพรูออกมาจากจิตใต้สำนึก


เหมือนได้สติ ชายหนุ่มปาอาวุธร้ายออกไปสุดแรงจนมันลอยเคว้งไปกระแทกผนังห้องเสียงดังปัง ผงฝุ่นและเศษปูนร่วงกราวก่อนที่เขาจะคลานเข้าไปกอดร่างไร้วิญญาณทั้งสองที่ซีดเซียว


“ไม่นะ...ไม่! “ เขากรีดร้องโหยหวนคร่ำครวญปริ่มจะขาดใจ เขย่าร่างบุตรชายและภรรยาที่อ่อนปวกเปียกจนทั้งสองร่างนั้นแยกออกจากกัน


ฝ่ามือที่เปรอะเปื้อนโลหิตสีแดงเข้มยกขึ้นมาปิดใบหน้ารองรับน้ำตาแห่งการสูญเสีย ลำคอแห้งผากและอกที่ปวดร้าวราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะแรงสะอื้นหนักหน่วง ชายหนุ่มคู้ตัวงองุ้มลงโอบกอดสองร่างของผู้เป็นที่รักไว้ในวงแขนจุมพิตใบหน้าที่มีคราบเลือดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอยู่นาน


ร่างที่มีชีวิตแต่ราวกับไร้วิญญาณยันตัวลุกขึ้นและเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงไปเก็บปืนลูกโม่ที่อยู่ใกล้ผนังห้อง มือหยาบสีแดงจากโลหิตของผู้ที่เขาปลิดชีวิตเอื้อมหยิบมัจจุราชร้ายขึ้นมาอีกครั้ง เขาเซแซ่ดๆ ไปพิงกำแพงห้องก่อนจะรูดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง ชายหนุ่มยกปืนขึ้นช้าๆ จนกระทั่งอยู่ในระดับเดียวกับศีรษะแล้วหันปากกระบอกเข้าที่ขมับของตน ดวงตาอ่อนล้าค่อยๆ ปรือปิดลง เพียงแค่ออกแรงเหนี่ยวไกที่นิ้วของเขาสอดอยู่เรื่องราวทุกอย่างก็จะจบสิ้นลง...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่บานประตูจะเปิดออก ชายหนุ่มละสายตาจากกองเอกสารในแฟ้มงานตรงหน้าเพื่อเหลือบตามองผู้มาเยือน


“สวัสดีอาจารย์” ชายกลางคนในชุดซาฟารีสีสดที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมเนื้อดีเชิดหน้ากล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มมุมปากซึ่งดูน่ารังเกียจอย่างบอกไม่ถูก เขาเดินนำหน้าโดยมีชายในชุดซาฟารีสีเทาสวมแว่นกันแดดสีดำสนิทถือกระเช้าหวายใบใหญ่บรรจุผลไม้หลากหลายชนิดตามมาเบื้องหลัง


“สวัสดีครับท่านนายกฯ ไม่ทราบว่ามาหาผมถึงที่มหาวิทยาลัยมีอะไรให้ผมรับใช้อีกหรือครับ? “ อาจารย์หนุ่มถามไถ่เสียงเรียบ


“ไม่มีอะไรหรอก ครั้งนี้ผมแค่จะมาขอบคุณที่อาจารย์ช่วยเซ็นรับรองแบบก่อสร้างให้ผมคราวที่แล้ว” ชายผู้อาวุโสนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามชายหนุ่มอย่างถือวิสาสะ เขายกขาข้างหนึ่งพาดไว้ที่ขาอีกข้างอย่างอวดเบ่ง พยักหน้าเป็นสัญญาณให้ผู้ติดตามวางกระเช้าผลไม้ไว้ที่โต๊ะแล้วโบกมือไล่ออกจากห้องไป


“ท่านไม่น่าจะมาถึงที่นี่นะครับ มันดูไม่ค่อยดี” ชายหนุ่มพูดปรามอย่างรักษามารยาท


“จะที่นี่หรือที่ไหนก็เหมือนกันนั่นล่ะ เรามันคนกันเองอาจารย์น่าจะรู้ดี ร่วมงานกันมาหลายปีดีดักแล้วนา” ชายสูงวัยแสยะยิ้ม


“ผมเกรงว่าจะตกเป็นเป้าโจมตีได้ไม่ว่าจะกับท่านหรือว่าผม และงานของเราอาจไม่ราบรื่น” อาจารย์หนุ่มพยายามอธิบาย


