ลิขิตรักธารามังกร บทที่ 6.
|
 |
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11334543/W11334543.html
ทักทาย
ขอบคุณ คุณ : มานีโอลา, Mnemosyne ที่ให้ Give ครับ
มานีโอลา : ขอบคุณมากครับ ^^
scottie : เข้ามาอ่านก็ขอบคุณมากแล้วครับ ^___^
******************************************************************************
ขณะทรงรับฟังรายละเอียดของม้วนผ้าแพร สีพระพักตร์ของจักรพรรดิว่านอู้พลันแปรเปลี่ยน...
ทรงหันพระพักตร์ปรายสายพระเนตร ไปยังแม่ทัพเย่ซือป้ายและเสนาบดีคลังหลูเฟิงต้า สีหน้าบุคคลทั้งสองก็แฝงแววประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าเถียนฟู่โหย่วยังเก็บสิ่งนี้ไว้กับตัว
จักรพรรดิว่านอู้เมื่อทรงรับฟัง แผนการที่เฉินเทียนหรานร่วมมือกับเถียนฟู่โหย่วกำจัดจูกัดจิ้น จากนั้นจึงให้เถียนฟู่โหย่วแสร้งแปรพักตร์ แต่ท้ายสุดกลับถูกเฉินเทียนหรานทรยศ จำต้องแปรพักตร์จริงๆ สีพระพักตร์ของพระองค์ถึงกับแดงก่ำ ทรงพิโรธจนทุบพระหัตถ์กับพระบัลลังก์อย่างแรง!
หลังองค์หญิงอวี่หมิงทรงเล่าจบ แม่ทัพเย่ซือป้ายครุ่นคิดแล้วกราบทูลว่า พฤติการณ์และพลังฝืมือของหานอี้ซิน...อาจเป็นคนของหน่วยพยัคฆ์คำรณจริงๆ เรื่องนี้กระหม่อมจะสืบสวนทวนความให้กระจ่าง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ...เจตนาที่คนผู้นี้เข้าร่วมกับกองทัพของเรา กระหม่อมคิดว่ายังมีสิ่งที่น่าเคลือบแคลงหลายประการ...
องค์หญิงเซี่ยหมิงทรงแค่นพระสุรเสียงอีกครั้ง ในเมื่อยังคลางแคลงสงสัย ท่านแม่ทัพควรสั่งประหารให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
จักรพรรดิว่านอู้ยกพระหัตถ์ห้าม ส่ายพระพักตร์รับสั่งว่า ทำเช่นนั้นไม่ได้ หากทำเช่นนั้นกับผู้ต้องการสวามิภักดิ์ ซ้ำยังเพิ่งสร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ ไหนเลยมีผู้ยอมกลับใจสภามิภักดิ์กับเรา จงจำไว้...ศัตรูของศัตรูย่อมเป็นมิตรของเรา ผู้มีความสามารถหากยอมสวามิภักดิ์ด้วยใจจริง ไหนเลยไม่รับไว้ใช้สอย ท่านแม่ทัพมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร
แม่ทัพใหญ่เย่ซือป้าย กราบทูลตอบ ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง หานอี้ซินขณะนี้มีความดีความชอบช่วยคุ้มครององค์หญิง ทั้งยังไม่มีหลักฐานว่าเป็นไส้ศึกย่อมไม่อาจด่วนประหารชีวิต ทว่าก่อนสืบความเป็นมาและเจตนาที่แน่ชัด ย่อมต้องระมัดระวังคนผู้นี้ไว้ เรื่องนี้ไว้เป็นหน้าที่ของกระหม่อม
จักรพรรดิว่านอู้ทรงอนุญาตเห็นชอบ เรื่องของหานอี้ซิน ท่านแม่ทัพดำเนินการได้เต็มที่
องค์หญิงเซี่ยหมิงกลับขมวดพระขนงมุ่น กราบทูลว่า เสด็จพ่อ หม่อมฉันของแสดงความคิดเห็นได้หรือไม่เพคะ
จักรพรรดิว่านอู้พยักพระพักตร์อนุญาต
องค์หญิงเซี่ยหมิง หันไปรับสั่งกับแม่ทัพเย่ซือป้าย ท่านแม่ทัพ...เช่นนี้มิใช่เสี่ยงไปหรือ ขณะนี้เรารู้แล้วว่ามีไส้ศึกในกองทัพ แล้วจู่ๆ ตอนนี้มีคนมาสวามิภักดิ์ นี่อาจเป็นกลซ้อน เพิ่มไส้ศึกเข้ามาภายใน แบบนี้อันตรายยิ่ง ประหารผิดยังดีเสียกว่าปล่อยให้ถูกทรยศ
เสนาบดีกลาโหมเซี่ยสุ่ยเสอ ก้าวออกมาถวายคำนับ กราบทูลแย้ง องค์หญิงทรงวิตกเกินไปจริงๆ หานอี้ซินกล้าเข้ามาในวังอย่างเปิดเผย แต่คนผู้เดียวจะทำอะไรได้...หรือทรงเกรงว่าคนนี้เป็นมือสังหาร...ลอบเข้ามาเพื่อ...
