บทที่ 7
คอนเสิร์ตส่วนตัว
โดยปกติเมื่อกริ่งบอกหมดเวลาคาบสุดท้ายของวันจันทร์ดังขึ้น บอยและเพื่อน ๆ จะชวนกันไปเล่นบาสเก็ตบอล พวกเขาจะเล่นบาสกันในวันจันทร์ ส่วนวันอังคารและพฤหัสจะเล่นบอล ทั้งนี้เพราะลานกีฬาของโรงเรียนกับจำนวนนักเรียนไม่สัมพันธ์กัน มัธยมต้นและมัธยมปลายจึงต้องแบ่งวันกันเล่น วันพุธเป็นวันที่เด็กมัธยมปลายเลิกเร็วกว่าวันอื่น ๆ แต่เด็กส่วนใหญ่มักถือโอกาสออกจากโรงเรียนเร็วด้วย ส่วนวันศุกร์ เด็ก ๆ มักจะไปรวมตัวกันตามแหล่งเที่ยวเช่นสยามมากกว่าจะอยู่ในลานกีฬา อย่างไรก็ตามวันจันทร์นี้พวกนักกีฬาสีจองสนามซ้อมกันหนาแน่น พวกเด็กที่ไม่ใช่นักกีฬาอย่างบอยและเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งจึงไม่มีที่เล่น หากไม่นั่งดูพวกนักกีฬาซ้อม (ซึ่งมันก็น่าเบื่อเหลือเกิน) ก็ต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน
บอยยังไม่ได้คำตอบเรื่องภาพปริศนานั้น แต่เขาก็พบกับทางตันเสียแล้ว ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งของเขาเป็นเด็กหญิงที่ไหนก็ไม่รู้ ดูจากเครื่องแบบแล้วคงจะเป็นเด็กชั้นมัธยมปลายแน่ ๆ แต่จะอยู่โรงเรียนเดียวกับเขาหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ หากเห็นเธออีกครั้งเขาอาจจะจำเธอได้ แต่ทำอย่างไรจึงจะได้เห็นเล่า
ช่างมันเถอะ ก็แค่เส้นยึก ๆ ยัก ๆ ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรเลย
หากแต่ลึก ๆ แล้วเขากลับเชื่อมั่นอย่างประหลาดว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับความฝันของเขาเมื่อคืนนี้ อัง-ฆฌวา ปุตตา... แต่ในเมื่อเขาทำอะไรไม่ได้ในขณะนี้ ก็จำเป็นต้องนิ่งเฉย
ขณะที่บอยและเพื่อน ๆ ชวนกันเดินลงมาชั้นล่าง สายตาของเด็กชายก็ปรายไปยังห้องห้าทับสาม บอยรู้ดีว่าเด็กหญิงที่เขาแอบชอบเรียนอยู่ในห้องนั้น เขาแสร้งเดินผ่านมันอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ได้แค่นั้น เขายังไม่กล้าจะให้เพื่อน ๆ รับรู้ จึงได้แต่นิ่งเงียบและเดินตามเพื่อน ๆ ลงไป
เมื่อถึงหน้าโรงเรียน บอยเอ่ยกับเพื่อนในกลุ่ม
เฮ้ย กูลืมสมุดเลขว่ะ พวกมืงกลับก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกูขึ้นไปเอาหนังสือ
กูไปเป็นเพื่อนปะ บอส เพื่อนในกลุ่มที่ไปซ้อมดนตรีด้วยกันเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาเสนอตัว
เฮ้ย ไม่ต้อง... มืงไปกันเหอะ เจอกันพรุ่งนี้เว้ย บอยร่ำลาเพื่อน ๆ ก่อนเดินกลับเข้าโรงเรียนมา จุดประสงค์ที่แท้จริงคืออยากเจอแพรว เมื่อวันก่อนเขาได้พูดคุยกับเธอแล้ว... ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะน่า... วันนี้เขาน่าจะทักทายเธอได้อย่างสนิทใจ... น่าจะ...
