Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๑๑ ความแตกต่างของสำเนียง) ติดต่อทีมงาน

ความลับฤดูหนาว  (บทที่ ๑ ศพเดินได้)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11309801/W11309801.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๒ คนบ้าในกรงขัง)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11321605/W11321605.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๓ ชายหนุ่มและสมมุติฐาน)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11331282/W11331282.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๔ รูปจำลองเสมือนจริง)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11338619/W11338619.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๕ คำเตือนของอัศวิน)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11350818/W11350818.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๖ จดหมายจากแดนไกล)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11358855/W11358855.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๗ การเดินทางของวสันต์)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11367272/W11367272.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๘ ดวงดาวผู้เป็นพยาน)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11379302/W11379302.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๙ กระดาษและกระดุมเสื้อ)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11394554/W11394554.html#2
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๑๐ เสียงกรีดร้องของไพรินทร์)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11399214/W11399214.html




บทที่ ๑๑ ความแตกต่างของสำเนียง

สองสาวรีบกุลีกุจอวิ่งตามพวกผู้ชายลงมาจากเรือนนางไพรินทร์ เมื่อนายภูมิพงษ์ส่องไฟฉายไปยังร่างหนาที่ยืนนิ่งอยู่ตรงกลุ่มเครื่องจักรสานที่วางทิ้งไว้ใต้เรือนก็ทำให้ทั้งหมดตกใจไปตามๆ กัน

แสงไฟที่ส่องหน้าทำให้นายบุญยืนต้องยกมือขึ้นบังดวงตาไว้ นายภูมิพงษ์และคนงานตรงปรี่ไปหาเขาทันที “มาอยู่นี่ได้ยังไงบุญยืน...” บิดาของอรอนงค์จับท่อนแขนอีกฝ่ายไว้ บุญยืนหันไปมองกลุ่มบุคคลตรงหน้าด้วยความตกใจ

“ก็...พอดี ผมเห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่ใต้เรือนหลังจากที่ได้ยินเสียงคุณไพรินทร์กรีดร้อง ก็เลย...เดินมาดู”

“แล้วเจออะไรมั้ย?...” ภูมิพงษ์ถามเสียงแหบพร่าก่อนที่ผู้เป็นลูกน้องจะส่ายหน้า “อาจจะเป็นไอ้เจ้าฆาตกรก็ได้ พวกเอ็งสองคนรีบออกไปสำรวจรอบบริเวณบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ อร...กลับไปที่เรือนแล้วบอกให้เศรษพงษ์ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านกับพวกตำรวจให้รีบเกณฑ์พวกผู้ชายในหมู่บ้านมาจับฆาตกรกัน” คำสั่งจากบิดาทำให้อรอนงค์ต้องหน้าถอดสี เธอหันมามองฟ้าฉายที่ตั้งใจฟังชายคราวพ่ออย่างจริงจัง

“รีบไปเถอะอร...” ฟ้าฉายคว้ามือเพื่อนสาวก่อนวิ่งกลับไปยังเรือนที่พัก นายทรงพลและนางพิมพ์พาต่างกรูกันลงมาจากเรือนใหญ่เมื่อเห็นร่างระหงทั้งสองกำลังวิ่งผ่านหน้าไป

“เกิดอะไรขึ้นอรอนงค์ แล้วเมื่อกี้เสียงใครร้อง...” ทรงพลร้องถามก่อนที่อรอนงค์จะหันไปบอกพร้อมออกวิ่งต่อ

“อย่าเพิ่งถามเลยค่ะ ลุงบุญยืนเห็นเงาตะคุ่มๆ ของใครบางคนอยู่ใต้ถุนเรือนอารินทร์ สงสัยว่าจะเป็นฆาตกร อรต้องรีบไปบอกพี่พงษ์” หญิงสาวกระหืดกระหอบวิ่งตามฟ้าฉายจนมาถึงเรือน ทั้งสองตรงปรี่ไปที่ห้องของเศรษฐพงษ์แต่ไม่ว่าอรอนงค์จะเคาะประตูเรียกเสียงดังสักแค่ไหนก็ไร้เสียงตอบรับจากด้านใน

“ประตูไม่ได้ล็อก...” ฟ้าฉายเผลอผลักประตูไม้บานหนาเข้าไป อรอนงค์ค่อยๆ เปิดมันออกเบาๆ สองตาสำรวจมองภายในห้องที่มืดมิด ในนั้นปราศจากการเคลื่อนไหวใดๆ และไม่มีร่างของเศรษฐพงษ์ !