แววพระเนตรคมกริบขององค์หญิงเซี่ยหมิง แทบจะเฉือนเนื้อเซี่ยสุ่ยเสอออกเป็นริ้ว
เซี่ยสุ่ยเสอกลับไม่ใส่ใจสายพระเนตรเช่นนั้น กราบทูลต่อไป นับจากย้ายเมืองหลวง การรักษาความปลอดภัยในพระราชวังไม่เคยผิดพลาดมาก่อน เหล่าราชครักษ์ตำหนักนอกดูแลตรวจตราตั้งแต่ประตูพระราชวังถึงพระตำหนักรอบนอก เหล่าราชองครักษ์กระบี่ทองรับผิดชอบดูแลเขตราชฐานขั้นใน ราชองครักษ์กระบี่ทองล้วนเป็นชนชั้นยอดฝีมือ กระหม่อมเชื่อว่าพลังฝีมือต้องไม่เป็นรองหานอี้ซิน ทั้งหมดพร้อมสละชีวิตเพื่อคุ้มครองทุกพระองค์ คนเพียงคนเดียวแม้มีแผนการร้ายจะทำอย่างไรได้ โดยเพราะอย่างยิ่งองค์ชายตงหมิง...ทรงมี เหว่ยกงกง คอยอารักขา หรือองค์หญิงยังทรงเกรงเกิดเรื่องใดขึ้น...
เรามิได้กลัว!
เซี่ยสุ่ยเสอปีนี้อายุสี่สิบเศษ ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกลาโหมเมื่อสามปีก่อน ร่างสันทัดไม่สูงใหญ่ หากบึกบึนแข็งแรง ด้วยเคยเป็นแม่ทัพกล้าแห่งอาณาจักรเทียนหมิง คิ้วหนาขมวดเป็นนิจ ดั่งใบหน้าบังเกิดโทสะตลอดเวลา แววตาดุดัน แฝงประกายคมกล้าประดุจเหยี่ยวร้าย น้ำเสียงทุ้มกังวาน วาจาขวานฝ่าซากไม่เกรงกลัวฟ้าดิน
เสนาบดีกลาโหมกราบทูล โดยไม่ใส่ใจพระสุรเสียงกริ้วขององค์หญิง แผนการโง่เขลาเช่นแสร้งสวามิภักดิ์เพื่อลอบสังหาร เฉินเทียนหรานย่อมไม่กระทำเด็ดขาด มันย่อมทราบว่าหากทำเช่นนั้นเท่ากับยิ่งจุดเพลิงแค้นให้เหล่าประชาชนของเรา เมื่อนั้นกองทัพของเราจะยิ่งรวมพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว อาณาประชาราษฎร์จะยิ่งผนึกกำลังโค่นล้มกบฏฝ่ายเหนือ...
เซี่ยสุ่ยเสอหยุดเล็กน้อย จงใจให้ทุกพระองค์ ทุกคนในที่นั้นครุ่นคิด ค่อยกราบทูลต่อว่า แม่ทัพ ขุนพล ไพร่พลกบฏฝ่ายเหนือ ล้วนเย่อหยิ่งเชื่อมั่นในฝีมือตน แม้มุ่งหวังชัยชนะแต่นั่นต้องได้มาด้วยกำลังของตน หากเฉินเทียนหรานดำเนินแผนลอบสังหาร ต้องมีแม่ทัพจำนวนไม่น้อยคิดเห็นว่าเป็นเรื่องน่าละอาย ขวัญกำลังใจกองทัพฝ่ายกบฏจะลดลง ดังนั้นแผนเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายกบฏแต่กลับดีต่อฝ่ายเรา เฉินเทียนหรานไหนเลยใช้หานอี้ซินมาดำเนินแผนการเช่นนี้
ทุกคนพระองค์ ทุกคนในที่นั้น อาจยกเว้นเฉพาะองค์หญิงเซี่ยหมิง ล้วนเห็นจริงตามเซี่ยสุ่ยเสอ...
ในสมรภูมิรบไม่ว่าสิ่งใดล้วนกระทำได้ เนื่องเพราะถือเป็นยุทธวิธีในการทำศึกสงคราม กระทั่งลอบสังหารแม่ทัพข้าศึกในกระโจมพัก หากกระทำได้ย่อมถือเป็นความสามารถ แต่หากมิใช่ในกลางสมรภูมิ การลอบสังหารจัดเป็นวิธีของคนขี้ขลาดตาขาว ทั้งแทบไม่ส่งผลกระทบใดกับการศึกสงครามโดยรวม
แม้ลอบสังหารองค์จักรพรรดิหรือแม่ทัพเย่ซือป้ายได้ ย่อมมีจักรพรรดิพระองค์ใหม่ขึ้นปกครอง มีแม่ทัพผู้สามารถดำรงตำแหน่งแทน ตัวอย่างเด่นชัดที่รับรองเหตุผลของเสนาบดีกลาโหม นั่นคือกรณีของจูกัดจิ้น แม้สิ้นแม่ทัพใหญ่ผู้นี้กบฏฝ่ายเหนือกลับมีหวังซิงเหอขึ้นมาสืบแทน แผนของจักรพรรดิว่านอู้นับว่าทรงสูญเปล่า
ประการสำคัญเฉินเทียนหรานไม่อาจกระทำสิ่งใด อันเป็นการบั่นทอนขวัญกำลังใจและศรัทธาของเหล่าแม่ทัพ ขุนพลได้อีกแล้ว นั่นย่อมสืบเนื่องจากการสั่งประหารจูกัดจิ้นโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ...
หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น แม้ไม่มีแม่ทัพขุนพลใดลุกขึ้นก่อการต่อต้านเฉินเทียนหราน แต่ภายในกองทัพกบฏฝ่ายเหนือบังเกิดคลื่นใต้น้ำอย่างรุนแรง ด้วยเหตุนี้ตลอดห้าปี เฉินเทียนหรานจึงไม่กล้าเปิดศึกใหญ่ชนิดทุ่มเทกำลังอีกเลย สำหรับแม่ทัพขุนพลฝ่ายใต้กลับเห็นใจจูกัดจิ้น ทั้งยิ่งเกลียดชังเฉินเทียนหรานมากยิ่งขึ้น
องค์หญิงอวี่หมิงทรงสดับฟังนิ่งเงียบ นับจากทรงเล่าเรื่องราวทั้งหมดก็มิได้รับสั่งสิ่งใด กระทั่งยามนี้ค่อยรับสั่งว่า
หม่อมฉันมีความเห็นว่า ไม่ควรห่วงเรื่องหานอี้ซินจะเป็นไส้ศึกหรือไม่ เนื่องเพราะไม่ว่าใช่หรือไม่ เรายังสามารถใช้ประโยชน์จากคนผู้นี้ได้ ถ้าหานอี้ซินสวามิภักดิ์จริงนับเป็นโชคดีของเรา คนผู้นี้รับรู้ข้อมูลภายในของเหล่ากบฏมากมาย ทั้งหม่อมฉันเชื่อว่าอาจมีสายสืบภายในเป็นของตนเอง ดังนั้นเราจะได้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ แต่หากคนผู้นี้แสร้งสวามิภักดิ์ย่อมต้องเผยพิรุธเข้าสักวัน ยิ่งหากมีการลอบส่งข่าวให้ไส้ศึกที่แฝงตัวอยู่ในฝ่ายเรา เราย่อมหาตัวไส้ศึกผู้นั้นได้โดยง่ายดาย ยิ่งเป็นโอกาสอันดีที่ฝ่ายเราจะย้อนรอยพวกมันได้
แม่ทัพใหญ่เย่ซือป้าย พยักหน้าเห็นพ้อง กราบทูลเสริมว่า กระหม่อมเห็นด้วยกับความคิดขององค์หญิง เรื่องของหานอี้ซินไม่ถือเป็นความสำคัญเร่งด่วนที่ต้องตัดสิน ปัญหาสำคัญที่สุดเวลานี้คือการหาตัวไส้ศึก ที่แฝงอยู่ภายในกองทัพให้พบ
จักรพรรดิว่านอู้พยักพระพักตร์รับสั่งว่า ท่านแม่ทัพมีวิธีหาตัวไส้ศึกอย่างไร
แม่ทัพใหญ่เย่ซือป้ายครุ่นคิด แล้วกราบทูล เรื่องนี้ต้องเริ่มจาก...องค์หญิงได้รับข่าวใดจึงเร่งรีบออกจากหนานสุ่ย
คำถามของเย่ซือป้ายทำให้ทุกพระองค์ ทุกคนในที่นั้น หันจับจ้ององค์หญิงอวี่หมิงพร้อมกัน...
ทั้งหมดค่อยได้คิดว่า องค์หญิงอวี่หมิงทรงเริ่มต้นเล่าเรื่องราวโดยละเอียด นับจากเมื่อพระองค์ออกจากหนานสุ่ยไปแล้ว ทว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น กลับมิได้รับสั่งว่าทรงได้รับข้อมูลข่าวสารใดและจากผู้ใด เป็นเหตุทำให้พระองค์เร่งรุดเดินทางออกนอกเมือง การที่เหล่านักฆ่าสามารถดักลอบทำร้ายระหว่างทาง แสดงว่าพวกมันรู้ว่าองค์หญิงจะผ่านไปทางนั้น เหล่านักฆ่าพวกนั้นรู้เส้นทางขององค์หญิงได้อย่างไร...
องค์หญิงอวี่หมิงทรงอึกอักอ้ำอึ้ง คล้ายคิดรับสั่งแต่ไม่อาจรับสั่ง ที่สุดทรงทอดถอนพระทัย รับสั่งว่า เรื่องนี้...
