บทที่ 2
เด็กชายที่อยู่ด้วยเหตุผล
เมื่อพักเที่ยงหลังกินมื้อกลางวันแล้ว บอยหลบขึ้นไปนั่งอ่านหนังสือบนห้องสมุดตามลำพัง ส่วนใหญ่แล้วบอยมักจะอยู่กับเพื่อน ๆ แต่ในบางครั้งบางคราวที่เขาต้องการความเป็นส่วนตัว บอยก็จะปลีกตัวออกมาอยู่ที่ห้องสมุดคนเดียว เหตุที่บอยไม่ใช่เด็กประเภทคงแก่เรียน ทำให้เขาไม่ค่อยสนิทชิดเชื้อกับเพื่อนประเภทหนอนหนังสือที่มักสิงสถิตอยู่ระหว่างชั้นวางหนังสือหรือโต๊ะอ่านหนังสือของห้องสมุดเท่าไรนัก ดังนั้นห้องสมุดจึงเป็นที่ปลีกวิเวกอันเหมาะสมยิ่งของเด็กชาย
ห้องสมุดที่โรงเรียนของเขาให้บรรยากาศที่แตกต่างจากหอสมุดของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มาก บอยเคยเข้าหอสมุดของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเพื่อค้นหาหนังสือสำหรับทำรายงานวิชาเรียน นักศึกษาภายในหอสมุดส่วนใหญ่ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาจริงจัง บางคนคิ้วขมวดด้วยคร่ำเคร่งกับเนื้อหาที่ซับซ้อน บางคนคิ้วขมวดด้วยความไม่เข้าใจอะไรเลย มีบ้างที่นั่งหยอกล้อกันเบา ๆ ไม่ให้เกิดเสียง บรรยากาศโดยทั่วไปดูสงบแกมอึดอัด แต่สำหรับห้องสมุดที่โรงเรียนนี้เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้เคร่งเครียดเท่าไรนัก กว่าครึ่งจะเข้ามาอ่านหนังสือนอกเวลาหรือนิตยสารอ่านเล่น วารสาร หนังสือพิมพ์เสียมากกว่า เด็กเล็ก ๆ หลายคนหยิบหนังสือการ์ตูนมาอ่านอย่างเพลิดเพลิน
บอยหยิบหนังสือในหมวดนอกเวลามาจากชั้นเล่มหนึ่งแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะซึ่งอยู่ห่างออกไป เขาเลื่อนเก้าอี้อย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียง นั่งลงแล้วบรรจงวางหนังสือเล่มนั้นลงบนโต๊ะช้า ๆ ก่อนเปิดอ่านอย่างเบามือ กระนั้นสายตาเขาไม่ได้จ้องที่ตัวหนังสือยุบยิบนั่นเลยหากแต่เหม่อมองไปข้างหน้าเรื่อยเปื่อย และในระหว่างวินาทีที่ไร้ความหมายนั้น ร่างสองร่างก็ปรากฏขึ้นในกรอบจอรับภาพที่ดึงดูดความสนใจของบอย เหตุเพราะหนึ่งในนั้นคือเด็กสาวที่บอยชนล้มเมื่อเช้านั่นเอง
เธอและเพื่อนนั่งลงห่างออกไปราว 5-6 โต๊ะ โดยเด็กสาวหันหน้าเข้าหาเขา ผมของเธอดำขลับเหยียดตรงยาวประบ่า ริมฝีปากสีอมชมพูแก้มนวลสดใส ไม่ได้ใส่ใจว่ามีใครจ้องอยู่ ใบหน้าแสนจะเรียบร้อยนี้กลับทำให้บอยรู้สึกเหมือนไข้ขึ้นอีกครั้ง ที่นั่งตรงข้ามเธอและหันหลังให้บอยเป็นเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันแต่ไม่ได้อยู่ในทัศนาการของบอยอีกแล้ว ในขณะที่ใจเต้นอยู่อย่างนั้น บอยอยากจะเข้าไปคุยกับเธอเหลือเกิน อาจจะเข้าไปสวัสดีทักทายตามประสาเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน หรือไม่ก็ขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าก็น่าจะดี เสียอยู่แต่ว่าเด็กหญิงไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ต่อให้รวบรวมความกล้าจากอวัยวะภายในทุกชิ้นจนถึงหลอดลม แต่ริมฝีปากของบอยก็คงไม่กล้าจะเผยอออก เด็กชายต้องหลับตาลงข่มใจและรวบรวมสมาธิ หากลืมตาขึ้น เขาจะลุกเข้าไปคุยกับเธอทันที
หนึ่ง... สูดลมหายใจเข้า ผ่อนออกช้า ๆ
สอง... สูดลมหายใจเข้าช้า ๆ เพื่อนน่ารักเหลือเกิน
สาม... ณ ที่หนึ่งในห้วงเวิ้งว้าง เธอก้าวเดิน บอยออกวิ่งตามปากเอ่ยเรียกชื่อ
สี่... บอยร้องเรียก อย่าเพิ่งไป! รอเราก่อน!