สองสาวหันมามองหน้ากันด้วยความสับสน เศรษฐพงษ์หายไปไหน? แล้วจะทำเช่นไรดีเล่า? หากว่าชายที่บุญยืนเห็นเป็นฆาตกรจริงที่นี่ก็ถือว่าไม่ปลอดภัย ซ้ำบนเรือนยังไม่มีผู้ชายอยู่ซักคน หากไม่กลับไปอยู่รวมกันที่เรือนใหญ่ก็ต้องวิ่งไปบอกผู้ใหญ่บ้านที่หมู่บ้าน

“เราต้องไปที่หมู่บ้าน...” ฟ้าฉายบอกช้าชัด ดวงตาที่ตื่นตระหนกของอรอนงค์เต็มไปด้วยความสับสน

“แล้วพี่พงษ์หายไปไหนล่ะ? หรือว่าพี่พงษ์อาจจะถูก...”

“อรอนงค์...” ฟ้าฉายกระชากเสียงใส่ผู้เป็นเพื่อน สองมือยกขึ้นเขย่าร่างอรอนงค์ให้เธอมีสติ หลานสาวแห่งคานพิภพร้องไห้โฮออกมาด้วยความตกใจ ฟ้าฉายตัดสินใจลากแขนผู้เป็นเพื่อนลงมาจากเรือนก่อนพาไปหานายทรงพลและพิมพ์พาที่เรือนใหญ่ บนนั้นสว่างด้วยแสงตะเกียงไฟ โลงศพของสกาวเดือนยังคงตั้งเด่นอยู่กลางเรือน ทุกร่างต่างนั่งรวมกันอยู่รวมทั้งนายเหมราช คานพิภพ ทุกคนจ้องมาทางสองสาวเป็นตาเดียว

“ฝากอรด้วยนะคะ ฟ้าจะรีบไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านและคนในหมู่บ้านให้รีบตามมา...” บัวเรียวที่ตรงปรี่ไปรับตัวอรอนงค์ต้องเลิกคิ้วอย่างตกใจ

“งั้นบัวเรียวไปเป็นเพื่อนค่ะ...” หญิงแม่บ้านอาสาก่อนส่งยิ้มให้ฟ้าฉาย สองร่างจับมือกันวิ่งลงจากเรือน พาร่างฝ่าลมกระแสลมอันเย็นยะเยือกสู่หมู่บ้านที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า


ฟ้าฉายและบัวเรียวกลับมาพร้อมกับผู้ใหญ่ประดิษฐ์และชายฉกรรจ์อีกราวสิบคน พวกเขาไม่เจอภูมิพงษ์และพวกก่อนจะออกตามหาทั้งตัวฆาตกรและพวกที่ออกตามล่าไปก่อนหน้านี้ รอบบริเวณบ้านคานพิภพในเวลานี้ดูโกลาหลวุ่นวาย สีหน้าของคนที่ออกันอยู่ในเรือนใหญ่ต่างเต็มไปด้วยความอึดอัดใจและตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าพวกเขาอยากให้จับฆาตกรได้รึเปล่า หรือถ้าหากจับได้แล้วฆาตกรคนนั้นเกิดรู้เรื่องการตายของจันทร์หอมเมื่อยี่สิบปีที่แล้วล่ะ? คนที่ฆ่าจันทร์หอมซึ่งเป็นสมาชิกของคานพิภพคนใดคนหนึ่งต้องถึงคราววิบัติแน่ ฟ้าฉายเฝ้าภาวนาว่าขอให้จับฆาตกรได้...

