Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
รักวุ่นวายของนายเหมียว บทที่ 7 : สัญญาของหนึ่งคนกับหนึ่งแมว (จะรอดไหมนี่ ติดต่อทีมงาน

บทที่ 7 : สัญญาของหนึ่งคนกับหนึ่งแมว (จะรอดไหมนี่)


กวินยืนกอดอกมองชายหนุ่มที่เผ่นไปยืนอยู่มุมห้องด้วยสีหน้ายิ้มๆ ขณะที่นิรินธน์มองอีกฝ่ายอย่างหวาดสยองสลับกับมองร่างของตัวเองที่ตอนนี้ขึ้นไปนอนหมอบบนเตียงด้วยท่าทางของแมว เรื่องอยากได้ร่างของตัวเองคืนมาน่ะเป็นของแน่ แต่จะให้แลกกับความบริสุทธิ์ที่เขารักษามาถึง 32 ปีเต็มกับไม้ป่าเดียวกันนี่ ไม่ว่าใครก็ต้องคิดหนักกันทั้งนั้น  

“ลองซิจ๊ะ นะจ๊ะ มันจะไปยากอะไร ทำไมไม่ลองซักที ไม่ลองไม่รู้นะจ๊ะ ก็จะได้รู้กันไปว่าใครเป็นใครล่ะทีนี้ ลองซิจ๊ะ นะจ๊ะ ถ้ามีปัญหาอะไรมันจะได้เคลียร์ซักที”

ยมทูตหนุ่มร้องเพลงอย่างยั่วๆ พลางยักคิ้วประกอบ ชายหนุ่มยิ่งส่ายหัวยิก ยมทูตอะไรเจ้าเล่ห์จริงๆ แทนที่จะบอกวิธีแก้ไขให้แต่โดยดี กลับเอาเรื่องใหญ่ในชีวิตของผู้ชายอย่างเขามาเป็นข้อต่อรอง แค่คิดเขาก็อยากจะอาเจียนแล้ว

“ผมไม่ไหวหรอกกี่วี่”

“งั้นฉันก็ไม่บอกวิธีแก้ไขให้เธอ”  

“โธ่! ก็คุณบอกเองว่าผมยังไม่ถึงฆาต ถ้าคุณเอาวิญญาณผมไปก็เท่ากับคุณทำบาปนะ”

“นี่แหละมนุษย์ อ้างบุญอ้างบาปกันยันเต ถามจริงเหอะจะมีกี่คนที่รู้สึกอย่างปากว่า”

กวินสวนคำกลับทันที ตั้งแต่เจอกันก็มีคราวนี้แหละที่นิรินธน์รู้สึกว่าอีกฝ่ายพูดถูก แต่ยังไงก็ตาม ตอนนี้เขายังไม่อยากเปิดเวทีปาฐกถาเรื่องบุญบาป แต่ต้องรีบคิดว่าทำยังไงถึงจะรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองไว้ให้นานที่สุด

“เฮ่ย เราปั่มปั๊มกันทางวิญญาณ ไม่ใช่กับร่างของเธอเสียหน่อย ยอมเถอะน่าพ่อรูปหล่อ แล้วฉันจะบอกวิธีเอาร่างคืนให้”

“ไม่เอา ร้อยไม่พันไม่ ตราบาปทางวิญญาณมันหนักกว่าทางร่างกายอีกนะ”

ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงหลง นี่มันกรรมเวรอะไรแต่ชาติปางไหนของเขานะ เสียร่างให้แมวยังไม่พอ วิญญาณยังถูกยมทูตเกย์จ้องจะฟันอีก กวินขยับไปนั่งที่โซฟาในห้องด้วยท่าทางยั่วยวน นัยน์ตาหยาดเยิ้มจ้องมาที่หนุ่มหล่อระดับติดทอปที่สาวๆ ทั้งประเทศอยากได้เป็นแฟน

“คิดดูดีๆ น้า นิรินธน์ ครั้งเดียวกับการได้ร่างคืน คุ้มสุดคุ้มเลย โปรโมชั่นนี้ไม่มีที่ไหนอีกแล้วนะจ๊ะ ไม่แน่นะ เธออาจจะติดใจก็ได้ ค่อยๆ คิดไปก็ได้ เอ๊! เมื่อกี้ฉันบอกว่าเธอมีเวลากี่วันนะ 49 วันใช่ไหม ตอนนี้ก็ผ่านไปแล้ว...”

