Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
(นิยายกำลังภายใน) วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ตอนที่ 79 ติดต่อทีมงาน

นับว่าน่าประหลาด...

กำแพงชั้นบนของเหลาซึ่งหรูหราที่สุดในเมือง จู่ ๆ ก็หล่นลงพื้นดังโครม ผู้คนปรี่มามุงดูส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ ทว่าชั้นสองของเหลาป่าเบญจมาศยามนี้กลับมีแต่สือหย่งหลุน ฟ่านไป่หนิงและห่าวซ่านเปิ่น นอกนั้นไม่พบผู้ใดโผล่หน้าขึ้นมาสืบหาต้นเหตุสักคน

อาจเพราะพวกมันกลัวจะหาเรื่องใส่ตัว อาจเพราะเถ้าแก่เหลาห้ามปรามเอาไว้ อาจเพราะเหตุใดก็สุดแท้แต่ สือหย่งหลุนและฟ่านไป่หนิงไม่สนใจแม้สักน้อย ด้วยพวกมันกำลังเพ่งความคิดทั้งหมดไปที่ข่าวใหม่จากปากห่าวซ่านเปิ่นเพียงอย่างเดียว

จอมยุทธเซียนสุขสันต์เอ้อไห่เซิ่น...ท้าประลองกับประมุขพรรคอสุราอาฆาตโจซานตง!

“เรื่องนี้มีความเป็นมาเยี่ยงไรกัน” สือหย่งหลุนซักไซ้ด้วยอาการตระหนก

“ข่าวว่าเป็นข้อเสนอของเจ้าบ้านโต่วโดยผ่านความเห็นชอบของบรรดาผู้นำยุทธจักร” ห่าวซ่านเปิ่นตอบ “นับแต่ฝ่ายธรรมมะมีชัยจากการต่อสู้ที่เมืองพนาไพศาลในคราวก่อน หัวหน้าหน่วยทะลวงถวนไห่หลงถูกโจซานตงสั่งประหารเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ทว่าข่าวในทางลับก็คือความจริงถวนไห่หลงเป็นสายให้ฝ่ายธรรมะโดยติดต่อผ่านทางเจ้าบ้านโต่ว แล้วโจซานตงล่วงรู้เข้าจึงตัดไฟเสียแต่ต้นลม หลังจากนั้นเห็นว่าโจซานตงกลัวจะเพลี่ยงพล้ำฝ่ายธรรมะมากไปกว่าเดิม จึงรีบเก็บตัวฝึกวิชาสลายภพขั้นสุดท้ายทันที ด้านเจ้าบ้านโต่ววิเคราะห์ว่ายามนี้ผู้ที่รับมือโจซานตงได้ย่อมมีแต่จอมยุทธเซียนสุขสันต์ ถึงได้เสนอความคิดนี้ขึ้น”

สือหย่งหลุนย่อมไม่ทราบว่า การกำจัดหัวหน้าหน่วยทะลวงของพรรคอสุราอาฆาต เป็นแผนที่โต่วจินเซิงเสนอผ่านเศรษฐีไร้ยางอายไปถึงโจซานตงในตอนประลองเลือกผู้นำสี่ตระกูล เพียงแต่ยามนี้ ลองขบคิดตามคำของขอทานเจ็ดกระสอบแล้วเห็นว่าทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลไร้ซึ่งข้อกังขา ทว่าสัญชาตญาณเบื้องลึกคล้ายจะเตือนถึงบางอย่างซึ่งดูไม่ชอบมาพากล หากมันก็อธิบายไม่ถูก

ห่าวซ่านเปิ่นขยับตัวอย่างอึดอัด มันถูกสือหย่งหลุนกระทำจนบอบช้ำไม่น้อย รู้สึกไม่สบายตัวยิ่ง ฟ่านไป่หนิงสังเกตเห็นแล้วจึงเปรยกับเด็กหนุ่มว่า

“ช่วยประคองหัวหน้าห่าวไปนั่งที่โต๊ะเถอะ”

สือหย่งหลุนปฏิบัติตามคำนาง เสร็จแล้วยังนั่งลงเคียงข้างคอยเกาะกุมหัวไหล่มันไว้ ส่วนฟ่านไป่หนิงรุดมาหย่อนกายทางฝั่งตรงข้าม ถามไถ่ต่อว่า