ทันใด เย่เข่ออ้ายก้าวออกมาคุกเข้าหน้าพระพักตร์ กราบทูลว่า เรื่องนี้เป็นความผิดของหม่อมฉัน ฝ่าบาททรงลงโทษหม่อมฉันเถอะเพคะ
จักรพรรดิว่านอู้ขมวดพระขนง รับสั่งพระสุรเสียงเคร่งเครียด นี่มันเรื่องอะไร! พวกเจ้าคิดทำอะไรกัน! รีบบอกเราตามความจริง!
องค์หญิงอวี่หมิง เสด็จมาหน้าพระบัลลังก์ ทรงคุกเข่าต่อหน้าพระพักตร์ รับสั่งพระสุรเสียงหนักแน่นกังวาน เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของหม่อมฉัน เข่ออ้ายไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง สามวันก่อนขณะเข่ออ้ายออกนอกเมือง หม่อมฉันแอบเข้าไปอ่าน ข่าวที่ยังมิได้กลั่นกรอง ในห้องของหัวหน้าหน่วยข่าวลับ หม่อมฉันลอบกระทำเรื่องนี้เองนางไม่รู้เห็น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับเรื่องนี้เพคะ
จักรพรรดิว่านอู้ทรงพิโรธเดือดดาลอีกครั้ง รับสั่งพระสุรเสียงกราดเกรี้ยว นี่เจ้า! เจ้าคิดว่าเป็นองค์หญิงแล้วสามารถกระทำได้ทุกสิ่งหรือ! แอบอ่านข่าวสารของหน่วยข่าวลับมีความผิดสถานใดรู้ตัวหรือไม่! เย่เข่ออ้ายเจ้าก็ไม่อาจพ้นความผิดครั้งนี้! เจ้าเป็นถึงหัวหน้าหน่วยข่าวลับ กลับปล่อยปละให้ผู้อื่น แอบเข้าไปอ่านข่าวในห้องเจ้าได้ พวกเจ้านี่มัน! เราจะทำอย่างไรกับเจ้าทั้งสองคนดี!
องค์หญิงเซี่ยหมิงรีบกราบทูล พระสุรเสียงกร้าว ข่าวที่ยังมิได้กลั่นกรองย่อมไม่ทราบว่าจริงหรือเท็จ เจ้ากลับเชื่อถือข่าวเหล่านี้ออกไปก่อเรื่องนอกวัง ช่างไม่มีความคิดจริงๆ!
จักรพรรดิว่านอู้รับสั่งกระชากเสียง เรื่องราวเป็นอย่างไร เจ้าเล่ามาให้หมด!
เย่เข่ออ้ายรีบกราบทูลว่า หม่อมฉันขอเป็นผู้อธิบายเรื่องนี้เพคะ ราวสามวันก่อนหม่อมฉันหารือกับองค์หญิง ถึงปัญหาความผิดพลาดของข่าวสองชิ้นก่อน กลับพบประเด็นที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง นั่นคือตั้งแต่สามเดือนก่อน มีข่าวที่ยังไม่ได้กลั่นกรองจำนวนหนึ่ง ระบุรายละเอียดแย้งกับข่าวทั้งสองชิ้นนั้น หากเชื่อตามข้อมูลของข่าวเหล่านั้น จะเห็นได้ชัดว่าข่าวที่ฝ่ายกบฏตระเตรียมเสบียงกรัง และลับลอบขนกระสุนดินดำล้วนเป็นข่าวเท็จ!
แม่ทัพใหญ่เย่ซือป้ายและเสนาบดีกลาโหมเซี่ยสุ่ยเสอ ต่างอุทานด้วยไม่คาดคิดกับสิ่งที่เย่เข่ออ้ายบอกเล่า เพราะโดยปกติหน่วยข่าวลับจะมีสายสืบอยู่ทั่วทุกแห่ง ทั้งฝั่งเหนือและฝั่งใต้ของลำน้ำจินหลง ข้อมูลข่าวสารที่บรรดาสายสืบทั้งหมดส่งเข้ามาจะเรียกว่า ข่าวที่ยังไม่ได้กลั่นกรอง หน้าที่การกลั่นกรองข่าวเป็นของเย่เข่ออ้ายและบรรดาหัวหน้าข่าวสายต่างๆ จากนั้นข่าวที่มีความน่าเชื่อถือสูง จึงจะถูกส่งให้เหล่าแม่ทัพพิจารณาอีกที
ข่าวที่ยังไม่ได้กลั่นกรองมีจำนวนมหาศาล ทั้งส่วนมากเป็นข้อมูลหรือข่าวเท็จ หรือไม่ก็ไม่มีความสลักสำคัญใด มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นเรื่องจริงและมีความสำคัญ สามารถสอบทานความน่าเชื่อถือกับแหล่งข่าวอื่นๆ ได้ การกลั่นกรองข่าวของหน่วยข่าวลับ มีความผิดพลาดน้อยมาก ก่อนส่งให้บรรดาเหล่าแม่ทัพพิจารณา ล้วนตรวจทานข้อมูลละเอียดถี่ถ้วน
ข่าวที่เป็นปัญหาทั้งสองชิ้น ย่อมได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งหน่วยข่าวอื่นของกองทัพยังยืนยันข้อมูลตรงกันทั้งสิ้น อันนำไปสู่แผนปฏิบัติการทั้งสองครั้ง มิคาด กลับหลงกลเข้าสู่กับดักศัตรู หน่วยจู่โจมมือดีสองหน่วยถูกสังหารสิ้น เหล่าแม่ทัพต่างลงความเห็นว่าปัญหามิได้อยู่ที่การข่าว แต่ควรมีไส้ศึกลอบส่งข่าวออกไป ฝ่ายกบฏจึงซ้อนแผนสังหารหน่วยจู่โจมทั้งสอง
การข่าวเมื่อไม่มีปํญหา ไฉนเย่เข่ออ้ายจึงบอกว่า มีข่าวที่ยังไม่ได้กลั่นกรอง ระบุว่าข่าวทั้งสองชิ้นเป็นข่าวเท็จ!