บอยไม่ต้องรอนานเลย เมื่อเขาเดินกลับเข้าไปได้เพียงนิดเดียวก็เห็นเด็กสาวเดินมากับกลุ่มเพื่อน โถ่เอ๋ย อุตส่าห์สลัดเพื่อนตัวเองได้แล้วแท้ ๆ ยังต้องมาเจอเพื่อนฝ่ายหญิงอีกหรือ เด็กผู้หญิงเดินกันมา 6-7 คนแบบนี้เขาจะกล้าได้อย่างไรเล่า บอยถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดแล้วกลับหลังหันเดินออกจากประตูโรงเรียนไป
เขาไม่ได้ไปไหนไกล เพียงแค่ข้ามไปรออยู่ฝั่งตรงข้ามและทำทีเป็นซื้อลูกชิ้นอยู่นั่นเอง เมื่อเขามองกลับมาและได้เห็นแพรวบอกลาเพื่อน ๆ และเดินขึ้นสะพานลอยมาคนเดียว เขาก็ยิ้มย่องให้กับตัวเอง
ในขณะนั้น แม่ค้าลูกชิ้นก็หยิบถุงส่งให้เขา
ลูกชิ้นยี่สิบจ้ะ
แต่เด็กหญิงเพิ่งจะก้าวขาขึ้นสะพานลอยมาเท่านั้นเอง
เอ่อ... มันร้อนแล้วเหรอครับ บอยเอ่ยถามคนขาย
อู๊ย... ร้อนจนลวกปากลวกคอแล้วเนี่ย เด๋วหนูก็ต้องเป่าก่อนกินอยู่ดีล่ะ
งั้น... เอ่อ... ผม... เอาลูกชิ้นไก่เพิ่มอีกสองไม้ละกันครับ อุ่นก่อนนะป้า เด็กชายที่ตัวเล็กกว่าซึ่งยืนถัดออกไปมองบอยด้วยหางตา แล้วทำปากขมุบขมิบ บอยอ่านเอาได้ว่า ขอให้ลวกปากมันทีเถอะ
โชคดีของบอยที่เมื่อแม่ค้าส่งลูกชิ้นให้เป็นครั้งที่สองแพรวก็เดินลงบันไดมาพอดี เมื่อรับลูกชิ้นได้ เขาก็รีบควักสตางค์ด้วยมือสั่นเทาด้วยเกรงว่าจะไม่ทันเด็กสาวจนเศษเหรียญร่วงหล่นกลิ้งไปตามพื้น
เห็นไหมล่ะ บอกแล้วว่ามันร้อนแล้ว ๆ แม่ค้าสำทับ เด็กชายรุ่นน้องที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ มองตามด้วยหางตา คราวนี้สีหน้าเหมือนจะบอกว่า สมน้ำหน้าว่ะ
แทนที่จะทันการณ์ กลับต้องเสียเวลามานั่งเก็บเหรียญเสียนี่ ขณะที่สาละวนอยู่กับการก้มเก็บเหรียญ เสียงใส ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นใกล้ ๆ
อยู่ตรงนี้อีกเหรียญนะ เหรียญห้าซะด้วยสิ เมื่อบอยหันไปก็เห็นแพรวยืนยิ้มและชี้มือลงพื้นตรงจุดที่เธอยืนอยู่ บอยยิ้มให้อย่างเคอะเขินก่อนจะเดินเข้าไปเก็บเหรียญสุดท้ายตรงนั้น
แต๊งกิ้ว บอยเอ่ยบอก แต่ก็อดหลิ่วตาด้วยความขัดใจตัวเองไม่ได้ แต๊งกิ้วเนี่ยนะ!
