Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๑๗ คำสั่งเสียของแม่ชีขจีเกศ) ติดต่อทีมงาน

ความลับฤดูหนาว  (บทที่ ๑ ศพเดินได้)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11309801/W11309801.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๒ คนบ้าในกรงขัง)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11321605/W11321605.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๓ ชายหนุ่มและสมมุติฐาน)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11331282/W11331282.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๔ รูปจำลองเสมือนจริง)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11338619/W11338619.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๕ คำเตือนของอัศวิน)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11350818/W11350818.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๖ จดหมายจากแดนไกล)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11358855/W11358855.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๗ การเดินทางของวสันต์)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11367272/W11367272.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๘ ดวงดาวผู้เป็นพยาน)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11379302/W11379302.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๙ กระดาษและกระดุมเสื้อ)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11394554/W11394554.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๑๐ เสียงกรีดร้องของไพรินทร์)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11399214/W11399214.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๑๑ ความแตกต่างของสำเนียง)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11406396/W11406396.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๑๒ พิสูจน์ลายมือ)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11411321/W11411321.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๑๓ ความสัมพันธ์แบบปิด)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11413995/W11413995.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๑๔ หญิงสาวผู้ตกเป็นจำเลย)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11417016/W11417016.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๑๕ ความลับที่ซ่อนเร้น)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11420821/W11420821.html
ความลับฤดูหนาว (บทที่ ๑๖ คำลวงของคนทรง)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11425177/W11425177.html







บทที่ ๑๗ คำสั่งเสียของแม่ชีขจีเกศ

หญิงสาวได้แต่ทอดมองชายร่างทรงเดินจากไปกับเหล่าชาวบ้านโดยที่เธอมิอาจทำอะไรได้ พ่อเธอไม่มีทางโกหกแน่ แต่ข้อความสุดท้ายในโทรเลขนี่สิทำให้ฟ้าฉายและอัศวินต้องเป็นกังวล เพราะจันทร์หอมได้หนีไปเมื่อรู้ว่านายวชิระคือนายตำรวจที่ทำคดีของเธอเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน

แล้วฆาตกรที่ฆ่าสกาวเดือนเกี่ยวข้องกับจันทร์หอมอย่างไรกันเล่า? ทำไมเขาต้องแก้แค้นให้เธอด้วย คืนที่เกิดเหตุนายทรงพลพยายามจะข่มขืนจันทร์หอม ก่อนที่นายพัฒน์จะมาพบ ทรงพลเอาไม้ตีหัวนายพัฒน์จนสลบ...แล้วจากนั้นล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับจันทร์หอม

ฟ้าฉายอยากจะกระโจนขึ้นเรือนไปถามนายทรงพลให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าเขาคือฆาตกรตัวจริงหรือไม่? แล้วถ้าเกิดใช่ล่ะฟ้าฉาย หากเขาคือฆาตกรจริงๆ ล่ะ...แล้วเธอจะมีหลักฐานอะไรไปเอาผิดเขา

จันทร์หอมนั่นไง... หญิงสาวคลี่ยิ้มมุ่งมั่น เฝ้าภาวนาว่าขอให้พ่อเธอพบตัวจันทร์หอมในเร็ววัน เธอคือกุญแจดอกเดียวที่จะไขปริศนาเรื่องราวทุกอย่างให้กระจ่างแจ้ง

“คุณฟ้าครับ ถ้าจดหมายฉบับนั้นถูกส่งมาโดยจันทร์หอม แล้วเธอจ่าหน้าซองถึงใครล่ะครับ” คำถามของอัศวินทำให้ฟ้าฉายต้องหันขวับมามองเขา หญิงสาวนิ่วหน้าก่อนจะอ้าปากค้างอย่างตกใจ

“คุณไพรินทร์....แม่ของวสันต์....” คำตอบของเธอทำให้ตำรวจหนุ่มต้องก้มหน้าคิด

“ถ้าเธอยังไม่ตาย สิ่งที่บุญยืนพูดก็อาจจะมีทั้งถูกและผิด เขาบอกว่าพบศพเธอ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอยังไม่ตาย”

“ตอนนั้นเขาอาจจะเข้าใจผิด คิดว่าเธอตายก็ได้นี่คะ” หญิงสาวแย้ง

“ถ้าอย่างนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาจะมีส่วนรู้เห็นในการทำให้จันทร์หอมหายไป เขาอาจจะโกหกทุกว่าเธอตายแล้วจากนั้นก็ให้ใครสักคนพาเธอหนีกลับขอนแก่น เพียงเท่านี้คนในบ้านคานพิภพก็จะคิดว่าเธอตายไปแล้ว...”