หลูเฟิงต้าเสนาบดีคลัง ผู้ยังไม่ออกความเห็นใดเลย กล่าวถามขึ้น พวกเราเห็นตรงกันว่าในกองทัพมีไส้ศึก เจ้ากลับจะบอกว่าไม่มีไส้ศึก แต่เป็นความผิดพลาดของหน่วยข่าวหรือ! แต่จากหลักฐานจดหมายขององค์หญิง ก็แสดงชัดว่ามีผู้ลอบส่งข้อมูลติดต่อกับเถียนฟู่โหย่ว!
เสนาบดีคลังหลูเฟิงต้าร่างท้วมเตี้ย แต่ท่วงท่าเคลื่อนไหวกระฉับกระเฉงว่องไว นัยน์ตาหยีเล็กหรี่ เหนือริมฝีปากไว้หนวดเรียวยาว อายุราวห้าสิบเศษ น้ำเสียงทุ้มลุ่มลึก แววตาสุขุมเยือกเย็น สีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใด น้อยครั้งจะแสดงความคิดเห็น ยิ่งไม่พร่ำเพรื่อวาจาไร้สาระ เอ่ยสิ่งใดล้วนตรงประเด็นเสมอ
เย่เข่ออ้ายส่ายหน้าปฏิเสธ กราบทูลอธิบายต่อองค์จักรพรรดิ หม่อมฉันและองค์หญิงเชื่อว่ามีไส้ศึกจริงเพคะ แต่แผนของพวกมันคือสร้างข่าวปลอมให้พวกเราหลงเชื่อ จากนั้นผู้เป็นไส้ศึกจะส่งรายละเอียดของแผนปฏิบัติการให้ฝ่ายกบฏ พวกมันเตรียมพร้อมรับมืออย่างดีจึงทำลายหน่วยจู่โจมของเราสิ้นทั้งสองครั้ง
องค์ชายตงหมิงขมวดพระขนง รับสั่งด้วยความฉงน ข้อสรุปของเสด็จพี่และท่านหัวหน้าแซ่เย่มิใช่เรื่องใหม่ นี่เป็นหนึ่งในข้อสันนิษฐานของเหล่าแม่ทัพตั้งแต่แรกมิใช่หรือ
เย่เข่ออ้ายกราบทูลว่า มิใช่เรื่องใหม่เพคะ แต่การที่พบข่าวที่ยังไม่ได้กลั่นกรองจำนวนหนึ่ง กลับสามารถระบุได้ว่าข่าวสารทั้งสองชิ้นเป็นข่าวเท็จ ย่อมหมายความว่าที่มาของข่าวที่ยังไม่ได้กลั่นกรองเหล่านั้น มีความน่าเชื่อถือสูงกว่าที่พวกเราคิดไว้แต่แรก ยังน่าเชื่อถือว่าแหล่งข่าวที่พวกเราเชื่อว่าเป็นความจริงเพคะ!
องค์ชายตงหมิงขมวดพระขนงอีกครั้ง รับสั่งเบาๆ ว่า เสด็จพี่กับท่านหัวหน้าแซ่เย่จึงคิดว่า...
เย่เข่ออ้ายพยักหน้า กราบทูลว่า ใช่เพคะ ในเมื่อข่าวที่ยังไม่ได้กลั่นกรอง สามารถพิสูจน์ความถูกต้องของข่าวทั้งสองชิ้นได้ หม่อมฉันจึงใช้ข่าวที่ยังไม่ได้กลั่นกรองจากแหล่งเดียวกัน พิสูจน์ความถูกต้องของข่าวชิ้นที่สาม...ทว่ากลับไม่ได้ความใด ข่าวชิ้นที่สามไม่อาจใช้วิธีนี้พิสูจน์ความถูกต้องได้ กระนั้นข่าวที่ยังไม่ได้กลั่นกรองจากแหล่งเดียวกัน กลับให้ข้อมูลว่า...ว่า...สองคืนก่อนอาจจะมีการพบปะกันของ...บุคคลที่อาจเป็นไส้ศึกเพคะ...