ยัวร์ เว้ลคั่ม เด็กหญิงตอบพร้อมส่งยิ้มสดใสให้ บอยทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยิ้มเขินอีกคำรบ รู้สึกดีขึ้นมาเยอะ เขาส่งสายตาขอบคุณแพรว แต่กลับไม่ได้สบตาเธอเต็มที่ ยึกยักอยู่อย่างนั้น
ถัดออกไปใกล้ ๆ แม่ค้าลูกชิ้นยืนเอียงคอถอนหายใจ มือหนึ่งเท้าสะเอว อีกมือหนึ่งยื่นออกมาข้างหน้า
มันนี่พลีส เธอตะโกนไปทางเด็กทั้งสอง
เมื่อจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยและเดินจากมาด้วยกันแล้ว บอยก็เอ่ยถาม เขาโชคดีเหลือเกินที่เด็กหญิงเป็นฝ่ายพูดกับเขาก่อน มันทำให้เขากล้าขึ้นอีกเยอะ
กลับยังไงอะ
เดินไปขึ้นรถ... ทางนี้แหละ
อ่าวเหรอ เราก็จะเดินไปทางนี้เหมือนกัน บอยพลิ้วตอบ แพรวเลิกคิ้วแปลกใจ
บ้านอยู่ไหนน่ะ
อ๋อ เปล่าหรอก บ้านอยู่ใกล้ ๆ เขต แต่นี่เราจะเดินตัดซอยไปทางเนี้ย จะไปทำธุระหน่อย
อะเหรอ ไปทำอะไร ถามได้มะ บอยใจเต้นเร็ว ถ้าเอาเขาเข้าเครื่องจับเท็จ เขาจะต้องถูกส่งไปนั่งเก้าอี้ไฟฟ้าแน่นอน ดีแต่ที่เด็กหญิงไม่ใช่เครื่องจับเท็จ
อ๋อ... ไม่มีไรหรอก มันมีร้านขายเครื่องดนตรีอยู่อะ ว่าจะไปดูสายกีต้าร์ซักหน่อย เด็กหญิงได้ยินทำตาโต
อ๋อ ๆ ๆ มิวสิคเฮ้าส์ ใช่รึเปล่า เด็กชายนึกถึงป้ายชื่อร้านที่ตนลอบมองวันนั้น
อื้อ... รู้จักเหรอ บอยทำหน้าซื่อ
รู้จักสิ เดินผ่านทุกวัน เข้าไปดูบ่อย ๆ จนคนขายจำหน้าได้แล้วเนี่ย
อ่าว... แล้วทำไมต้องเข้าไปดูบ่อย ๆ ล่ะ
ก็... ดูแล้วมีความสุข อยากได้ตัวนั้นตัวนี้ ทั้งที่ยังเล่นไม่เป็นเลย แพรวพูดกลั้วหัวเราะแก้เขิน
เธอเรียนนานรึยัง
เพิ่งเรียนได้สองสามเดือนเอง ยังป๊องแป๊งอยู่เลย
อีกสักพักก็เก่ง บอยให้กำลังใจ แต่แพรวไม่ตอบอะไรเพราะในใจยังสงสัยว่าตัวจะเก่งขึ้นได้จริงหรือ
แต่บอยเล่นเก่งนะ... เรียนมานานแล้วสิ
อื้อ... ก็... เริ่มตอนขึ้นม.หนึ่งน่ะ ตอนประถมเรียนเปียโน ว่าแต่แพรวรู้ได้อย่างไรว่าเขาเล่นเก่ง ครูนพคงจะโม้ให้ฟังไว้เยอะแน่ ๆ
เล่นเปียโนได้ด้วยเหรอ... เก่งจังเนอะ... บอยชอบดนตรีเหรอ ในระหว่างนั้น ทั้งคู่ก็เดินไปถึงเกือบกลางซอยแล้ว เป็นบริเวณที่แผงขายแผ่นหนังดีวีดีและซีดีเพลงผิดลิขสิทธิ์ตั้งอยู่ รายล้อมด้วยร้านอาหารที่พ่อค้าแม่ค้าเพิ่งกำลังต้มน้ำซุป หุงข้าว หรือเตรียมอุปกรณ์ บอยแสร้งทำเป็นไม่สนใจแผงแผ่นหนังเบื้องหน้า ขณะตอบคำถามแพรว
อื้อ... ก็... เด็ก ๆ อยากเป็นนักดนตรี
แล้วตอนนี้ล่ะ
ฮื่อ... ไม่รู้เหมือนกันแฮะ แล้วทำไมแพรวอยากเรียนดนตรีล่ะ บอยถามกลับบ้าง แต่แพรวไม่สนใจยิงคำถามของตัวเองต่อเนื่อง
บอยเล่นอะไรเป็นอีก นอกจากกีต้าร์กับเปียโน
ก็ตีกลอง... นิดหน่อย... เป่าขลุ่ย
หูย... อนุรักษ์วัฒนธรรมซะด้วย บอยเล่นกีต้าร์คลาสสิคมาก่อนเหรอ
ใช่
แล้วทำไมไปเล่นไฟฟ้าซะแล้วล่ะ
