Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ในฝั่งฝัน (บทที่ 14) ติดต่อทีมงาน

บทที่ 13  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11302921/W11302921.html

 

บทที่ 14

 

            ผู้หญิงคนนั้นแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เรือนร่างค่อนไปทางสูงในชุดซิ่นผ้าปาเต๊ะและเสื้อแขนยาวสีนวลยังคงโปร่งบาง ใบหน้าสวยคมแทบไม่มีริ้วรอยของวัยที่สูงขึ้น หล่อนมาพร้อมพี่ชายและผู้ติดตามทั้งหญิงและชายอีกสามคน นั่นคงเป็นอีกอย่างที่ยังไม่แปรเปลี่ยน ไม่ว่าหล่อนไปไหน และไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร หล่อนมีบริวารติดตามไปด้วยเสมอ

          ขบวนผู้คนในชุดเครื่องแต่งกายแปลกตามาถึงด้วยรถหรูสองคัน เรียกความสนใจได้ถ้วนทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ผู้เป็นเจ้าของบ้าน

ไอรีนไม่แน่ใจว่าคุณอัสมารู้เรื่องคุณรามได้อย่างไรในเมื่อตั้งแต่ลาจากกันในครั้งนั้น ก็เหมือนตายจากกันไปเลย มีเพียงคุณอัมมาร์เท่านั้นที่ยังคงติดต่อกับคุณรามเสมอมา ยิ่งเมื่อร่วมลงทุนทำสวนยางที่ปัตตานีด้วยกันก็ยิ่งสนิทสนมกันยิ่งขึ้น คุณรามลงไปปัตตานีบ่อยครั้งเพื่อดูแลกิจการ ส่วนใหญ่เธอไม่ได้ไปด้วย

          แต่สำหรับคุณอัสมานั้นกลับตรงกันข้าม หล่อนยังคงอยู่ลังกาวี และเท่าที่เธอรู้ หล่อนไม่ยอมพบคุณรามอีกเลย พอบอกได้หรอกว่าความหมองหมางของหล่อนนั้นฝังรากลึกเพียงไร คำพูดชนิดตัดขาดไม่เหลือเยื่อใยของคุณรามคงทำร้ายความรู้สึกของหล่อนอย่างรุนแรง แม้จะใช้วิธีการพูดที่อ้อมที่สุดแล้ว และโดยไม่ได้ดึงเอาหล่อนเข้ามาเกี่ยวข้องเลยแม้เพียงน้อยนิดก็ตาม

          ไอรีนจำวันนั้นได้ดี มะเจ๊ะมาลัย...มารดาของคุณอัมมาร์และคุณอัสมาป่วย คุณรามจึงพาเธอไปเยี่ยม และได้ร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วย เป็นครั้งแรกที่ท่านเลียบๆ เคียงๆ ถามเรื่องเธอกับคุณราม ต่อหน้าทุกๆ คน คุณรามเผยความในใจที่แม้แต่ตัวเธอก็ไม่เคยรู้มาก่อน

          'ผมอยากได้ไอรีนตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้วครับมะเจ๊ะ ต้องเรียกว่าอยากได้ ถึงขนาดอยากเป็นเจ้าของนั่นแหละครับ'

ใบหน้าคมเกลื่อนรอยยิ้มเมื่อสารภาพอย่างตรงไปตรงมา นัยน์ตาเข้มเฉียบฉายประกายกล้าขณะทอดมาทางเธอ

          รู้ตั้งแต่แรกว่าผมรักเขา ยิ่งเห็นหลายครั้งก็ยิ่งแน่ใจ ผมหาเหตุไปบ้านเขาได้เรื่อยๆ นั่นแหละครับ อ้างโน่นอ้างนี่เพื่อให้ได้ไปหาเขาได้เรื่อยๆ ขอแค่ได้เห็นหน้าก็ยังดี ก็รักนี่ครับ ไม่เคยรักใครมาก่อนด้วย จนมาเจอเขานี่แหละ ตอนที่ขอไอรีนแต่งงาน ผมสัญญาว่าถ้าเขายอมแต่งงานกับผม ผมจะมีเขาคนเดียว'

          นั่นเป็นอีกด้านของคุณรามซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อน เขาบอกเล่าความรู้สึกที่มีต่อเธอให้มะเจ๊ะมาลัยฟังเหมือนเด็กหนุ่มมีความรักครั้งแรก และรักนั้นก็กำลังล้นอกจนต้องระบายให้ใครสักคนได้ร่วมรับรู้

