Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
(นิยายกำลังภายใน) วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ตอนที่ 76 ติดต่อทีมงาน

สือหย่งหลุนไม่แน่ใจว่าจะบรรยายความรู้สึกในตอนนี้อย่างไรดี

มันเป็นความเจ็บปวด...ทรมาณจนสุดจะพรรณนา ราวมีเข็มนับสิบหมื่นเล่มทิ่มแทงไปทุกอณู โหมกระหน่ำด้วยอาการปวดแสบปวดร้อนไม่มีเว้นช่องว่าง มันพยายามเกลือกกลิ้งร่างไปกับพื้นหวังบรรเทาอาการเหล่านี้ ทว่าความเจ็บก็ครอบคลุมเสียจนมันไม่รับรู้ถึงสัมผัสอื่นใดเลย กระทั่งตอนนี้ยืนหรือนอนอยู่มันยังบอกไม่ได้ด้วยซ้ำ

นานชั่วกัปชั่วกัลป์ดวงตามันค่อยฉายภาพออกมาให้เห็น ภาพซึ่งพร่าพรายเพราะต้องมองผ่านม่านน้ำตาจากความปวดร้าว

ฟ่านไป่หนิงขยับริมฝีปากพูดกับมันพร้อมน้ำตาเอ่อคลอ แต่หูเด็กหนุ่มอื้ออึงไปด้วยเสียงกรีดร้องก่อนหน้าของตน ต้องใช้เวลาชั่วครู่ใหญ่กว่าจะฟังนางออก

“...พี่หย่งหลุน เป็นอย่างไรบ้าง”

ยามนี้มันนอนแซ่วบนเตียงในห้องตัวเอง ดรุณีน้อยนั่งกุมมือมันอยู่ด้านข้าง เจ้าจื้อสุยยืนหน้าเคร่งถัดจากนาง

“ข้า...เป็นอะไรไป”

สองศิษย์อาจารย์หันมองหน้ากัน ก่อนชายชราจะเป็นฝ่ายเอ่ยว่า

“เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ”

สือหย่งหลุนแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผาก รวบรวมเรี่ยวแรงกล่าวว่า “ท่านซินแสเทวะ ช้าเร็วข้าก็ต้องรู้ รั้งไว้มีแต่ทำให้ไม่สบายใจเสียเปล่า”

เจ้าจื้อสุยส่ายศีรษะอย่างหนักใจ ฟ่านไป่หนิงจึงตัดสินใจตอบแทนมันว่า

“พี่เป็นเช่นนี้เพราะปราณพิษ”

“หา...แต่ปราณพิษในร่างข้ามิได้ถูก...”

“ปราณพิษนั้นยังถูกลมปราณไร้กำหนดดูดซับไว้อยู่” เจ้าจื้อสุยเอ่ยขัด “ทว่าสิ่งใดจักอยู่ยง ลมปราณไร้กำหนดก็ต้องมีวันสูญสิ้นเช่นกัน หากยังนับว่าโชคดีที่มันมิได้หายไปทีเดียวหมด แต่จะค่อย ๆ สลายตัวทีละนิด คาดว่าครั้งนี่คงเป็นการเริ่มสลายตัวครั้งแรก จึงได้ปลดปล่อยปราณพิษบางส่วนออกมาทำร้ายเจ้า”

“แล้วปราณพิษที่โดนปล่อยออกมาหายไปไหนหมด”

เจ้าจื้อสุยมิได้ตอบคำถามนี้ในทันที กลับหันไปแจกแจงว่า

“ตอนที่เจ้ากำลังทุรนทุรายอยู่นั้น ข้าพบว่าปราณพิษในตัวเจ้าทะลักออกมาอย่างมหาศาล แต่ยามนี้กลับหลงเหลือเพียงเบาบาง คาดว่าเมื่อร่างกายตกอยู่ในอันตรายคงมีการหมุนวนลมปราณโดยไม่รู้ตัวเพื่อพยายามปัดเป่าอาการเจ็บปวด ทำให้ปราณพิษวิ่งไปพบลมปราณไร้กำหนดส่วนที่ยังคงอยู่แล้วถูกดูดกลับไปอีกครั้ง เจ้าจึงรอดมาได้”

สือหย่งหลุนหลับตาลง กล่าวเสียงแผ่ว “แต่สักวันลมปราณไร้กำหนดก็คงสลายไปจนหมดใช่หรือไม่”

คนโดนถามระบายลมหายใจอย่างหนักอก

“ตามที่ข้าคำนวณ อย่างเร็วก็อีกสิบปี ความจริงปราณพิษเองก็อาจกำลังสลายตัวเช่นกัน น่าเสียดายที่อัตราการสลายตัวของมันยังช้ากว่าลมปราณไร้กำหนดไม่น้อย...”