จักรพรรดิว่านอู้ทรงกริ้ว พระดรรชนีชี้พระพักตร์องค์หญิงอวี่หมิง เพราะเหตุนี้เจ้าจึงออกนอกเมืองใช่ไหม! หากข่าวนั้นเป็นจริง คิดจะจับพวกมันด้วยตัวเจ้าเพียงคนเดียวหรือ!
องค์หญิงอวี่หมิงกราบทูลด้วยความสำนึกเสียพระทัย หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันมิได้คิดจับกุมไส้ศึกเพียงลำพัง แค่ต้องการพิสูจน์ว่ามีไส้ศึกจริง หวังว่าสามารถส่งข่าวหยุดยั้งทัพทันก่อนเข้าสู่กับดักของฝ่ายกบฏ ขณะนั้นเรื่องราวเร่งรีบจวนตัว หม่อมฉันไม่มีเวลาแจ้งต่อผู้ใด ดังนั้นจึงกระทำการเพียงลำพังเพคะ
องค์ชายตงหมิงส่ายพระพักตร์ ทรงถอนพระทัย รับสั่งว่า ไม่ถูกต้อง...เสด็จพี่กับท่านหัวหน้าแซ่เย่ถูกหลอกแล้ว
องค์หญิงอวี่หมิงกับเย่เข่ออ้ายต่างสะดุ้งเฮือก ไม่ทราบทำไมองค์ชายจึงรับสั่งเช่นนั้น!
องค์ชายตงหมิงรับสั่งอธิบาย ทั้งหมดเป็นแผนการของพวกกบฏ รวมถึงข่าวที่ยังไม่ได้กลั่นกรองเหล่านั้นด้วย สองครั้งแรกเป็นการอำพรางเพื่อให้เชื่อว่า แหล่งที่มาของข่าวที่ยังไม่ได้กลั่นกรองมีความน่าเชื่อถือ ทั้งหมดก็เพื่อให้พวกเราหลงเชื่อในข่าวที่สาม ว่าจะมีการพบปะกันของไส้ศึกซึ่งจะลวงให้พวกเราเข้าสู่กับดักอีกครั้ง ยิ่งเมื่อไส้ศึกภายในรู้ว่าผู้ที่ติดกับครั้งนี้คือเสด็จพี่อวี่หมิง ย่อมต้องกางตาข่ายฟ้ามิให้เสด็จพี่หลบหนีได้ เคราะห์ดีครั้งนี้ได้หานอี้ซินช่วยเหลือไว้
องค์หญิงอวี่หมิงวรกายเย็นวาบ ทรงคิดไม่ถึงว่าจะหลงกลซ้ำซ้อนถึงเพียงนี้ พระสุรเสียงกังวานกราบทูลว่า
ขณะปรึกษาหารือกัน เข่ออ้ายมิได้ให้หม่อมฉันอ่านข่าวสารใดทั้งสิ้น เป็นเข่ออ้ายตรวจสอบแล้วค่อยเล่าให้หม่อมฉันฟัง โดยมิได้บอกข้อมูลรายละเอียดของข่าว ดังนั้นเข่ออ้ายอ้ายมิได้กระทำความผิด และเพราะเข่ออ้ายไม่ยอมบอกสิ่งใด หม่อมฉันจึงลอบเข้าไปอ่านข่าวโดยพลการ เข่ออ้ายก็มิได้รับรู้เรื่องนี้ หม่อมฉันมีความผิดเพียงคนเดียวเพคะ
องค์หญิงเซี่ยหมิงส่ายพระพักตร์ กราบทูลว่า เรื่องนี้มิใช่เล็กน้อยนะเพคะ แอบอ่านข่าวของหน่อยข่าวลับมีโทษถึงประหาร! ส่วนหัวหน้าหน่วยข่าวลับที่ปล่อยปละละเลย แม้จะเป็นจริงว่าไม่มีส่วนร่วมรู้เห็น แต่ก็มีโทษต้องถูกปลดจากตำแหน่ง!
เซี่ยสุ่ยเสอรีบก้าวออกมา กราบทูลแย้งอีกครั้ง ความดีความชอบหักกลบลบหนี้กันได้ ขอฝ่าบาท...
องค์หญิงเซี่ยหมิงแค่นพระสรวล รับสั่งค้าน กฎหมายศักดิ์สิทธิ์เชื้อพระวงศ์กระทำผิด ต้องรับโทษเยี่ยงสามัญชน ไม่เช่นนั้นจะปกครองไพร่ฟ้าประชาชนได้อย่างไร หากความดีความชอบสามารถลบล้างความผิดได้ เช่นนั้น...ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้มีความดีความชอบที่สุดในกองทัพ ย่อมกระทำทุกเรื่องราวได้โดยไม่มีความผิดงั้นหรือ!
