Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เรื่องสั้นคั่นเวลา No.2 : ของขวัญคริสต์มาส ติดต่อทีมงาน

ช่วงนี้น้องเหมียวอาจจะหายไปนานหน่อย อย่าเพิ่งว่ากันนะคะ ตอนนี้ขอสางภารกิจเก่าให้จบก่อนค่ะ (สามเรื่องรวด โฮ!!!! อิงประวัติศาสตร์สองเพราะเป็นเรื่องคู่แฝดกัน กะอีกเรื่อง ออกแนวลิเกฝรั่ง แต่โครงสร้างคือประวัติศาสตร์ไทย กี๊ซซซซ ต้องตั้งสติเต็มที่ค่ะ ล้านนา อยุธยา รัตนโกสินทร์ ผิดเมื่อไหร่ตายแหน่ T^T )


ลงเผื่อวันคริสต์มาสเลยนะคะ มีหักมุมเล็กๆ ด้วยค่ะ เรื่องสั้นเรื่องนี้ ^^





ของขวัญคริสต์มาส


รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดเทียบบันไดทางขึ้นโรงแรมระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง    ท่ามกลางฝูงชนที่มารอยลโฉมของชายหนุ่มที่เล่าลือกันว่า 'หล่อติดอันดับโลก' เมื่อ รถจอดเทียบสนิทดีแล้ว เจ้าหนุ่มหน้าสวยเหมือนผู้หญิงสวมชุดทักซิโด้สีดำซึ่งเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ด ก็รีบวิ่งมาเปิดประตูรถด้านหลังพร้อมกับเสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาสาวน้อยสาว ใหญ่มากหน้าหลายตา ทันทีที่ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูททักซิโด้ขาวเดินลงมาจากรถเท่านั้น แสงแฟลชถ่ายรูปก็พร้อมใจกันลั่นพึ่บพั่บ   ไม่มีช่างภาพจากสื่อใดๆ ที่จะยอมพลาดการบันทึกภาพของบุรุษผู้นี้ “วินธัย” ทายาทคนเดียวของนักธุรกิจใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนปีละไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท


วินธัยลงจากรถมาแล้วก็หยุดยืนนิ่งอยู่อึดใจ แล้วหันมาโบกมือด้วยมาดที่บาดใจเหลือหลาย ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูอ่อนราวกับผู้หญิงขยับยิ้มอย่างเก๋ให้บรรดาแฟนคลับสาวๆ บอร์ดี้การ์ดหนุ่มคนเดิมขยับเข้ามากระซิบบอกบางอย่างด้วยสีหน้าเรียบเฉย  วินธัยพยักหน้ารับพลางลดมือลง ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นบันไดโรงแรมไปแต่โดยดี

“ฮึ้ย! ฉัน เกลียดนายบอร์ดี้การ์ดคนนั้นชะมัดเลย กี่งานๆ ก็อีตานี่แหละ ที่ชอบมาเร่งให้พี่วินเข้าไปในงาน ไม่ยอมให้พวกเราได้ชมโฉมนานๆ มั่งเลย”

แม่สาวน้อยนางหนึ่งบ่นกับเพื่อนสนิทในกลุ่ม หน้าตาเจ้าหล่อนบอกชัดว่าเหม็นขี้หน้าบอดี้การ์ดคนนั้นสุดฤทธิ์

“ท่าจะคู่วายกันล่ะมั้งแก”

เพื่อนสนิทของเธอตอบแบบทีเล่นทีจริง แต่ก็ทำให้แม่สาวน้อยตีหน้ามุ่ยใส่ก่อนเดินสะบัดออกไปอย่างไม่พอใจ บวกกับบริเวณนั้นไม่มีสิ่งที่ดึงดูดความสนใจอีกแล้ว กว่า 'พี่วิน' ของ เธอและสาวๆ อีกหลายคนจะกลับออกมาอีกครั้ง ก็ใกล้จะสี่ทุ่ม ถึงเวลานั้นค่อยกลับไปปักหลักจับจองที่ชมโฉมหนุ่มเนื้อหอมคนนั้นอีกครั้ง


