Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
...Dragon Delivery...#17 (5/7 ครึ่งหลัง) ติดต่อทีมงาน

คนเขียนป่วยค่ะ  ตรวจแล้วพบว่าไม่ได้เป็นที่ข้อมือ แต่เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้น  ดีขึ้นแล้วแต่ต้องจำกัดการใช้คอม  เลยต้องค่อย ๆ ผลิตงานอย่างช้า ๆ เน้อ

http://writer.dek-d.com/lawit/writer/view.php?id=738340
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11242042/W11242042.html

###

นานแล้ว ไซธีน เอชาน พบว่าตนกำลังจะหายไป  อดีตเจ้าของร้านเอชานเป็นคนมีความติดยึดมาก  ยังมีสิ่งที่เขาต้องการทำแต่ไม่ได้ทำ  ต้องการได้แต่ยังไม่ได้  เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้ตนสามารถคงอยู่ต่อไป

‘เมื่อไม่มีหนทางอื่นใดอีกแล้ว  ข้าจึงพยายามครุ่นคิดว่าชีวิตคืออะไร  และทำอย่างไรจึงจะคงตัวตนอยู่ได้' เขาบอกโซลโท 'คำตอบแรกของข้าคือ ถ้าหากไม่อาจคงทั้งกายเนื้อและวิญญาณ  ก็น่าจะสามารถคงความทรงจำ  ข้าจึงสร้างร่างสำรองด้วยการมอบความทรงจำและพลังให้เจ้า  เหลือพลังไว้กับตัวเพียงส่วนหนึ่ง  หวังว่าถ้าแม้ตัวจะสูญสลาย  สิ่งที่ข้าทำไว้จะมีชีวิตอยู่ต่อ  ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจบอกได้ว่าข้าสูญไป'

แต่ในความเป็นจริง  ชีวิตก็ไม่ใช่ความทรงจำ  ชีวิตเป็นสิ่งลึกลับยิ่งกว่านั้น  ยามไซธีนสำเนาความทรงจำและพลังของตนใส่ในร่างโซลโท  เขาก็ตระหนักเช่นกันว่าตนไม่ได้รับความพอใจ  สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ไม่ใช่เขา  ต่อให้เขาชนะ  ครอบครองร่างของหลานชาย ตลอดจนพลังของเจวานได้  ก็ยังมีบางอย่างที่ไม่อาจทำให้พอใจ  อดีตเจ้าของร้านเอชานรับทราบถึงความรู้สึกกลวงว่างในอกตนได้อย่างชัดเจน   เขาไม่เข้าใจว่าทำไม

‘ตอนนั้นข้าไม่เข้าใจ  ความกลัวไม่ได้หายไป  ความทรมานไม่ได้หายไป  ยามข้าละจากฝั่งน้ำมาแล้ว  ข้าก็ยังคงรู้สึกว่างเปล่า  ข้ากำลังจะหายไป  แม้ทิ้งบางสิ่งไว้ได้  ข้าก็กำลังจะหายไปอยู่ดี  การมีเจ้าเป็นร่างสำรองกลับไม่ใช่เครื่องปลอบประโลมใจ   แปลกยิ่งนัก ร่างสำรองนั้นกลับคล้ายกลายเป็นคนอื่นด้วยซ้ำ...คนอื่นที่น่าอิจฉา  ไม่ใช่ข้า  ตัวข้าเองกลับยังคงต้องทุกข์ทรมาน‘

โซลโทรับฟัง  แปลก ทั้งที่เขาเป็นคนช้า  ชายหนุ่มกลับพบว่าตนเข้าใจ...อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง  เขาลองคิดดูว่าหากมีอีกคน  มีความทรงจำเหมือนตัวเขาทุกประการ  กลับไปมีชีวิตอยู่กับเรนา  กลับไปอยู่ท่ามกลางทุกคน  แต่ตัวเขายังคงอยู่ที่นี่  โซลโทก็คงอิจฉาเหมือนกัน

