Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กระบี่รันทด.........บทที่ 12 ภาค2 (ปริศนาถูกเปิดเผย) ติดต่อทีมงาน

กระบี่รันทด 12….ปริศนาเปิดเผย

ตอนที่แล้ว


http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11289215/W11289215.html



ตวามเดิม
กระบี่รันทดบุกเข้าสุ่วังแมวเหมียว เพื่อส่งมอบกล่องปริศนาให้กับประมุขวังแมวเหมียว ทั้งนี้เป็นไหว้วานของเฒ่าซกเล็ก ซึ่งวางมือจากวงการ ไปขายส้มตำปลาร้ากับแม่เฒ่าส้มตำ

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป.......


+++

พอเหยียบย่างเข้าไปในตึกโอ่อ่าของตึกวังแมวเหมียว บุรุษหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกลับกลายเป็นมุสิกน้อยในอุ้งมือแมวไปในทันที ทางเดินในอาคารโอ่โถงยาวเหยียดลดหลั่นคดเคี้ยว คาดว่าสร้างลัดเลาะไปตามแนวเชิงเขา ผนังมีรูปภาพแมวเหมียวใหญ่น้อยสวยงามจำนวนมากมายหลายหลากพันธุ์ละลานตา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าของสถานที่แห่งนี้จะเป็นคนรักแมวขนาดไหน

คนหากรู้จักรักแมวอย่างไรคงไม่น่ากลัวมากมาย กระบี่รันทดลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

แต่มันพลันรู้สึกว่าตัวเองอาจจะคิดผิดแล้วไม่มากก็น้อย

แมวตัวใหญ่ตัวหนึ่งกระโดดปราดลงมาผนังห้องราวหลุดออกมาจากภาพวาด กรงเล็บคมกริบสายหนึ่งหวีดหวิวพุ่งใส่บ่าขวาราวประกายไฟ

บุรุษหนุ่มตอนนี้คุ้นเคยกับกรงเล็บแมวเป็นอย่างดี เบี่ยงตัวถอยปราดหลบกรงเล็บเหล็กได้อย่างหวุดหวิดหวาดเสียว

นั่นไม่ใช่แมวใหญ่ หากเป็นดรุณีแมวน้อย ท่าทางเป็นแมวตัวน้องซึ่งเคยประมือกันมาครั้งแรกบริเวณสะพานแขวนนั่นเอง นางยังอยู่ในชุดแมว สวมหน้ากากแมวและกรงเล็บแมว..นิสัยแมวๆ ..เช่นเดิม

พวกนางคล้ายเป็นมายาแมว คิดมาก็มา คิดไปก็ไป คิดข่วนผู้คนก็ข่วนใส่ผู้คน

บุรุษหนุ่มเขม้นตาจ้องมองร่างแมวสาวในท่ายืนย่อตัวพร้อมเผ่นโผนโจนทยานอย่างพินิจพิจารณา ก่อนเอ่ยถามอย่างรำคาญว่า

“ท่านคิดทำอะไร จู่ๆก็มาลงมือลงเล็บต่อคนอื่นแบบนี้”

แมวน้อยหัวร่อคิกคักตอบว่า

“เราท่านยังไม่ชำระความกัน ก่อนเข้าพบประมุขวังแมวเหมียวต้องสะสางบุญคุณความแค้นให้สิ้นสุด”

“เราท่านมีอะไรติดค้างกัน”

“อย่าได้บังอาจลืม ประการแรกเจ้าลวนลามเรา”

“ลวนลามท่าน..”

ต่อให้ขบคิดจนสมองพองโตปางตาย มันก็ขบคิดไม่ออกว่าตนเองไปลวนลามนางแมวตัวนี้ตั้งแต่ชาติปางใดกัน อย่าว่าแต่ลวนลามนางแมวตัวนี้ สตรีอื่นๆกระทั่งคิดมันก็ไม่เคยคิด

“เจ้าอย่าทำเป็นลืมเลือน บนสะพานแขวน เจ้าบังอาจกอดข้าต่อเทพดาฟ้าดินขุนเขาแมกไม้และสายลม”

“กอดท่าน.....”