“ข้อตกลงการประลองนี้มีมานานแค่ไหนแล้ว”

ห่าวซ่านเปิ่นพอได้ปรับท่าทางก็รู้สึกค่อยยังชั่ว จึงยินยอมบอกข้อมูลไม่อิดออด

“เจ้าบ้านโต่วเสนอเอาไว้เมื่อเดือนก่อน จากนั้นเมื่อฝ่ายธรรมะส่วนใหญ่เห็นชอบก็ติดต่อจอมยุทธเซียนสุขสันต์ผ่านเล่าฮูหยินของตระกูลสือซึ่งเป็นสหายกันอยู่ กระทั่งจอมยุทธเซียนสุขสันต์ยินยอมค่อยส่งข้อเสนอไปหาพรรคอสุราอาฆาต แล้วฝ่ายนั้นก็ตอบตกลงราวสองสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง”

“ทว่านัดประลองในวันที่เก้าก็คือพรุ่งนี้แล้ว ไฉนรวดเร็วยิ่งนัก”

ห่าวซ่านเปิ่นกรอกตาไปมาคล้ายจะถ่วงเวลาไม่อยากพูด สือหย่งหลุนจึงบีบไหล่มันเบา ๆ  เท่านั้นคำพูดก็พร่างพรูออกมาจากปาก

“เพราะ...เพราะพวกเราตั้งใจนัดประลองก่อนที่โจซานตงจะฝึกคัมภีร์สลายภพสำเร็จ เจ้าโจซานตงนิสัยวู่วามใจร้อน ดังนั้นในเทียบที่ส่งให้มันจึงจงใจใช้ถ้อยคำยั่วยุ หาว่ามันไม่กล้าประมือกับจอยุทธเซียนสุขสันต์ โจซานตงกลัวเสียหน้าจึงรับคำท้าประลองทันที”

ดรุณีน้อยขบริมฝีปาก กล่าวเสียงเบา

“ข้าขอเดานะ เจ้าของความคิดนี้ก็คือเจ้าบ้านโต่วผู้เดิมใช่หรือไม่”

“โอ แม่นางเฉลียวฉลาด คาดการณ์ดั่งตาเห็น”

พอฟังคำฟ่านไป่หนิงแล้ว สือหย่งหลุนถึงตาสว่างว่าสิ่งที่กวนใจอยู่คืออันใด

ที่แท้การประลองยุทธในครั้งนี้ มีชื่อโต่วจินเซิงเกี่ยวข้องมากเกินไป สือหย่งหลุนรู้จักโต่วจินเซิงแค่ผิวเผิน ทว่ายังวิเคราะห์ถึงนิสัยทะเยอทะยานมากเล่ห์ของมันได้อยู่ อีกทั้งมั่นใจว่าความเป็นปรปักษ์ที่เจ้าบ้านโต่วมีต่อตระกูลสือมิใช่จะคลี่คลายเหมือนที่มันแสดงออก ยามนั้นความห่วงใยต่อญาติมิตรพลันประดังสุดระงับ

ด้านห่าวซ่านเปิ่นกลับรู้สึกถึงความเจ็บปวดซึ่งพลุ่งพล่านขึ้นอีกครา จึงคิดขยับตัวหวังช่วยบรรเทาอาการ หากแล้วต้องตื่นตระหนกยิ่ง

มือของสือหย่งหลุนที่วางบนไหล่มัน แฝงไว้ด้วยพลังวัตรกล้าแกร่งกดร่างซีกนั้นไว้จนเคลื่อนไหวแทบไม่ได้ นั่นเป็นความตั้งใจเด็กหนุ่มเพราะเกรงมันจะลอบทำร้ายฟ่านไป่หนิงอีก เมื่อจับห่าวซ่านเปิ่นนั่งลงแล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มพลังวัตรสยบมันมิให้ขยับ ตอนนี้สือหย่งหลุนฝึกฝนการบังคับลมปราณอย่างเชี่ยวชาญ การค่อย ๆ เพิ่มพลังวัตรมิให้อีกฝ่ายรู้ตัวนับว่ากระไรได้ แต่ขอทานเจ็ดกระสอบกลับแตกตื่นจนสุดระงับ ยิ่งหวนนึกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้สามารถรับพลังวัตรขั้นสูงสุดของมันโดยมิเป็นอันตราย ถึงกับตัวสั่นระริกโพล่งว่า

