แค่ใคร...ในความทรงจำ
เคยไหม...ไม่ได้ตั้งใจจะจำ แต่...ไม่ลืม
ช่วงเวลาสั้น ๆ ของชีวิต กลับเนิ่นนานและเต็มไปด้วยเรื่องราวที่จารึกไว้...ในหัวใจ
...อย่าสร้างเยื่อใย อย่าผูกสัมพันธ์...เพราะช่วงเวลาสั้น ๆ มันไม่มากพอให้สานต่อ และบางครั้งก็แสนสั้น...จนเราไม่มีวันเข้าไปอยู่ในความทรงจำของใครคนนั้น
เพราะอย่างนี้จึงต้องบอกตัวเองไว้เสมอ
Stop love, before pain.
เพียงแค่ความใจดี ความอ่อนโยน ความนุ่มนวล ความเมตตาที่มีให้...บางครั้งมันก็เป็นแค่ธรรมชาติของใครบางคน ไม่เคยมีอะไรพิเศษ
เราต่างหาก...ที่หลงคิดหาความพิเศษ
...อย่างไม่บริสุทธิ์ใจ !!!
หญิงสาวถอนใจเบา ๆ เหลือบมองโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำงานอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเหยียดริมฝีปากเบา ๆ กึ่งหยันกับตัวเองด้วยอารมณ์กึ่งสมเพช
...เคยไหม? นั่งรอสายใครบางคน ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่มีวันโทร.มา...
ชีวิตมันก็อย่างนี้ละ...พบเพื่อพราก รู้จักเพื่อลา แกจะบ้าอะไรนักหนาวะ เพื่อนสาวร่วมห้องเดินมาตบไหล่บอก ก่อนจะเดินเข้าไปที่เคาท์เตอร์บาร์เล็ก ๆ ซึ่งจัดเป็นครัวฝรั่งขนาดย่อม
ไม่ได้บ้า...แต่ขอหัวงหน่อยได้ไหมละ
นี่ไม่เรียกหวัง มันเรียกว่าฝัน...อ่อ จะเรียกเพ้อก็ได้
ต่างกันยังไง
หวังยังมีวันเป็นจริง แต่ฝันหรือเพ้อ...มันอิมพอสซิเบิล เพื่อนรักให้กำลังใจกันด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง คนบางคนนะแก...ผ่านเข้ามาเพื่อให้เรารู้จักบางอย่างแล้วเขาก็จะผ่านไป เป็นแค่ใครสักคนในความทรงจำ ไม่ใช่คนในชีวิต
ไม่ต้องมาซึ้ง มาคม...คนกำลังเพ้อ แกก็รู้ว่ามันหายยาก
ไปวัด นั่งสมาธิหน่อยไหมแก เพื่อนรักส่งแก้วกาแฟให้แล้วเอ่ยกลั้วหัวเราะ
คนเพ้อย่นจมูกเบา ๆ ไอ้บ้า...
จริงจังนะโว้ย...นั่งสมาธิบ้าง แก้เพ้อ
กลัวเพ้อหนักกว่าเก่า แทนที่จะท่องพุทโธ เดี๋ยวจะกลายเป็นชื่อเขาแทน
คราวนี้เพื่อนรักหัวเราะชอบใจ อะไรจะหนักขนาดนั้น...เขาดีมากหรือ
อือ... เธอตอบรับแล้วถอนใจเบา ๆ ภาพวันวานที่เพิ่งผ่านมาเพียงไม่นานชัดเจนอยู่ในหัวราวเกิดขึ้นต่อหน้า
...เขายกเก้าอี้ให้เราก่อนตลอด ถ้าไม่มีเก้าอี้ตัวที่สอง เขาจะไม่นั่งเด็ดขาด...
หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ ภาพในห้องผ่าตัดชัดเจนอยู่ตรงหน้า พื้นกระเบื้องลายกรวดเม็ดเล็ก ผนังรอบด้านเป็นกระเบื้องสีเขียวรูปสี่เหลี่ยม แสงไฟจัดจ้าจากโคมกลางห้องเหนือเตียงผ่าตัด แพทย์ พยาบาลในชุดสีเขียวอ่อนเขียนชื่อโรงพยาบาลตัวเล็กเป็นลายห่าง ๆ
ชีวิตนักศึกษาแพทย์ในห้องผ่าตัดคุ้นชินกับการเป็นวอลเปเปอร์ประดับผนัง ใครโชคดีหน่อยก็ได้รับคำชวนหรือคำอนุญาตให้เข้าช่วยอาจารย์รุ่นพี่ การยืนขาแข็งอยู่ติดผนังห้องจึงเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนคุ้นกันดี
เธอเองก็คุ้นกับชีวิตเช่นนั้น หญิงสาวยืนตัวลีบอยู่ข้างผนังห้อง รอให้พยาบาลวิสัญญีใส่ท่อช่วยหายใจให้ผู้ป่วย
อ้าว...วันนี้เข้าเวรด้วยเหรอ ศัลยแพทย์หนุ่มเอ่ยทักอย่างจำได้
อ๋อ...ค่ะ ก็จะได้เรียนรู้อะไรบ้าง เธอตอบกลั้วหัวเราะ เพราะความจริงการมาลงวิชาเลือกภายนอกคณะก็เหมือนดูงานผสมกับมาเที่ยว ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนอยู่ในโณงเรียนแทพย์ แต่การปล่อยเวลาให้ผ่านเลยโดยไม่เรียนรู้ให้เต็มที่ก็เป็นเรื่องที่หญิงสาวยอมไม่ได้จริง ๆ
ฟิตนะนี่...ตั้งใจจะเรียนศัลย์ฯจริง ๆ เหรอ
อือ...หนูว่ามันน่าสนุกดีน่ะ
แล้วบทสนทนาก็เริ่มขึ้น วนไปสู่เรื่องราวต่าง ๆ จนเขาชวนเธอไปล้างมือ เข้าฟิลด์ช่วยผ่าตัด และเมื่อเสร็จสิ้นลง รุ่นพี่หนุ่มยังชวนเธอมาดูการเขียนบันทึกการผ่าตัด
เก้าอี้กลมหน้าโต๊ะมีเพียงตัวเดียว เขาหันมามองหน้าเธอซึ่งเอียงคอน้อย ๆ ก่อนจะเดินไปบริเวณหัวเตียง เลื่อนเก้าอี้กลมแบบมีล้อมาหน้าโต๊ะ นั่งสิ... บอกเบา ๆ แล้วรอจนเธอนั่ง ก่อนจะนั่งลงตาม แล้วเปิดแฟ้มประวัติผู้ป่วย
เขานั่งอธิบายเรื่องการลงบันทึกการผ่าตัด แต่เธอนั่งยิ้ม...ขำกับความเป็นสุภาพบุรุษที่เขามอบให้ผู้หญิงที่ไร้วามเป็นสุภาพสตรีอย่างเธอ
เหอะ...ชีวิตในโรงเรียนแพทย์ไม่ได้ทำให้เขารู้บ้างหรือ ว่านักศึกษาแพทย์สาว ๆ หลายคนก็ไม่ได้เรียบร้อยอ่อนหวานด้วยโครโมโซมเอ็กซ์เอ็กซ์เสมอไป
เธอเป็นหนึ่งในมนุษย์ที่ห้าวกว่าพวกเอ็กซ์วายเสียด้วยซ้ำ
เหอะ...เจนท์ผิดคนแล้ว...ค่ะพี่
คนไข้จากโรงพยาบาลอำเภอที่ไม่มีศัลยแพทย์ถูกส่งมาเพื่อรับการผ่าตัดรักษาหลายราย กว่าจะได้ลงจากห้องผ่าตัดก็เกือบตีสอง รุ่นพี่หนุ่มหันมามองหน้ารุ่นน้องที่มีฝึกงาน
เจอกันข้างหน้านะ เดี๋ยวเดินไปด้วยกัน