“คุณจะกลัวอะไร ผมเป็นผู้มีอิทธิพลใครหน้าไหนมันจะกล้า กับอาจารย์การที่ได้รู้จักกับผมมันน่าจะเป็นการดีสำหรับคุณมากกว่านะ อย่างน้อยๆ คุณอาจจะมีโอกาสก้าวหน้าเร็วยิ่งขึ้นหากได้รับการสนับสนุนจากผม แล้วที่คุณได้ไต่เต้าจนเป็นถึงรองคณะบดีทั้งๆ ที่อายุยังเท่านี้คงไม่ต้องบอกนะว่าเพราะอะไร? และเพราะใคร? ” ชายสูงวัยลำเลิก  


“ผมต้องขอบคุณท่านที่กรุณากับผมครับ” ชายหนุ่มกัดฟันตอบ


“เอาเถอะ เดี๋ยวจะมีงบจากส่วนกลางมาให้ทางอบจ.จัดสร้างสะพานอีกแห่งและผมจะตั้งคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญเซ็นรับรองเหมือนเดิมนะ” ชายมีอายุแจ้ง


อาจารย์หนุ่มกลืนน้ำเหนียวๆ ลงคอที่จู่ๆ ก็แห้งผากขึ้นมาอย่างฉับพลันแต่ก็พยักหน้ารับทราบแต่โดยดี


“วิชาชีพของคุณมันทำเงินได้ดีนะ ผมว่าลูกชายของอาจารย์ก็น่าจะให้เจริญรอยตามพ่อของเขา ผมไปก่อนล่ะ อ้อ! ผลไม้พวกนี้มันเสียง่ายรีบกินซะล่ะ รีบๆ กินให้หมดวันนี้เลยก็ดีนะ แต่ผมมันใจแคบเอามาให้อาจารย์ก็หวังว่าอาจารย์จะกินแค่คนเดียว” ชายอาวุโสลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไปด้วยเสียงหัวเราะเหยียดหยามที่ดังก้องเสียดแทงอยู่ในโสตประสาทของชายหนุ่มซึ่งยังคงนั่งนิ่งอยู่


เมื่อเสียงบานประตูปิดลงอาจารย์หนุ่มก็แทบเต้นเร่า หัวใจนั้นร้อนรุ่มด้วยความรู้สึกรังเกียจในสิ่งที่ตนได้กระทำมาเนิ่นนาน เขาใช้ความรู้และใบอนุญาตประกอบวิชาชีพในสายวิชาที่เขามุมานะร่ำเรียนไปในทางมิชอบเพื่อแสวงหาประโยชน์สนองตอบความโลภและกระหายในความก้าวหน้าของตนอย่างไร้ยางอาย ความรู้ดีชั่วถูกกระแสอันเชี่ยวกรากแห่งความละโมบถาโถมจนหมดสิ้น


ในครั้งแรกเขาทำด้วยความอึดอัดกระอักกระอ่วน การจรดปากกาลงในแต่ละครั้งนั้นเป็นไปด้วยอาการสั่นไหวหวั่นกลัวไปต่างๆ นานา แต่ไม่นานหลังจากนั้นความหอมหวานอันน่าอภิรมย์ของน้ำเงินที่บันดาลทุกสิ่งที่เขาต้องการกลับลบล้างความรู้สึกผิดให้จางลงจนแทบไม่เหลือหลอ


เขามีรถยนต์คันหรู มีบ้านหลังใหญ่โอ่อ่า มีเงินทองให้ใช้จ่ายอย่างสนุกมือ ความฟุ้งเฟ้อของเขานั้นสร้างความแตกต่างจากเพื่อนร่วมอาชีพที่รับเพียงเงินเดือนของการเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาในรั้วมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัดเพียงอย่างเดียว เขาวนเวียนใช้ชีวิตสังสรรค์อยู่ในสังคมของผู้มีอิทธิพลและบรรดาผู้มีอันจะกินที่ไม่โปร่งใสนักในจังหวัด เป็นที่นับหน้าถือตาเพราะอำนาจบารมีของคนที่หนุนหลังเขา สังคมที่ต่างก็อาศัยประโยชน์จากกันและกัน สังคมที่ต่างก็ซ่อนมีดไว้เบื้องหลังซึ่งพร้อมจะเงื้อง่าประหัตประหาร