อัศวินจุดยิ้มเยือกเย็น กระแสลมยามราตรีนั้นทำให้ฟ้าฉายหนาวยะเยือกไปทั่วสรรพางค์กาย

“แต่ฉันคิดว่าเรายังไม่ควรจะเปิดเผยเรื่องจันทร์หอมตอนนี้ มันต้องมีอะไรบางอย่างอยู่ในจดหมายฉบับนั้นแน่”

“ครับ ถ้าเราบอกทุกคนว่าจันทร์หอมยังไม่ตาย ฆาตกรก็อาจจะชิงหนีไปก่อน...ว่าแต่ เราจะหาทางเอาจดหมายจากคุณไพรินทร์มายังไงล่ะครับ?”

ชายหนุ่มจ้องมองดวงหน้านวลเนียนเพื่อขอความเห็น คราวก่อนที่ฟ้าฉายแอบตามนางผุสดีไปยังเรือนพักของนางไพรินทร์ก็เกือบถูกจับได้ อีกฝ่ายคงระวังตัวมากขึ้น แต่ถ้าหากว่าในจดหมายนั่นมีความลับที่สำคัญซ่อนอยู่ อันที่มันจะเชื่อมโยงไปถึงเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นในบ้านคานพิภพ

“ฉันจะหาทางดูอีกที แต่ว่าตอนนี้ฉันจะเล่าทุกอย่างที่ได้รู้ในบ้านคานพิภพให้นายฟังก่อนนะอัศวิน” ฟ้าฉายเดินนำเขาไปยังศาลาเล็กๆ หน้าเรือนใหญ่

“เมื่อคืนนี้คุณยายผุสดีแอบไปพบคุณไพรินทร์อย่างลับๆ ล่อๆ ฉันวิ่งตามดู ไพรินทร์รู้แล้วว่าจันทร์หอมยังไม่ตาย และเธอก็เค้นถามคำตอบจากคุณยายผุสดี...”

“แล้วคุณยายผุสดีตอบว่ายังไงครับ” อัศวินเลิกคิ้วสูงก่อนที่หญิงสาวจะยิ้มแหย

“เผอิญฉันเผลอไปชนอะไรสักอย่างเข้าก่อนน่ะ สองคนนั้นก็เลยไหวตัวทัน จากนั้นฉันก็รีบตะลีตะลานวิ่งกลับมาเรือนพัก ตอนที่วิ่งผ่านใต้ถุนเรือนใหญ่ฉันเห็นไอ้โม่งชุดดำกำลังก้าวขาฉับๆ ขึ้นเรือนหลังกลาง แต่ด้วยความที่ไม่คิดว่าจะเป็นคนร้ายกอรปกับกลัวว่าคุณไพรินทร์จะจับได้ ฉันจึงรีบวิ่งไปให้ถึงเรือนนายภูมิพงษ์”

อัศวินระบายลมหายใจออกเบาๆ เอนแผ่นหลังทาบกับพนักพิง “การตายของสกาวเดือนมีเงื่อนงำครับ ฆาตกรต้องการจะบอกอะไรเราสักอย่าง ทำไมต้องเอาไม้ตีหัวเธอจนสลบแล้วแขวนคอไว้กับต้นไทรย้อยแบบนั้นด้วย”

ฟ้าฉายเองก็ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสับสนก่อนที่เธอจะนึกถึงใครอีกคนที่ไม่มีใครให้ความสำคัญ “บางที...แม่ชีขจีเกศอาจจะรู้เรื่องทุกอย่าง เธอต้องรู้แน่...เพราะนี่คือเหตุผลที่ทำให้เธอต้องออกบวช”