‘เมื่อไม่อาจพอใจได้  ข้าจึงจำเป็นต้องกลับไปคิดหาทางใหม่อีกครั้ง  ทว่าข้าทุ่มเทแทบทุกอย่างไปกับการสร้างเจ้าขึ้นมาแล้ว  พลังของข้าไม่เหลือมากพอจะทำอะไรได้   หนำซ้ำยามตัวตนค่อย ๆ สูญหาย  ข้าก็กลัว   ความเครียดและความกลัวทำให้สมาธิแตกซ่านทุรนทุราย  ข้าคิดอะไรไม่ออกแม้แต่อย่างเดียว'

ชายชรามองโซ่มหาศาลที่พันธนาการตนไว้  เขามองเมืองซีเลเบื้องล่าง  ดวงตามีแววบางอย่างที่โซลโทจับไม่ใคร่ถูก  และไม่เข้าใจ  ยามเขาเอ่ยปากอีกครั้ง ชายหนุ่มก็สะดุ้ง

'ตอนนั้นเอง มัตยาก็มา'

"ท่านหมายถึง มัตยา ซาวาลหรือ" เจ้าของร้านเอชานถาม "เขา...ก็มาเกี่ยวข้องด้วย"

'เขามาหาข้า' อีกฝ่ายยิ้มบาง ลึกลับ และไม่บ่งนัยใด ๆ 'เขาบอกข้าว่า ไซธีน เอชาน ข้าช่วยเจ้าดีหรือไม่  ข้าบอกเจ้าได้ว่าทำอย่างไรเจ้าจึงจะสามารถมีชีวิตต่อไปจริง ๆ ทั้งจะช่วยเจ้าให้ได้ร่างของโซลโท เอชาน และได้พลังของเจวาน โยราห์  ขอเพียงทำตามเงื่อนไขที่ข้าจะเสนอให้ฟัง'

วูบแรก ความรู้สึกที่มาถึงโซลโทคือความตกใจ  

ความรู้สึกว่ามีศัตรูยิ่งใหญ่ตรงหน้าอีกแล้ว  แม้แต่ท่านมัตยา ซาวาลคนนั้นก็ประสงค์ร้าย  โซลโทไม่รู้แล้วจริง ๆ ว่าตนจะสู้ไหวไหม  แต่ยามความตกใจผ่านไป  เจ้าของร้านเอชานก็ขบฟัน  สีหน้าของเขายิ่งดุร้าย  เขาจะสู้  ใครจะทำไม

ไซธีนเห็นสีหน้านั้นก็ยิ้มเล็กน้อย

'มัตยาทราบเรื่องทั้งหมด เพราะพระราชาเรียกตัวเขาไปเมื่อเจวานผ่านพิธีเป็นผู้ใหญ่' ชายชราอธิบาย 'เขาเห็นเจวานเป็นเช่นนั้นย่อมสงสัย  จึงใช้เวลาหลายปีสืบว่าเกิดอะไรขึ้น  เขาทราบความจริง  ยามเจวานมาหา  มัตยาก็บอกความจริงให้ฟัง  แต่นอกจากนั้น  มัตยายังตามหาข้าจนเจอด้วย  ตอนเขาพบข้า  และยื่นข้อเสนอให้ข้าฟัง  ข้าพลังน้อยลงมากแล้ว  สิ้นหวัง  แทบจะเป็นบ้าด้วยความกลัว  ยามข้าเห็นเขา  ยังคิดว่าหมอนี่มาฆ่าข้าแล้วกระมัง ไม่มีทางสู้ได้เลย'

โซลโทยังคงนิ่งอยู่

'ข้อเสนอนั้นทำให้ข้าสนใจ  แต่ไม่อาจวางใจเชื่อได้ว่าเขาจะพูดจริง' ไซธีนยังคงเล่าเรื่อย ๆ ต่อไป 'ข้าจึงถามเขาว่า เงื่อนไขคืออะไร  เขาก็ว่า ท่านสนใจกิจการร้านมังกรบ้างไหม  ข้าขอให้ท่านไปตั้งร้านมังกรสักร้านหนึ่งที่ซีเล  อยู่ที่นั่นให้ได้สิบปี  ระหว่างเวลาดังกล่าว  ข้าจะจำกัดพลังของท่าน  แม้เหลือพลังบ้าง  แต่ท่านจะต้องอยู่เหมือนคนทั่วไป  ต้องทำงานเลี้ยงตัวแสวงหาเงินทอง  ต้องดูแลร้านของตนให้ทำงานอยู่ได้  ห้ามท่านไปจากเมืองดังกล่าวเกินกว่าเวลาที่กำหนด  ห้ามท่านทำร้ายผู้ใด  ไม่ว่าทางร่างกายหรือจิตใจ'

