 |
.
O ครั้งนี้มือก้มกราบระนาบพื้น ด้วยใจตื่นตอบรู้..คำ-ผู้สอน รูปองค์พระ, แพงเจ้า, เหมือนเว้าวอน คอยเตรียบตอนรอใจ..มุ่งไขว่คว้า
O เรียวนิ้วพระวางตั้งบนหน้าตัก เมื่ออีกรูปเรียวพักตร์..เกินหักฝ่า ล้อมกักกุมวิญญาณ..นับนานมา เติบเต็มช่วงปรารถนา..ในท่าที
O เงียบงามจากห้วงใจ..ผู้ใฝ่หา รอคอยเพียงคุณค่าและราศี จักโน้มนัยมอบสู่เพื่อชูชี- วาตม์หนึ่งกอปรด้วยฤดี..ดวงที่รอ
O รูปองค์พระเลื่อมทอง..งามผ่องแผ้ว หากอีกแววตาชม้อย..คล้ายลอยล่อ พร้อมหนึ่งรูปรอยเฝ้าพะเน้าพะนอ อยู่เคลียคลอหยอกเย้า-รูปเยาว์นั้น
O พริ้มพักตร์ผ่านรุมเร้า..รูปเยาว์เอ๋ย คงยากเลยล่วงไปจากใฝ่ฝัน สำรวมจิตฝ่าคราญอยู่นานวัน ยังตีบตันปัญญา..จักฝ่าไป
O เพียงเจ้า-เผยผ่าน, รูปคราญน้อย ก้มกราบพระแช่มช้อย..เหมือนคอยให้- แววตา, ความวนว่ายอยู่ภายใน- ห้วงจิตใจผู้หนึ่งซาบซึ้ง- รอ
O ภัตตาหาร, กาลนั้น..ร่วมฉันทะ ในวาระมอบสู่ท่านผู้ขอ ในแรกรุ่งอรุณยาม..นั้นงามพอ- การเกิดก่อรูปนิมิต..โลมจิตใจ
O อรุณนี้รุ่งยาม..สูรย์วามแสง เพียงรูปแพงเยาว์นั้น..ที่สั่นไหว จินตภาพฉาบฝันของวันใด ก็ยังใฝ่ฝันหา..รูปอาวรณ์
O ระยับงามตามบท..ปรากฏเพื่อ รอจู่โจมอุ่นเอื้อ..จนเหลือถอน เริ่มบทแสงตรู่สาง...ในต่างตอน เพื่อสุมซ้อนรอบระยับ..ลงทับทรวง
O ลอยเลื่อนขึ้นทอดแสงโลมแหล่งหล้า เพื่อคุณค่าอ่อนโยน..จักโชนช่วง เติมเต็มความวาดหวัง..ใจทั้งดวง แทรกความห่วงใยล้น..ให้ล้นใจ
O เช่นระยับช่วงพิลาส..เมื่อพาดผ่าน ย่อมตระการบริบท..ด้วยสดใส- ของรูปคราญโฉมเฉลา..ผู้เยาว์วัย กับอ่อนไหวอ่อนหวาน..เจ้าผ่านมา
O หรือ-เพรงบุญหมุนรอบ..มาตอบแทน ตรึง-รูปแถน..เฝ้าแต่คอยละห้อยหา บันดลช่วงหอมหวานแห่งมารยา ให้เสพรับคุณค่า..เกินกว่าล้าง
O อ้อมคำนึงโอบแล้ว..เพียงแผ่วเบา อุ่นรูปเยาว์..แอบอยู่ฤๅรู้ห่าง ออดอ้อนเสียงเอ่ยเอื้อน..นั้นเลือนลาง รำพัน-ต่างจุมพิต..มอบ-ชิดเชย
O หลับตาในอ้อมกอด..ฟังพลอดพร่ำ ด้วยความ, คำ..เรียงร้อย..จะค่อยเผย แรงอาวรณ์หยั่งย้ำ..ผ่านรำเพย ว่ามากเกินพากย์เอ่ย..อันเคยมี
O แจ้ง-ใช่ไหม..ดวงวันในชั้นฟ้า ฤๅเท่าความแจ่มจ้า..รูปราศี แรงอาวรณ์อาลัย..รอบไมตรี จักคลายคลี่คลุมล่วง..ถึงดวงวัน
O เห็นใช่ไหมระยับช่วงในดวงเนตร แต่ล้วนเลศนัยช่วง..จากทรวงขวัญ เพื่อเผยออกลึกล้ำแห่งสัมพันธ์ เช่นเชือกควั่นเป็นเกลียว..กอดเกี่ยวไว้
O คง-เพรงบุญหมุนวง..มาตรงคาบ เลือนลบบาปขวางกั้น..พาฝันใฝ่- บรรจบวงจดรอบรับตอบนัย เมื่ออ่อนไหวอ่อนหวานเกินต้านแล้ว
O แก้วน้ำค้างพร่างอยู่..ก็รู้สิ้น แต่เมื่อยินกระซิบเสียง..แม้นเพียงแผ่ว- คนก็รู้รอบระยับ..อันวับแวว- ของดวงแก้ว..วาบผกายที่ชายมา !
.
จากคุณ |
:
สดายุ...
|
เขียนเมื่อ |
:
17 พ.ย. 54 05:59:17
|
|
|
|
 |