ร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง ก่อนทิ้งตัวลงนอนตุ้บบนเตียงอย่างคนหมดแรง ทำเอาคนที่เดินตามเข้ามาทีหลังชักสีหน้าอย่างไม่ชอบใจ ก่อนหันไปปิดประตูห้องปิดล็อคอย่างแน่นหนา แล้วเดินตีหน้ายักษ์เข้ามากอดอกยืนมองคนที่นอนหลับตาพริ้มบนเตียง

“คุณวิน กรุณาลุกขึ้นไปอาบน้ำให้เรียบร้อย ค่อยกลับมานอนครับ”

“ฮื้อ ไม่ไปล่ะ ฉันเหนื่อยจังเลยทิม” ชายหนุ่มว่าทั้งที่ยังหลับตา

“นี่เหรอ หนุ่มหล่อติดอันดับโลก อยากให้แฟนคลับคุณวินมาเห็นนักเชียว”

“ฉันไม่ให้ใครเห็นหรอก นอกจากนายคนเดียว"

“เหอะ ให้มันแน่เถอะครับคุณวิน ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะครับ”

ทิมว่าพลางเข้ามาฉุดแขนคนที่ยังดื้อแพ่งนอนแผ่หราบนเตียงให้ลุกขึ้นมาให้ได้ แต่แล้วเจ้าตัวกลับเป็นฝ่ายเสียหลักล้มลงไปทับบนตัวเจ้านายเสียเอง เพราะวินธัยอาศัยทีเผลอดึงตัวทิมลงมาเสียเอง ก่อนจะพลิกตัวนอนทับร่างทิมอย่างรวดเร็ว

“ค...คุณวิน”

ทิม เรียกเสียงสั่น ตาต่อตาสบประสาน หน้าต่อหน้าใกล้กันเสียจนสัมผัสถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่ปะทะผิว ความใกล้ชิดอย่างนี้ทำให้ใจทิมเต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย ทั้งที่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ แต่ทิมก็ไม่ยักชินกับความรู้สึกนี้เสียที

“ดุจริงนะ ทิม จะดุไปถึงไหน”

“เอ่อ คุณวิน ปล่อยผมเถอะนะครับ”

“ปล่อยทำไมล่ะ ตัวนายอุ่นออกอย่างนี้ อุ่นจนฉันอยากกอดเอาไว้นานๆ”

“ใครเข้ามาเห็นเข้ามันจะไม่ดีนะครับ”

“กลัวเหรอ ฉันไม่ใช่ยักษ์ใช่มารนะ ทีนายหึงฉัน ฉันยังไม่ว่าอะไรสักคำ”

“ผมไม่ได้หึง...อุ๊บ”

ทิมว่าได้เท่านั้นเอง ริมฝีปากผ่าวร้อนของวินธัยก็เคลื่อนเข้ามาประกบปิดปากเอาไว้เสียก่อน ทิมเจอรสจูบร้อนแรงเข้าถึงกับเนื้อตัวอ่อน หมดแรงแม้แต่จะดันอีกฝ่ายให้ห่างตัว ครู่เดียววินธัยก็ถอนริมฝีปากออก มองหน้าสวยที่ยังหลับตาเคลิ้มกับรสจูบอย่างขำๆ มือใหญ่เอื้อมปัดเส้นผมที่ปรกหน้าผากออกให้อย่างเบามือ ก่อนโน้มตัวลงกระซิบแผ่วข้างหูทิม

“อย่าหึงฉันเลยทิม ชีวิตฉัน ฉันให้นายคนเดียวเท่านั้นแหละ”