ห้า... เด็กชายตะโกนสุดเสียงด้วยถ้อยคำสารพันอันจับใจความไม่ได้ ฉับพลันความเงียบในสุญญากาศและความมืดมิดเข้าครอบคลุมทุกหนทุกแห่ง
เด็กหญิงปิดหนังสือและลุกขึ้นยืนช้า ๆ เธอยิ้มให้กับเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกันแล้วพูดคุยเบา ๆ ก่อนที่เพื่อนจะลุกขึ้นตาม ทั้งสองคนเดินมาทางร่างของเด็กชายอย่างไม่รีบร้อนและใกล้เข้ามาทุกที หากแต่ร่างนั้นยังจ้องไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ขณะที่เด็กหญิงทั้งสองคนเดินผ่าน กลิ่นหอมของโคโลญจ์ก็ลอยมากระทบประสาทของเขา หากแต่ไม่ผ่านไปถึงความนึกคิด เวลาคลานผ่านไปอย่างเซื่อมซึม วินาทีสูญเปล่า เหมือนกับว่าสักแสนล้านปีนั่นจึงจะมีความหมาย ความสงัดเงียบของสุญญากาศยังอ้อยอิ่งอยู่รอบ ๆ กาย
เสียงกริ่งเข้าเรียนดังขึ้น ที่ส่วนลึกสุดของหลุมความมืด แรงผลักดันที่หนักหน่วงแต่ปลายแหลมดังหลาวพุ่งกระทุ้งเข้ามาอย่างแรง
บอยสะดุ้งตื่นจากภวังค์...
เขาหันกลับไปอย่างรวดเร็วและพบว่าเด็กหญิงเพิ่งเดินผ่านพ้นประตูห้องสมุดออกไป ชายกระโปรงของเธอสะบัดพลิ้ว เส้นผมพลิ้วไหวเห็นขอบเป็นแสงสีส้มตัดกับแสงแดดบ่ายที่สอดแทรกเข้ามาจากประตูทางเข้า บอยอดสบถออกมาดัง ๆ กับตัวเองไม่ได้
โธ่เว้ย ไอ้โง่บอย
-------------------------------------------------
เมื่อกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น บอยตั้งใจว่าจะเตร่อยู่เล่นบาสเก็ตบอลกับเพื่อน ๆ ก่อน จากปีที่แล้วถึงปีนี้บอยสูงขึ้นเกือบสิบเซ็นต์ได้ ฮอร์โมนมันพลุ่งพล่านจนรู้สึกได้ถึงพลังข้างในที่เจ้าตัวกระเ หี้ ยนกระหือรืออยากปลดระบายออกมา ช่วงหนึ่งเดือนกว่า ๆ มานี้ บอยยิ่งรู้สึกถึงพลังที่ทวีคูณขึ้นจวนจะระเบิด วันนี้เขาถึงกับมั่นใจว่าตัวเองจะกระโดดทำลูกได้สูงเหนือแป้น
หากแต่เมื่อเขาก้าวเดินออกจากห้อง เด็กหญิงมัธยมต้นสองคนเมื่อเช้าก็รี่เข้าประชิดตัวหน้าตาท่าทางเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย บอยจำหน้าคนที่เดินนำได้แล้วแต่ยังนึกไม่ออกว่าที่ปรี่เข้ามาหาตัวเองนั่นเพราะเหตุใด
พี่บอย... ว่าไงคะ เด็กหญิงคนที่กล้ากว่ายิ้มถาม ขณะที่บอยยังยืนงงเพื่อน ๆ ก็เริ่มส่งเสียงล้อเลียน
ว่าไงคะ พี่บอย ตอบน้องสิคะ
เอ่อ... อะไร... อ๋อ บอยนึกถึงกระดาษแผ่นเมื่อเช้าขึ้นมาได้เดี๋ยวนี้เอง เขายังไม่ได้เปิดอ่านมันเลย อันที่จริงเขาลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำว่าเอามันไปวางไว้ที่ไหน