“ข้ารู้แล้ว สมัยข้าเพิ่งท่องยุทธจักรใหม่ ๆ เคยมีคนเล่าให้ฟังถึงสถานที่เร้นลับ ซึ่งสะสมทุกวิชาที่มีในโลกเอาไว้ ทั้งยังคิดค้นวิชาแปลกประหลาดขึ้นไม่น้อย แต่แทบไม่เคยข้องแวะกับยุทธจักร พวกเจ้าเป็นคนของวังหุบเขาปีศาจ”

สือหย่งหลุนขมวดคิ้ว นามหุบเขาปีศาจแลคุ้นเคยพิกล แต่ยามกะทันหันนึกไม่ออก ที่มั่นใจมีแค่ว่าตนมิใช่คนของสถานที่ดังกล่าวแน่ ริมฝีปากขยับจะร้องค้าน หน้าแข้งใต้โต๊ะกลับถูกดรุณีน้อยเตะใส่จนมันแทบสะดุ้ง พอเหลือบตามองก็เห็นนางแสร้งเลิกคิ้วสูง กล่าวกับห่าวซ่านเปิ่นว่า

“หัวหน้าห่าวทรงภูมิความรู้มิน้อย ที่คนอื่นนึกไม่ถึงยังอุตส่าห์คิดได้ นับถือเลื่อมใสแล้ว”

เด็กหนุ่มผู้ล่วงรู้ความนัยย่อมฟังออกว่าเป็นคำเหน็บ แต่ขอทานเจ็ดกระสอบพาลแปลความหมายว่าดรุณีน้อยเอ่ยยอมรับ จึงรีบพูดว่า

“ตอนแรกข้ายังนึกว่าวังหุบเขาปีศาจเป็นเรื่องล้อเล่น โอ...วันนี้กลับมีวาสนา”

“พวกข้าไม่อยากสุงสิงเรื่องราวยุทธจักรนัก ทำให้ไม่ค่อยทราบข่าวเท่าที่ควร” ฟ่านไป่หนิงเอ่ยต่อหน้าตาเฉย “ทว่ายุทธจักรยามนี้น่าสนใจยิ่ง ยังหวังหัวหน้าห่าวช่วยแจกแจงเรื่องราว”

ห่าวซ่านเปิ่นหลงเชื่อหมดหัวใจ ทั้งยินดีที่อีกฝ่ายมิใช่คนของพรรคอสุราอาฆาต แม้อธิบายอันใดไปย่อมไม่ถือว่าผิดต่อฝ่ายธรรมะ เช่นนั้นชื่อเสียงตนยังคงอยู่เช่นเดิม จึงรับคำอย่างกระตือรือล้น ดรุณีน้อยฉวยจังหวะซักไซ้เพิ่มเติม

“ฟังว่าการประลองนี้เจ้าบ้านโต่วมีความสำคัญยิ่ง แต่ผู้นำสี่ตระกูลใหญ่คือสกุลสือมิใช่หรือ ไฉนกลับมิค่อยมีข่าวของสกุลนี้เลยเล่า”

สือหย่งหลุนเข้าใจในบัดดล ดรุณีน้อยทราบดีว่ามันกำลังกังวลถึงตระกูลตนเอง ดังนั้นหลอกล่อห่าวซ่านเปิ่นให้หลงเชื่อว่าพวกมันเป็นกลุ่มบุคคลผู้ซ่อนเร้นกายไม่ยุ่งเกี่ยวยุทธจักร หนึ่งเพื่อสอบถามข่าวคราวอย่างไม่ผิดปกติ สองแม้คำถามจะเกี่ยวข้องกับตระกูลสือไปบ้าง ห่าวซ่านเปิ่นย่อมไม่สงสัยความเป็นมาของเด็กหนุ่มแน่นอน