ทิมเรียกสติและอารมณ์ที่กระเจิงไปก่อนหน้านี้ให้กลับคืนมาทันทีที่ได้ยินเสียงของวินธัย เขารีบผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วเพราะกลัวใจคนเป็นนายว่า หากยังนอนอยู่แบบนี้ น่ากลัวจะมีอะไรตามมามากกว่าจูบ วินธัยลุกตามขึ้นมาโอบกอดคนตัวเล็กไว้

“พรุ่งนี้วันคริสต์มาส ฉันว่างหนึ่งวัน เราไปเที่ยวกันเถอะนะ นานแล้วที่เราไม่ได้ไปเที่ยวกันสองคน เป็นของขวัญให้นายด้วยไง”

“จะไปที่ไหนล่ะครับ” ทิมถามเสียงอ่อนลง

ชายหนุ่มว่า พลางขยับเปลี่ยนมานอนหนุนตักบอดี้การ์ดหน้าสวย แล้วไล้นิ้วไปตามวงหน้าของอีกฝ่ายช้าๆ นัยน์ตาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของทิม พร้อมพูดด้วยเสียงจริงจังกว่าที่เคยเป็น

“แล้วแต่นายจะพาไปเถอะ จะไปที่ไหนก็ได้ขอให้ที่นั่นมีนายก็พอ”


รถญี่ปุ่นสีดำเคลื่อนเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของตลาดไทยสี่ภาค ก่อนที่คนขับรถจะเปิดประตูลงมามองไปรอบๆ บริเวณอย่างตื่นใจ เขาไม่ยักรู้ว่าพัทยาจะมีที่เที่ยวอย่างนี้ด้วย ดวงตาสีนิลเป็นประกายสดใสร่าเริงเหมือนเด็กชายตัวน้อยเบนมาสบตากับคนที่ เพิ่งลงจากรถอีกฝั่งหนึ่ง พลางถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“มีที่แบบนี้ด้วยเหรอทิม ฉันไม่ยักรู้”

ทิมหัวเราะ


“มีสิครับ แต่ไม่แปลกหรอกที่คุณวินไม่รู้ เพราะมาพัทยากี่ครั้งๆ คุณวินก็ขลุกอยู่แต่ในโรงแรมเจรจาธุรกิจตลอด”

“หือ แล้วนายรู้ได้ยังไง ว่าที่นี่มีตลาดสี่ภาค นายอยู่กับฉันตลอดนี่นา”

“ผมไม่ได้อยู่กับคุณวินตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนี่นา” ทิมว่ากลั้วหัวเราะ แล้วรีบตัดบท เมื่อเห็นวินธัยชี้หน้าอย่างคาดโทษ

“เอ่อ..ผมว่า เราไปเดินเล่นทางโน้นกันดีกว่าครับ”

“ก็ได้ แต่ทิม เดี๋ยวก่อน นายอย่าเรียกฉันว่าคุณวินนะ เรียกฉันว่าลมแทนละกัน”

“ทำไมล่ะครับ”

“ฉันไม่อยากเป็นจุดสนใจน่ะสิ เกิดมีใครรู้ว่าฉันคือวินธัย ก็ไม่เป็นอันต้องเที่ยวกันพอดี”

“โธ่! เปลี่ยนแต่ชื่อ หน้าตายังเป็นคุณวินธัย ธนสินทรัพย์แบบนี้มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ”

“หน้าน่ะ ยังอ้างได้น่าว่าเป็นคนหน้าเหมือน เถอะ ฉันบอกไงก็ทำตามเหอะน่า ขืนถามมากฉันจะลงโทษนายนะ เอามั้ย”

ทิมหน้าเหย ก่อนส่ายหน้าแรงๆ เรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากวินธัย แล้วสองหนุ่มก็เดินเคียงคู่กันเข้าไปในตลาดไทยสี่ภาคแห่งนั้น


หลังจากที่เดินเล่นดูของกันจนเหนื่อยแล้ว ทิมก็เดินนำเจ้านายหนุ่มเข้ามาในร้านไอศกรีมที่อยู่ใกล้ๆ เขาชี้เลือกโต๊ะให้วินธัยที่เดินตามหลังมาเป็นเชิงบอกให้นั่งรออยู่ตรงนั้น ส่วนตัวเองเดินเลยไปเพื่อจะสั่งไอศกรีมโดยไม่ได้หันไปมองอีก

“ตุบ! โครม!”