เอ่อ... น้องอยู่ชั้นไรนะ บอยเริ่มบ่ายเบี่ยง
สามทับเจ็ด
เอ่อ... งั้น เดี๋ยวพี่เอาคำตอบไปให้เองแล้วกัน สิ้นเสียงบอย เพื่อน ๆ ก็ส่งเสียงล้อเลียนขึ้นพร้อมกันอีกและหัวเราะลงลูกคอเอิ๊กอ๊าก ส่วนใหญ่เนื่องจากเปรี้ยวปากและมีอารมณ์อยากแกล้งเพื่อน แต่บางส่วนก็แอบหมั่นไส้เป็นจริงเป็นจัง เด็กผู้ชายบางคนวางมาดขรึมผิดปกติโดยไม่รู้ตัว ส่วนเด็กผู้หญิงในชั้นบางคนปรายด้วยหางตาเมื่อเดินผ่าน บางคนส่ายศีรษะด้วยความรำคาญพวกผู้ชายที่ส่งเสียงดัง เด็กหญิงชั้นมัธยมต้นคนข้างหน้าทำไม่สนใจเสียงรอบข้าง เอ่ยตอบ
เอางั้นก็ได้ ถามคนชื่อนีน่าละกัน
อื้อ บอยรับคำหน้าซื่อและยังยืนอ้อยอิ่งอยู่กับที่ ต่อเมื่อเด็กหญิงทั้งสองเดินลับไปแล้ว เขาจึงหันไปสบตากับเพื่อนคนหนึ่งที่เข้ามากอดคอไว้ เพื่อนเขาเอ่ยถาม
เอาไงวะมืง จะไปหาสาวหรือจะไปเล่นบาสกับเพื่อนหล่อ ๆ เด็กชายทำหน้าทะลึ่งล้อเลียน ส่วนบอยพูดตอบเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หญิงเอาไว้ก่อน ขอจัดการกับคนปากดีก่อน
เดี๋ยวจะดู ใครจะโดนจัดการ เพื่อนเอ่ยตอบ แล้วเด็กชายทั้งกลุ่มก็พากันเดินลงไปยังลานกีฬา
*******************
ความวุ่นวายตามปกติหลังเลิกเรียนกำลังเกิดขึ้นในห้องมัธยมห้าทับสาม เสียงเด็ก ๆ ดังอื้ออึงขณะเดินออกจากห้องในขณะที่เด็กบางคนยังเก็บกระเป๋าอยู่ แพรวเองกำลังอ้อยอิ่งเก็บสัมภาระใส่กระเป๋าเรียนขณะที่เพื่อนเข้ามาฉุดทึ้งแขน
เร็ว ๆ สิแพรว สายแล้วนะ
ทุกเย็นวันจันทร์จะเป็นช่วงว่างซึ่งแพรวไม่มีชั้นเรียนพิเศษดังนั้นจึงไม่ต้องกระวีกระวาดไปที่ไหน ส่วนใหญ่แล้วก็จะตรงกลับบ้านหรืออาจจะแวะกินขนมกับเพื่อน ๆ ระหว่างทางจากโรงเรียนไปขึ้นรถ บางครั้งอาจจะไปเดินเล่นแถวสยาม แต่นั่นมักจะเป็นวันพุธที่เลิกเร็ว หรือเป็นวันศุกร์ซึ่งวันรุ่งขึ้นไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้าเสียมากกว่า และวันนี้กลุ่มเพื่อน ๆ ก็ไม่ได้นัดหมายอะไรกันเป็นพิเศษ ดังนั้นคำว่า สาย จึงเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด
สายอะไรของแก จะรีบไปไหนกัน เด็กหญิงที่ฉุดทึ้งแขนแพรวหยุดมือ เตรียมจะเอ่ยตอบ แต่เพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ชิงตอบเสียก่อน
เอ๋า... แกนี่ หยุดไปนาน ไม่อัพเดทเลย
อัพเดทไรยะ