ก็... อยากลองอะไรแปลก ๆ เล่นลูกเล่นแปลก ๆ... มันคนละฟีลอะ ได้อีกอารมณ์นึง แพรวยิ้มให้บอยด้วยความสนใจ ตอนนี้บอยกลับรู้สึกเขินมากขึ้นอีก แล้วทำไมแพรวเลือกเรียนกีต้าร์อะ
มันเพราะดี... เคยได้ฟังจากแผ่นของบ้านญาติ ทีแรกนึกว่าเสียงเปียโน แต่เขาบอกว่าเป็นกีต้าร์คลาสสิค กลับมาบ้านบอกพ่อเลยว่าจะไปเรียน... วันหลังเล่นคลาสสิคให้เราฟังบ้างได้มั้ย แพรวมองหน้าบอยตลอดเวลาที่คุยด้วย แต่บอยกลับเป็นฝ่ายหลบตา
อืม... เดี๋ยวไปเล่นให้ฟังที่ร้านละกัน
อุ๊ย... ดีเลย... จริงแพรวก็ว่าจะซื้อสักตัวน่ะ แต่ไม่กล้าเลือก
อ้าว... แล้วตอนนี้แพรวยังไม่มีกีต้าร์อีกเหรอ
มีของเก่าของน้าน่ะ แต่ว่ามันไม่ใช่คลาสสิคหรอก เป็นกีต้าร์โฟล์คถูก ๆ คุณพ่อจะพาแพรวมาซื้อหลายครั้งแล้ว แต่มันเขินนะ เราลองไม่เป็นนี่
ฮ่ะ ๆ เข้าใจ ๆ บอยสำทับ
แต่ตอนนี้ก็สนิทกับที่ร้านแล้วล่ะ เขาแนะนำยามาฮ่ารุ่นนึงมา ตัวหกพันกว่าบาท แพรวกำลังคิดว่าจะพาพ่อมาซื้อแล้วล่ะ ให้พี่ที่ร้านเขาเล่นให้ฟัง แต่ถ้าได้บอยเลือกให้ก็คงจะดีนะ บอยยิ้มอย่างสบายใจ ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าร้านพอดี แพรวหันมายิ้มให้บอยอีกครั้งก่อนผลักประตูเปิด
เสียงกรุ๋งกริ๋งของกระดิ่งที่หน้าประตูดังขึ้น เมื่อพนักงานหนุ่มของร้านหันมาเห็นลูกค้าก็ยิ้มให้
อ้าว เป็นไง... เลิกเรียนแล้วเหรอ
เลิกแล้วค่ะ... วันนี้จะมาเลือกกีต้าร์ พนักงานเลิกคิ้วประหลาดใจ พร้อมกวาดตามาทางเด็กหนุ่มที่เดินเข้ามาพร้อมเด็กหญิง
เอาแน่แล้วนะ ด้วยอะไรไม่ทราบได้ บอยรู้สึกเหมือนคำพูดนี้จะตีความหมายได้มากกว่าหนึ่ง
ก็เดี๋ยวให้เพื่อนช่วยเลือกให้ แพรวหันมาทางบอย บอยยืนเก้ ๆ กัง ๆ รู้สึกเหมือนมีแขนเกินมาข้างหนึ่ง เลยต้องถือกระเป๋านักเรียนไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
โอเค ตามสบายเลยนะ ตั้งสายไว้หมดแล้ว พนักงานร้านยิ้มให้ก่อนเดินไปคุยกับเพื่อนที่โต๊ะคิดเงิน แพรวเดินไปยังมุมกีต้าร์คลาสสิคแล้วชี้ที่ตัวหนึ่งให้บอยดู
พี่เขาแนะนำตัวนี้น่ะ เหมาะสำหรับคนเริ่มต้น บอยเดินตามเข้าไปดูใกล้ ๆ เขาก้มลงมองผ่านเข้าไปในช่องเสียงก่อนหยิบกีต้าร์ออกมาจากชั้นแขวน
ซีจีร้อยหนึ่ง... เขาเริ่มปรายนิ้วไปบนสายกีต้าร์ อืม... ตัวนี้ฮิต... แต่เสียงจะเบาไปนิด... โดยเฉพาะเสียงสูงนะ เขาเริ่มเล่นเพลงฝึกนิ้วง่าย ๆ โดยเน้นเสียงในช่วงเสียงสูง
เสียงต่ำก็ไม่ค่อยชัดนะ มันหึ่ง ๆ เสียงกลางดังหน่วงกลบหมดเลย... แต่ถ้าเทียบกับราคาแล้วมันก็ไม่เลวเท่าไหร่... แต่ไปเล่นกีต้าร์สเปนจะคุ้มกว่า... แพรวมีงบเท่าไหร่ล่ะ
อืมมม ไม่เกินหมื่นสองหมื่นน่ะ
หมื่นกับสองหมื่นมันต่างกันตั้งเท่านึงนะนั่น บอยหัวเราะ ยิ้มน้อย ๆ ถ้างั้น... ดูที่มันเป็นไม้ซีดาร์แล้วกันน่าจะเอาอยู่นะ...
