Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๓ ชายหนุ่มและสมมุติฐาน) ติดต่อทีมงาน

ความลับฤดูหนาว  (บทที่ ๑ ศพเดินได้)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11309801/W11309801.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๒ คนบ้าในกรงขัง)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11321605/W11321605.html



บทที่ ๓ ชายหนุ่มและสมมุติฐาน

เช้านี้ฟ้าฉายเกือบตื่นไม่ทันได้ใส่บาตรพระตามที่ตั้งใจไว้เพราะอาการนอนไม่หลับจากเสียงโหยหวนเมื่อคืนนี้ สองตากลมใสทอดมองพระสงฆ์ที่เดินจากไปตามถนนเล็กๆ ที่มุ่งเข้าสู่หมู่บ้านท่ามกลางสายหมอกและไอเย็นยามเช้า สองสาวรีบสอดเท้าเข้าใส่รองเท้าแตะทันที

“ฟ้า...วันนี้เปลี่ยนแผนนะจ้ะ” อรอนงค์หันมาบอกเสียงหวาน ลมปากที่พ่นออกมากลายเป็นไอขาวๆ เพราะอุณหภูมิที่ยังลดต่ำ

“เปลี่ยนแผน...จะไม่ไปไหว้พระธาตุแล้วเหรอ?” ฟ้าฉายเลิกคิ้ว อรอนงค์ออกเดินนำหน้าผู้เป็นเพื่อนกลับเรือนพลางคุยกันไปเรื่อยๆ ดอกปีปที่อยู่บนต้นริมทางเดินมุ่งเข้าสู่ตัวบ้านส่งกลิ่นหอมกรุ่นแต่เช้า ฟ้าฉายก้มลงหยิบเอาดอกสีขาวที่ยังสดๆ ที่หล่นอยู่ใต้ต้นขึ้นมาดมก่อนเอามาทัดหูซ้าย

“เดี๋ยววันนี้ฉันจะพาเธอไปโรงไหม จากนั้นก็ไปโรงไม้ต่อ”

“โรงไหมเหรอ?...” ฟ้าฉายลากเสียงก่อนที่อรอนงค์จะอธิบายให้ฟัง

“คุณอาไพรินทร์ดูแลโรงไหมน่ะจ้ะ ส่วนคุณพ่อดูโรงไม้ ช่วงนี้งานเยอะพอสมควรแต่ดีที่ได้วสันต์มาช่วยงาน” คนพูดบอกเสียงใสแต่ทว่าคนฟังกลับย่นคิ้วครุ่นคิด ตามจริงแล้ววสันต์ควรจะได้ดูแลกิจการโรงไหมต่อจากมารดามากกว่า แต่ว่าเขาเป็นผู้ชาย...ก็คงไม่เหมาะที่จะไปคลุกคลีหรือบริหารกิจการแนวนี้ แต่ว่าคนที่จะรับช่วงกิจการโรงไม้ต่อไปก็น่าจะเป็นเศรษฐพงษ์ แต่ก็อย่างที่เธอเห็น...เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม ผิวพรรณและหน้าตาดี แถมจบปริญญาตรีทางรัฐศาสตร์เหมาะที่จะทำงานราชการหรืองานในออฟฟิศมากกว่าเป็นหัวหน้าคนงานที่ต้องอาศัยความอดทนและความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ ภูมิพงษ์คงมองเห็นข้อนี้ดี

เมื่อขึ้นบ้านมาได้สองสาวก็รีบจัดการแต่งตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีก่อนออกมาทานอาหารเช้าที่บัวเรียวเตรียมไว้ให้ ทั้งนายภูมิพงษ์และเศรษฐพงษ์ต่างก็รีบออกไปโรงไม้ตั้งแต่เช้าทั้งบ้านจึงเหลืออรอนงค์กับฟ้าฉายเพียงสองคน