โซลโทกะพริบตา

"ข้า..." เขาเอ่ยในที่สุด "ไม่เข้าใจ  ทั้งหมดนี้เกี่ยวอะไรกับร้านมังกร"

'ตอนนั้นข้าก็ไม่เข้าใจ' ลุงของเขาบอกเรียบ ๆ 'แต่สิ่งที่มัตยาบอกข้าหลังจากนั้นน่าสนใจมาก  เขาว่าวิธีที่ข้าจะไม่สูญสลาย  ก็คือข้าต้องออกจากร่างก่อนที่ทุกอย่างจะสูญไป  และลงมายังแดนแห่งความตาย  ท้าทายจ้าวแห่งความตาย  แน่นอนว่าด้วยพลังที่เหลือของข้าย่อมไม่มีทางทำอย่างนั้นได้   แต่ถ้าหากเขาช่วยก็ควรทำได้'

'ข้าไม่ไว้ใจเขา  ยังบังคับให้เขาสบถสาบานเป็นคำแรง   เขาก็ทำตาม  เขาสาบานแรงมากจนข้าเชื่อว่าเขาจะต้องทำตามคำสาบานแน่นอน   ยามนั้นข้ามีความดีใจ  คิดว่าไม่ว่าไอ้คนนี้ตั้งใจอะไรก็ตาม  ข้าก็คงรอดตาย  เพียงพยุงตัวเองให้อยู่ต่อไปอีกสักสิบปี  ก็จะไม่สูญสลาย  ข้าเก็บความทรงจำไว้ที่ตัวเจ้าแล้ว  มันจะไม่หายไป  และต่อให้มัตยาไม่ช่วย  ข้าก็วางแผนเอาพลังมาจากเจวานได้เอง'

ความยินดีนั้นทำให้มัตยามีความกระตือรือร้นอีกครั้ง  ชายชรารับเงื่อนไขของมัตยา ซาวาล  แต่ในขณะเดียวก็วางแผนของตนต่อไปเช่นกัน  เขาพบว่าการมาอยู่เมืองนี้มีความดีไม่น่าเชื่อหลายประการ  เขารับทราบว่าเจวานจะต้องผ่านซีเล  ก็หาทางให้มาอยู่ในร้านตน  ตั้งใจว่าจะหลอกให้อยู่ใกล้ตาจนกว่าจะถึงวันที่ตัวสามารถกลับมาดูดพลังของเขาได้  เขาตระเตรียมมองลูกหลานของไอดาซึ่งน่าจะมีพลังของมิวส์  และควรช่วยกระตุ้นให้พลังกับความทรงจำของเขาในตัวโซลโทฟื้นขึ้นมา  นอกจากนั้น  ชายชรายังหลอกเชลาให้อยู่ที่ทะเลสาบ  เชลาปรากฎตัวในเมืองทุกวันเป็นสิบปี  เมืองย่อมกลายเป็นอาณาเขตของรูเซลคา  ไซธีนก็จะมีพลังพอทรงตัวไว้ได้  อีกประการหนึ่งมันยังทำให้เมื่อโซลโทถูกหลอกมาที่เมืองนี้หลังจากเขา 'ตาย' แล้ว  ผลึกพลังที่เขาลงไว้ที่ตัวชายหนุ่มจะคลายออกง่าย  

'นั่นเป็นเหตุที่ทำให้เจ้าแข็งแรงขึ้น  มีสัญชาตญาณดีขึ้นเมื่ออยู่ซีเล' เขาอธิบาย  โซลโทเองก็เริ่มตระหนักว่าจริงดังอีกฝ่ายว่า  ยิ่งอยู่ซีเลนานไป  ตัวเขายิ่งมีกำลังเพิ่มขึ้นทุกที

'ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนของข้าทุกประการ  สมบูรณ์อย่างดี' ไซธีนทอดตามองไปข้างหน้า 'ข้าพอใจ  คิดไว้ว่าขอเพียงอดทนอยู่อย่างแทบไร้พลังสักสิบปี  และระวังตัวไว้  ก็คงจัดการโต้ตอบได้หากมัตยา ซาวาล คิดทำอะไร  ข้าพอใจ  วางใจว่าตนเป็นฝ่ายชนะแล้ว  สิบปีสำหรับคนอย่างข้า...ไม่มีความหมายอะไร'

'แต่ข้าไม่รู้เลย   แผนของมัตยาไม่ใช่สิ่งที่ข้านึกไว้   บางทีมันอาจไม่ใช่แผน  เป็นแต่การทดลองยิ่งใหญ่  เป็นการวางเดิมพันบ้าบิ่นที่หากไม่ใช่คนเพี้ยนพิกลบัดซบอย่างเขาคงทำไม่ได้  มันบ้าเสียจนหากไม่ได้พบกับตัวเอง จะไม่มีทางตระหนักถึงสิ่งนั้นเลย'

ชายชรามองหลานชาย

'โซลโท  เจ้าเคยคิดบ้างไหม  หากจะปราบมารแต่ไม่ฆ่า  ไม่ใช้อาวุธ  ไม่ใช่เวทมนตร์  ไม่ใช้กระทั่งมือเปล่า  ไม่ทำร้ายร่างกาย  ไม่ผนึกไว้  ไม่กระทั่งลบความทรงจำ  ต้องทำอย่างไร'

เจ้าของร้านเอชานกระพริบตา

"ข้า...เคยเห็นในโลกของท่านชาย" เขาบอกในที่สุด "จอมมารอยู่ในปราสาทมืดทึมไม่มีอะไรเลย  ปลูกข้าวก็ไม่ได้  ตอนนั้นข้าคิดว่าถ้าจอมมารมีข้าวอร่อยกินจนพอ  เขาก็ไม่เห็นต้องมาระรานทำร้ายใคร  ไม่ต้องจับใครเป็นทาสด้วย"

ไซธีนก้มหน้าลง  หัวเราะหึ ๆ ในคอ

'ก็คงจะจริง'

...

ชายชรามายังซีเล

เขายังพอมีพลังเหลืออยู่   ก็สร้างร้านเล็ก ๆ ขึ้นมาง่าย ๆ   เขาไม่สนใจจะทำให้มันใหญ่โตจริงจัง  เพียงต้องการกบดานอยู่เมืองนี้ให้ครบสิบปี   มังกรที่ซื้อมาใช้จึงเป็นเพียงมังกรแก่ธรรมดาสามัญที่สุดเท่าที่จะหาได้  เขายิ้มรับชาวบ้านที่สงสัยมาด้อม ๆ มอง ๆ ดู  และเพราะไม่เห็นว่าตนจะต้องทำอะไรจริงจัง  หากมีงานไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก  เขาก็รับมาง่าย ๆ  ทำ ๆ ไป

เขาเพียงอยากผ่านกาลเวลา  ฆ่าเวลาให้หมดไปเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  เพื่อตนจะได้มีชีวิตสมบูรณ์อีกครั้ง  ไม่ติดอยู่ในที่กักขัง  และสามารถได้พลังธาตุน้ำดังที่ประสงค์เสมอมา  ชายชรายิ้มแย้มใส่หน้ากาก  แต่ในความเป็นจริง  เขาชังซีเล  ชังคนซีเล  ชังสิ่งทั้งปวงรอบตัว  เขาเห็นความเรียบง่ายของคนในเมืองเป็นความโง่เขลาเบาปัญญา  อีกประการหนึ่ง เมืองทั้งเมืองนี้ก็ทำให้เขาคิดถึงไอดา  ตอนนั้นเขาผ่านผู้หญิงมาหลายคนจนนับไม่ถ้วนแล้ว แม้จะไม่มีบุตรธิดา  แต่ไอดา เฮเบลเป็นเพียงคนเดียวที่เขามีความรักให้จริง ๆ   ความรักซึ่งไม่สามารถได้มา  ซ้ำตัวเธอยังยินดีตายเช่นมนุษย์ทั่วไป  และลูกหลานเธอก็อยู่ต่อมาได้อย่างดีทั้งที่เป็นลูกครึ่งไม่ต่างอะไรกับเขา  ย่อมทำให้ไซธีนเจ็บปวดโกรธแค้น  เมื่อแรกไซธีนไม่ยอมรับว่าตนเป็นเช่นนั้น  เขาก็รู้สึกเพียงความหงุดหงิดรำคาญใจ  ขวางหูขวางตา