แล้วยามาฮ่า ตัวนี้ไม้อะไรอะ แพรวเอ่ยถาม
อื่มมมม... พี่ครับ บอยร้องเรียกพนักงานคนเมื่อครู่ เขาเงยหน้าขึ้นมอง ยิ้มให้ ตัวนี้เขาทำจากไม้อะไรเหรอครับ พนักงานเดินเข้ามาใกล้ แล้วดูไปยังตัวที่บอยชี้อยู่
อ๋อ ไม้สปรูซ นะ ตัวนี้ บอยทำหน้าเหยเก
เราะ
มันคุณภาพปานกลาง แพรวได้แต่มองสลับไปมาระหว่างคนทั้งสอง แต่มันก็คุ้มค่านะ กับราคา ในขณะนั้นก็มีลูกค้าเป็นเด็กหนุ่มวัยมหาวิทยาลัยเดินเข้ามาในร้านอีกสองคน พนักงานจึงหันไปทักทาย
สวัสดีครับ ลองหยิบ ลองเล่นได้เลยนะครับ
แพรวดีดแรงไหม เวลาเล่น บอยหันไปถามแพรว
อืมม ไม่นะ แพรวดีดเบา ๆ น่ะ บางทีครูนพยังบอกเลยว่าไม่ได้ยิน พูดจบก็แลบลิ้น บอยยิ้มรับ
งั้นขอดูที่เป็นซีดาร์ดีกว่าครับพี่ พนักงานขายพยักหน้าเห็นด้วย เอาเป็น อัลลัมบรา ก็ได้ครับ
รุ่นสองซี นี่แล้วกันนะ เอ้า ลองดู พนักงานหยิบกีต้าร์ส่งให้บอยตัวหนึ่ง แพรวยิ้มพลันใจเต้นแรงขึ้น มันดูสวยสง่าในมือของเด็กชาย
ขอบคุณครับ
นั่งเลยครับ พนักงานชี้ไปยังเก้าอี้ให้บอยเดินไปนั่ง จากนั้นหยิบม้ารองขาไปให้เด็กชาย บอยวางกีต้าร์ลงที่ตักซ้ายแล้วยกเท้าซ้ายขึ้นพาดม้ารอง เขาขยับกายไปมาให้นั่งสบายที่สุด กำมือทั้งสองข้างแล้วแบออก จากนั้นจรดนิ้วลงบนกีต้าร์แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เอาขาซ้ายลงจากม้า แล้วพาดกีต้าร์ไว้บนตักขวา เขาไม่ได้นึกถึงเพลงไหนเป็นพิเศษมาก่อน แต่เลือกเอาเพลง Classical Gas ของ William Mason มาเล่นเพราะมันน่าจะตอบสนองทั้งเสียงเบสและเสียงสูงได้ดี
แม้ร้านมิวสิคเฮาส์จะอยู่ติดริมถนน แต่รถที่คับคั่งข้างนอกขยับได้เพียงครั้งละนิดจึงไม่ส่งเสียงดังมากนัก นอกจากนั้นกระจกยังกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีภายในร้านจึงกังวานไปด้วยเสียงกีต้าร์ของเด็กชาย แพรวยืนมองบอยเล่นด้วยความตั้งใจ หากเธอเป็นนักกีตาร์ที่มีประสบการณ์สักหน่อย เธอจะสามารถบอกได้ว่าการแสดงที่เธอได้ชมอยู่นี้นั้นใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบมากเพียงไร ดั่งเช่นลูกค้าเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่ชำเลืองมองบอยเมื่อเขาเริ่มดีดโน้ตตัวแรกคือ C และ A และเมื่อบอยเล่นถึงห้องที่สิบสอง ทั้งคู่ก็หยุดกิจกรรมที่ทำอยู่หันมายืนฟังเด็กชายเล่นด้วยความสนใจ พนักงานขายคนเมื่อครู่ที่กำลังต้อนรับทั้งคู่อยู่นั้น กับพนักงานขายอีกคนที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์เล่นอยู่หลังโต๊ะต่างพากันหันมาดูการแสดงของเด็กชายอย่างเงียบ ๆ