“แน่ใจนะว่าจะใส่ชุดนี้ไปจริงๆ” อรอนงค์จุดยิ้มหลังจากกวาดมองเรือนร่างอรชรที่ใส่เสื้อยีนตัวหนาและกางเกงขายาวสีดำ ต่อท้ายด้วยรองเท้าหนังหุ้มส้น มือน้อยๆ ทั้งสองข้างสวมถุงมือไหมพรมหนา ที่คอพันด้วยผ้าพันคอผืนบางๆ และศีรษะบังด้วยหมวกปีกใบใหญ่

“ทำไมเหรออร...ไม่ใช่ว่าฉันบ้าแฟชั่นอะไรนักหรอกนะ แต่ว่าอากาศมันหนาวจริงๆ” ฟ้าฉายบอกสีหน้าจริงจังขณะจ้องมองฝ่ายตรงข้ามที่สวมเพียงเสื้อแขนยาวที่ทอจากฝ้ายและกางเกงขายาวธรรมดาๆ เท่านั้นเอง

“เดี๋ยวเธอก็รู้ว่าทำไมฉันถึงแต่งตัวแบบนี้...ปะ ไปกันเถอะ” อรอนงค์ยิ้มน้อยๆ ให้ก่อนและเดินนำหน้าฟ้าฉายลงจากเรือน

โรงไหมคานพิภพตั้งอยู่ภายในหมู่บ้าน เดินจากที่นี่ไปก็ราวๆ สองกิโลเมตร เพราะบ้านคานพิภพอยู่ห่างจากตัวหมู่บ้านร่วมกิโลเมตรแล้ว ท้องนาที่บางส่วนเหลือแต่ตอฟางข้าวเพราะชาวบ้านได้เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้วยังคงปกคลุมด้วยทิวหมอกขาวโพลน ต้นรังและรวกยืนเคว้งคว้างอยู่กลางทุ่ง ลมหนาวเย็นๆ เทียวพัดใส่สองร่างที่เดินทอดน่องเข้าสู่หมู่บ้านอย่างไม่เร่งรีบ ฟ้าฉายตัดสินใจทิ้งหมวกใบโปรดของเธอไว้ที่บ้านเพราะแดดยามเช้ายังไม่ร้อนมากนัก

เมื่อมาถึงท้ายหมู่บ้านฟ้าฉายก็ได้พบกับสถานที่ๆ อรอนงค์บอกว่าเป็นโรงไหมคานพิภพ สภาพสร้างด้วยไม้และเปิดโล่ง ภายในถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองส่วน ด้านซ้ายมีหูก1ตั้งอยู่เป็นสองแถวๆ ละห้าตัว ทุกตัวล้วนมีคนงานนั่งทอผ้ากันอยู่อย่างขะมักเขม้น ส่วนฝั่งขวาเป็นสาวไหม ย้อมไหมและใช้ทำกิจกรรมอื่นๆ ส่วนด้านในทำเป็นห้องใช้สำหรับเลี้ยงไหมและเก็บผ้าที่ทอแล้วบางส่วนรวมทั้งใช้เป็นสำนักงานย่อมๆ ด้วย

นางสุนีย์คนงานเก่าแก่ผู้ช่วยของไพรินทร์รีบลุกออกมาต้อนรับอรอนงค์และผู้เป็นเพื่อน แต่ทว่าเมื่อสองตาของหญิงวัยสี่สิบจ้องมองไปยังสตรีผู้เลอโฉมจากเมืองขอนแก่นที่ยืนเด่นเคียงข้างอรอนงค์เธอก็ก้าวขาถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าซีดเผือดลงอย่างฉับพลัน ริมฝีปากเผยอค้างจนอรอนงค์ต้องรีบเข้าไปเขย่าแขนอีกฝ่ายเบาๆ

“เป็นอะไรรึเปล่าคะคุณป้าสุนีย์...” มือนุ่มนิ่มบีบแขนหญิงสูงวัยเบาๆ ฟ้าฉายชักจะเริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมาเสียแล้ว นี่เป็นคนที่เจ็ดแล้วนะที่จ้องมองเธอราวกับว่ากำลังเห็นผี ตกลงว่าเธอเกิดไปหน้าเหมือนใครเข้าถึงทำให้พวกเขามองเธอด้วยสายตาหวาดกลัวถึงเพียงนี้ สุนีย์พริ้มตาหลับก่อนสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เมื่อลืมตาขึ้นก็ส่งยิ้มให้กับอรอนงค์ที่พยุงตัวเธอไว้ก่อนหันมาปั้นยิ้มส่งให้แขกสาวจากเมืองขอนแก่น

“คุณไพรินทร์บอกไว้แล้วค่ะว่าคุณอรจะพาเพื่อนมาเยี่ยมโรงไหม หนูชื่อฟ้าฉายใช่มั้ยคะ...”