“โปรดฟังอีกครั้ง...อย่าบังอาจทำเป็นลืม...”

บนสะพานแขวน เป็นการต่อสู้กันทั้งยังไม่ทราบมาก่อนว่านางแมวน้อยผู้นี้เป็นสตรี มันจึงพุ่งเข้าคว้าตัวใส่หมายหยุดการต่อสู้เพื่อเจรจากันเท่านั้น ไฉนกลับกลายเป็นโจรโรคจิตคิดร้ายกาจ ลวนลามผู้คนไปแล้ว

บุรุษหนุ่มพลันรู้สึกอับจนปัญญา

มิว่าผู้ใดรู้สึกอับจนปัญญาต้องทุกขเวทนาอย่างยิ่ง เพราะการอับจนปัญญาเป็นสภาพยุ่งยากลำบากใจหาทางออกไม่ได้ หาทางเข้าไม่เจอ.. ได้แต่กลายเป็นตัวโง่งมมาตรฐานสากลไปอย่างอับจนปัญญา

กระบี่รันทดทำได้เพียงฝืนยิ้ม..ฝืนยิ้มแบบโง่งมอับจนปัญญา มิคาดว่านางแมวน้อยพลันกระชากเสียงขึ้นอีกว่า

“ท่านบังอาจยิ้มเยาะเย้ยเรา แทนที่จะสำนึกผิด ยังบังอาจมายิ้มถากถางล้อเลียนอย่างเลือดเย็น บุญคุณความแค้นไหนเลยจบสิ้น”

กล่าวจบนางพลันถลันวูบเข้ามาหาราวลมหอบ กรงเล็บเหล็กตะกุยตะกายเข้ามาทั้งซ้ายขวาบนล่างแบบไม่ยั้งมือ บุรุษหนุ่มได้แต่หลบเลี่ยงไปมาไม่คิดโต้ตอบ นางแมวตัวนี้ฝีมือร้ายกาจสมกับเป็นคนวังแมวเหมียว การหลบหลีกผิดพลาดชักช้าเพียงนิดเดียวประกันว่าต้องถูกตะกุยตะกายเลือดเนื้อขาดวิ่นเลอะเลือน

ยกฝักกระบี่ขึ้นรับการจู่โจม กรงเล็บแมวตะปบคว้าใส่ฝักกระบี่แนบแน่น กรงเล็บแมวอีกข้างพุ่งวูบเข้าใส่ใบหน้า บุรุษหนุ่มจำใจปล่อยมือออกจากฝักกระบี่ หมุนตัวหลบรอดกรงเล็บแมวแล้วยื่นมือปราดออกไปดึงฝีกกระบี่กลับคืนมาได้

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม กระบี่รันทดไม่เคยคิดลงมือกับสตรี ยกเว้นกรณีป้องกันตัว ในสายตาความคิดของมัน บุรุษใดข่มเหงทำร้ายสตรี คนผู้นั้นเลวทรามต่ำช้ามิใช่แม้เศษเสี้ยวมนุษย์ กระทั่งตายไปสิบครั้งก็ยังไม่สาสมกับความผิด ดังนั้นจึงได้แต่หลบเลี่ยงไปมาจวนเจียนเต็มทีแล้ว

ทันใดนั้น นางแมวน้อยพลันหยุดมือ ยกมือท้าวเอวแล้วตวาดเสียงดังว่า

“เจ้าบังอาจดูถูกหยามเกียรติข้า”

“ข้าดูถูกหยามเกียติท่าน..”

“ยังมีหน้ามาย้อนถาม..เจ้าเอาแต่หลบหลีกไม่โต้ตอบ ไม่ชักกระบี่ต่อสู้  ถือว่าดูถูกผู้คน...แบบนี้ท่าทางจงใจทำให้ข้าอับอายขายหน้าชัดๆ นับว่าเป็นชาติบุรุษเช่นใดกัน..”

