แพขนตากระพริบขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาที่หลับใหลมาแสนนานค่อยๆ ปรือขึ้นสู้แสง แสงสว่างไม่จ้ามากนักเข้ามาทักทายแก้วตาทันที เขาเบี่ยงหนีแสงนั้นอย่างรวดเร็วโดยสัญชาตญาณเพราะรู้สึกแสบตา ก่อนจะค่อยๆ พยายามลืมตาขึ้นอีกหน
และในตอนนี้เขานอนกระพริบตาอยู่... เอ่อ... บนเตียงใหญ่ ที่มีม่านมุ้งบางสองชั้นโอบล้อมรอบตัว ซ้ำยังอยู่ในสถานที่ที่ไม่ชวนให้คุ้นหน้าคุ้นตาเอาเสียเลย
เขามองเห็นหญิงสาวสองคนกำลังเดินไปเดินมารอบห้องนอกมุ้งอย่างเลือนลางเพราะม่านมุ้งมันช่างหนาเสียเหลือเกิน จนอยากจะดึงทิ้ง แต่พอลองดูแล้วรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอย่างแปลกประหลาด ซ้ำทั้งมือเท้าก็ยังเก้งก้างไม่คุ้นเคย
ทันใดนั้นกลิ่นหอมจากก้านของต้นฟรอนเทียร์ลอยเข้ามาแตะจมูก กลิ่นสดชื่นที่ชวนให้สมองปลอดโปร่งนั้นช่วยให้แข็งขากลับมามีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นบางส่วน แม้จะไม่พอที่จะลุกเดินได้ แต่ก็พอสำหรับการเอื้อมมือไปดึงม่านคลุมเตียงออก
ขะ...ขอ...
เสียงที่เปล่งออกไปนั่นทั้งแหบแห้งและไร้เรี่ยวแรง แต่มันทำให้บทสนทนาของสองสาวเงียบลงอย่างรวดเร็ว
นะ...น้ำ...
สองสาวใช้ตรงหน้าหันมามองเขาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดราวไก่ต้ม ไม้ถูพื้น ไม้กวาด ไม้ขนไก่ทั้งหลายส่งเสียงร้องดัง ตุ้บ พร้อมใจกันร่วงลงนอนแอ้งแม้งกับพื้นในเสี้ยววินาที ส่วนอีกคนที่ถือแจกันดอกไม้อยู่ในมือนั้น...
เพล้ง!
แจกันที่สร้างจากทรายสีทองมูลค่าแพงล้ำยิ่งกว่าอัญมณีเวททิ้งตัวลงไปนอนแตกละเอียดลงบนพื้นเคียงคู่กับบรรดาไม้ทำความสะอาดต่างๆ นัยน์ตาของสองสาวเป็นรูเล็กเท่าหัวเข็ม ร่างกายของพวกเธอสั่นเทิ้มด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว ใบหน้าของทั้งสองจับจ้องตรงมายังเขาเป็นทางเดียว แววสั่นเครือปรากฎอยู่เต็มดวงตาทั้งสองคู่ หญิงสาวค่อยๆ ทิ้งตัวลงพื้นอย่างช้าๆ พร้อมทั้งก้มหน้านิ่งและกลั้นเสียงร้องไห้ให้มากเท่าสุดเท่าที่จะทำได้
ขอ...น้ำ...
คอแห้งจะตายอยู่แล้ว แล้วแม่สองคนนี้เป็นอะไรมากไหมเนี่ย... หากก็ได้แต่นึกในใจ พูดออกไปไม่ได้ เพราะพูดแค่ ขอน้ำ เสียงของเขาก็แหบพร่า คอแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว
หมะ...หม่อมฉันขออภัยเพคะ!