แต่แล้วในวันนี้ วันที่เขาถูกตอกย้ำในสถานะแห่งตน ไม่ว่าจะด้วยความเป็นผู้มีวิชาชีพ ความเป็นอาจารย์ และ...ความเป็นพ่อ ก็ทำให้เขารู้สึกละอายขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ แต่เหมือนกับการขึ้นขี่บนหลังเสือหากกระโดดลงไม่พ้นต้องถูกฉีกเนื้อเป็นชิ้นๆ


อาจารย์หนุ่มทุ่มกระเช้าผลไม้ลงที่พื้นอย่างต้องการระบายความกรุ่นโกรธ ข้าวของในกระเช้ากระเด็นกระดอน แต่แล้วไม่คาดฝันธนบัตรสีเทาที่ถูกมัดเป็นฟ่อนก็ลอยหวือกระจัดกระจายพ้นออกมาจากฝอยกระดาษที่ใช้รองฐานกระเช้า ชายหนุ่มย่อตัวลงเก็บขึ้นมา แบงค์ใหม่เอี่ยมมีสายพลาสติกจากธนาคารมัดแยกไว้จำนวนห้ามัด ...นี่กระมังนัยที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้นั้นย้ำก่อนจากไป


ชายหนุ่มหยิบปึกธนบัตรทั้งหมดเก็บใส่กระเป๋าเอกสารของเขาก่อนจะเดินออกไปบอกกับเจ้าหน้าที่ด้านนอกให้ตามแม่บ้านมาทำความสะอาดเศษผลไม้ที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น เขาพ่นลมหายใจปัดเป่าความรู้สึกขยะแขยงที่เก็บกดอยู่ในจิตใจออกไป...ช่างปะไรในเมื่อเขายังต้องกินต้องใช้เลี้ยงปากท้อง ไม่ลำพังแค่ตนเองแต่ยังมีทั้งบุตรชายเล็กๆ และภรรยาที่ต้องดูแล


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อาจารย์หนุ่มตัวชาวาบรู้สึกหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจเมื่อภาพที่ปรากฏตรงหน้าในจอโทรทัศน์คือเศษซากปรักหักพังของสะพานข้ามทางแยกที่ตัวเขาลงลายมือชื่อรับรองการก่อสร้างเมื่อไม่ถึงหนึ่งปี โครงสร้างและวัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานจากการทุจริตอันฟอนเฟะทำให้สะพานใหม่เอี่ยมที่เพิ่งถูกเปิดใช้ได้ไม่นานไม่อาจทานทนการใช้งานอันหนักหน่วงจากการเป็นเส้นทางลำเลียงสินค้าการเกษตรและโลหะหนักจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่เทียวไปมาวันละนับร้อยนับพันเที่ยวได้ ไม่กี่เดือนให้หลังมันจึงพังครืนลงมาทับผู้คนที่สัญจรอยู่ด้านล่าง หลายชีวิตต้องสูญเสียและหลายคนที่บาดเจ็บจนยากจะเยียวยา


ข่าวใหญ่ครึกโครมถูกประโคมขึ้นอย่างเอิกเกริก เรื่องราวอันดำมืดของการแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบภายในองค์การบริหารส่วนจังหวัดถูกรื้อฟื้นตีแผ่ออกมาเรื่อยๆ อีกหลายต่อหลายโครงการ ชายอาวุโสผู้ชักนำเขาเข้าสู่วังวนอันน่าอดสูนั้นถูกจองจำและขาดใจตายจากโรคเก่าที่รุมเร้าภายในเรือนจำ แต่การขุดคุ้ยกลับยังไม่ยุติและผลแห่งการค้นหาความจริงต่างก็โยงใยมาถึงเขาอย่างยากที่จะปฏิเสธ
ความยุ่งยากต่างๆ ประเดประดังเข้าหาเขาจนเหนื่อยล้าแทบล้มทั้งยืน ทรัพย์สินที่เคยมีกลับร่อยหรอลงเพื่อใช้ในการวิ่งเต้นให้พ้นการตรวจสอบ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ราวกับวิ่งหนีเงาของตน ความผิดที่เขากระทำไล่ตามหลังอย่างไม่ลดละ และในทางตรงกันข้าม ยิ่งเขาพยายามสะบัดมันให้พ้นตัวสักเท่าใดมันก็กลับยิ่งพันธนาการรัดรึงจนเขาแทบไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้

นี่กระมัง ”ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” อาจารย์หนุ่มรู้ซึ้งไปจนถึงก้นบึ้งแห่งจิตใจก็ครานี้ แต่ก็นั่นล่ะในเมื่อเขานั้นก้าวเดินมาไกลเกินกว่าจะกลับตัวได้คงไม่พ้นต้องดิ้นรนจนกว่าจะหมดสิ้นหนทาง