นาฬิกาเรือนหรูปรากฏขึ้นที่ข้อมือของกวิน ยมทูตหนุ่มแกล้งนับชั่วโมงแล้วก็บอกว่า

“โอ๊ะโอ! เธอเป็นวิญญาณหลงทางมาแล้วสองอาทิตย์ อืม เธอประสบอุบัติเหตุตอนสี่ทุ่ม ตอนนี้สิบเอ็ดโมงครึ่งแล้ว เธอมีเวลาเหลือ 35 วันกับอีกสิบเอ็ดชั่วโมง สามสิบนาที สิบสองวินาที ไม่ต้องรีบก็ได้จ้ะ โฮะๆๆๆ”

นิรินธน์รูดตัวลงนั่งแปะกับพื้นห้องอย่างห่อเหี่ยว หมดกันความบริสุทธิ์ที่เขาหวงแหนมาแสนนาน ดวงตาสีน้ำตาลช้อนขึ้นมองหน้ากวินอย่างน่าสงสารพลางถามเสียงอ่อนระโหย      

“ผมไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วหรือไง กีวี่”    

“ดูทำท่าเข้า”

“แล้วจะให้ผมดีใจหรือไง เอาเหอะ คุณจะทำอะไรผมก็ทำ ผมยอมแล้ว”

พูดจบก็ฝืนใจนอนคว่ำพังพาบลงกับพื้นห้อง เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องทำ เขาจะยอมให้แมวที่ไหนไม่รู้มาครอบครองร่างได้ยังไง แล้วไหนจะเรื่องสารพัดโปรเจคท์ที่ต้องทำอีก แมวจะรู้อะไร ถ้าบริษัทมีอันต้องเจ๊งพวกพนักงานจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ ชายหนุ่มหลับตาปี๋เมื่อรู้สึกถึงการใกล้เข้ามาของกวิน พวกสัตว์ที่ถูกจับบูชายัญคงรู้สึกอย่างนี้แหละ เขาได้ยินเสียงเหมือนวัตถุอย่างหนึ่งตกพื้น น่าจะเป็นหัวเข็มขัดกระมัง นิรินธน์รู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานเหลือเกิน แปลกที่เขาไม่รู้สึกอะไร อาจเพราะเขาเป็นเพียงวิญญาณก็ได้  


“ลุกขึ้นเถอะย่ะ เห็นสภาพแล้วทำไม่ลง”

ราวเสียงสวรรค์ นิรินธน์รีบลุกขึ้นนั่งทันทีเหมือนกลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ พอเห็นเต็มตาเขาก็ทำหน้าปุเลี่ยนๆ เพราะดูเหมือนว่ายมทูตหนุ่มจะไม่ได้ลุกออกมาจากโซฟาตัวนั้นเลย กำลังจะอ้าปากถาม กวินก็พูดขึ้นเสียก่อน

“ฉันนั่งมองเธออยู่ตรงนี้แหละ ไม่ได้ลุกเลย ฉันจะดูว่าเธอจะทำยังไงต่อไป”

“อ้าว! แล้ว...”