สำหรับไหวพริบเฉพาะหน้านี้ มันอย่างไรสู้ดรุณีน้อยมิได้จริง ๆ

“สกุลสือภายหลังได้เป็นผู้นำสี่ตระกูล ก็สร้างสมอิทธิพลมิน้อย แต่ราวครึ่งปีก่อน จู่ ๆ เจ้าบ้านสือออกประกาศว่าต้องการให้สกุลโต่วขึ้นเป็นผู้นำควบคู่กับตนโดยไม่แจ้งเหตุผล ทั้งเป็นการร่วมมืออันพิสดารนัก ภายนอกยิ้มแย้มแจ่มใส เบื้องลึกกลับแทบไม่ไปมาหาสู่ นอกจากนั้นยังปรากฏเรื่องหลานชายคนรองของสกุลสือกระทำบางอย่างที่ไม่แน่ชัด ทราบเพียงว่าภายหลังสะใภ้คนโตผู้ป่วยหนักอยู่ก็เสียชีวิต ที่ประหลาดคือสกุลสือไม่จัดงานศพ กระทั่งสาเหตุความเป็นมายังปิดปากเงียบ นับแต่นั้นก็ทำหน้าที่ในยุทธจักรน้อยลง ปล่อยให้สกุลโต่วออกหน้าเป็นส่วนใหญ่”

ห่าวซ่านเปิ่นเล่าฉอด ๆๆ กลับไม่ทันรู้สึกว่าหลานชายคนรองสกุลสือนั่งหน้าเคร่งเครียดอยู่ข้างตนนี่เอง ฟ่านไป่หนิงเกรงเด็กหนุ่มจะได้รับความสะเทือนใจ จึงรีบตัดบทว่า

“แล้วอย่างอื่นเล่า ในการเตรียมงานชุมนุมชาวยุทธ์ สกุลสือมิได้เคลื่อนไหวอันใดเลยหรือ”

ขอทานเจ็ดกระสอบทำท่าคิดหนัก “มิเห็นอันใดสำคัญ อ้อ...ดูเหมือนว่าช่วงนี้เล่าฮูหยินกำลังล้มป่วย นี่อาจเป็นเหตุให้สกุลสือไม่ค่อยออกงานเท่าที่ควร”

สือหย่งหลุนหน้าเคร่งเครียด นึกเดาได้ทันทีว่าท่านย่าคงสะเทือนใจเพราะเรื่องของมารดาตน อีกทั้งการที่ตระกูลโต่วผงาดเกินหน้าตระกูลสือก็เพราะตนเป็นผู้จุดประกาย พานรู้สึกผิดเกินระงับ

ฟ่านไป่หนิงเห็นข่าวยิ่งมาสือหย่งหลุนยิ่งรู้สึกแย่ ย่อมคิดโมโหห่าวซ่านเปิ่น จึงเผลอแดกดันใส่ “ข้าเคยนึกว่าด้วยศักดิ์ฐานะของท่าน จะรอบรู้มากกว่านี้เสียอีก ที่ไหนได้กลับพูดวนเวียนแต่เรื่องเดิม ๆ”

ขอทานเจ็ดกระสอบลอบปาดเหงื่อ มันนึกยำเกรงความลึกลับของวังหุบเขาปีศาจ ทั้งกลัวว่าหากดรุณีน้อยเปลี่ยนใจจับมันโยนลงชั้นล่างก็ย่ำแย่แล้ว จึงพยายามนึกหาข้อมูลมาเอาใจนางเป็นการใหญ่

“มะ...มีอีกเรื่องหนึ่ง แต่ก็แค่เรื่องนินทาประสาชาวบ้านแหละนะ”

มันกล่าวคล้ายว่าไม่ควรแยแส ทว่ากลับแสดงท่ามีลับลมคมใน ดรุณีน้อยถูกกระตุ้นความอยากรู้จนรีบออกปากเร่งมัน ห่าวซ่านเปิ่นค่อยเอ่ยว่า

“แม้สองตระกูลนี้บาดหมางกันชนิดไม่ดูดำดูดี แต่บุตรชายบุญธรรมสกุลโต่วกลับลอบคบหากับหลานสาวสกุลสือ ครั้นเจ้าบ้านสือล่วงรู้เข้าก็โกรธจัด สั่งขังบุตรสาวไว้ในบ้าน แม้บุตรบุญธรรมสกุลโต่วจัดขบวนไปขอขมายังไม่ต้อนรับ”

ฟ่านไป่หนิงเลิกคิ้วกว้าง สือหย่งหลุนก็เบิ่งตาค้าง ตกใจจนแทบหลงลืมอาการเศร้าสลดเมื่อครู่ไปสิ้น

สือจินหลิงผู้เยือกเย็นเป็นกุลสตรี ไฉนมีการคบหากับบุรุษหน้าตายอย่างโต่วอี้เหรินไปเสียได้ ชี้ก้อนหินบอกเป็นเพชรยังน่าเชื่อมากกว่า!