บอยเล่นบาสอยู่น่ะ ดูซิ พวกห้องหกลงไปกันหมดแล้ว เดี๋ยวได้มุมไม่ดีแน่ ๆ เลย แพรวได้ยินก็จึ๊ปากส่ายหน้า
ผู้ชายอีกละ ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้... หล่อเหรอ ได้ยินคำถามของแพรว เพื่อนทั้งคู่ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ทำตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจราวกับเพื่อนสาวเบื้องหน้ากำลังแสดงปาฏิหาริย์
บอยห้องหนึ่งไง หล่อกว่าดัชชี่อีกแก น่ารักมาก ๆ จะบอกให้ รีบ ๆ เลย ไปดูกัน
น่าเกลียดมากพวกนี้ เราเป็นผู้หญิงนะ ความเป็นกุลสตรีพวกหล่อนหายไปไหนหมดยะ แพรวโต้ตอบ แต่มือก็เร่งความเร็วขึ้น ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้
แหม... ขำ ๆ น่า เขาเล่นกันสนุกด้วยหรอก นึกว่าไปดูกีฬาก็แล้วกัน เพื่อนอีกคนเสริม แพรวเบ้ปากเอ่ยตอบ
ขอร้องเลย... น่าเกลียดจะตาย ไปยืนดูพวกผู้ชายเล่น คนอื่นเขาจะคิดว่าไง
ใครจะคิดว่าอะไร เขาก็ดูกันทั้งนั้นแหละ ผู้ชายถอดเสื้อกันด้วยนะ เด็กหญิงทำหน้าเจ้าเล่ห์ แต่แพรวเบ้ปากอีกครั้งทำหน้าย่น
น่าเกลียด... อะ เสร็จแล้ว จะไปไหนกันก็ไป ไม่อยากกลับบ้านค่ำนะ เพื่อนทั้งสองยิ้มยิงฟัน พยักหน้ารับคำแล้วฉุดแขนแพรวคนละข้างถูลู่ถูกังลงข้างล่างไป
ที่อัฒจันทร์ใกล้ลานบาสเก็ตบอลฝั่งที่อยู่ใต้ร่มเงาของตึกเรียนมีเด็ก ๆ นั่งกระจายกันอยู่อย่างหลวม ๆ ทั้งเด็กชาย เด็กหญิง และระหว่างกลาง เด็กชายบางคนนั่งรอสลับตัวกับเพื่อนเพื่อลงไปเล่นเมื่อถึงตาตัวเอง บางคนนั่งดูเพื่อนเล่นอยู่เฉย ๆ บางคนนั่งคุยกับเพื่อนที่นั่งดู และบางคนก็มาเพื่อจะคุยกับเพื่อนนักเรียนสาว ๆ โดยเฉพาะ
แพรวไม่รู้สึกอยากเดินขึ้นไปบนอัฒจันทร์นั้นเท่าไหร่เลย กระนั้นเพื่อนทั้งสองก็ยังฉุดลากให้เธอตามขึ้นไปนั่ง ด้วยความที่ล่าช้าทั้งสามคนต้องเขย่งเก็งกอยหลีกเพื่อน ๆ ที่มาอยู่ก่อนซึ่งจับจองที่แถวกลาง ๆ และด้านล่างกันไปหมดแล้วเพื่อขึ้นไปยังแถวบนสุดซึ่งยังพอมีที่ว่างอยู่ คงเป็นเพราะค่อนข้างหมิ่นเหม่และมีความสูงที่น่ากลัวไม่น้อยนั่นเอง
เมื่อได้ที่นั่งและขยับกายให้เหมาะสมมั่นคงดีแล้ว เด็กทั้งสามจึงได้เลื่อนสายตาไปยังสนามบาสฯ ในขณะเดียวกับที่เสียงร้องหวีดว้ายของเพื่อน ๆ ร่วมอัฒจันทร์ดังขึ้น เด็กนักเรียนหญิง (และชาย) บางคนเหมือนจะร้องเสียงดังจนเกินเหตุชวนให้แพรวนึกถึงรายการโทรทัศน์รอบดึกที่มักจ้าง ผู้เอื้อเฟื้อเสียงประกอบอารมณ์ ไปนั่งอยู่บริเวณห้องส่งเพื่อสร้างบรรยากาศให้คนดูคล้อยตามจนเกินจริง แพรวรู้สึกว่าพิธีกรในรายการเหล่านี้เป็นนักแสดงที่เก่งเสียยิ่งกว่านักแสดงละครเสียอีกนะ