กระบี่รันทดถูกด่าจนปากอ้าตาค้างไปแล้ว พลันรู้สึกว่าสตรีช่างรับมือยากเย็นแสนเข็น กับคู่ต่อสู้อื่นเพียงกุมด้ามกระบี่ ถาโถมเข้าหากันกรีดมือวาดเท้าโรมรัน เป็นตายตัดสินชัดเจนไม่เรื่องยากมากความเช่นนี้

“พูดแล้วยังมาทำนิ่งเฉยอีก..แบบนี้จงใจดูถูกข้าชัดๆ..วาจาของข้ามิใช่แสงแดดสายลมพัดผ่าน..จะไร้ความหมาย เจ้าเองก็มิใช่ภูเขาหินผา จะได้เงียบงันเฉยชาไร้ชีวิตจิตใจ”

“ข้า..........”

“นั่น......พูดแค่นี้ยังคิดจะเถียง นับเป็นคนเช่นไรกัน”

“.............”

“นั่น.......ภายนอกทำเป็นสงบนิ่ง แต่ความจริงภายในพลุ่งพล่าน..เถียงข้า.. ต่อว่าข้าอยู่ภายในใจใช่ไหม สารภาพความจริงมาแต่โดยดี”

บุรุษหนุ่มแทบอยากกระโดดให้แมวงับคอตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด นางแมวน้อยผู้นี้รับมือยากสุดแสน กระทั่งเหตุผลก็ไม่แยแส

ก่อนที่บุรุษหนุ่มจะลมปราณแตกซ่านก็พลันมีเสียงหัวร่อสดใสดังมาจากทางด้านหลัง หันไปมองก็พบว่าเป็นนางแมวสาวตัวพี่นั่นเอง แม้ว่าจะแต่งชุดแมวเหมือนกัน แต่สามารถแยกแยะน้ำเสียงและความสูงของร่างกายออกได้ชัดเจน

“น้องเราเล่นงานมันหนักไปแล้ว ข้าว่าพอเถอะ ก่อนมันจะเป็นลมล้มฟาดลง เพราะเจ้าข่วนใส่หัวใจของมัน..มันจะสลบเพราะกรงเล็บเกี่ยวใจของเจ้า”

กระบี่รันทดฝืนยิ้มอีกครั้ง แมวหนึ่งตัวก็รับมือยากเย็น ตอนนี้กลับเพิ่มแมวข่วนใจมาอีกหนึ่งตัว มิทราบว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรแล้ว

แมวสาวผู้น้องยังคงส่งเสียงอย่างไม่ยินยอมว่า

“ท่านพี่...มันบังอาจใช้วิชาไร้รูปไร้ลักษณ์ไร้เสียง..ด่าข้าในใจ ไหนเลยข้าจะยินยอมโดยง่าย...ข้าต้องข่วนทั้งตัวและหัวใจของมันให้ยับเยิน..ฉีกเป็นชิ้นๆ..กัดเป็นคำๆ...หั่นเป็นท่อนๆ”

“มันด่าว่าอย่างไร”

“ข้ากำลังจะบังคับให้มันสารภาพความจริง ท่านมาพอดี เช่นนั้น...ช่วยกันให้มันสารภาพความจริงในใจออกมาจะดีเลิศประเสริฐสุด”

ว่าพลางสองแมวหันมามองเป็นตาเดียว กระบี่รันทดรู้สึกตัวเย็นเฉียบ สตรีบางทีเป็นเช่นนี้หรืออย่างไร....บทจะมีเหตุผลก็เปี่ยมระอุไปด้วยเหตุผลยุติธรรมเหนือฟ้ายิ่งกว่าตุลาการ บทจะไร้เหตุผลก่อกวนก็ไร้เหตุผลก่อกวนจนแทบล้มประดาตาย ไม่ว่าทำ หรือไม่ทำอะไรก็สามารถผิดได้ทุกกรณี

บุรุษหนุ่มพลันกัดฟัน ยืดอกเชิดหน้า พูดดังๆว่า

“เอาเป็นว่าข้ายอมรับผิดโดยดี พวกท่านจะลงมือตัดสินโทษอย่างไรเชิญตามสบาย”

ที่แท้มันต้องการจบเรื่องสิ้นราวจึงยอมแบบไร้ข้อแม้

มิคาดว่าสองแมวสาวพี่น้องหันมองหน้ากันพักหนึ่ง แล้วแมวสาวผู้น้องก็ลากเสียงช้าๆ ว่า