ราวสองชั่วโมงกว่าที่ทุกคนจะมากลับมารวมกันที่ลานโล่งหน้าเรือนใหญ่แห่งคานพิภพ ไม่มีใครจับฆาตกรได้สักคน ไร้ร่างผู้บุกรุกโดยสิ้นเชิง ไม่มีแม้เพียงเงา...

ฟ้าฉายมองหน้าภูมิพงษ์ที่นั่งเหนื่อยหอบพลางครุ่นคิด เขาเป็นคนออกคำสั่งให้คนงานวิ่งตามหาตัวฆาตกร นั่นแสดงว่าเขาไม่ใช่คนที่ฆ่าจันทร์หอม... แล้วหากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครกันล่ะ?

หญิงสาวระบายลมหายใจบางๆ แหงนหน้าขึ้นมองตะเกียงไฟบนเรือนใหญ่ที่ยังคงส่องสว่าง อา...ใช่แล้ว สกาวเดือนตาย... ฆาตกรต้องการทำให้นางพิมพ์พาและนายทรงพลเจ็บปวด แต่แล้วคำถามที่ตามมาคือ...ช่วงที่พวกคนงานและนายภูมิพงษ์ออกตามล่าหาฆาตกรเศรษฐพงษ์ไปอยู่ที่ไหน?

“พอดีพี่เห็นพวกคนงานวิ่งดุ่มๆ ไปทางหลังสวนดอกไม้พี่ก็เลยวิ่งตามพวกเขาไปน่ะ แล้วก็ได้รู้ว่าพวกเขาตามหาฆาตกร...อย่าบอกนะว่าอรกับฟ้าออกตามหาพี่กัน?” คิ้วสีน้ำตาลอ่อนบนใบหน้าหล่อเหลาเลิกขึ้นสูง อรอนงค์ได้แต่ยืนยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อรู้ว่าพี่ชายปลอดภัย ผู้ใหญ่บ้านหารือกับนายภูมิพงษ์อยู่พักใหญ่ก่อนจะพาลูกทีมกลับเข้าหมู่บ้านไป พวกเขาลงมติว่ามันคงหนีไปได้ไกลแล้วเพราะทุกคนต่างก็ออกตระเวนหาจนทั่วบ้านคานพิภพและบริเวณโดยรอบแล้ว คืนนี้จึงเป็นอีกคืนที่ฟ้าฉายต้องล้มหัวลงนอนอย่างกังวล คำสาปแช่งในกระดาษแผ่นนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเธอซ้ำไปซ้ำมาคล้ายกับกำลังเตือนว่าจะต้องมีศพรายต่อไปเกิดขึ้นแน่... เพราะฆาตกรไม่ได้กล่าวหาเฉพาะเจาะจง การตายของหญิงสาวที่ถูกแขวนคอไว้กับต้นไทรย้อย... และเมื่อยี่สิบปีก่อนนายพัฒน์ก็ถูกตีหัวจนสลบที่ใต้ต้นไทรย้อยต้นนี้...


เช้าวันที่สองหลังจากที่สกาวเดือนถูกฆ่าตาย เหมือนว่านางพิมพ์พาจะทำใจเรื่องลูกสาวได้แล้ว วันนี้จึงไม่ได้ยินเสียงเธอร้องห่มร้องไห้อีก ผู้ใหญ่บ้านแวะมาเยี่ยมเยียนตั้งแต่เช้ามืด ดูเหมือนว่าข่าวเรื่องการพบตัวฆาตกรจะถูกเผยแพร่ไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันนี้จึงมีพวกชาวบ้านทั้งชายหญิงเทียวมาถามข่าวคราวกับสมาชิกแห่งบ้านคานพิภพมากมาย

วันนี้ฟ้าฉายและอรอนงค์นอนตื่นสายด้วยกันทั้งคู่ หากไม่ได้บัวเรียวที่แวะมาเคาะประตูห้องเพราะไม่เห็นร่างของหญิงสาวผู้งดงามทั้งสอง ทั้งคู่ก็คงนอนซมอยู่ในห้องจนถึงเที่ยง