เพราะความรู้สึกอย่างนั้น  ไซธีนที่ถูกจำกัดพลัง  ทั้งถูกห้ามไม่ให้ทำร้ายร่างกายหรือจิตใจใคร  จึงระบายออกด้วยพฤติกรรมประหลาดเสียดสี   บางทีเขาก็แกล้งทำดี  และหัวเราะเยาะยามคนอื่นนึกว่าเขาดีจริง  นึกว่าภายหน้าหากถูกตนหักหลังทำร้าย  คนเหล่านี้จะเป็นอย่างไร  บางครั้งเขาก็ยั่วคนอย่างทาร์น เฮเบลให้หวาดกลัว  ระแวง และโกรธ  แต่ทำอะไรเขาไม่ได้  แน่นอนว่าไซธีนย่อมแนบเนียนมากพอจะไม่ให้การกลั่นแกล้งประเจิดประเจ้อเกินไป  เขาก็อยู่เช่นนั้นมาหลายเดือน

'คนในเมืองนั้นก็ยังโง่บัดซบ  เป็นแกะอ้วนโง่  ไม่มีใครรู้ตัวว่าข้าเป็นหมาป่ามาอยู่กลางฝูง  ยายแก่บางคนในเมือง เช่นยายคนขายผักที่แผงตะวันออกยังว่าข้าเข้าทีดี  พวกนางเองก็เป็นม่าย  ข้าแกล้งเอาใจผู้หญิงวัยทองสักหน่อย  สามีนางก็ตามมาหึงหวงวุ่นวาย  คนซีเลมีแต่ชอบลืออะไรประหลาดไปเรื่อย ๆ  ถ้าไม่ใช่เรื่องลูกผัว  เรื่องความรักของชาวบ้าน  ก็ชอบที่สุดเรื่องโม้อะไรที่ตื่นเต้นโลดโผนไม่ต้องจริงก็ได้  พอเรื่องเก่าหมดก็ลือเรื่องใหม่  ทั้งเมืองมีแต่ความสามัญธรรมดาจนน่าอาเจียน'

ไซธีนมองว่าตนสูงกว่า เหนือกว่า มองคนอื่นเป็นชาวบ้านโง่  มีสติปัญญาต่ำช้า  ในหัวคิดเพียงเรื่องทำมาหากินให้รอดตาย  ไม่มีความทะเยอทะยานกระตือรือร้นได้  ผิดจากนั้นก็ล้วนเด็กนักเรียนที่แม้มีความคิดบ้าง  แต่ยังอ่อนหัดไม่เข้าท่า  พวกอาจารย์ในวิทยาลัยเล่าล้วนหมกมุ่นกับตำราน่าเบื่อหน่าย  ไซธีนที่เหยียดทุกคนก็มีชีวิตอยู่นอกวงมนุษย์เหล่านั้น  แม้หน้ายิ้ม  แต่ในความเป็นจริงเพียงชายหางตาดูแคลนมองมา  เขาบอกตัวเองว่า...สิบปี  ขอเพียงอดทนให้ได้สิบปี

แต่ความที่เขาไม่ชินกับชีวิตมนุษย์ปรกติธรรมดา  ชายลูกครึ่งรูเซลคาก็ไม่ชินกับอะไรหลายอย่าง  แม้เขาจะใช้สติปัญญาและพลังที่พอมีเหลือเอาตัวรอดมาได้   ชายชรากลับต้องประสบปัญหาเรื่อย ๆ ของมนุษย์ทั่วไป  เขาทำหลายอย่างไม่เป็น...เรื่องเช่นการติดต่อราชการอย่างธรรมดา  หรือเช่นว่าเวลานั้นเวลานี้ต้องทำอะไร  เรื่องง่ายขนาดว่าหากถึงบางฤดูต้องคิดเก็บอาหารไว้  เขาใช้ชีวิตกับตัวเองมานานเกินไป ทั้งมีพลังมหาศาล  จึงไม่เข้าใจสิ่งสามัญ