เสียงแปลกๆ ที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ทิมชะงัก หันไปมองต้นเสียงแล้วก็อดที่จะยิ้มขำไม่ได้ เมื่อเห็นร่างสูงนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ทำหน้าอายๆ ที่เห็นคนหันมามองตัวเองเป็นตาเดียว ทิมกลั้นยิ้มพลางวิ่งเข้ามาหา

“เกิดอะไรขึ้นเหรอลม”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่สะดุดขอบยกพื้นล้มน่ะ”

ทิมอยากจะถามว่า ไปทำอีท่าไหนเข้าถึงได้สะดุด แต่ก็ไม่กล้า เพราะรู้ถึงความซุ่มซ่ามของเจ้านายหนุ่มหล่อคนนี้ดีว่ามากแค่ไหน ก่อนออกงานแต่ละครั้งเขาเองก็ต้องคอยดูแลทุกฝีก้าว กว่าจะเสร็จงานได้ก็เล่นเอาเหนื่อย ดูอย่างตอนนี้ที่เขาแค่ละสายตาไปแวบเดียวเท่านั้น ก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ทิมประคองวินธัยให้ลุกขึ้นแล้วพามานั่งที่โต๊ะว่าง แต่แล้ว

“โครม!”

วินธัยเตะขาโต๊ะเสียงดังสนั่น ทำเอาคนในร้านพากันมองมาที่จุดเกิดเหตุเป็นตาเดียวอีกครั้ง คราวนี้วินธัยหน้าแดงก่ำ ก้มหน้างุดด้วยความอาย ทิมเลยไม่กล้าทิ้งเขาไว้ที่โต๊ะคนเดียว จึงนั่งอยู่เป็นเพื่อน พอคะเนว่าวินธัยน่าจะหายอายแล้ว ก็บอก

“ลม กินไอติมมั้ย ทิมจะไปซื้อ”

“อืม”

“จะใส่เครื่องอะไรบ้าง”

“เอาแต่นมสดละกัน แล้วถ้ามีเยลลี่ก็ใส่เยลลี่มาด้วย”

กิน อะไรเหมือนเด็กอีกแล้ว ทิมร้องขำๆ อยู่ในใจคนเดียว ไม่กล้าพูดออกมา แล้วทำตามที่อีกฝ่ายต้องการแต่โดยดี ไอศกรีมถ้วยโตยังไม่ทันหมดดี กลิ่นปลาหมึกย่างก็ลอยมาแตะจมูก วินธัยทำตาปรอยมองทิมอย่างเว้าวอน พร้อมเสียงทุ้มนุ่มที่ออดอ้อน

“ทิม ฉันอยากกินปลาหมึกน่ะ วานหน่อยสิ”

ทิมใจอ่อนยวบตั้งแต่เจอสายตาคู่นั้นแล้ว วินธัยไม่จำเป็นต้องบอกว่า 'วานหน่อยสิ' ด้วย ซ้ำ ทิมก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเขาอยู่แล้ว บอร์ดี้การ์ดหนุ่มหน้าสวยพยักหน้ารับแทนคำตอบ แล้วลุกจากโต๊ะหายไปพักใหญ่ๆ ก็กลับมาพร้อมกับหมึกย่างถุงโต แยกน้ำจิ้มต่างหาก เพราะเจ้านายสุดหล่อไม่ทานเผ็ด