เวลาเก้าโมงครึ่งทั้งฟ้าฉายและอรอนงค์ก็ตรงปรี่มาช่วยแสงดาวและผุสดีบริการแขกเหรื่อ ไม่นานนักชายหนุ่มที่ฟ้าฉายเฝ้าคิดถึงก็มายังบ้านคานพิภพพร้อมกับข่าวที่ทุกคนเฝ้ารอคอย

แม้จะรู้ว่าการที่เธอไปสนิทสนมกับอัศวินจะทำให้เป็นจุดสนใจจากคนในบ้านคานพิภพแต่หญิงสาวก็กลับไม่รู้สึกหวาดหวั่นอีกต่อไปแล้ว การที่ต้องคอยติดต่อหรือพูดคุยกับชายหนุ่มอย่างลับๆ เป็นสิ่งที่เธอไม่ปรารถนาและมันก็จะทำให้คนในบ้านคานพิภพยิ่งสงสัยและระแวงในตัวเธอมากยิ่งขึ้น

หญิงสาวสาวเท้าลงจากเรือนตรงไปหาร่างสูงสง่าที่ยืนอยู่กลางลานโล่งของหน้าเรือนคานพิภพหลังกลาง ชายหนุ่มผู้อยู่ในเครื่องแต่งกายสีกากีเต็มยศจ้องมองเธอพร้อมกับคลี่ยิ้ม เขายื่นซองสีน้ำตาลส่งให้ฟ้าฉาย

หญิงสาวรับซองนั่นมาก่อนมองหน้าเขาตรงๆ เธอไม่มีเวลาไปนั่งตรวจดูหรอกว่ากระดาษที่เขียนคำสาปแช่งทั้งสองแผ่นในซองนี้ถูกเขียนโดยคนๆ เดียวกันรึเปล่า

“ผมว่า...เห็นทีจะต้องรื้อคดีจันทร์หอมขึ้นมาอีกครั้งแล้วหละครับ” จบคำฟ้าฉายก็หันไปมองนายอำพลพร้อมกับตำรวจอีกสองนายที่เดินเคียงคู่กันเข้าบ้านคานพิภพมา ฟ้าฉายหันมามองหน้าชายหนุ่มด้วยความตกใจ

“แปลว่า...กระดาษที่เขียนคำสาปแช่งทั้งสองแผ่นนั้นถูกเขียนขึ้นโดยคนๆ เดียวกัน” อัศวินคลี่ยิ้มเรียบๆ แทนคำตอบก่อนที่ฟ้าฉายจะถอนหายใจยาว อากาศที่พ่นออกมาจากปากและจมูกกลายเป็นไอสีขาว พ่อเธอคงเฝ้ารอให้วันนี้มาถึง...และในที่สุดการรื้อฟื้นคดีจันทร์หอมก็เกิดขึ้น


นายอำพลและตำรวจทั้งสองนายตรงดิ่งไปหาเหล่าสมาชิกในตระกูลคานพิภพบนเรือนขณะที่ฟ้าฉายกำลังสนทนากับอัศวินอยู่กลางลานกว้างก่อนที่จะมีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับผู้ใหญ่ประดิษฐ์

เขาสวมเสื้อกันหนาวสีดำเข้มที่ทอจากฝ้าย ใบหน้าดำคล้ำสำรวจมองรอบบ้านคานพิภพด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผู้ใหญ่บ้านบอกกับทั้งสองว่าชายคนดังกล่าวมาส่งข่าวของวสันต์ที่เดินทางไปศรีสะเกษ อัศวินซักถามอีกฝ่ายพอคร่าวๆ จากนั้นผู้ใหญ่บ้านจึงพาเขาขึ้นไปพบกับนางไพรินทร์บนเรือนใหญ่ อัศวินหันมาหาหญิงสาวที่ยืนเคียงข้าง เสื้อแขนยาวไหมพรมสีครีมที่เธอสวมใส่และกางเกงยีนสีดำทำให้หญิงสาวดูดีไปอีกแบบ แต่สีหน้าอันขมวดมุ่นและแววตาที่ขุ่นมัวของเธอก็ทำให้เขาต้องเอียงคอมองอย่างสงสัย