คราวหนึ่งเขาป่วย  ตอนนั้นเจวานยังไม่ได้มาทำงานที่ร้าน  ไซธีนไม่เคยไปหาหมอที่เป็นมนุษย์  เขาทราบดีว่าร่างกายของตนไม่เหมือนคนทั่วไป  เขาป่วยเพราะถูกจำกัดพลังลงอย่างมาก  ยามเผลอทำอะไรอย่างที่เคยชิน  ร่างกายปรับไม่ทันก็ไม่สบาย  ชายชรานอนติดเตียงเป็นวัน ๆ  แม้ทราบว่าไม่ช้าร่างกายเข้าที่  ตนก็คงจะหาย  แต่เขาไม่เคยป่วย  ไม่เคยร่างกายอ่อนแอถึงเพียงนี้มาก่อนตลอดชีวิตเป็นพันปี   สภาพจิตใจจึงไม่ดี

'ข้าหลับไปกระมัง  หรือไม่ก็สลบไป  ลืมตาขึ้นมาอีกที  ก็มีเสียงคน' ไซธีนเล่าเรียบ ๆ 'ยายคนขายผักนั่นเอง  และคนอื่น ๆ อีกสองสามคน  เห็นข้าไม่เข้าเมืองเป็นสัปดาห์ก็มาดู  ตามหมอมา'

เขาไม่เข้าใจ  และที่จริงคือตกใจมาก  จะไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไร  เพราะในประสบการณ์ของไซธีน  แม้แต่คนซึ่งควรใกล้ชิดที่สุดเช่นพ่อแม่ของเขาเองยังไม่เคยมาดูแลเช่นนี้  นอกจากนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชายชราก็เชื่ออย่างยิ่งว่าถ้ามีใครทำดีกับตน  นั่นก็เพราะเขามีความสามารถจะทำตัวเป็นชายที่น่าเสน่หา  ไม่ก็เพราะเขามีพลังมากมหาศาล สามารถอำนวยทั้งความโชคร้ายและโชคดีให้อีกฝ่าย  การมาดีด้วยล้วนเป็นเพราะต้องการได้รับคืน  ไม่ก็เพราะไม่ต้องการถูกทำร้าย...เท่านั้นเอง

'คนพวกนั้นก็คงต้องการเหมือนกัน  เขาก็บอกข้า' ชายชราเอ่ยต่อไป 'เขาว่าเพื่อนบ้านกันก็ต้องช่วยกัน  หมายความว่าเขาเองก็ต้องการให้ข้าช่วยหากเขาเป็นอะไร'

แต่แม้ปากพูดเช่นนั้น  ใจก็อาจจะไม่สามารถอธิบายได้เช่นนั้นเสมอไป  การให้และรับมีหลายระดับอย่างยิ่ง  แน่นอนว่ามีการแลกเปลี่ยนอย่างดาด ๆ คล้ายค้าขาย  และแน่นอนว่ามีระดับที่ลึกลงไป  สัมพันธ์กับบางสิ่งที่ลึกลงไป

'ข้าตระหนักหลังจากนั้นหลายปี  ข้าตกอยู่ในการทดลองบ้าคลั่งของมัตยา ซาวาล' ไซธีนทอดตามองไป 'หากว่าจอมมารได้กินข้าวอร่อยมากจนพอ  จอมมารจะกลายเป็นอะไร'

แน่นอนว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนง่ายถึงเพียงนั้นหรอก   แต่ก็แน่นอนอีกว่าสิ่งใดมีชีวิตแล้ว  สิ่งนั้นย่อมมีคุณสมบัติที่จะเปลี่ยนไป

แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 54 15:24:00

จากคุณ : ลวิตร์
เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 15:19:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com