เมื่อมองตามเด็กหญิงคนอื่น ๆ ไป ก็พบเด็กชายรูปร่างสูงยาวคนหนึ่งนอนตะแคงอยู่ข้างสนามกำลังยกข้อศอกตัวเองขึ้นส่องดูพร้อมปัดเศษฝุ่นออกไป ท่าทางเหมือนจะได้แผล
อู๊ย... เจ็บเลยอะ
เป็นไรมากไหมอะ
น่าจะมาล้มใกล้ ๆ หน่อยนะ
ท่าล้มโคตรเท่เลยว่ะ
เหล่านี้เป็นเสียงกระซิบกระซาบที่แพรวได้ยินรายรอบอัฒจันทร์ เสียงสุดท้ายคือเพื่อนที่มาด้วยกันเอง ใจหนึ่งของแพรวรู้สึกอับอายจากสถานะและสภาวะของตัวเอง ณ ขณะนั้น แต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกสนุกท้าทาย ก่อนหน้านี้ไม่นานแพรวไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษใด ๆ กับความทะลึ่งทโมนของเพื่อนผู้ชาย หรือแม้แต่ความหยาบโลนในบางคนเลย แต่ระยะหลัง ๆ นี้ เพื่อน ๆ ผู้หญิงกลับจับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์เพื่อนผู้ชายในลักษณะวิสัยของความเป็นผู้ชายที่แตกต่างจากผู้หญิงกันมากขึ้น ดังนั้นความอยากรู้อยากเห็นจึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่แพรวก็ยังไม่อยากยอมรับมันอยู่ดี
เด็กชายคนที่ล้มลุกขึ้นยืนแล้วกะโผลกกะเผลกกลับเข้าสนามไปพร้อมเสียงกรีดร้องให้กำลังใจของสาว ๆ ทุกประเภท หลังจากที่นั่งดูได้ครู่หนึ่งแพรวก็เริ่มเบื่อ เมื่อดูนาฬิกาก็เห็นสมควรแก่เวลาแล้วจึงบอกลาเพื่อน ๆ เพื่อกลับบ้าน แม้จะได้รับเสียงทัดทานจากเพื่อน แต่แพรวก็ใจแข็งเดินลงจากอัฒจันทร์
แพรวเดินอ้อมไปด้านหลังแป้นบาส แต่ขณะนั้นเอง ลูกบาสก็ปลิวหวือหลุดจากมือเด็กคนหนึ่ง กระแทกเข้ากับเสารองแป้น แล้วกราดอนพุ่งไปทางที่แพรวเดินอยู่
ลูกบาสนั้นหลุดออกมาจากวงเพราะเด็กชายคนหนึ่งส่งลูกให้บอยในขณะเดียวกับที่บอยหันหลังให้และเตรียมจะวิ่งไปบังตัวทำคะแนนด้านขวา เมื่อลูกออกจากมือ เด็กชายก็ตะโกนเรียกบอยซึ่งก็ไม่ทันเสียแล้ว
ในจังหวะที่บอยหันหลังเพื่อเตรียมจะย้ายจุดนั่นเอง ปลายสายตาของเขาก็สบเข้ากับเด็กหญิงคนหนึ่ง สมองของเขาใช้เวลาไม่นานเลยในการจะรับรู้ว่าเด็กหญิงคนนั้นคือคนที่ตนลอบมองอยู่ทุกวัน บอยรับรู้ถึงเด็กหญิงคนนี้ก่อนที่จะได้ยินเสียงเพื่อนตะโกนเรียกชื่อตนเพียงครู่เดียว จากนั้น บอยก็ได้ยินเสียงลูกบาสกระทบเสาเหล็กทางด้านหลัง เมื่อบอยเหลือบหันหลังกลับไป