ท้ายประโยคชายชราคล้ายอยากกล่าวต่อแต่หยุดคำไว้ ทว่าเด็กหนุ่มก็ทราบดีว่ามันต้องการเอ่ยอันใด

เพียงปราณพิษบางส่วนยังอันตรายขนาดนี้ แล้วมันจะทนได้อีกกี่ครั้งกัน หรือถ้าครั้งหน้าไม่สามารถหมุนวนลมปราณได้ทันการเล่า

สิบปีมิใช่เวลาที่เร็วที่สุดหรอก หากเป็นเวลาช้าที่สุดเท่าที่ร่างกายมันจะคงอยู่ได้ต่างหาก!

ฟ่านไป่หนิงขบริมฝีปากแน่นด้วยอาการไตร่ตรอง ก่อนแววตาจะเปล่งประกายเจิดจ้า พึมพำเบา ๆ “ปราชญ์วิปลาส”

“หือ...ไป่หนิง เจ้าว่าอันใด”

“ปราชญ์วิปลาสอย่างไรเล่า มันเป็นเจ้าของวิชาประหลาดนี้ ก็ควรมีวิธีแก้ไม่ใช่หรือไร” นางผุดลุกโดยเร็ว “ข้าจะไปเขียนจดหมายถึงพ่อ สอบถามที่อยู่ของปราชญ์วิปลาส ข้าจะต้องคาดคั้นวิธีแก้จากมันให้ได้!”

“ไม่มีประโยชน์หรอก” สือหย่งหลุนว่าเสียงแผ่ว “อันที่จริงก็นับว่าน่าเอะใจอยู่แล้ว ถ้าเรื่องปราชญ์วิปลาสบังคับให้คนที่จะฝึกวิชาของมันหาตัวแทนมาเสียก่อน ไฉนถึงไม่มีจอมยุทธเซียนสุขสันต์คนที่สองเกิดขึ้นเล่า แล้วยังวิธีฝึกวิชาลมปราณไร้สำนึกที่อำมหิตจนถ้ามีคนฝึกต่อ ย่อมไม่น่าไร้ร่องรอยการฆ่าคนจำนวนมากเช่นนี้ ทุกอย่างล้วนบ่งบอกว่าปราชญ์วิปลาสอาจตายไปนานแล้วก็ได้”

แววลุกโชนในดวงตาดรุณีน้อยดับวูบในพริบตา ความจริงนางเองก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้บ้างแล้ว ทว่ายังพยายามบังคับตนมิให้นึกถึง ด้วยเพราะนี่เป็นความหวังเดียวในการรักษาสือหย่งหลุน นางยินดีหลอกตนเองว่ายังมีวิธีแก้ไข มากกว่าจะยอมรับความจริงอันน่าสิ้นหวังเช่นนี้

“อาจารย์” นางหันไปหาที่พึ่งพิงสุดท้ายตรงหน้า “ไม่มีวิธีช่วยพี่หย่งหลุนแล้วจริง ๆ หรือ”

จังหวะนั้นสือหย่งหลุนก็ลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือไปแตะบ่านางพลางว่า

“อย่าได้สร้างความลำบากใจแก่ท่านซินแสเทวะเลย แค่นี้ข้าก็รบกวนท่านมามากแล้ว”

กล่าวจบสาวเท้าลงจากเตียง ฟากดรุณีน้อยท้วงขอให้มันพักผ่อนต่อ เด็กหนุ่มกลับว่า

“ข้าแข็งแรงดีแล้วไม่ต้องกังวลหรอก อีกอย่างข้อเสนอของเจ้าก็น่าคิด ถึงปราชญ์วิปลาสตายไปหากมิได้หมายความว่าตำราของมันจะสาบสูญไปด้วยนี่ เรารีบส่งจดหมายไปหาพ่อเจ้า แล้วค่อยเริ่มค้นหาตำราในที่อยู่ของปราชญ์วิปลาสก็ได้”

จากนั้นหันมาประสานมือเคารพเจ้าจื้อสุย

“ต้องขออภัยท่านซินแสเทวะล่วงหน้า แต่หลังได้เบาะแสแล้วข้าคงต้องรีบเดินทางทันที อาจไม่สามารถช่วยงานท่านได้เท่าที่ควร”

ชายชราลูบเคราเบา ๆ เผยสีหน้าจริงจัง “เรื่องงานนั้นช่างมันเถิด แต่ข้าอยากให้เจ้ากับไป่หนิงตามข้าไปที่ห้องเก็บของก่อนเถอะ”

สือหย่งหลุนไม่เข้าใจความนัยอันใด หากเมื่อสังเกตสีหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดของสตรีข้าง ๆ แล้ว ก็คาดว่านี่คงมิใช่กิจวัตรปกติของศิษย์อาจารย์คู่นี้เป็นแน่

**********

จากคุณ : จันทร์พันฝัน
เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 54 18:54:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com