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเสียงกีต้าร์ที่พลิ้วไหว หรือว่าตาเศร้า ๆ บนใบหน้าเคลิ้มฝันของเด็กชาย หรือเป็นเพราะท่าทางการวางมือและนิ้วของเขาบนกีต้าร์กันแน่ ที่ทำให้แพรวใจเต้นแรงขนาดนี้ หัวใจมันหวิว ๆ เหมือนเจ็บปวดแต่ก็โหยหา เป็นครั้งแรกในชีวิตที่แพรวมีความรู้สึกบ้า ๆ แบบนี้ ทั้งเพลงก็ยังฟังบีบคั้นอย่างประหลาด มันเป็นเพราะท่วงทำนองของเพลงหรือเป็นความรู้สึกที่ออกมาจากผู้เล่นกันแน่หนอ
เมื่อบอยเล่นโน้ตตัวสุดท้ายและทิ้งเสียงเบสให้ดังกังวานทั่วร้าน เสียงปรบมือของผู้ชมกลุ่มเล็ก ๆ ก็ดังขึ้น แพรวซึ่งหลุดไปในความนึกคิดของตัวเองก็ถูกดึงกลับเข้ามาร่วมในเหตุการณ์ เธอหันไปตามเสียงปรบมือแล้วยิ้มให้อย่างภูมิใจ นี่เพื่อนหนูเอง แล้วเธอก็ปรบมือให้บอยด้วย สายตาของแพรวที่มองบอยขณะนี้เป็นสายตาที่ชื่นชมแท้จริงทำให้เด็กหนุ่มทั้งเขินและได้ใจในเวลาเดียวกัน ทั้งคู่มองตากันใบหน้าเปื้อนด้วยรอยยิ้ม... บอยเอ่ย
ชอบไหมล่ะ ตัวนี้ แพรวพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนเอ่ยตอบเสียงสดใส
ชอบ
**********************
ตอนที่เดินออกมาจากร้านเย็นวันนั้นแพรวไม่ได้ถือ Alhambra 2C ตัวที่บอยเปิดการแสดงสดในร้านติดมือออกมาด้วยเนื่องจากต้องรอบัตรเครดิตของคุณพ่อในวันหยุด ดังนั้นแล้วบอยจึงไม่มีข้ออ้างที่เหมาะสมอันใดที่จะขอติดตามเด็กสาวไปถึงบ้าน อย่างเช่น ช่วยแบกกีต้าร์ให้ ทั้งที่ลึก ๆ นั้นอยากไปแทบแย่ แต่วันนี้ก็นับได้ว่าไม่เสียชาติเกิดแล้วเพราะเขาได้แลกเบอร์มือถือกับเด็กสาวเป็นที่สมปรารถนา ท่าทาง คำพูด รวมทั้งสายตาที่เธอมีให้เขาก็ดูว่าเธอไม่ได้รังเกียจเขาเช่นกัน แต่บอยก็ยังไม่แน่ใจว่าเด็กสาวจะรู้สึกกับตัว อย่างที่ตัวรู้สึกกับเธอหรือเปล่า... บอยเป็นเด็กที่ต้องการการพิสูจน์ในเรื่องต่าง ๆ... อย่างน้อยก็ต้องชัดเจนกว่านี้
หลังกินข้าวเสร็จแล้ว บอยต้องข่มใจไม่คิดถึงเรื่องของแพรวและทำการบ้านเลขให้เสร็จ โดยปกตินั้นเขาสามารถจะทำมันเสร็จลงได้อย่างรวดเร็วแต่กับคืนนี้มันยากเย็นเสียเหลือเกิน เวลาในการทำการบ้านชั่วโมงครึ่งของเขานั้นเสียเวลาให้กับการเหม่อลอยถึงสองในสาม แม้ขณะจะเข้านอนแล้วเขาก็ยังคิดถึงแต่เธอ... การคิดถึงใครสักคนมาก ๆ มันทรมานจนนอนไม่หลับ แต่บอยก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าเขาจะไม่โทรไปหาเด็กหญิงในคืนนี้... มันคงจะดูไม่ดีเลยถ้าเขาไม่รู้จักหักห้ามใจไว้บ้าง... นักการเมืองเป็นที่รักของประชาชนได้ก็ด้วยการสร้างภาพมิใช่หรือ...
ขณะกอดหมอนข้างก่อนปิดเปลือกตาลง บอยจินตนาการถึงเส้นผมของแพรว...
แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 54 02:16:00