เธอเองเสียอีกที่อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ยิ่งเมื่อมือใหญ่ๆ วางทาบลงบนหลังมือเพื่อยืนยันคำพูดด้วยแล้ว เธอยิ่งต้องก้มหน้างุดเพื่อหลบสายตาผู้ร่วมโต๊ะอาหาร หากในเวลาเดียวกันก็ให้อุ่นวาบไปทั้งตัว อุ่นจนร้อนเลยทีเดียว เธอเข้าใจด้วยว่านั่นคือวิธีซึ่งคุณรามใช้ปฏิเสธความปรารถนาของคุณอัสมาอย่างนุ่มนวลที่สุด

          และในวินาทีนั้น ในท่ามกลางความน่าสะพรึงกลัวของสงครามซึ่งนับวันก็มีแต่จะทวีความรุนแรงขึ้น ไอรีนรู้ว่าคิดไม่ผิดเลยที่เสี่ยงภัยมาตามหาเขา ยิ่งประโยคต่อมาที่เขาบอกมารดาคุณอัสมา เธอก็รู้แล้วว่าเขาตั้งใจบอกเป็นนัยๆ ให้ใครได้รู้

          'ผมตั้งใจว่าอย่างนั้นจริงๆ ครับมะเจ๊ะ ในชีวิตนี้ผมจะไม่มีใครอีก ไม่เคยคิดจะมีด้วยครับ'

          ไอรีนไม่เคยลืมสายตาที่คุณรามมองเธอในค่ำคืนนั้น แววตาคมสะท้อนความมาดมั่นที่จะรักษาคำสัญญาที่ให้ไว้ ทั้งหมดนั้นสร้างความมั่นใจให้เธอยิ่งกว่าคำพูดและการกระทำใดๆ ทั้งหมดของเขาที่ผ่านมา เป็นเครื่องยืนยันว่าสองปีนับแต่เขาหนีออกมาจากเกาะตะรุเตา และไปๆ มาๆ ระหว่างลังกาวีกับปีนังนั้น เขาไม่เคยมีใครอื่นเลย และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณอัสมาที่เธอสงสัยนับแต่มาถึงนั้นล้วนมาจากความหวาดระแวงของตัวเองทั้งสิ้น

แต่ก็นั่นแหละ จะไม่ให้ระแวงได้อย่างไรในเมื่อเธอเคยเจอกับเรื่องแบบนั้นมาก่อน และเห็นได้ชัดแล้วว่าคุณอัสมามีใจให้คุณรามขนาดไหน มะเจ๊ะมาลัยเองก็หวังว่าลูกสาวคนเดียวคงได้ออกเรือนในคราวนี้ มะเจ๊ะมาลัยชอบคุณราม เธอคิดว่าคุณรามเองก็คงรู้ ก็ในเมื่อเคยถามตรงๆ

          'เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่คนกลางไม่ใช่หรือไอรีน ใครจะบังคับใจใครได้ ไม่ใช่เด็กๆ กันแล้วนี่' คำตอบนั้นของเขาสรุปทุกสิ่งทุกอย่างได้ในที่สุด

          นั่นหลังจากที่เขาตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างเด็ดขาดด้วยการพาเธอไปอยู่เสียที่ปีนัง กลับมาลังกาวีอีกครั้งก็นานทีเดียวหลังจากนั้น และเมื่อกลับมา คุณรามสร้างบ้านของตัวเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องไปอาศัยอยู่บ้านของคุณอัสมาหรือของใครอีก

 

          ร่างโปร่งระหงลงนั่งพับเพียบกับพื้นหน้าแท่นวางหีบศพ ใบหน้าหม่นเศร้าจนไอรีนเองก็อดใจหายเสียมิได้ มีความรู้สึกสูญเสียร่วมกันอยู่ที่นั่นเมื่อหล่อนชายตามาทางเธอแวบหนึ่ง แล้วย้อนกลับไปจับนิ่งอยู่ที่รูปถ่ายของคุณราม ในรูปถ่ายนั้นเขาสวมเครื่องแบบนายทหารเต็มยศ เป็นรูปถ่ายครั้งสุดท้ายก่อนจะต้องข้อหากบฎเพียงไม่นาน

          “ไม่น่าเลยนะ...” หลังจากนั่งมองหีบศพอยู่ครู่ใหญ่ คุณอัมมาร์รำพึงขึ้นก่อน

          “...พี่เสียใจด้วย” เขาหันมาทางเธอ “ไม่ได้ข่าวเรื่องพี่รามป่วย คงไม่นานละซี”

          “ไม่นานค่ะพี่” ไอรีนตอบคำถามเดิมๆ ซึ่งได้ตอบไปจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว “ตอนที่คุณรามป่วยไม่ทันได้บอกให้ใครรู้เลยค่ะ เพิ่งกลับกันมาจากอังกฤษ คุณรามก็ล้มป่วยกะทันหัน”

          “นั่นซี ได้ข่าวว่าเพิ่งกลับกันมา”