“ยอมง่ายๆแบบนี้ได้อย่างไร ก็ไม่สนุกสิ..ไม่เอาแล้ว ไม่เล่นแล้ว พามันไปพบประมุขดีกว่า”

“อืม..ข้าเห็นด้วย..อยู่ดีๆ มายินยอมแต่โดยดีแบบนี้น่าเบื่อ..ไม่หือไม่อือ.....พวกเราไปที่อื่นกันเถอะ...ทั้งร่างกายและหัวใจของมันไม่น่าข่วนแล้ว”

ว่าพลางชักชวนกันกระโดดปราดออกไปราวเป็นแมวตัวใหญ่ หายลับออกไปทางประตูทางเข้า

บุรุษหนุ่มอ้าปากค้างอีกแล้ว

พลันรู้สึกว่าพวกนางมีนิสัยเหมือนแมวจริงๆ

แมวมักจะมีนิสัยต่อต้านแบบตรงกันข้าม ท่านดึงหางแมว แมวจะพยายามไปด้านหน้า ท่านดึงหัวแมว แมวจะพยายามถอยไปด้านหลัง ท่านกดหลังแมวลง แมวจะโก่งตัว ท่านดึงท้องแมวต่ำลง แมวจะยกตัวขึ้น กิริยาเท่ากับปฏิกิริยา

ดังนั้นพอบุรุษหนุ่มยินยอมพวกนางกลับไม่ยอมเล่นต่อ

ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นการดี กระบี่รันทดผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก

ห้องโถงยาวคดเคี้ยววกวน สิ่งของประดับตามรายทางล้วนมีจิตวิญญาณความเป็นแมวผสมไม่มากก็น้อย รูปสลักแมวหินอ่อน ภาพเขียนแมวบนผนัง แจกันหยกรูปแมว กระทั่งแมวจริงๆ

กระบี่รันทดรู้สึกอยากอุ้มแมวเล่นสักตัว

ในความรู้สึกของบุรุษหนุ่ม แมวเป็นสัตว์น่ารักน่าอุ้ม ขนฟูๆ ตัวนุ่มๆ อุ่นๆ  แต่จนใจว่ามิใช่แมวของมัน การเสนอหน้าไปอุ้มแมวผู้อื่น มิเพียงเป็นการเสียมารยาท ยังเป็นการละเมิดสิทธิทางการอุ้มเป็นอย่างยิ่ง เจ้าของแมวเท่านั้นควรมีสิทธิอุ้มแมวเหนือผู้ใด มิใช่เจ้าของแมวอย่างมากเพียงเบิ่งตามด้วยความอยากอุ้มเท่านั้น มิอาจถาโถมออกไปอุ้มโดยเด็ดขาด

“ท่านอยากอุ้มแมว........”

เสียงสดใสดังมาจากด้านข้าง บุรุษหนุ่มหันไปมอง พบเป็นดรุณีนางหนึ่ง แม้ว่านางจะอยู่ในชุดแมวน่ารัก แต่ใบหน้าไม่มีหน้ากากแมวสวมปิดบัง

ดรุณีนางนั้นไม่ได้มีใบหน้าสีคราญหยาดฟ้ามาดิน ไม่ได้งดงามกระทั่งบันดาลให้บุรุษหนุ่มจิตใจไหวหวั่นสั่นผวาคราแรกพบ แต่นางมีความน่ารักอย่างยิ่ง

ในมืออุ้มแมวสีขาวตัวหนึ่ง แมวย่อมน่ารัก ทั้งคนทั้งแมวล้วนน่ารักน่าอุ้ม

นางปรากฏตัวอย่างเงียบเชียบ คล้ายปรากฏมาจากอากาศธาตุ สายตาคู่นั้นมีประกายซุกซนอยากรู้อยากเห็นคล้ายนิสัยแมว

กระบี่รันทดมองแล้วลอบโล่งใจ นางไม่ได้สวมกรงเล็บแมว ไม่สวมกรงเล็บแมวย่อมไม่สามารถตะกุยข่วนใส่ผู้ใด

“ข้าคิดอยากอุ้มแมวจริงๆ” บุรุษหนุ่มยอมรับ ท่วงทีผ่อนคลายลง

“เช่นนั้น ไฉนท่านไม่อุ้ม”

