หลังจากส่งสายตามองซ้ายมองขวาไปหลายรอบ คนตรงกลางก็ถอนหายใจดังๆ ออกมาอีกครั้ง นวดให้ก็แล้ว หอมแก้มก็แล้ว กอดพุงกลมๆ ยื่นๆ ก็แล้ว ไม่เห็นว่าคนที่อยู่ข้างๆ จะใจอ่อนขึ้นมาสักที
“พ่ออ่า ป่อยไปแค่สองวันเอง นะๆ” น้ำเสียงยังคงออดอ้อนไม่เลิก
เจ้าลูกแมวตัวแสบแถมขี้อ้อนกำลังส่งสายตาปริบๆ หลังงัดสารพัดวิธีที่จะทำให้คนข้างๆ เพียงแต่วันนี้มันยังไม่ได้ผล
แต่นานไปก็ทำเอาสายตาอ้อนวอน เปลี่ยนเป็นจ้องเขม็งไปยังผู้เป็นพ่อได้เช่นกัน คนด้านขวายังไม่ผ่าน แล้วคนด้านซ้ายจะรอดได้อย่างไร
พีรณัฐหันซ้ายหันขวาอีกครั้ง คนด้านซ้ายคือคุณนายอรพินจอมบ่น...แต่เฉพาะกับเธอ คนด้านขวาก็อาเสี่ยปีณัฐจอมหวง...แต่เฉพาะกับเธออีกเช่นกัน
แต่แล้วเป้าหมายเธอก็ยังอยู่ที่คนฝั่งขวาเช่นเดิม “โธ่พ่อ นะๆ ถ้าพ่อไม่ยอม แล้วใครจะไปขออนุญาตแม่ให้ป่อยล่ะ”
คนอ้อนส่งเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง กะหวังผลสองด้าน เพราะคุณนายอรพินก็นั่งอยู่ตรงนั้น แต่อีกครั้ง ที่ไม่มีคำตอบจากทั้งสองฝั่งเช่นเคย
“ป่อยแค่ไปเที่ยวทะเล ไม่ได้ทำอะไรเสียหายซักหน่อย ทำไมที พี่ปูน พี่ปาย พี่แป้งจะไปไหนพ่อกับแม่ไม่เคยจะห้ามล่ะคะ” จากน้ำเสียงที่เคยออดอ้อน กลับกลายเป็นตัดพ้อเสียดื้อๆ
ปีณัฐละสายตาจากหน้าจอทีวี เหลือบมามองคนหน้ามุ่ยแวบหนึ่ง ยังไม่ทันได้ตอบกลับไป ก็มีอีกเสียงขัดขึ้นมาจากประตูห้องนั่งเล่นเสียก่อน
“ปูนออกไปข้างนอกนะ”
“ปะ ไป ไป...” ปีณัฐกำลังจะอ้าปาก แต่ก็ค้างอยู่ชั่วขณะ กว่าจะได้พูดต่ออีกคนก็เดินจ้ำอ้าวไปถึงหน้าบ้านเสียแล้ว “เฮ้ย! เจ้านี่... จะไปไหน”
“นั่นไง พี่ปูนจะไปไหน ไม่เห็นต้องรอให้พ่อกับแม่อนุญาตเลย สองมาตรฐานชัดๆ!!” พีรณัฐได้ทีเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเอง พ่อกับแม่จะเอาอายุมาจำกัดสิทธิเสรีภาพของเธอได้อย่างไรกัน
“ป่อยฟังพ่อนะ พ่อไม่ได้ห้าม ที่ป่อยจะไปเที่ยวกับเพื่อน พ่อรู้ว่าป่อยโตแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้ว แต่พ่อจะปล่อยให้เด็กผู้หญิงสามคน แถมลูกสาวพ่อยังน่ารักซะขนาดนี้ ให้ไปเที่ยวเกาะกันตามลำพังได้ยังไง ทะเลก็มีออกเยอะแยะ ไม่เห็นต้องไปไกลขนาดนั้น”
“แต่พ่อคะ...” น้ำเสียงเริ่มจะอ่อนลงมาบ้าง อาจเป็นเพราะคำว่า ‘น่ารัก’
“พ่อไม่ได้ไม่ไว้ใจป่อย แต่ป่อยก็ต้องรู้สิว่า สิ่งไหนควรทำ สิ่งไหนไม่ควรทำ คนเรานะ จะบอกได้ว่าโตหรือไม่โตมันอยู่ที่เรารู้จักดูแลตัวเองหรือเปล่า ถ้ายังทำตัวให้คนอื่นต้องคอยเป็นห่วง ก็แสดงว่ายังไม่โตพอ แล้วป่อยล่ะ คิดว่าตัวเองโตพอรึยัง” คนเป็นพ่อเริ่มใช้ไม้อ่อน เมื่อหลักยุติธรรมได้ถูกเข็นขึ้นมาใช้
แม้จะยังไม่พอใจ แต่คำพูดของพ่อก็ทำให้รู้สึกดีกว่าการนั่งนิ่งเป็นไหนๆ รู้สึกดีที่ทุกคนในบ้านมาคอยดูแลเอาใจใส่ แต่บางทีก็เหมือนจะจำกัดเกินไปเพราะเหตุผลเพียงแค่ว่า เธอยังไม่โตพอ การที่เกิดมาหลังคนอื่นหลายปี ในขณะที่อีกสามคนอายุไล่เลี่ยกัน มันทำให้เห็นถึงความแตกต่างชัดเจน
จนบางครั้งแม้เธอจะเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นแค่ไหน ก็เหมือนไม่เคยเข้าถึงความคิดของพี่ๆ เลยสักครั้ง