“ค่ะ...สวัสดีค่ะคุณป้า” ฟ้าฉายยกมือขึ้นทำความเคารพก่อนที่หญิงคนงานจะพูดบางอย่างออกมา

“คือแท้ๆ...คืออิหลี...”

“ป้าสุนีย์ว่าอะไรนะคะ?” อรอนงค์เลิกคิ้วก่อนที่นางสุนีย์จะตอบเลิ่กลั่ก

“เปล่าจ้ะ...” เธอยกมือปฏิเสธแต่สีหน้ายังคงยับย่น “เชิญทางนี้จ้ะ เชิญทางนี้...” นางสุนีย์ผายมือก่อนเดินนำหน้าสองสาวเข้าสู่โรงไหม

วันนี้สายตาของไพรินทร์ที่จ้องมองแขกสาวต่างเมืองเต็มเปี่ยมไปด้วยความอาทรและเอ็นดู ไม่แสดงสีหน้าหวั่นวิตกหรือกริ่งเกรงฟ้าฉายเลยแม้แต่น้อย เธอสั่งให้สุนีย์หาน้ำท่ามาต้อนรับแขกทั้งสองก่อนจะพามานั่งคุยกันที่กลุ่มโต๊ะเก้าอี้ที่ตั้งอยู่หน้าห้องเลี้ยงไหม

“วันนี้ว่าจะพายัยฟ้ามาลองทอผ้าดูน่ะค่ะคุณอา...” อรอนงค์เปรยขึ้นก่อนที่สุนีย์จะวางขันน้ำสองแก้วและดักแด้ที่คั่วจนหอมใส่จานเล็กๆ วางไว้ข้างกัน

“ฉันคงต้องออกตัวปฏิเสธตั้งแต่ตอนนี้เลยหละอร...บอกตรงๆ ฉันไม่ถนัดงานพวกนี้เท่าไหร่” ฟ้าฉายยิ้มแหยก่อนที่ไพรินทร์จะหัวเราะน้อยๆ ให้ หญิงสูงวัยสำรวจมองสองสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก่อนเอ่ยถามอรอนงค์

“เออ ว่าแต่...เมื่อคืนนี้อรเอาผ้าซิ่นของคุณแม่มาให้เพื่อนใส่เหรอ?”

“ค่ะ เป็นผ้าซิ่นสีแดงลายสร้อยดอกหมากของคุณแม่ อรเห็นมันเก็บไว้นานแล้วแต่ก็ไม่มีโอกาสได้ใส่ซักที เลยเอามาให้ฟ้าฉายใส่น่ะค่ะ” นางไพรินทร์พยักหน้าหงึกหงักตามผู้เป็นหลานสาว บุคลิกสุขุมเย็นชาทำให้เธอเป็นคนที่คาดเดาอารมณ์และความคิดได้ยาก

“ผ้าซิ่นผืนนั้น...จันทร์หอมเป็นคนทอให้ขจีเกศเอง” คำตอบที่ได้ยินทำเอาสองสาวตกใจไปตามๆ กัน ฟ้าฉายกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ สองตาเพ่งมองหญิงคราวแม่จริงจัง... ผ้าซิ่นที่จันทร์หอมทอให้แม่ขจีเกศงั้นเหรอ?