“มีอะไรเหรอครับ...” อัศวินน้อมศีรษะลงต่ำเล็กน้อย มองตามสายตาของฟ้าฉายไป แปลกใจว่าทำไมเธอถึงมองตามหลังของชายต่างถิ่นคนนั้นจนกระทั่งเขาก้าวขาขึ้นเรือนคานพิภพ

“ฉันว่ามันแปลกๆ นะ” หญิงสาวหรี่ตาพร้อมกับเอียงคอคิด อัศวินเลิกคิ้วสูงก่อนยักไหล่

“อะไรแปลกเหรอครับ? ผมรู้นะว่าเวลาผมแต่งเครื่องแบบเนี่ย มันทำให้ผมเท่ห์ขึ้นมากเลยใช่มั้ยล่ะ”

“เปล่า...นายก็เหมือนเดิมน่ะแหละอัศวิน” คำตอบจากฟ้าฉายทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าคมเข้มต้องเลือนหายไปกับทันที “ฉันหมายถึงสำเนียงของชายคนนั้นต่างหากที่แปลก...”

“ยังไงครับ” อัศวินอ้าปากถามก่อนที่ฟ้าฉายจะหันขวับมามองหน้าเขา

“เขาบอกว่ามาจากศรีสะเกษแต่ทำไมสำเสียงถึงพูดเหมือนกับคนแถบขอนแก่นและคนเมืองนี้” ชายหนุ่มจุดยิ้มน้อยๆ เมื่อหญิงสาวพูดจบ ฟ้าฉายนี่ก็ช่างสังเกตเสียจริง

“คนศรีสะเกษเวลาพูดจะเน้นเสียงสูงที่ท้ายประโยค มันจะแตกต่างจากคนในจังหวัดอื่นๆ ของภาคอีสานนะ อรอนงค์เล่าว่าพ่อของวสันต์อยู่ที่อำเภออุทุมพรพิสัยใช่มั้ย ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งอยู่อำเภอนั้นเหมือนกัน...และฉันก็จำสำเนียงของคนอำเภอนั้นได้แม่นเลยล่ะ”

“ลองสาธิตได้มั้ยครับ?” อัศวินว่าก่อนที่ฟ้าฉายจะคลี่ยิ้มกว้าง

“อย่างเช่นคำว่ากิน คนอีสานส่วนใหญ่จะออกเสียง กิ่น ซึ่งเป็นเสียงต่ำแต่ว่าคนศรีสะเกษจะออกว่า กิ้น ซึ่งเป็นเสียงสูง เมื่อกี้นายถามผู้ชายคนนั้นว่ากินข้าวรึยัง เขาไม่ได้บอกว่า กิ้นแล้ว แต่พูดว่า กิ่นแล้ว...” การเปรียบเทียบสำเนียงของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มถึงกับนิ่งค้างไปชั่วขณะ “ตอนนั้นฉันเลยถามย้ำเขาว่ามาจากศรีสะเกษใช่มั้ย...แล้วเขาก็ยืนยันว่ามาจากศรีสะเกษจริงๆ ถ้าหากเขาบอกว่ามาจากจังหวัดอื่นแล้วเผอิญสวนทางกับวสันต์ แล้ววสันต์ก็ฝากให้เขาเอาเรื่องมาบอกกับคนที่นี่ก็พอจะเชื่อได้บ้าง ภาษาอังกฤษยังมีสำเนียงแบบอเมริกันและแบบอังกฤษ แม้แต่ภาษากลางก็ยังมีสำเนียงแตกต่างกันไปแต่ละจังหวัด นับประสาอะไรกับภาษาอีสานของเรา... แล้วทำไมเขาต้องโกหกด้วยว่ามาจากศรีสะเกษทั้งที่สำเนียงก็พูดเหมือนกับคนแถบนี้ชัดๆ”

จากคุณ : ผีเสื้อสีดำ
เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 17:25:47




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com