“คุณแน่ใจเหรอครับ?” ชายหนุ่มลากเสียง

“ไม่...แต่ฉันคิดว่าจะบอกเรื่องจันทร์หอมกับอรอนงค์และแม่ชีขจีเกศ”

“ทำแบบนั้นมันเสี่ยงเกินไปนะครับ ฆาตกรที่ฆ่าจันทร์หอมอาจจะเป็นแม่ชีขจีเกศก็ได้” อัศวินแย้งเสียงแข็ง

“ไม่ใช่หรอก ถ้าเป็นแม่ชีขจีเกศจริง คนที่ตายคงไม่ใช่สกาวเดือน แต่จะเป็น...”

หญิงสาวหลุบตาลงต่ำพร้อมกับถอนหายใจอันรุ่มร้อนออกมา อรอนงค์คือเพื่อนที่เธอรักมากคนหนึ่ง เธอจะไม่ยอมให้เพื่อนคนนี้เป็นอะไรไปแน่

“พรุ่งนี้เช้า...เราจะไปพบแม่ชีขจีเกศด้วยกัน” ฟ้าฉายบอกกับชายหนุ่มตรงหน้า เน้นย้ำความมุ่งมั่นด้วยแววตาอันเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ อัศวินพยักหน้ารับน้อยๆ ขณะที่อรอนงค์กำลังเดินตรงมาหาทั้งคู่ที่ทรุดนั่งอยู่บนศาลา


เมื่ออยู่ด้วยกันสองคนภายในห้องนอนฟ้าฉายก็ตัดสินใจเปิดปากเล่าความจริงทั้งหมดให้กับอรอนงค์ได้รับฟัง เริ่มตั้งแต่บอกว่าจันทร์หอมยังไม่ตายและหมายอยากจะทราบเรื่องราวทั้งหมดจากปากของแม่เธอ

“ทำไมต้องเป็นแม่ฉันด้วย...” อรอนงค์นิ่วหน้า สายตาที่จ้องมองฟ้าฉายเต็มไปด้วยความสงสัยและเจ็บปวด

“เธอเคยถามแม่ชีขจีเกศบ้างรึเปล่าว่าท่านบวชชีเพราะอะไร?” คำถามของฟ้าฉายทำให้ใบหน้ากลมอิ่มของอรอนงค์นิ่งค้างในฉับพลัน “คุณแม่ขจีเกศต้องรู้เรื่องในอดีตแน่อร ฆาตกรที่ฆ่าจันทร์หอมคือคนในบ้านนี้อย่างไม่ต้องสงสัยและใครบางคนก็กำลังล้างแค้นให้กับจันทร์หอม หลังจากที่ฆ่าสกาวเดือนแล้วเขาก็ยังคงมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ นั่นแสดงว่าเขายังคงมีความต้องการอะไรบางอย่างอยู่”

“เธอหมายความว่า...จะมีศพต่อไปอย่างนั้นเหรอ?” น้ำเสียงเบาหวิวหลุดลอดออกมาจากปากของอรอนงค์ในขณะที่ฟ้าฉายค่อยๆ ก้มหน้าลงต่ำพร้อมกับระบายลมหายใจออกเบาๆ

“ฉันภาวนาว่าขออย่าให้มีศพต่อไป...ถ้าเรารู้ความจริงทั้งหมดก็อาจจะสืบหาต้นตอคนที่ฆ่าสกาวเดือนได้ไม่ยาก มันเหมือนกับการล้มโดมิโน่ไงอร...” ฟ้าฉายคลี่ยิ้มมาดมั่น “เราสองคนรีบเข้านอนกันดีกว่า พรุ่งนี้จะต้องรีบไปพบแม่ชีขจีเกศแต่เช้า และฉันก็มีอีกเรื่องที่ต้องขอร้องเธอด้วย” สีหน้าฟ้าฉายคาดคั้นจริงจัง อรอนงค์จ้องหน้าคนเป็นเพื่อนอย่างตั้งใจ