“ไม่ใช่แมวของข้า ข้าไม่บังอาจอุ้ม”

“เช่นนั้นข้ายกให้ท่าน”

บุรุษหนุ่มสั่นศีรษะปฏิเสธพลางบอกอย่างนุ่มนวลว่า

“ข้ามิอาจรับ แมวไหนเลยสามารถยกให้ผู้อื่นง่ายดายเช่นนี้...ถึงจะเป็นแมว แต่มันก็มีชีวิตมีเจ้าของ หาใช่วัตถุธาตุไร้ความรู้สึก ท่านสามารถยกมันให้ผู้คน หากจะแน่ใจอย่างไรว่าแมวเต็มใจ”

ดรุณีน้อยเบิ่งตามองราวกับเห็นสิ่งพิสดารเมื่อฟังคำพูดหนักแน่นจริงจังของอีกฝ่าย หลังจากจ้องมองครู่หนึ่งจึงถอนใจกล่าว

“ท่านคือกระบี่รันทด”

“ข้าใช่....ท่านเล่า”

“ข้าคือธิดาแมวเหมียว”

ธิดาแมวเหมียวย่อมเป็นทายาทของประมุขวังแมวเหมียว ท่าทางภารกิจของบุรุษหนุ่มคล้ายใกล้สิ้นสุดลงแล้ว

“ข้าสามารถพบประมุขวังแมวเหมียวได้ที่ใด”

“ท่านพบแล้ว”

“พบแล้ว...”

“ถูกต้อง...ประมุขวังแมวเหมียวกับท่านยังประมือกันมาแล้วนอกตึกเมื่อครู่นี่เอง”

ความคิดของกระบี่รันทดพุ่งวาบราวสายฟ้า หรือจะเป็นเฒ่าแมวเหมียว ยังไม่ทันเอ่ยปากธิดาแมวเหมียวพลันเอ่ยปากต่อไปว่า

“ประมุขวังแมวเหมียว บิดาข้าต้องการดูพื้นฐานท่าทีฝีมือของเจ้า ท่านเลยปลอมตัวเป็นมนุษย์กินแมวออกไปทดสอบท่าน”

“แต่ฟังว่าประมุขวังแมวเหมียวเป็นสตรี”

“ความจริงใช่..ประมุขวังแมวเหมียวอีกท่านหนึ่งเป็นมารดาข้าเอง...ฟังว่าคนที่ท่านต้องการพบเป็นมารดาข้า”

“ใช่แล้ว...”

ธิดาแมวเหมียวพยักหน้าอย่างเข้าใจ มือลูบหัวแมวในอ้อมแขนไปมา ขยับเข้ามาใกล้พลางเอ่ยปากต่อไป

“พวกเรารู้เรื่องท่านแล้ว ดังนั้นทยอยออกมาทดสอบเจ้าก่อนเข้าพบ ว่ามีสมบัติเหมาะสมหรือไม่ น่าไว้ใจหรือไม่..เชื่อถือได้หรือไม่”

“ผลเป็นอย่างไร”

“ท่านผ่าน”

บุรุษหนุ่มถอนใจโล่งอก เพราะหากไม่ผ่านเกรงว่ายุ่งยากมากเรื่องจนศีรษะพองโตเป็นแน่แท้ กล่องปริศนาอยู่ในอกเสื้อเตรียมพร้อมส่งมอบแล้ว หากเฒ่าซกเล็กกำชับว่าต้องส่งกับมือผู้รับเท่านั้น จึงจะถูกต้องตามหลักสากล

“เช่นนั้นรบกวนท่านพาข้าไปพบมารดาท่าน”

“ตามข้ามา.....”