เซี่ยสุ่ยเสอนิ่งอึ้งด้วยอับจนต่อเหตุผลขององค์หญิง แม่ทัพใหญ่เย่ซือป้ายก็ไม่อาจออกปากได้ เพราะกรณีนี้เกี่ยวพันกับบุตรี หากออกหน้าผู้อื่นอาจเข้าใจว่าเข้าข้างลูกตัวเอง
องค์หญิงอวี่หมิงรับสั่งอย่างเด็ดเดี่ยว หม่อมฉันน้อมรับโทษทัณฑ์เพคะ!
องค์ชายตงหมิงก้าวมาเบื้องหน้าพระพักตร์ พระสุรเสียงร่าเริงแจ่มใส กราบทูลว่า
ความดีความชอบไม่อาจลบล้างความผิด ย่อมเป็นหลักการอันถูกต้อง แต่ก็มีกรณีมากมายที่ละเว้นโทษผู้กระทำผิดไว้ชั่วคราวก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้สร้างผลงานแก้ตัว กฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์จึงสามารถปกครองประชาชน ถือเป็นมรรคาแห่งการปกครองอันเที่ยงธรรม ทว่าบางครั้งเหตุแห่งการกระทำผิดนั้น จำเป็นต้องดูเจตนาของผู้กระทำด้วย ยิ่งไม่อาจละเลยผลลัพธ์แห่งการกระทำผิดนั้น...
องค์หญิงเซี่ยหมิง รับสั่งพระสุรเสียงไม่พอพระทัย พระอนุชาร่วมพระราชมารดา นี่เจ้าก็กำลังจะบอกว่า ขอเพียงผลลัพธ์ลุล่วงสำเร็จ ก่อความผิดใดไว้ก่อนหน้าถือว่าอภัยได้ทั้งสิ้นหรือ!
องค์ชายตงหมิงทรงส่ายพระพักตร์ ยังรับสั่งพระสุรเสียงนุ่มนวล มิใช่เช่นนั้นเสด็จพี่ หม่อมฉันกำลังแยกแยะผลได้ผลเสียของการเคร่งครัดกฎหมาย กระทั่งสูญเสียผู้มีความสามารถกับเพียงภาคทัณฑ์โทษไว้ เพื่อเปิดโอกาสให้สร้างผลงานลบล้างความผิด การรักษาความศักดิ์สิทธิ์แห่งกฎหมายนั้นสามารถกระทำได้หลายวิธี มิใช่ต้องลงโทษทัณฑ์ตามตัวบทกฎหมายเพียงอย่างเดียว...
องค์หญิงเซี่ยหมิงยังคงรับสั่งค้าน แทรกขึ้นอีกครั้ง เชื้อพระวงศ์ บุตรีแม่ทัพกระทำผิด โทษเพียงภาคทัณฑ์ ผู้คนไหนเลยยอมรับนับถือ ความเท่าเทียมของการบังคับใช้กฎหมายอยู่ที่ใด!
องค์ชายตงหมิงแย้มสรวล พระสุรเสียงนุ่มนวล รับสั่งว่า เสด็จพี่ต้องการให้บังคับใช้กฎหมายโดยศักดิ์สิทธิ์ เช่นที่เฉินเทียนหรานกระทำต่อแม่ทัพจูกัดจิ้นหรือ...
เจ้าหมายความว่าอย่างไร
องค์ชายยังรับสั่งอธิบายอย่างพระทัยเย็น หลักฐานต่างๆ ที่เฉินเทียนหรานใช้ปรักปรำจูกัดจิ้น ล้วนสามารถลงโทษถึงขั้นประหารได้ก็จริง และไม่ว่าหลักฐานเหล่านั้นเป็นของจริง หรือถูกสร้างขึ้นล้วนมิใช่เรื่องสำคัญ เนื่องเพราะบรรดาแม่ทัพ ขุนพล ไพร่ฟ้าประชาชนต่างไม่เชื่อถือหลักฐานเหล่านั้น ยิ่งไม่ยอมรับการลงโทษผู้สร้างความดีความชอบอเนกอนันต์ด้วยการประหาร บางครั้งความเที่ยงธรรมแห่งกฎหมาย ก็มิอาจทานกระแสแห่งศรัทธาของประชาชน...
ทุกพระองค์ ทุกคนต่างนิ่งเงียบ...ล้วนเข้าใจความหมายขององค์ชายตงหมิงกระจ่างแล้ว...