“อย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้ แม้แต่พ่อเธอกับพี่พงษ์ก็ห้ามบอก...เรารู้กันเพียงแค่สามคน คือเธอ ฉันและอัศวิน อีกไม่นานพ่อฉันคงจะพาจันทร์หอมมาที่บ้านคานพิภพ ถึงตอนนั้นเรื่องทุกอย่างจะต้องจบ”


ฟ้าฉายทำให้อรอนงค์รู้ว่าคนในบ้านเธอไว้ใจไมได้เลยสักคน ทุกคนต่างน่ากลัวด้วยกันทั้งนั้น เธอรู้สึกเหมือนว่าทุกคนต่างสวมหน้ากากเข้าหากัน และภายใต้หน้ากากนั้นคือความอำมหิตที่ถูกซุกซ่อนไว้อย่างมิดชิด แม้แต่แม่ของเธองั้นเหรอ?... แม่ผู้อ่อนโยนและมีเมตตา จะปกปิดความชั่วร้ายของคานพิภพเอาไว้ไม่ให้ใครได้รับรู้ เนรเทศตัวเองด้วยการออกบวชเพื่อหลีกหนีจากบาปที่ได้เห็น...

อรอนงค์หลบไปรออยู่ด้านนอกศาลาภายหลังที่แจ้งแก่มารดาว่าฟ้าฉายกับอัศวินจะมาขอพบตน หญิงสาวก้มลงกราบภิกษุณีสูงวัยอย่างนอบน้อมก่อนนั่งพับเพียบตรงหน้าแม่ชีขจีเกศ อัศวินที่นั่งอยู่ข้างกันหันมาส่งสัญญาณให้หญิงสาว

ฟ้าฉายจ้องมองดวงตาที่แน่วนิ่งของภิกษุณีตรงหน้า รอยยิ้มอันสดใสทำให้ขจีเกศมองเธออย่างเอ็นดู

“หนูมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้คุณแม่ทราบค่ะ นับจากที่สกาวเดือนถูกฆ่าตายฆาตกรที่ฆ่าเธอซึ่งทุกคนเชื่อว่าเป็นไอ้โม่งชุดดำที่บุกเข้ามาเมื่อคืนก่อนยังคงป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ นั่นทำให้ตำรวจสงสัยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันอาจจะเกี่ยวกับคดีของจันทร์หอมในอดีต ทั้งคำสาปแช่งและจุดที่สกาวเดือนตาย” ใบหน้าของแม่ชีขจีเกศขมวดมุ่นเล็กน้อย ดวงตาอันไหวระริกก้มต่ำลงเล็กน้อย

“ไอ้โม่งชุดดำนั่น รู้ได้ยังไงว่าห้องของนายท่านเหมราชอยู่ที่ไหน? แถมเมื่อมันเข้าไปถึงห้องท่านแต่ก็กลับไม่ฆ่าหรือทำร้ายท่านเหมราช เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ตำรวจสงสัยมากครับ” อัศวินเสริมเสียงเรียบ

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแม่รึ?” ภิกษุณีสูงวัยเอ่ยถามเสียงเคร่งขรึม ฟ้าฉายผายยิ้มกว้างออกมาในที่สุด

“ในคำให้การคดีจันทร์หอม นายบุญยืนบอกว่าเธอถูกมัดมือเท้าด้วยผ้าซิ่นสีแดงที่ถูกฉีก ในคืนวันงานแต่งงานของคุณพิมพ์พา จันทร์หอมทอผ้าไหมสีแดงลายสร้อยดอกหมากและตัดเป็นผ้าซิ่นสองผืน ผืนนึงมอบให้กับคุณแม่ซึ่งอรอนงค์เป็นคนเก็บรักษา ส่วนอีกผืนอยู่กับคุณพิมพ์พาซึ่งหนูวานให้บัวเรียวลองไปค้นหาแล้วแต่ก็ไม่พบ...” ฟ้าฉายกุเรื่องบัวเรียวขึ้นมาอ้าง คิดว่ายังไงแล้วผ้าซิ่นผืนนั้นคงไม่เหลืออยู่ตามที่คิดไว้แน่

“หนูขอถามตรงๆ นะคะ ทำไมคุณแม่ต้องคิดออกบวชด้วย...” ฟ้าฉายจ้องหน้าภิกษุณีแน่นิ่ง แม่ชีขจีเกศฝืนยิ้มอย่างยากลำบาก ริมฝีปากเรียวบางนั้นสั่นระริกขึ้นมาก่อนที่จะสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง

ฟ้าฉายสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องบอกเรื่องสำคัญแก่คนตรงหน้า “หนูมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณแม่ค่ะ...”