ธิดาแมวเหมียวเอ่ยปากอย่างยิ้มแย้ม แล้วอุ้มแมวเดินนำหน้าไปอย่างไม่รีบร้อน

-------

นางพญาแมวเหมียว อยู่ท่ามกลางบรรดาแมวเหมียวมากมาย นางนั่งอยู่บนม้าหินอ่อนกลางลานกว้างร่มรื่น เบื้องบนมีเงาไม้ ด้านหลังเป็นหมู่ตึก  ด้านข้างเป็นสวนพฤกษา ด้านหน้าเป็นหุบเหว    นางมีอายุมากแล้วหากยังมีเค้าความงดงามในอดีตสมัย บุคลิกภาพสูงส่งน่านับถือเลื่อมใส นางอยู่ในชุดแมวเหมียวสีขาวสะอาดตา

นางคล้ายล่วงรู้ข้อมูลการมาของกระบี่รันทดเป็นอย่างดี จึงไม่มีสีหน้าแปลกใจเมื่อธิดาแมวเหมียวพาบุรุษหนุ่มมาพบในสวนพฤกษาส่วนตัว

กระบี่รันทดพอคารวะตามธรรมเนียมก็ดึงกล่องปริศนาส่งให้นางทันที คล้ายต้องการผลักภาระหนักอึ้งออกจากบ่า...ออกจากชีวิต

นางพญาแมวเหมียวพอมองเห็นกล่องปริศนาอันมีมูลค่ามหาศาลสุดหยั่งคำนวณ เห็นเครื่องหมายประทับตราบนฝากล่อง คล้ายมีสีหน้าแปรเปลี่ยนวูบหนึ่ง นิ่งเงียบงันไปนาน กระบี่รันทดเห็นดังนั้นพลันคารวะเตรียมล่าถอย มิคาดว่าถูกนางเอ่ยวาจารั้งเอาไว้ก่อน พลางใช้สายตาพิสดารชนิดหนึ่งกวาดมองบุรุษหนุ่มไปมา ก่อนเอ่ยถามว่า

“ท่านเป็นคนสละเวลาส่งสินค้าแทนคนอื่น ไม่อยากทราบว่าของในกล่องนี้คือสิ่งใดหรืออย่างไร”

กระบี่รันทดอึ้งไปวูบหนึ่งกับคำถามของนาง มันเพียงทราบกล่องปริศนาใบนี้เป็นของ “เฒ่าปลาทูเค็ม” ยอดตนในตำนานคนหนึ่ง ส่งออกมายังวังแมวเหมียว ให้กับประมุขหญิงวังแมวเหมียว เล่าลือกันว่ามีมูลค่ามหาศาลสะเทือนเมือง กระทั่งบุตรชายของมันทั้งสองถึงกับลอบว่าจ้างพวกนักล่ารางวัลเข้าแย่งชิง แสดงว่าจะต้องมีคุณค่ามหาศาล หากไม่ว่าใครก็ไม่ทราบว่า สินค้าในกล่องนี้คืออะไร

บุรุษหนุ่มเอ่ยอย่างใคร่ครวญหลังจากเงียบไปครู่ใหญ่ว่า

“ความจริงข้าย่อมอยากทราบว่าสินค้านี้คืออะไร”

“ประเสริฐมาก เจ้ากลับกล้าพูดความจริง”

น้ำเสียงของนางพญาแมวเหมียวมีแววชื่นชม หมุนกล่องในมือไปมา ยังไม่ยอมเปิดออกดูแล้วเอ่ยถามต่อไปอีกว่า

“เจ้าเคยคิดจะเปิดดู”

กระบี่รันทดสั่นศีรษะตอบหนักแน่นว่า

“แม้ว่าอยากรู้อยากเห็นปางตายปานใด ข้าก็ไม่เคยคิดจะถือวิสาสะคิดเปิดออกมาดู...ถึงจะอย่างไรมันก็ไม่ใช่สิ่งของของข้า”

“แต่เจ้ายังพามันมาให้ข้า”

“ข้าไหนเลยมีทางเลือก”

นางพญาแมวเหมียวพลันมีประกายตาทั้งขบขันทั้งชื่นชมขึ้นมาวูบหนึ่ง เอ่ยช้าๆว่า

“เจ้ามีทางเลือกมากมาย...เช่นสะบัดหน้าหนีไปไม่แยแสงานนี้ หรือพยายามนำกล่องนี้ไปเปิดดูสถานที่อื่นแต่เจ้าไม่ยอมทำเช่นนั้น กลับรับภาระนี้แบกใส่บ่า นับว่าเป็นคนพิสดารไม่น้อย”