“เคยได้ยินไหมจิตกำหนดรูป ที่เธอรู้สึกว่าฉันไปยืนใกล้ๆ  หรือแม้แต่ได้ยินเสียงหัวเข็มขัดตกกระทบพื้นน่ะ จริงๆ มันไม่มีสักอย่าง เธอกำหนดไปเองทั้งนั้น” กวินตบลงที่เบาะข้างตัว “ขึ้นมานั่งนี่ เลิกกลัวฉันได้แล้วน่า”

นิรินธน์มองตำแหน่งนั้นอย่างแหยงๆ ถึงจะบอกว่าไม่ทำแล้ว แต่จะให้เชื่อทันทีมันก็ยากอยู่ ทว่าพอเห็นหน้าสวยเริ่มจะหงิกก็รีบลุกขึ้นไปหา หากทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามแทน

“ไม่ทำแล้วจริงนะ”

“มันประเจิดประเจ้อ อีกอย่างฉันก็ไม่นิยมฝืนใจใครย่ะ ขืนพูดแบบนี้อีกฉันจะเปลี่ยนใจจัดการเธอทั้งที่ไม่ยอมนี่แหละ เอามั้ย”

“ไม่เอาครับ”

“งั้นก็สงบปากสงบความคิด ฉันจะบอกให้ ตัวช่วยของเธอคือผู้หญิงคนนั้น” กวินบอกพลางชี้ไปที่โมเรส “เพราะหล่อนมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องทั้งเธอและแมว”

“แล้วต่อจากนั้นล่ะครับ”

“เป็นหน้าที่ของพวกเธอที่จะต้องหาวิธีให้เจอ”

“อ้าว! ปัดกันง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอครับ”

“ไม่ได้ปัด แต่ฉันบอกได้แค่นี้ ถ้าบอกหมดพวกเธอก็จะไม่ดื้นรนขวนขวายเอาเองเลย แต่ปัญหาใหญ่คือ แม่หนูคนนั้นมองไม่เห็นเธอ ฉะนั้นอย่างแรกที่เธอต้องทำคือให้แม่หนูนั่นเห็นเสียก่อน มันสำคัญที่เธอจะทำได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง”  

“แล้วกัน ถ้ายัยซุ่มซ่ามไม่เห็นผมตลอดไป ผมก็ต้องเสียร่างให้เจ้าเหมียวนั่นไปสิ”

“ฉันบอกแค่ว่าแม่หนูนั่นไม่เห็นเธอเท่านั้นนะ เอาล่ะ ฉันขอตัวไปจับวิญญาณแถวนี้ก่อน ระหว่างนี้ก็คิดไปว่าจะติดต่อกันยังไง ไปล่ะ ที่รัก”

ไม่พูดเปล่า ยมทูตหน้าสวยยังโน้มหน้าเข้ามาจูบปากเขาทีหนึ่งก่อนหายตัวไปอย่างรวดเร็ว นิรินธน์รีบถูปากตัวเองอย่างขยะแขยง เล่นทีเผลอนี่หว่า ไหนว่าจะไม่ทำอะไรเขาแล้วไง

“ฉันบอกว่าไม่ปั่มปั๊ม แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่หาเศษหาเลยจากเธอนี่ พ่อรูปหล่อ ฮิๆ”

กวินส่งเสียงลอยลมมา เล่นเอาชายหนุ่มสะดุ้งเหลียวมองไปรอบๆ อย่างระแวง พอไม่เห็นคู่กรณีก็ถอนใจอย่างโล่งอก ก่อนนั่งมองโมเรสอย่างครุ่นคิด ให้หล่อนมองเห็นเขาให้ได้หรือ จะทำอย่างไรดี เวลาก็กระชั้นเข้ามาแล้ว นิรินธน์ทิ้งศีรษะลงที่พนักโซฟาเงยหน้ามองเพดานอย่างเครียดๆ เขาหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน โมเรสจะช่วยอย่างไรเขาก็ยังมองไม่ออก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรเจ้าเหมียวนั่นถึงมาครอบครองร่างเขาได้


โซฟาตำแหน่งข้างตัวเขายวบลงตามน้ำหนักตัวของผู้นั่ง นิรินธน์ลืมตาขึ้นเหลียวขวับไปมองทันที ก็เห็นร่างของตัวเองเข้ามานั่งประชิดตัวอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แถมยังจ่อหน้าเข้ามาชิดเสียอีก

“เฮ้ย!”