หางตาของเขาก็เห็นลูกบาสกราดอนออกจากเสาด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นและพุ่งตรงเข้าไปหาเด็กหญิง จุดที่เขาอยู่นั้นห่างจากเด็กหญิงราว 5-6 ก้าวซ้ำยังกึ่งหันหลังกึ่งตะแคงให้ ในขณะที่จุดกระทบของลูกบาสตรงเสาเหล็กนั้นห่างจากเด็กหญิงเพียงสามฟุต ถึงแม้บอยจะกระโดดเข้าไปหาเด็กหญิง เขาก็ไม่มีทางที่จะหยุดลูกบอลได้ทัน
แต่เสี้ยววินาทีถัดมา ลูกบาสก็สนิทนิ่งอยู่ในมือเขาที่อยู่ห่างจากใบหน้าเด็กหญิงเพียงปลายนิ้ว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีและไม่มีใครติดตามความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นได้เลย มีเพียงเด็กชายที่ส่งลูกให้บอยนั่นเองที่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ แม้ไม่แน่ใจก็ตาม ส่วนคนอื่น ๆ นั้น ภาพที่เห็นคือบอยรับลูกบอลไว้ได้ กับเด็กหญิงอีกคนที่โผล่มาจากไหนตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
แพรวไม่ได้รับรู้ถึงการพุ่งมาของลูกบาส แต่รับรู้ได้ถึงการปรากฏของเด็กหนุ่ม เมื่อจู่ ๆ ร่างสูง ๆ ก็ทะลึ่งเข้ามาโผล่ประชิดตัวเธอก็ตกใจ ความตกใจทำให้อารมณ์เสียแพรวจึงไม่สนใจแม้จะมองหน้าเด็กหนุ่มและรีบเดินออกให้ห่างจากสนามไปโดยเร็ว
เมื่อแพรวเดินผ่านไปและบอยรับลูกไว้ได้แล้ว เขาก็ส่งลูกกลับไปให้เพื่อน สายตาเล็งที่เพื่อนอีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ จากนั้นเด็กหนุ่มก็วิ่งเข้าไปหา เอาหน้าอกปะทะหัวไหล่เพื่อนจนตัวเองล้มลงอีกครา
เฮ้ย ไรของมืง เป็นไรรึเปล่า เพื่อนที่โดนชนหันกลับมาถามหลังจากถูกแรงปะทะเซถลาไปเล็กน้อย เพื่อนคนอื่น ๆ วิ่งเข้ามาสมทบ
วันนี้มืงเป็นไรเนี่ย ไอ้บอย
ไม่รู้ว่ะ กูเหนื่อย กลับบ้านแล้วนะ พูดจบเด็กชายก็ลุกขึ้นเดินออกจากสนาม ตรงไปที่อัฒจันทร์เพื่อเก็บสัมภาระ เพื่อนที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์เอ่ยถาม
เฮ้ย มืงไม่เล่นแล้วเหรอ
เออ กูกลับบ้านละ สิ้นเสียงบอยก็มีเสียงพึมพำเบา ๆ จากเด็กหลาย ๆ กลุ่มบนอัฒจันทร์ที่ฟังไม่ถนัดนัก ทั้งสมาธิของบอยเองขณะนี้ก็ไม่สามารถรับรู้ได้
งั้นกูลงต่อ เพื่อนพูดอีกพร้อมขยับตัวก้าวลงจากที่นั่ง
เออ บอยตอบไม่เงยหน้า แล้วรีบคว้ากระเป๋าวิ่งออกไป
อ่าว เฮ้ย แม๋ง กลับจริง ๆ โว้ย... ไปไม่ลา มาไม่ไหว้ ไอ้นี่... เป็นเสียงของเพื่อนคนหนึ่งที่บ่นตามหลัง
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 54 01:08:55