“เอาล่ะ” เมื่อเห็นลูกสาวของพ่อยังนั่งนิ่ง ปีณัฐจึงได้เอื้อมมือมากอดคอ “พ่ออนุญาตให้ป่อยไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนได้ แต่ต้องไม่ใช่ที่ที่เราขอ จะเป็นที่ไหนเดี๋ยวพ่อบอก มีแถมโปรโมชั่นที่พักฟรีด้วย”
“ที่พักฟรี...” พีรณัฐใช้เวลาประมวลผลอยู่ได้สักพัก “ก็ได้ค่ะ แต่ต้องเป็นทะเลนะคะ”
ในเมื่อเงื่อนไขที่ว่ายอมรับได้ พีรณัฐจึงไม่ลังเลนักที่จะตอบตกลง เพราะจุดประสงค์ของเธอคือการได้ไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนสนิทเท่านั้น มีที่พักฟรีแบบนี้...คุ้ม แต่หวังว่าคงไม่ใช่ทะเลกรุงเทพฯ หรอกนะ ยิ่งไม่อยากให้ไปไกลๆ เสียด้วย
“ช่วงนี้เจ้าปูนทำตัวแปลกๆ นะ พ่อว่าไหม” นั่งกันไปได้สักพัก คุณนายอรพินก็จุดประเด็นขึ้นมา หลังจากปล่อยให้ปีณัฐออกโรงไปพักใหญ่
คุณชายของบ้านไม่เคยเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง เจ้าตัวมักเป็นตัวตั้งตัวตีหากิจกรรม มาทำให้บ้านไม่เงียบเสียมากกว่า ยิ่งพักหลังแม้จะมีรอยยิ้มทุกครั้งที่เจอหน้า แต่สายตาดูแล้วหม่นๆ เศร้าๆ พิกล
เมื่ออีกคนเอ่ยขึ้นมา พีรณัฐจึงได้ดีดนิ้วเปาะอย่างเห็นด้วย แม้แม่ป่านของเธอไม่เปิดประเด็น แต่ระยะหลังพฤติกรรมพี่ชาย เริ่มชักน่าสงสัยขึ้นมาตงิดๆ
เมื่อครู่ก็ทำเป็นหยิ่ง ไม่ยอมให้เธอเข้าห้อง จะปรึกษาเรื่องขออนุญาตไปเที่ยวเสียหน่อยก็ไม่ได้
“ตั้งแต่พี่ปายไม่อยู่ พี่ปูนมาถึงก็ล็อคห้องประจำ ป่อยจะเข้าไปก็ไม่ให้เข้า” คนช่างสังเกตคาดเดา ก่อนส่งเสียงอย่างหมายมาด “คอยดูนะ ป่อยจะจับให้ได้เลย พี่ปูนแอบดูหนังโป๊แน่ๆ”
เมื่อได้ยินคนข้างๆ คาดเดาไปเช่นนั้น ปีณัฐจึงได้แต่ยิ้มน้อยๆ ยื่นมือไปกอดคอลูกสาวคนเล็กอีกครั้ง รู้ว่าเจ้าตัวคงอยากหาเรื่องฟาดงวงฟาดงาคนอื่นเสียมากกว่า
“แสดงว่าเราก็อยากไปดูกับพี่เขาใช่ไหม ถึงได้หงุดหงิด”
“ใช่ เอ๊ย! ไม่ใช่ พ่อก็” พีรณัฐหันไปยิ้มเขิน เข้าทางพ่อปิงจนได้สิน่า “ป่อยว่าพี่ปูนแปลกๆ ตั้งแต่กลับมาแล้ว อยากจะรู้เรื่องพี่ฝันอยู่นั่นแหละ สงสัยแอบชอบอยู่แน่ๆ อุบ!!”
ประโยคสุดท้ายคล้ายจะบ่นกับตัวเองเสียมากกว่า แต่อย่างไรเสียก็รับปากพี่ชายไว้แล้ว เจ้าตัวจึงรีบเอามือปิดปากโดยอัตโนมัติ หันซ้ายหันขวาเหมือนกลัวคนอื่นได้ยิน
“เป็นอะไรไปยายป่อย แม่ว่าเรานั่นแหละ แปลกกว่าพี่ปูนเขาซะอีก”
ดูเหมือนคนเปิดประเด็น จะปิดท้ายด้วยการดุเธอ...อีกล่ะ
พีรณัฐหันไปมองคนด้านซ้าย แม่ป่านไม่ได้สนใจเธอแต่อย่างใด ยังคงเฝ้ามองการล่าเหยื่อของเสือชีตาห์ในจอทีวีอย่างใจจดใจจ่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ดุได้อย่างนี้สงสัยจะไม่ได้ยิน เฮ้อ! รอดตัวไป ไอ้ป่อยเอ๊ย
คนตรงกลางคงไม่ได้สังเกตว่า คนข้างๆ ทั้งสอง หันมาสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย หลังจากได้ยินประโยคสุดท้ายของเธอ
เหมือนความรู้สึกบางอย่างจะสื่อถึงกันเพียงชั่วแวบหนึ่ง ก่อนสายตาทั้งสองคู่ จะแยกย้ายไปยังหน้าจอทีวีเช่นเดิม
ได้แต่หวัง ว่าสิ่งที่รู้สึกเหมือนกัน ขอให้มันเป็นเพียงแค่...คิดไปเอง
จากคุณ |
:
pormare
|
เขียนเมื่อ |
:
27 พ.ย. 54 13:23:46
|
|
|
|