          “แล้วนี่พี่ทราบเรื่องคุณรามได้อย่างไรคะ”

          “อัสมารู้เรื่องก่อน เราก็เลยมาด้วยกันนี่แหละ”

          ไอรีนชายตาขวับกลับไปทางผู้ซึ่งถูกเอ่ยถึง แม้ใบหน้าสวยคมนั้นสงบและเฉยเมย หากเธอก็แน่ใจว่าเห็นเงาจางๆ หล่อรื้นในดวงตา อดสงสัยไม่ได้ว่าหล่อนรู้เรื่องคุณรามป่วยและเสียชีวิตได้อย่างไรในเมื่อหล่อนยังคงอยู่ลังกาวี และตลอดเวลาสองปีนับแต่เธอและคุณรามกลับมาอยู่พระนคร ก็ไม่มีการติดต่อกันอีกเลย ขนาดคุณอัมมาร์อยู่ปัตตานีแท้ๆ ก็ยังไม่รู้ในเมื่อเธอลืมบอกเขาไป

คุณอัสมาไม่เคยลืมคุณราม ความรู้สึกของหล่อนที่มีให้เขานั้นลึกซึ้งกว่าที่เธอเคยคิดมากนัก หล่อนครองตัวเป็นโสดมาจนบัดนี้เพราะเหตุใดทำไมเธอจะไม่รู้

ที่จริงคุณรามกับคุณอัมมาร์และคุณอัสมารู้จักกันมาก่อนที่คุณรามจะรู้จักเธอเสียอีก ก่อนนี้ถ้าคุณรามมีใจให้คุณอัสมาบ้าง ทั้งคู่คงลงเอยกันไปนานแล้ว ศาสนาและเชื้อชาติที่ต่างกันไม่น่าเป็นอุปสรรค ในเมื่อครอบครัวของทั้งสองฝ่ายต่างเห็นดีเห็นงามด้วย แต่เพราะคุณรามเอ็นดูหล่อนเหมือนน้องสาวเสมอมา ความสัมพันธ์ระหว่างกันจึงไม่เคยมีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น และนั่นก็ทำให้หลายๆ คนต้องผิดหวัง

          “มีอะไรที่พี่พอจะช่วยได้บ้างไหม” อัมมาร์แสดงน้ำใจ

          “ไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะพี่” ไอรีนประนมมือไหว้คนสูงวัยกว่า ซาบซึ้งในความเอื้ออารีของเขา แม้ไม่สนิทสนมกัน และเขาสนิทกับคุณรามมากกว่า แต่คุณอัมมาร์ก็ให้ความเป็นมิตรที่ดีแก่เธอเสมอมา

          “งานสวดก็เรียบร้อยไปแล้ว ตอนนี้ทำบุญทุกเจ็ดวันค่ะ”

          อัมมาร์ไม่มีความรู้เรื่องประเพณีการทำศพในศาสนาพุทธสักเท่าไรนัก แม้จะมีแม่เป็นคนไทยและภรรยาคนหนึ่งก็คนไทย หากตัวเองเกิดและเติบโตในฐานะคนมาเลย์ซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม จึงได้แต่เพียงรับฟัง

          “พี่อัมมาร์จะอยู่นานไหมคะคราวนี้”

          “ก็แค่สี่ห้าวัน มีงานให้ต้องมาทำด้วย” ร่างอวบท้วมหมุนตัวหันมาหา “เธอมีธุระต้องทำอะไรหรือเปล่า มีเวลาที่เราพอจะคุยกันสักครู่ไหม”

          และไอรีนก็พอเดาได้ว่าเรื่องอะไร

“เรื่องสวนยางใช่ไหมคะ”

          ปัญหาหลากหลายตั้งเค้าเหมือนเมฆฝนเพียงไม่กี่วันนับแต่คุณรามสิ้น เธอจึงแน่ใจว่านี่คงเป็นอีกเรื่องซึ่งคงต้องตัดสินใจ

          “พี่รามเพิ่งเสีย ที่จริงพี่ก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้ในเวลาแบบนี้หรอกนะ” เขาพยายามอธิบาย

          หากเธอก็เข้าใจ บางเรื่องเร่งร้อน ถ้ามัวแต่คอยให้ถึงเวลาที่เหมาะสม แล้วจะเป็นเมื่อไหร่กัน

          “ไม่เป็นไรค่ะพี่ คุณรามไม่อยู่แล้ว ถึงอย่างไรเราก็คงต้องตกลงเรื่องนี้กัน ก่อนสิ้น คุณรามสั่งไว้แล้วเหมือนกัน”

 

แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 54 02:22:03

แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 54 02:18:19

แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 54 02:17:12

แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 54 02:14:25

จากคุณ : kdunagin
เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 00:42:46




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com