“บางทีข้าอับจนปัญญา”

ธิดาแมวเหมียวซึ่งนั่งฟังอยู่ด้านหลังของกระบี่รันทดพลันเอ่ยเสริมขึ้นมาว่า

“ไม่เพียงอับจนปัญญา ยังเป็นตัวโง่งมพิเศษชนิดหนึ่ง”

ฟังคล้ายเป็นการต่อว่าดูถูกเหยียดหยาม แต่พอเอ่ยวาจาแบบนี้ออกจากปากของนางกลับฟังดูแล้วไม่เป็นการดูถูกเหยียดหยามเลยสักนิด คล้ายเป็นความสามารถเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง คนเอ่ยปากก็คล้ายปลอดโปร่งไม่หนักหนา คนฟังก็ปลอดโปร่งโล่งใจไม่อึดอัด คนเช่นนี้มีไม่มากนัก กระทั่งอยากฟังแล้วอยากฟังอีก
นางพญาแมวเหมียวยิ้มเล็กน้อย หยิบลูกกุญแจดอกเล็กๆดอกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ

ที่แท้กล่องใบนี้ต้องใช้ลูกกุญแจพิเศษเปิด ลูกกุญแจดอกนี้มาอยู่กับนางได้อย่างไร

“เจ้าทั้งสองมาดู..มันไม่ใช่ความลับพิสดารมากมาย”

นางพยักหน้าเรียก บุรุษหนุ่มและธิดาแมวเหมียวเดินตรงมาหานางทันที กล่องปริศนากำลังจะถูกไขปริศนาออกมาแล้ว เมื่อเจ้าของเชื้อเชิญให้ชมดู นับว่าไม่ผิดกฎมารยาท

เสียงลูกกุญแจไขดังกริ๊กสดใส....กล่องค่อยถูกเปิดออกอย่างช้าๆ


สินค้าสำคัญปรากฏต่อสายตาทุกคน


บุรุษหนุ่มรู้แล้วว่าสินค้าสำคัญมูลค่ามหาศาลและเต็มไปด้วยปริศนานี้คืออะไร.....

พริบตานั้นประกายตาของทั้งสามพลันแปรเปลี่ยนไป แปรเปลี่ยนไม่หยุดยั้ง

ท้ายที่สุดประกายตาของนางพญาแมวเหมียวพลันกลับกลายเป็นเยือกเย็นว่างเปล่า เป็นสายตาซึ่งไม่สามารถเสแสร้งได้ ประกายตาซึ่งสะท้อนบางอย่างลึกล้ำออกมาจากภายใน

ประกายตาของกระบี่รันทดกลับกลายเป็นชื่นชมประหลาดใจ และค้างคาไปชั่ววูบ

ประกายตาของธิดาแมวเหมียวแปรเปลี่ยนไปมาไม่ยอมหยุด ทั้งแปลกใจ คาดไม่ถึง บรรยายไม่ถูก

ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่มีผู้ใดเปล่งวาจาออกมา นางพญาแมวเหมียวค่อยปิดกล่องลงอย่างเงียบงัน แล้วหันหลังก้าวเดินจากไปอย่างแช่มช้า โดยมีฝูงแมวเดินคลอเคลียตามไปเป็นทางยาว

กระบี่รันทดเหม่อมองไปแสนไกล คล้ายโดนอาถรรพ์จากกล่องปริศนาแทรกซึมเข้าไปในจิตใจ กาลเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

ธิดาแมวเหมียวก้มศีรษะลูบหัวแมวน้อยในอ้อมแขนไปมา  หางตาคล้ายมีหยาดน้ำใสไหลริน

เนิ่นนานกระบี่รันทดหันไปบอกกับนางแผ่วเบาว่า

“ภารกิจของข้าเสร็จสิ้นแล้ว ข้าขอลาท่าน”

“ท่านทราบหรือไม่ว่าตอนนี้เวลาใด”

“ข้าไม่ทราบ”

“ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว”

วังแมวเหมียวตกอยู่ในม่านหมอกตลอดเวลา นอกจากสายหมอกสีขาวปกคลุมแล้วไม่สามารถมองเห็นรับรู้สภาพเวลาได้ถนัดชัดเจน