“เอ่อ...คุณอาไพรินทร์ค่ะ ผ้าไหมผืนนึงเนี่ย นำมาตัดเป็นผ้าซิ่นได้สักกี่ผืนกันคะ” ฟ้าฉายเอ่ยถามเสียงใสก่อนที่อรอนงค์จะหันไปมองหน้าผู้เป็นเพื่อนอย่างสงสัย

“ก็...สักสองสามผืนได้จ้ะ” ไพรินทร์ว่า สองตาของหญิงวัยห้าสิบจ้องหน้าฟ้าฉายตรงๆ หญิงสาวจากเมืองขอนแก่นจุดยิ้มน้อยๆ ก่อนเอียงคอถามอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าจันทร์หอมนำผ้าไหมผืนนั้นมาตัดเป็นซิ่นออกได้สักสองถึงสามผืน แล้ว...นอกจากคุณแม่ขจีเกศแล้ว เธอมอบให้ใครอีกเหรอคะ?” คำถามอันแฝงไปด้วยความนัยน์ทำเอาไพรินทร์ย่นคิ้วครุ่นคิด ฟ้าฉายทำทีเป็นยิ้มอย่างสดใสหากแต่สายตายังคอยจับพิรุดอีกฝ่ายไว้ ตามสมมุติฐานของเธอ...ศพของจันทร์หอมถูกมัดมือเท้าด้วยผ้าซิ่นสีแดงที่ถูกฉีก หากนายบุญยงค์ได้ดูลายผ้าของคุณแม่อรอนงค์และยืนยันได้ว่าเป็นลายเดียวกับที่ใช้มัดศพจันทร์หอม ฆาตกรก็ต้องใช้ผ้าซิ่นอีกผืนในการมัดตัวเธอถ่วงน้ำ...

“เอ่อ...มันก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว อาก็จำไม่ค่อยได้จ้ะ” คนพูดยกยิ้มเรียบๆ ก่อนที่ฟ้าฉายจะพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน นึกแล้วเชียวว่าต้องได้รับคำตอบแบบนี้...

สองสาวนั่งดูผ้าไหมที่โรงไหมได้ครู่ใหญ่เศรษฐพงษ์ก็นำรถยนต์วอลโวสีดำมารับเพื่อพาสองสาวไปดูกิจการโรงไม้และรับประทานอาหารเที่ยงที่นั่นด้วยเลย

วันนี้ชายหนุ่มแต่งกายด้วยเชิ้ตสีขาวตัวบางและกางเกงขายาวสีดำ สีหน้าเขาดูยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าทุกวันมาก รถแล่นออกจากตัวหมู่บ้านตรงมายังถนนเล็กๆ ที่ทอดตัวยาวไปไกลจนถึงตีนเขาที่อยู่ห่างออกไปราวสามกิโลเมตร ฟ้าฉายไม่คิดจะเอ่ยถามถึงรายละเอียดการประกอบธุรกิจโรงไม้คานพิภพ เพราะยังไงก็ต้องมีการทำผิดกฎหมายบ้านเมืองไม่มากก็น้อย ตลอดการเดินทางเศรษฐพงษ์ก็เอาแต่ถามไถ่เธอถึงการเข้าไปดูงานในโรงไหมวันนี้ซึ่งหญิงสาวก็ประทับใจมาก และหากรู้คำตอบที่เธออยากจะรู้ด้วยล่ะก็...มันจะทำให้เธอประทับใจที่สุดเลยหละ


โรงไม้คานพิภพก่อสร้างเป็นเพิงหมาแหงนขนาดใหญ่ ภายในมีห้องเล็กๆ สองสามห้องซึ่งคงใช้เป็นสำนักงานย่อมๆ และใช้เก็บพวกอุปกรณ์ในการตัดไม้ ด้านซ้ายและขวาของพื้นที่ๆ ถูกตัดจนโล่งเตียนมีไม้ที่ถูกตัดกองไว้หลายสิบกอง เหล่าคนงานชายทั้งแก่และหนุ่มที่กำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้นต้องเหลียวมามองร่างระหงที่เดินรั้งท้ายอรอนงค์เป็นตาเดียว

“สวัสดีครับลุงบุญยืน...” เศรษฐพงษ์และอรอนคง์ยกมือไหว้ชายแก่วัยสี่สิบกว่า ชื่อที่ได้ยินทำเอาฟ้าฉายใจเต้นขึ้นมา บุญยืนอย่างนั้นเหรอ?... นายบุญยืนคนที่บอกว่าพบศพจันทร์หอม...