“ตกใจอะไร นายหน้าขาว”

ร่างของเขาพูดเสียงห้วนอย่างไม่ชอบขี้หน้า และอดหมั่นไส้ไม่ได้ คนอะไรตกใจหน้าตัวเองก็ได้ด้วย

“ก็ตกใจนายน่ะสิ เอ๊ะ! นี่แกมองเห็นฉันเรอะ เจ้าเหมียว”

“ไม่เห็นจะมานั่งพูดด้วยหรือไง แล้วอย่าเรียกผมว่าเจ้าเหมียว ผมชื่อมิลค์ จำไว้ด้วย นายหน้าขาว”

มิลค์พูดไปแล้วก็อดขำตัวเองขึ้นมาไม่ได้ สงสัยอยู่กับนายเตมากไปจนติดเชื้อความปากจัดแน่ๆ ส่วนนิรินธน์ทำหน้าหงิกที่ถูกเรียกแบบนั้น

“นายก็เลิกเรียกฉันว่านายหน้าขาวด้วย ฉันชื่อนิรินธน์”

“เรียกยาก เรียกนายหน้าขาวแหละเหมาะ”

“งั้นฉันก็จะเรียกนายว่าเจ้าเหมียว”

“ไม่ให้เรียก”

“จะเรียก”

ทั้งแมวทั้งคนต่างไม่มีใครยอมใคร วินาทีนั้นเองเขามองเห็นแมวสีขาวกระโจนขึ้นมายืนอยู่บนโซฟา ขนฟูตั้งชัน ปลายหางโค้งลงนิดๆ ขู่เสียงดังอย่างพร้อมที่จะต่อสู้เต็มที่ แต่พอกะพริบตาอีกทีก็เห็นร่างของตัวเองกำลังโก่งหลังแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ อยู่แทนที่ นิรินธน์เห็นกิริยานั้นแล้วก็ได้สติพลางยกมือกุมขมับตัวเองอย่างรับไม่ได้

“โอเคๆ มิลค์ ฉันยอมนาย แล้วขอที ตอนนี้นายอยู่ในร่างฉัน กรุณาอย่าเอาท่าทางแบบแมวมาใช้ได้ไหม”

“พูดกันง่ายๆ แต่แรกเก๊าะจบแล้ว”

มิลค์บอกพลางขยับตัวนั่งห้อยเท้าแบบที่นายโมสอน เป็นคนนี่ลำบากชะมัด ต้องใส่เสื้อผ้า ต้องใส่รองเท้า โน่นนี่นั่นสารพัด ตอนเป็นแมวไม่เห็นต้องทำแบบนี้ก็ออกไปเดินนอกบ้านได้ ไม่มีใครมองด้วย    

“เดี๋ยว นายมานั่งคุยกับฉันแบบนี้ พ่อกับแม่ฉันไม่ตกใจแย่เหรอ เกิดคิดว่าร่างฉันเป็นบ้าคุยคนเดียวก็ได้อีกจะทำไง ไหนจะยายซุ่มซ่ามอีก เกิดคิดเตลิดแล้วยุ่งเลย”

“นายเรียกใครว่ายายซุ่มซ่าม นั่นเจ้านายฉันนะ” มิลค์ตวัดดวงตาคมวาวจ้องหน้านิรินธน์ ขณะที่มือยกขึ้นกางประหนึ่งจะข่วนคนปากเสียเข้าให้

“เออๆ ไม่เรียกก็ได้ ตอบฉันได้แล้ว”

“ใครจะมาเห็น เขากลับกันไปหมดแล้ว เห็นว่าตอนเย็นๆ จะมาใหม่ ฉันรู้หรอกน่า เฮอะ!”


*** มีต่อฮับ

แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 54 18:27:12

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 18:26:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com