ทิมยังไม่ทันได้ปล่อยมือจากถุงหมึกย่างเสียด้วยซ้ำ วินธัยก็ฉวยไม้จิ้มจิ้มหมึกสดย่างชิ้นโตเข้าปากทันที โดยที่ทิมเองก็ร้องห้ามไม่ทัน ผลก็คือ วินธัยคายหมึกย่างชิ้นนั้นออกจากปากแทบไม่ทันเพราะความร้อน

“ทิม ทำไมไม่บอกฉันว่ามันร้อนอยู่น่ะ”

“อ้าว! ผมก็นึกว่าลมรู้อยู่แล้ว หมีกร้อนควันกรุ่นออกอย่างนี้ แล้วผมก็ห้ามไม่ทันด้วย ไหนดูหน่อยสิครับ เป็นอะไรมากมั้ย”

ทิมว่าพลางใช้มือประคองหน้าวินธัย แล้วโน้มหน้าตนเองลงดูปากของเขาด้วยความเป็นห่วงมากกว่าจะนึกเป็นอื่น แต่วินธัยกลับเป็นฝ่ายใจเต้นเสียเอง หน้าสวยๆ ที่อยู่ใกล้เพียงนี้ บวกกับกลิ่นสบู่หอมอ่อนๆ ที่โชยจากเรือนกายของทิม ทำให้เขาแทบอดใจไว้ไม่อยู่

“ทิม เอ่อ ฉันไม่เป็นไร นายไปนั่งเถอะ”

“แน่นะครับ”

เหมือนเจ้าตัวไม่รู้ตัวเลยสักนิด ว่าทำให้คนตรงหน้าใจสั่นแค่ไหน จึงยังดูอาการของเขาต่อไปอีกพัก กว่าจะยอมถอยกลับไปนั่งที่เดิมได้ เมื่อถอยมานั่งที่เดิม คราวนี้วินธัยไม่ได้เป็นคนจิ้มหมึกย่างกินเองอีกต่อไป เพราะทิมเป็นคนจิ้มชิ้นหมึกมาเป่าให้เย็นก่อนป้อนเข้าปากเขา วินธัยรู้สึกว่าหมึกชิ้นนั้นหอมหวานกว่าที่เคยกินมา มันหวานเพราะมือบอบบางที่ป้อน หรือว่าหอมที่ลมหายใจของนายกันแน่นะทิม

“ทิม แต่งงานกันไหม”

“ฮะ อะไรนะครับ คุณว่าอะไรนะ”

“แต่งงานกันเถอะทิม”

“เอ่อ คุณวินเมาปลาหมึกหรือครับ”

ทิมว่าพลางหลบสายตาเชื่อมหวานที่มองจับมา แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมากุมมือเขาไว้

“ฉันไม่ได้เมา ไม่ได้เบลออะไรทั้งนั้น แต่งงานกันเถอะนะทิม”

“แต่ว่า ผมเป็นแค่บอดี้การ์ดคุณ มิหนำซ้ำยังเป็นผู้ชายด้วย”

วินธัยหัวเราะก๊ากออกมา เมื่อได้ยินประโยคท้ายของทิม

“แล้ว ยังไงล่ะ โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ผู้ชายกับผู้ชายก็แต่งงานกันได้ ถ้าฉันคิดจะทำจริงๆ ล่ะก็นะ แต่นายไม่เห็นต้องกังวลนี่นา เพราะความจริงนายเป็นผู้หญิง เป็นคู่หมั้นฉันอยู่แล้ว”

วาจาของวินธัยทำให้ทิมถึงกับตกตะลึง เพราะนอกจากพ่อของวินธัยแล้ว ก็ไม่น่ามีใครล่วงรู้ความจริงข้อนี้อีก แวบหนึ่งที่ทิมนึกไปถึงพ่อของชายหนุ่ม ตอนนั้นวายุทักท้วงเมื่อรู้ความคิดของแม่สาวน้อย แต่เมื่อเธอยืนยันและดึงดัน วายุก็จำต้องปล่อยตามใจ และเห็นว่า น่าจะทำให้สองหนุ่มสาวได้รู้จักกันและกันมากขึ้นด้วย