สองสาวร้องไห้โฮทันที พวกเธอก้มหน้านิ่งอยู่กับพื้นที่เต็มไปด้วยเศษแจกันแตกละเอียด เข่าเนียนวางลงบนเศษแก้ว มันบาดลึกลงไปด้านในผิวหนัง เลือดเริ่มไหลซิบออกมาอย่างช้าๆ หากแต่พวกเธอก็คุกเข่าลงอย่างไม่กลัวเจ็บ
ได้โปรด... อย่าสั่งประหารหม่อมฉันเลยนะเพคะ! หญิงสาวที่ทำแจกันแตกร้องไห้หนัก ร่างของพวกเธอขาวเสียยิ่งกว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วในตอนนี้ ไหล่ของทั้งคู่สั้นเทิ้มอย่างหนัก หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนาฝ่าฝืนกฎของฝ่าบาท
ขอน้ำ... ...ก่อนได้ไหมเล่า!
ประโยคด้านหลังได้แต่คิดในใจ เพราะว่าแรงพูดไม่มี หากแต่แม่สองสาวไม่ได้ทำท่าสนใจความต้องการเขาเลยสักนิด เพราะพวกเธอเอาแต่ร้องไห้อย่างไม่ลืมหูลืมตา
เฮ้ย เป็นบ้าอะไรกัน จะตายแล้วนะเฮ้ย!
ได้โปรด... ครอบครัวหม่อมฉันเหลือหม่อมฉันเพียงคนเดียวที่เป็นที่พึ่งนะเพคะ ฮือ สาวใช้เอ่ยอย่างอ้อนวอน ใบหน้าหวานเปรอะไปด้วยคราบน้ำตา เธอสั่นศีรษะรัวๆ อย่างร้อนรนและหวาดกลัว ที่ดึงเอาสติสัมปชัญญะไปจนหมดสิ้น
พวกเธอไม่ได้คาดคิดว่าเจ้าของห้องจะตื่นมาในเวลานี้ ความประมาทครั้งนี้ถือเป็นความผิดที่เธอต้องจดจำไปชั่วชีวิต หรือบางทีอาจเป็นความผิดสุดท้ายของชีวิตก็เป็นได้ ไม่มีใครรู้ว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร โดยเฉพาะกับคนที่ฝ่าฝืนกฎ...
พวกเธอไม่เคยกลัวเท่านี้มาก่อนในชีวิต ...แต่ไม่ได้รู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังคิดไปอีกแบบ
เดี๋ยวสิ... ขอน้ำ...ก่อนดะ...ได้ไหม
นี่แม่พวกนี้คิดจะฆ่าเขาทางอ้อมใช่ไหมเนี่ย!! ...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำหน้าหมดเรี่ยวหมดแรงน่าสงสาร
แต่แล้วหนึ่งในสองสาวก็รู้สึกตัว เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงของคนบนเตียงด้วยท่าทางที่ยังแฝงไปด้วยความหวาดกลัวและตกใจ เหนือสิ่งอื่นใดหล่อนต้องแจ้งเรื่องนี้ให้ซิสเตอร์มาเรียทราบแต่โดยเร็ว
น้ำหรือเพคะ สะ...สักครู่นะเพคะ! เมลลี่ เธอรีบไปหาซิสเตอร์มาเรียเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เธอคงกำลังเดินมา! เมื่อได้สติ สาวใช้ไลลาก็ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ที่หัวเข่าของทั้งสองมีบาดแผลเลือดไหลซิบจากเศษแก้วบาด แต่พวกเธอกลับลุกขึ้นอย่างคล่องแคล่วและว่องไวเหมือนไม่มีความรู้สึกเจ็บเลยสักนิด
ระหว่างที่อีกคนวิ่งหาน้ำให้คนบนเตียง อีกคนวิ่งออกจากห้องไปร้องไห้ไปด้วย ดูแล้วน่าสงสารไม่น้อย
ซิสเตอร์มาเรีย ซิสเตอร์มาเรียคะ! อยู่ไหนคะ! เขาฟื้นแล้วค่ะ ฮือ! ไม่ใช่น้ำตาจากความปิติยินดี แต่เป็นน้ำตาจากความเสียใจและหวาดกลัวอย่างสุดซึ้งต่างหาก
เจ้าชายเลโอล่าฟื้นแล้วค่ะ ฮือ!
- - - - - - - - - - - -
เอ่อ... รบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำทีค่ะว่า Font ที่ใช้ลง แบบไหน ขนาดไหนจะพอดีหรอคะ ขอบคุณค่ะ