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อาจารย์หนุ่มก้าวเดินกะปลกกะเปลี้ยเข้ามายังห้องทำงานภายในบ้านใหญ่โตของเขายามดึกดื่นในคืนหนึ่ง ชายหนุ่มนอนแผ่ลงบนโซฟาหนังราคาแพงทั้งๆ ที่มันน่าจะสร้างความสบายให้คลายจากความเหนื่อยล้าแต่สำหรับเขามันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เปลวไฟร้อนระอุที่สุมอยู่ในอกนั้นลามเลียจนร้อนรน อาจารย์หนุ่มยกแขนขึ้นก่ายบนหน้าผากดวงตาเบิกกว้าง เขายันตัวลุกขึ้นช้าๆ เดินไปควานหาเอกสารในกระเป๋าก่อนที่จะดึงกระดาษสามสี่แผ่นในนั้นออกมา


เขากวาดสายตาอ่านมันอีกครั้งแต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรข้อความที่เคยผ่านตาเขามานับสิบนับร้อยก่อนหน้านี้ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม กระดาษแผ่นหนึ่งคือหนังสือแจ้งจากอธิการบดีถึงการสอบสวนวินัยร้ายแรงซึ่งผลคือเขามีความผิดและต้องพ้นสภาพจากการเป็นอาจารย์ในสถาบันอันทรงเกียรติ และอีกแผ่นคือหมายเรียกเพื่อสอบปากคำยังสถานีตำรวจในฐานะผู้ร่วมกระทำความผิด เขานึกกระหวัดไปถึงผู้มีอิทธิพลหลายคนที่เขาไปขอพึ่งซึ่งต่างก็ปฏิเสธอย่างไม่ใยดี หรือว่าตัวเขาเดินมาจนถึงทางตันเสียแล้ว?


ร่างหนาเดินโซซัดโซเซออกมาจากห้องทำงานแล้วมุ่งตรงไปยังห้องนอนที่ทั้งบุตรและภรรยาหลับใหลอยู่ ในมือเขากระชับมัจจุราชสีตะกั่วที่มีกระสุนอยู่เต็มรังเพลิง อาจารย์หนุ่มปลุกปลอบตัวเองให้ตั้งมั่นในสิ่งที่ตนกำลังจะกระทำ เขาจะไม่ตัดช่องน้อยแต่พอตัว เขาจะไม่ปล่อยให้ทั้งลูกแก้วและเมียรักต้องเผชิญโชคชะตาที่จะตามมาในภายหลังเพียงลำพัง ในเมื่อเขาเป็นผู้เริ่มเขาก็จะยุติเรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวของเขาเอง


“กรี๊ด! “...“เปรี้ยง! “ เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวสุดขีดและพญามัจจุราชที่แผดดังก้องพร้อมกับเปลวไฟที่แลบแปลบออกมาจากปลายกระบอกปืนที่จ่อแนบกับศีรษะซึ่งมีเรือนผมยาวสยาย ลูกกระสุนทะลุทะลวงเป้าหมายที่มันหมายมาดเอาชีวิต ร่างของหญิงสาวที่มีเด็กชายซุกอยู่ที่อกทรุดฮวบลง เด็กน้อยร้องลั่นอย่างขวัญเสีย วงแขนรัดร่างผู้เป็นมารดาแน่นสุดกำลังด้วยความหวาดกลัวก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นอีกหนึ่งนัด แล้วความเงียบสงัดก็กลับมาเยือนอีกคราว


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกเบิกตาโพลงในความมืดมิดยามวิกาล เขาป่ายมือสะเปะสะปะไปรอบกายก็พบกับร่างอบอุ่นนุ่มนิ่มที่ยังคงหลับใหลอยู่เคียงข้าง อาจารย์หนุ่มเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง แสงสลัวสีส้มอ่อนส่องให้เห็นว่าเขายังนอนอยู่บนเตียงภายในห้องนอนในบ้านของเขา เรือนหอหลังเล็กขนาดสามห้องนอนที่เขาเป็นเจ้าของจากการเก็บหอมรอมริบในการทำงานด้วยสายอาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัย แม้จะไม่ได้โอ่อ่าหรูหราแต่ก็ถือได้ว่าเหมาะสมตามฐานะและเพียงพอสำหรับในการสร้างครอบครัวเล็กๆ ของเขา