“คุณลุงวายุบอกคุณเหรอ”

คำถามนั้นเท่ากับเป็นการยอมรับสภาพกลายๆ วินธัยหัวเราะน้อยๆ

“เปล่า พ่อไม่ได้บอกอะไรผมหรอก แต่ผมรู้เอง ตั้งแต่สามเดือนก่อนละมัง ผมก็ไม่รู้นะว่าคุณนึกสนุกอะไรขึ้นมา ถึงปลอมเป็นผู้ชายมาสมัครเป็นบอดี้การ์ดแบบนี้ อยากรู้ว่าผมมีผู้หญิงอื่นซุกไว้หรือเปล่างั้นเหรอ ทราย”



ชายหนุ่มเอ่ยชื่อจริงของคู่หมั้นสาวคนสวยออกมาพร้อมกับจ้องลึกไปในดวงตาของเธอ ทรายหลบตาวูบเพราะกลัวว่าเขาจะเห็นความรู้สึกแท้จริง

“ก็ มันน่าไหมล่ะ คุณเป็นถึงหนุ่มหล่อระดับโลก ผู้หญิงทั้งสาวทั้งแก่ก็จ้องตะครุบคุณทั้งนั้น ทำแบบนี้นอกจากจะรู้ว่าคุณมีใครซุกไว้แล้ว ยัง...”

“ยังคุมผมไปในตัวด้วยใช่ไหมล่ะ” วินธัยต่อสีหน้ายิ้มๆ จนทรายหน้าแดงก่ำ รีบเปลี่ยนเรื่องเสียทันควัน

“เดี๋ยว คุณบอกว่ารู้ตั้งแต่สามเดือนก่อน แต่คุณก็ยังแกล้งเอ้อ จูบฉัน อย่างนั้นเหรอ”

“ใครว่าผมแกล้ง ผมตั้งใจเลยล่ะ อย่าโกรธผมเลยนะคนดี ผมยินดีรับผิดชอบการกระทำทั้งหมด”

วินธัยปล่อยมือจากคู่หมั้นสาว แล้วล้วงไปหยิบกล่องเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกง และเปิดมันออกต่อหน้าเธอ ภายในกล่องเป็นแหวนทองคำขาวประดับเพชรเรียงสามเม็ด

“แต่งงานกันนะทราย นับจากเวลานี้ไป ผมขอเป็นบอดี้การ์ดดูแลคุณชั่วชีวิต”

ทรายยิ้มเขิน ก่อนพยักหน้าตกลง วินธัยฉีกยิ้มกว้างรีบสวมแหวนเข้าที่นิ้วนางซ้ายของเธอทันที คนที่ผ่านไปมาเห็นเข้าบางคนก็ทำหน้าบอกไม่ถูก เพราะเข้าใจว่าชายหนุ่มสวมแหวนหมั้นให้กับไม้ป่าเดียวกัน บางคนก็อมยิ้มในความน่ารักของคนทั้งคู่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามที คริสต์มาสปีนี้ จะอยู่ในความทรงจำของคนทั้งสองต่อไปอีกแสนนาน


                                                                          อริญชย์

ป.ลิง ตรงนี้อินขอถามแควนๆ ของมิ่งแก้วกาสะลองกับภูผาศิขรินนิดนุง ว่าอยากอ่านภาคพิเศษเป็นตอนสั้นๆ ของวายุกันไหมเอ่ย เพราะท่าทางขุนพลธาตุลมคนนี้ก็ครองใจสาวๆ ได้ไม่น้อยไปกว่าพระเอกเลย (คนเขียนรู้สึกผิดด้วยแหละ บทวายุผู้แสนน่ารักช่างออกน้อยเหลือ)

แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 54 15:54:37

แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 54 16:11:39

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 54 15:12:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com