เธอแค่พยักหน้ารับ แล้วเดินแยกไปเข้าห้องแต่งตัวหญิง เปลี่ยนจากชุดเข้าห้องผ่าตัดเป็นชุดนักศึกษาครึ่งท่อน คือมีเพียงเสื้อเชิ้ตขาวปล่อยชายคลุมกระโปรงสอบสีดำ แล้วตวัดเสื้อกาว์นตัวยาวคลุมทับปิดบังความไม่เรียบร้อย
เมื่อเดินออกมาจากห้อง เขารออยู่ข้างหน้าก่อนแล้ว น่าหมันไส้ผู้ชายที่ยังดูดีแม้ทำงานมาเกือบยี่สิบชั่วโมง เขาสวมเสื้อเวรเป็นเสื้อคอวีแขนสั้นสีเขียวอ่อนกับกาวเกงธรรมดา อาจจะเป็นเพราะแว่นกรอบเหลี่ยมบนหน้า หรืออาจเพราะกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ที่ยังติดตัวทำให้เธอเผลอมองเขานานกว่าสิบวินาที
เขาพาเธอเดินมาทางอาคารด้านหลังซึ่งเป็นที่พักของบุคลากรในโรงพยาบาล ถนนโรยกรวดค่อนข้างมืดไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ
ดึก ๆ แถวนี้มันมืด เดินไปไหนมาไหนก็ระวังนะ เขาบอกอย่างผู้ใหญ่เตือนเด็กด้วยความเป็นห่วง เธอหัวเราะเบา ๆ อือ...เพื่อนหนูก็กลัว ยังบ่นใหญ่ว่าทำไมไม่ติดไฟ
ติด...เคยติดน่ะ แต่ได้ไม่ถึงเดือนก็โดนขโมยตัดสายไฟแถมหลอดนีออน
เฮ่ย...ในโรงพยาบาลเนี่ยนะพี่
อือ...ขโมยมันไม่แยกนี่ว่านี่โรงพยาบาล
ร้ายกาจ...
เขาก็ต้องหากินของเขาไง...เศรษฐกิจมันไม่ดีก็อย่างนี้ละ ชายหนุ่มบอกขณะเดินผ่านแฟลตสี่ชั้นซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นที่พักของบรรดาแพทย์ ตรงมายังเขตซึ่งเป็นบ้านพัก
พี่ไม่กลับห้องเหรอคะ...เดินเลยแล้วนะ
มืดแล้ว...เดี๋ยวพี่ไปส่ง เขาบอกตรง ๆ ในที่สุด
ชายหนุ่มหยุดที่หน้าป้อมเล็ก ๆ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเรียกว่าป้อมยามได้ไหม เพราะไม่มียาม เหมือนจะมีไว้เป็นที่พักชั่วคราวเวลาเดินเหนื่อยอาจพอได้
บ้านพักของนักศึกษาฝึกงานอยู่อีกไม่ไกล พอมองเห็นไม่เกินสิบเมตร
เดี๋ยวพี่ยืนรอตรงนี้ น้องไปเถอะ ถ้าเห็นไฟประตูบ้านแล้วพี่ค่อยไป
หญิงสาวหันมามองหน้าเขา นิ่งไปชั่วขณะ ไม่ต้องก็ได้พี่...ส่งแค่นี้ละ เดี๋ยวหนูเดินเข้าไปเอง
อือ...ก็เดินไปได้แล้ว เขาเอ่ยแล้วถือวิสาสะจับไหล่เธอให้หมุนตัวเดินไป
หญิงสาวก้าวไปไม่ไกลก็หันกลับมามอง รุ่นพี่หนุ่มยังยืนอยู่ตรงนั้น ส่งยิ้มแล้วโบกมือให้เธอเบา ๆ เป็นอันว่าเธอต้องรีบเร่งฝีเท้าไปเปิดประตูบ้าน แล้วีบเปิดไฟชั้นล่างให้เขามองเห็นและรู้ว่าเธอเข้าบ้านแล้ว
...เหนื่อยมาตั้งนาน...รีบไปพักเถอะค่ะพี่ อย่ามัวแต่เจนท์เลย...