ชายหนุ่มสอดแขนเข้าที่เอวของภรรยาแล้วดึงร่างของเธอมากอดแนบแน่น หน้าท้องนูนๆ ที่ยื่นออกมาของเมียรักทำให้เขาต้องค้อมตัวไม่ให้บดเบียดรบกวนทารกน้อยที่อยู่ในครรภ์ของเธอ ร่างอวบอิ่มขยับตัวเมื่อรู้สึกถึงไออุ่นและริมฝีปากที่นุ่มชื้นของผู้เป็นสามี หญิงสาวค่อยๆ ปรือตามอง เมื่อเห็นคราบน้ำตาที่ยังเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าของสามีหนุ่มเธอก็ตื่นขึ้นอย่างเต็มที่


“เป็นอะไรไปคะ? “ น้ำเสียงของเธอยังไม่เป็นปกตินักเพราะถูกปลุกขึ้นกลางดึก


“พี่ฝันร้าย ฝันร้ายมากๆ ” เขาซุกใบหน้าลงบนบ่าเนียนของผู้เป็นภรรยาที่นอนตะแคงหันเข้าหาเขา


“ฝันร้ายจะกลายเป็นดี ขวัญมานะคะ ขวัญมา” หญิงสาวลูบหลังให้อย่างปลอบประโลม อาจารย์หนุ่มพยักหน้าอยู่ที่ไหล่ของเธอ


“อยู่กับพี่ที่เป็นแค่อาจารย์กินเงินเดือนอย่างนี้ หนูลำบากมั้ย? “ ชายหนุ่มจ้องตาผู้เป็นภรรยาโดยที่ยังไม่คลายอ้อมแขน


“ไม่เลยสักนิดค่ะ อยู่กับพี่หนูมีความสุขที่สุดแล้ว เพียงแต่ว่าเรากำลังจะมีลูกด้วยกันถ้าเป็นไปได้หนูก็อยากให้เรามีรายได้เพิ่ม” ผู้เป็นภรรยาตอบ สามีหนุ่มนิ่งอึ้งไปชั่วอึดใจ “หนูคิดว่าหนูจะหางานมาทำบ้างหลังจากที่ทิ้งมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวอยู่นาน หนูไม่อยากผลักภาระทุกอย่างให้พี่ต้องรับผิดชอบ นี่คือครอบครัวของเรา หนูเองก็อยากร่วมมีส่วนรับผิดชอบด้วย งานฟรีแลนซ์ทำที่ไหนก็ได้คงไม่หนักมาก และรับรองว่าหนูจะดูแลงานบ้านที่มีไม่ให้ขาดตกบกพร่อง พี่อนุญาตมั้ยคะ? ” หญิงสาวขอความเห็นจากผู้เป็นสามี


“แต่พี่ไม่อยากให้หนูต้องเหนื่อย ไหนจะงานบ้าน ไหนจะต้องดูแลลูก พี่ว่าจะรับงานข้างนอกมาทำด้วย เราจะได้พอมีพอใช้กันมากกว่านี้” ชายหนุ่มทัดทาน


“เถอะค่ะหนูทำได้ ถึงจะไม่ได้มีเงินเป็นกอบเป็นกำแต่เราก็แค่ช่วยกันใช้จ่ายอย่างประหยัด และถ้าเราอยู่กันอย่างพอเพียงหนูก็ว่าครอบครัวของเราคงจะอยู่อย่างมีความสุขได้ ขอให้หนูได้ภาคภูมิใจในการแบ่งเบาภาระจากพี่บ้างเถอะนะคะ ” ภรรยาสาวตอบอย่างอ่อนหวาน


“ขอบใจจ้ะ ขอบใจมาก” อาจารย์หนุ่มกระชับอ้อมกอดอีกครั้ง


ชายหนุ่มยังคงครุ่นคิดในขณะที่ผู้เป็นภรรยาเข้าสู่ห้วงนิทราในอกของเขาไปนานแล้ว พรุ่งนี้เขาจะเดินทางไปปฏิเสธสิ่งที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่เขาเพิ่งได้รู้จักเมื่อไม่นานเสนอให้ด้วยตนเอง ปฏิเสธอย่างนุ่มนวลแต่ทว่ากล้าหาญด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว...  

===========================================

ขอน้อมรับทุกคำวิจารณ์สำหรับการปรับปรุงงานเขียนต่อๆไปค่ะ


ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านนะคะ ลูกสาว

แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 54 00:20:19

แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 54 23:44:36

แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 54 18:54:09

จากคุณ : กาแฟเย็นเพิ่มช็อต
เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 18:20:35




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com