องค์หญิงอวี่หมิงทรงดำรงตำแหน่งขุนพลพิเศษแห่งกองทัพ แม้เป็นเพียงตำแหน่งลอยไม่มีอำนาจสั่งการกำลังพล แต่พระองค์ทรงปรีชาสามารถ ทรงแสดงความเห็นช่วยในการปรับปรุงกองทัพให้ดีขึ้นหลายครั้ง ทั้งทรงวางแผนปฏิบัติการจนสำเร็จเป็นที่ประจักษ์อีกหลายครั้งครา ทรงใส่ใจสภาพความเป็นอยู่ทุกข์สุขของเหล่าทหารหาญ ทั้งทรงร่วมคลุกคลีเผชิญความยากลำบาก ออกปฏิบัติในแนวหน้ากับเหล่าทหารนับครั้งไม่ถ้วน
เพราะฉะนั้น นับตั้งแต่ระดับแม่ทัพ รองแม่ทัพ ขุนพล นายกองตลอดจนไพร่พลทหาร กระทั่งถึงพ่อ แม่ ญาติ พี่น้องของเหล่าทหารล้วนเคารพยำเกรง นับถือยกย่องจงรักภักดีต่อองค์หญิงอวี่หมิง
กระทั่งเกิดคำกล่าวที่ว่า... ผู้ที่เหล่าทหารจงรักภักดีที่สุดคือ จักรพรรดิว่านอู้
ผู้ที่เหล่าทหารยำเกรงที่สุดคือ แม่ทัพใหญ่เย่ซือป้าย... แต่ผู้ที่เหล่าทหารรักใคร่เทิดทูน เคารพศรัทธาที่สุดคือ องค์หญิงอวี่หมิง...
หากจักรพรรดิว่านอู้ทรงสั่งประหารองค์หญิงอวี่หมิง เพียงเพราะทรงแอบอ่านข่าวสารลับ สาเหตุเนื่องจากทรงต้องการสืบหาตัวไส้ศึก ยับยั้งกองทัพก่อนจะตกสู่หลุมพรางของศัตรู ที่สุดยังทรงปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วง แม้ครั้งนี้องค์หญิงทรงมีความผิดอย่างแน่นอน แต่หากลงโทษตามตัวบทกฎหมายโดยไม่ผ่อนปรน ไพร่ฟ้าประชาชนทั้งอาณาจักรไหนเลยยินยอมพร้อมใจ!
แต่องค์หญิงเซี่ยหมิงแม้ทราบ ไหนเลยทรงยินยอม รีบกราบทูลค้าน อย่างนั้นจะเพียงภาคทัณฑ์ ไม่ลงโทษเลยหรือเพคะ!
จักรพรรดิว่านอู้ทรงนิ่งครุ่นคิดเนิ่นนาน ผงกพระพักตร์ ตัดสินพระทัย มีพระบัญชาว่า องค์หญิงอวี่หมิงกระทำความผิดฐานลักลอบข่าวอ่านของหน่วยข่าวลับ เย่เข่ออ้ายในฐานะหัวหน้าหน่วยข่าวลับกลับปล่อยปละละเลยถือว่ามีความผิดเช่นกัน โทษประหารให้ภาคทัณฑ์ไว้ก่อน แต่ทั้งสองต้องรับโทษโบยคนละสามสิบไม้! กักบริเวณไว้ในตำหนักเย็นสามเดือน!
องค์ชายตงหมิง รีบกราบทูลขึ้นทันที แต่...
จักรพรรดิว่านอู้โบกพระหัตถ์ รับสั่งพระสุรเสียงเคร่งขรึม เจ้าไม่ต้องพูด เราตัดสินใจแล้ว โทษประหารภาคทัณฑ์ไว้ได้ แต่ต้องลงโทษให้หลาบจำ!
องค์ชายตงหมิง พยายามกราบทูลอีกครั้ง หม่อมฉันมิได้ขอให้ทรงยกโทษให้เสด็จพี่ แต่ขณะนี้ใกล้ถึงพิธีบวงสรวง พระแม่ฉางเอ๋อ ในเทศกาลเดือนแปด ทั้งเสด็จพี่อวี่หมิงและท่านหัวหน้าหน่วยแซ่เย่ต่างรับหน้าที่สำคัญในพิธี หากจะลงโทษโบยและกักบริเวณสมควรให้พ้นงานพิธีไปก่อน
จักรพรรดิว่านอู้ขมวดพระขนง เพิ่งทรงได้ฉุกคิดถึงเหตุผลนี้ ดังนั้นรับสั่งว่า ตกลง เลื่อนการลงโทษไปจนกว่าเสร็จสิ้นพิธี แต่ระหว่างนี้หากพวกเจ้ากระทำผิดซ้ำ ต้องรับโทษทัณฑ์สูงสุด!
องค์หญิงอวี่หมิงและเย่เข่ออ้าย รีบรับพระบัญชา ขอบพระทัยฝ่าบาท
จักรพรรดิว่านอู้ทรงถอนพระทัย รับสั่งถามเย่ซือป้ายอีกครั้ง หลายเดือนนี้พวกกบฏสร้างข่าวลวง แทรกซึมไส้ศึกเข้าในกองทัพของเรา ทั้งวางแผนทำลายหน่วยจู่โจมมือดีถึงสองหน่วย ท่านคาดว่าที่แท้พวกมันกำลังคิดวางแผนการใดอยู่
แม่ทัพใหญ่เย่ซือป้าย กราบทูลโดยมิต้องครุ่นคิด กระหม่อมเห็นว่า พวกมันกำลังตระเตรียมกำลัง คิดเคลื่อนทัพใหญ่ลงใต้อีกครั้ง!
จากคุณ |
:
big pigdaddy
|
เขียนเมื่อ |
:
20 พ.ย. 54 12:14:17
|
|
|
|