“ท่านแน่ใจ” เด็กหนุ่มย้ำเสียงเครียด

“ฮึ ๆ ความจริงเจ้าบ้านสองตระกูลพยายามปกปิดเรื่องไว้อย่างดี โชคร้ายที่ประมุขพรรคกระยาจกของเราเคยมีการไปมาหาสู่กับคุณหนูสกุลสืออยู่บ้าง หลังเกิดเรื่องเจ้าบ้านสือจึงมาปรึกษาประมุข หมายยกบุตรสาวแต่งกับท่านเพื่อตัดไฟเสียแต่ต้นลม ประมุขเราแม้พึงใจคุณหนูสืออยู่หากมิต้องการหักหาญน้ำใจนาง ความหนักใจทำให้อดเปรยกับคนใกล้ชิดมิได้ เผอิญคนใกล้ชิดผู้นั้นสนิทสนมกับข้า ดังนั้น...”

“ดังนั้นเรื่องคนอื่นมิใช่ความเดือดร้อนตน สามารถนำมานินทาสนุกปาก”

ต่อให้ห่าวซ่านเปิ่นโง่กว่านี้ก็ยังทราบว่าโดนดรุณีน้อยลอบด่า หากในเมื่อตนตกเป็นรองทุกวิถีทาง ได้แต่กล้ำกลืนฝืนยิ้มเท่านั้น ด้านสือหย่งหมดอารมณ์จะสนทนากับมันต่อ จึงว่า

“รบกวนหัวหน้าห่าวมานาน เชิญท่านเถอะ”

ห่าวซ่านเปิ่นคล้ายหมูถูกคนโรงเชือดปลดปล่อย ผุดลุกกระวีกระวาดเตรียมจากไป ฟ่านไป่หนิงกลับร้องเรียกมันไว้

“หัวหน้าห่าว” พอมันหันหน้ามา นางก็ผายมือไปยังความเสียหายรายรอบ “เหลาป่าเบญจมาศน่าสงสารนัก หวังท่านมีน้ำใจ”

ขอทานเจ็ดกระสอบกลืนน้ำลายฝืดเฝื่อน ควักก้อนตำลึงทองหนึ่งชิ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วรีบเผ่นหายไม่เหลียวหลัง ฟ่านไป่หนิงลอบหัวร่อตามมันไป ก่อนรู้สึกตัวรีบกวาดตามองสือหย่งหลุน เปรยเบา ๆ

“เรื่องของจินหลิงยังเป็นแค่ข่าวลือ อย่ากังวลนักเลย”

เด็กหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย “เพียงแต่เพื่อสืบข่าว พวกเราจำต้องแอบอ้างชื่อวังหุบเขาปีศาจ ไม่รู้ว่า...”

ดรุณีน้อยหัวเราะคิกคัก “อะไรกัน พี่หย่งหลุนยังนึกไม่ออกอีกหรือ หุบเขาปีศาจก็คือชื่อสำนักในสมัยจ้านกว๋อ (1) ซึ่งท่านเสนาธิการซุนปิน (2) เคยศึกษาอยู่อย่างไรเล่า”

++++++++++

(1) ยุคจ้านกว๋อหรือยุคเลียดก๊ก พ.ศ. 68-322 ส่วนเรื่องราวในนิยายอยู่ประมาณ พ.ศ. 2007-2030

(2) ซุนปิน : บุคคลในประวัติศาสตร์ เป็นทายาทรุ่นหลานของซุนหวู่ผู้เขียนตำราพิชัยสงครามซุนหวู่ หลักการในพิชัยสงครามนี้ที่รู้จักกันดี เช่น รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ส่วนประวัติของซุนปินลองดูคร่าว ๆ ในนี้ค่ะ
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/06/K10689713/K10689713.html
และเรื่องหุบเขาปีศาจนำข้อมูลมาจากหนังสือ ยุทธจักรชิงบัลลังก์มังกร โดย คุณวินัย สุกใส อีกเล่มที่น่าสนใจคือ หุบเขาปีศาจ โรงเรียนผู้นำแห่งแรกของโลก แต่ผู้เขียนยังหาเล่มนี้อ่านไม่ได้เลยค่ะ (เสียดาย)

จากคุณ : จันทร์พันฝัน
เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 18:35:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com