ธิดาแมวเหมียว พูดต่อไปอีกว่า

“วังแมวเหมียวไม่ให้คนเข้าออกในเวลาค่ำคืน”

บุรุษหนุ่มฟังแล้วรู้สึกใจหายวาบ เนื่องเพราะมันต้องการกลับไปยังโรงเตี๊ยมของโฉมสะคราญโรงเตี๊ยมให้เร็วที่สุด พักผ่อนให้มากที่สุด แล้วออกเดินทางไปหมู่ตึกไร้รัก เพื่อกลับไปหาธิดาหมู่ตึกไร้รัก

มันทราบว่านางต้องเฝ้ารอคอยอยู่ทุกวันทุกคืน ไม่น่าเชื่อว่าพบพานกันในเวลาชั่วข้ามคืน ความผูกพันกับเหนียวแน่นมั่นคง ความรักบางครั้งไม่ขึ้นอยู่กับระยะทางของกาลเวลา บางคู่เพียงรู้จักพบพานเพียงชั่วข้ามคืนกลับรู้สึกสนิทเชื่อใจมากกว่าบางคู่พบพานคบกันนานนับสิบปี

วังแมวเหมียวอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง อาศัยการเดินทางมาถึงภายในวันเดียวได้ หากไม่ไกลขนาดว่าสามารถเดินทางกลับได้ในวันเดียว

“เพราะฉะนั้น คืนนี้ท่านพักผ่อนอยู่ที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางแต่เช้า”

“แต่...”

“ไม่มีคำว่าแต่ ท่านอยู่สถานที่แห่งนี้ต้องปฏิบัติตามกฎของที่นี่”

“ข้า.......”

“ท่านไฉนดื้อเช่นนี้” เสียงของธิดาแมวเหมียวราบเรียบ แต่คราวนี้บุรุษหนุ่มรับฟังกลับรู้สึกเย็นยะเยียบ รู้สึกตัวเองเป็นพวกแพ้ทางสตรีอย่างยิ่ง ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด

“หรือท่านคิดละเมิดกฎของวังแมวเหมียว“

บุรุษหนุ่มพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทราบว่าอย่างไรคืนนี้ก็ไม่สามารถหลบหนีไปนอนที่อื่นได้แล้ว ธิดาแมวเหมียวก่อนออกเดินนำหน้าไปพลันหันมาถามว่า

“ท่านทราบหรือไม่ ไฉนท่านเดินทางมาถึงวังแมวเหมียวอย่างสะดวกสบายเช่นนี้”

“ข้า....ไม่ทราบ แต่คิดว่ามันเรียบง่ายเกินไป...”

เรียบง่ายเกินไปจริงๆ ช่วงหลังของการเดินทาง หลังจากกระบี่หรรษามา จนเดินทางมาถึงวังแมวเหมียว กลับไม่พบอุปสรรคปัญหาอะไรเลยสักนิด ไม่ได้ถูกลอบโจมตี ไม่ไดถูกลอบทำร้าย ทั้งที่หลายพื้นที่เหมาะสมกับการถูกลอบโจมตีแย่งชิง

“บอกกับท่าน...นั่นเป็นเพราะคนของวังแมวเหมียวกวาดเก็บจัดการผู้คนซึ่งจะมาลอบจู่โจมท่านจนหมดสิ้นแล้ว การมาและเรื่องราวของท่านไม่เป็นความลับสำหรับชาวแมวทั้งหลาย”

วังแมวเหมียวนับว่าไม่ธรรมดาแน่นอน บรรดาแมวมีอยู่ทั่วทั้งแผ่นดิน หูตาของคนวังแมวเหมียวก็อยู่ทั่วทั้งแผ่นดินเช่นกัน เพียงภาพของวังแมวเหมียวไม่ได้ลี้ลับพิสดารน่ากลัวเหมือนวังค้างคาว แต่ออกไปในทางน่ารักมากกว่า สุดท้ายแล้วคืนนี้บุรุษหนุ่มจำต้องพักอาศัยอยู่ในวังแมวเหมียวอย่างจำยอม

+++++

แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 54 09:59:23

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 18:05:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com