เพื่อนรักนั่งฟังแล้วหัวเราะในคอเบา ๆ ตบไหล่หญิงสาว เจนท์จริงว่ะ...เข้าใจละทำไมแกปลื้ม
ใช่ไหมละ...ปกติมีผู้ชายที่ไหนมาเจนท์กับเราขนาดนั้นบ้าง หญิงสาวบ่นงึมงำ เพื่อนรักพยักหน้าอย่างรู้กันดีว่าในคณะแพทย์ฯนั้นหญิงชายถือว่าเท่าเทียมกัน
ฝันไปเถอะเรื่องเลดี้เฟิร์สแอนด์เจนเทิลแมนอาฟเตอร์น่ะ เมื่อผู้หญิงเรียกร้องหาความเท่าเทียม ก้าวออกมาบอกโลกว่าข้าเก่งและทำได้เท่าเทียมกับผู้ชายในทุกเรื่อง เธอก็ไม่มิสิทธิ์อ้างตัวเป็นเพศบอบบางที่ผู้ชายต้องดูแลอีกต่อไป
พ่อแม่สอนมายังไงวะ...เจนท์ได้ขนาดนั้น เพื่อนรักบ่นเบา ๆ ก่อนเบิกตากว้าง เท้าแขนบนเก้าอี้จ้องหน้าเพื่อน แล้ว...เขาเจนท์กับทุกคน หรือเจนท์กับแกคนเดียวละ
ไม่รู้ดิ...แต่กับคนอื่นก็เฉย ๆ นะ
เฮ่ย...อย่างนี้ก็พอมีหวัง
ประเด็นคือ...มันจบแล้วว่ะ ไม่มีเมล์ ไม่มีอะไรเลย หญิงสาวเอ่ยเบา ๆ มีแต่เบอร์โทร. แต่แกก็รู้...จะให้เราโทร.ไปก่อนได้ยังไงวะ
ก็ไม่เห็นยากนี่...ส่งข้อความไปก็ได้บอกว่าแกมาถึงกรุงเทพฯแล้ว เพื่อนรักเริ่มสอนวิชามารยาหญิง
หญิงสาวถอนใจ ส่ายหน้า ไม่เอาอ่ะ...มากเกิน
มากตรงไหน...ก็คนรู้จักกัน
ไม่รู้ดิ...แต่ปกติเราไม่ทำอะไรแบบนี้
หัดดิ...ก่อนจะกินแห้ว
หญิงสาวหัวเราะ เตรียมใจละ...เขาคงไม่สนเราหรอก
เท่านั้นก็เป็นอันจบ สองสาวนั่งถอนใจเบา ๆ อยู่หน้าโต๊ะไม้ตัวเล็ก
ตลกนะ...บางครั้ง ฟ้าก็ส่งใครบางคนมาเพื่อให้เราฝันถึง แต่ไม่ได้ส่งมาเพื่อให้เรารัก
เรามีสิทธิ์รักเขาด้วยเหรอวะ...เจอกันกี่วันเอง
ถ้าแกจะรัก...มันก็เป็นสิทธิ์ของแก แต่ต้องเตรียมใจด้วยว่ามันจะเจ็บ เพราะไม่มีวันได้รักตอบไง
ความเงียบโรยตัวอยู่ในห้อง โทรศัพท์บนโต๊ะยังนิ่งสนิทไม่มีสายเข้ามา ไม่มีข้อความ ไม่มีข่าวคราวใดจากคนไกลที่เธอรอคอย
คงต้องยอมรับว่าหลายครั้ง...พระเจ้าก็แกล้งเรา
ด้วยการส่งใครบางคนมาให้เราเก็บไว้...ได้แค่ในความทรงจำ
---- คือ...ไอซ์...เพ้อ...
จากคุณ |
:
Argent
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ธ.ค. 54 20:15:53
|
|
|
|