“ลุงคะ นี่ฟ้าฉาย เพื่อนอรเองค่ะ” อรอนงค์ผายมือก่อนจะเบี่ยงกายหลบให้นายบุญยืนได้เห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ ใบหน้าดำคล้ำที่มันเยิ้มเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจที่ฉายชัดอยู่ในสีหน้าและแววตาของชายแก่ ริมฝีปากสีน้ำตาลเข้มอ้าค้างคล้ายมีบางอย่างติดค้างอยู่ ฟ้าฉายเม้มปากแน่นอย่างคนที่ใกล้จะหมดความอดทน วันนี้เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมพวกคนในบ้านคานพิภพ นางสุนีย์รวมทั้งนายบุญยืนต้องตกใจในแวบแรกที่เห็นหน้าเธอด้วย

ฟ้าฉายยกมือไหว้ อีกฝ่ายจะละล่ำละลั่กรับไหว้ก่อนนำทั้งหมดไปยังโต๊ะอาหารที่อยู่ด้านในโรงไม้ เศรษฐพงษ์รีบเดินดุ่มๆ ไปด้านหลังอาคารก่อนออกมาพร้อมกับวสันต์ ชายหนุ่มทั้งสองคนช่วยกันจัดสำรับอาหารอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ดูทั้งสองคนเข้ากันได้ดีฟ้าฉายก็พลอยโล่งใจที่เศรษฐพงษ์คงไม่ได้คิดแค้นวสันต์ที่บิดาเขาชอบพอลูกชายของนางไพรินทร์มากกว่าตน
แต่ก่อนที่ทั้งหมดจะลงมือทานอาหารเที่ยงกันภูมิพงษ์ก็ใช้ให้คนไปตามชายหนุ่มอีกคนที่เขาเชิญให้มาทานมื้อเที่ยงด้วย “นั่นไง...อัศวินมาแล้ว” ผู้เป็นเจ้าของโรงไม้คานพิภพอ้าปากร้องก่อนทอดมองไปยังด้านหน้าโรงไม้ ชายหนุ่มรูปร่างสูงสมส่วนวิ่งเหยาะๆ ตรงมาพร้อมรอยยิ้ม รูปร่างสันทัดกับผิวกายสีน้ำตาลคร้ามแดดทำให้เขาดูเป็นชายหนุ่มมาดแมน อีกทั้งใบหน้าที่คมเข้ม มีคิ้วหนาและดวงตาที่คมคาย สันจมูกที่โด่งสวยทำให้เขาดูคล้ายชายแถบตะวันออกกลาง เขาเป็นหนุ่มเนื้อหอมทั้งยังมีความรับผิดชอบในหน้าที่ จนสาวๆ ในแถบนี้ต้องตั้งฉายาให้เป็น พ่อหนุ่มอัศวินบ้านนา...

“อัศวินเป็นลูกค้าใหม่ของเราน่ะ เขามาซื้อไม้แถมยังแนะนำลูกค้ารายอื่นๆ ให้พ่ออีกต่างหาก มา...กินข้าวกัน” ภูมิพงษ์ตบโต๊ะเบาๆ สองสามทีก่อนที่ชายหนุ่มจะทรุดนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับฟ้าฉาย

แวบแรกที่ได้เห็นรูปถ่ายที่บิดาส่งให้ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองถูกศรรักจากกามเทพปักเข้ากลางอกอย่างจัง ใบหน้าขาวผ่องอันนวลเนียนคล้ายไม่เคยต้องแสงแดดประดับด้วยคิ้วโก่งสวยรูปพระจันทร์เสี้ยว ดวงตากลมใสราวลูกแก้วชวนให้สบสายตารับกับปลายจมูกงอนที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและดื้อรั้นในตัว ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มทำให้เขาอยากจะสัมผันสักครั้ง เธอเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยพบ ความงดงามนั้นได้กระตุ้นสัญชาติญาณแห่งชายชาตรีของอัศวินขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เธอทำให้ฮอร์โมนเพศชายในกายเขาพุ่งพล่าน


หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้วทั้งหมดก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งอัศวินหาโอกาสแยกตัวออกมาคุยกับหญิงสาวผู้งดงามจากเมืองขอนแก่นได้สำเร็จ เขาจัดการแนะนำตัวตัวและหน้าที่ๆ ได้รับจากบิดาให้เธอได้รับรู้

“ผมดีใจที่ได้ปกป้องคุณครับ...คุณฟ้าฉาย” รอยยิ้มหวานบนใบหน้ากวนๆ นั้นทำให้ฟ้าฉายต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจ

“ฉันไม่คิดว่านายจะเป็นบ้าไปกับพ่อฉันด้วยนะ...” ตอบกลับไปเสียงแข็งแต่กลับนิ่งค้างเพราะคำพูดตัวเอง เธอพึ่งถามไพรินทร์เกี่ยวกับเรื่องผ้าซิ่นสีแดงผืนนั้นเพราะเกิดสงสัยในการตายของจันทร์หอมขึ้นมา โอ้ย...ไม่เอาแล้วฟ้าฉาย ต่อไปนี้เธอจะเลิกคิดถึงเรื่องนี้ซะที นี่เธอมาพักผ่อนนะ !!!

“คุณรู้แล้วว่าเคยเกิดเรื่องในบ้านคานพิภพ” อัศวินเลิกคิ้ว สองตาคมคายยังคงครอบครองเรือนหน้านวลเนียน

“ใช่...แต่ฉันมาที่นี่เพื่อพักผ่อน”

“ครับผมทราบ แต่คุณก็ต้องระวังตัวไว้บ้าง...” ฟ้าฉายหันมายิ้มแหยๆ ให้กับชายหนุ่มที่เดินเคียงข้าง

“แล้วนายคิดว่าไงอัศวิน เรื่องมันก็จบไปนานแล้ว มีแต่พ่อฉันแล้วก็นายที่ยังไม่จบ...”

“มันยังไม่จบหรอกครับ...ผมเชื่อว่าสักวันจันทร์หอมหรือใครสักคนต้องกลับมาล้างแค้นให้เธอแน่” สีหน้าเขาดูจริงจังแต่ฟ้าฉายก็ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ หญิงสาวเหลียวไปมองดอกไม้ป่าสีสันฉูดฉาดริมชายป่า ฝ่ามือเธอที่กระทบเข้ากับข้อมือของเขาบ่อยๆ ทำให้หญิงสาวต้องรีบเดินออกห่างแต่ทว่าอัศวินก็กลับสาวเท้าเข้ามาเดินใกล้ๆ ราวกับพร้อมจะโดดรับลูกกระสุนแทนได้ทุกเมื่อ... บอกตามตรงว่านอกจากพ่อเธอแล้วไม่มีผู้ชายคนไหนที่เธอจะปล่อยให้เดินชิดใกล้แบบนี้เลยสักคน

“ฉันว่าเราเดินกลับไปโรงไม้ดีกว่า ออกมาเดินคุยกันสองต่อสองแบบนี้คนอื่นเขาจะเข้าใจผิด” หญิงสาวตัดบทก่อนเอี้ยวตัวกลับ ขาเรียวยาวก้าวฉับๆ ตรงไปยังโรงไม้ด้วยความหงุดหงิดเพราะอากาศที่เริ่มร้อนอบอ้าว แสงแดดยามบ่ายลอดผ่านต้นไม้ลงกระทบดวงหน้ามนจนฟ้าฉายต้องยกมือขึ้นบัง เธออยากจะโยนเสื้อยีนตัวหนาที่สวมใส่ออกจากร่างให้พ้นๆ อีกทั้งถุงมือและผ้าพันคออีก นี่คงเป็นคำตอบของอรอนงค์ล่ะสินะ…

จากคุณ : ผีเสื้อสีดำ
เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 15:52:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com