อรอนงค์ที่ยืนอยู่หน้าศาลาหันมามองทั้งสามร่างที่สนทนากันอยู่บนศาลาอย่างเป็นกังวล ไม่รู้ว่าแม่ของเธอจะรู้เรื่องการหายไปของจันทร์หอมตามที่ฟ้าฉายกล่าวไว้หรือเปล่า?

“ว่ามาสิ...” แม่ชีขจีเกศบอกเสียงราบเรียบเช่นเคย

“พ่อของหนูเคยทำคดีของจันทร์หอมเมื่อครั้งที่ท่านประจำอยู่ที่เมืองนี้ และเมื่อวานนี้ท่านก็ส่งโทรเลขมาบอกว่าพบตัวจันทร์หอมแล้ว... เธอยังไม่ตาย จันทร์หอมยังไม่ตายค่ะ”

ใบหน้าของแม่ชีซีดเผือดลงในฉับพลัน ความรู้สึกหนาวยะเยือกราวกับถูกโยนลงไปในแม่น้ำที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งอันเย็นเฉียบ ดวงตาที่เบิกกว้างและริมฝีปากที่อ้าค้างทำให้อัศวินต้องหรี่ตามองภิกษุณีสูงวัยด้วยความสงสัย

“ใครบางคนกำลังแก้แค้นให้จันทร์หอมอยู่... หนูเชื่อว่าถ้าเรารู้ตัวฆาตกรที่ฆ่าจันทร์หอม เราอาจจะหยุดฆาตกรที่ฆ่าสกาวเดือนและอาจจะกำลังทำร้ายเหยื่อรายต่อไปได้ค่ะ”

“เหลวไหล... เธอตายไปแล้ว อย่ามากุเรื่องไร้สาระเลยแม่หนู” คำตอบที่ได้ยินทำให้ฟ้าฉายต้องหันมายิ้มกับอัศวิน

“ที่ฆาตกรฆ่าสกาวเดือน ตำรวจสงสัยว่าพ่อแม่ของเธออาจมีส่วนรู้เห็นในการหายไปของจันทร์หอม ฆาตกรต้องการล้างแค้นโดยการทำให้ทั้งสองต้องทุกข์ทรมานที่สูญเสียลูกสาวไป... หนูรู้ว่าคุณแม่ต้องรู้แน่ว่าสมัยก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ก่อนที่พวกเราจะหาหลักฐานชิ้นสำคัญ หนูอยากได้คำสารภาพจากปากของคุณแม่ก่อน...”

“คำสารภาพ...ฟังดูเหมือนว่าแม่เป็นผู้ร้ายยังไงยังงั้น?” แม่ชีขจีเกศจุดยิ้มมุมปากก่อนที่อรอนงค์จะทรุดนั่งลงเบื้องหลังฟ้าฉาย

“ให้ฉันคุยกับคุณแม่เพียงลำพังจะได้มั้ยฟ้า...” อัศวินหันมาสบตาฟ้าฉายก่อนที่หญิงสาวจะพยักหน้าน้อยๆ

“ได้จ้ะ...เดี๋ยวฉันจะไปรอข้างนอกนะ” จบคำก็หันมากราบลาแม่ชีขจีเกศที่หลุบตาลงต่ำไม่ยอมมองเธอ “หนูลานะคะคุณแม่...” ฟ้าฉายเดินเข่าออกไปได้สักสามเมตรจึงหยัดกายลุกขึ้นเดินลงศาลาเคียงข้างกับอัศวินไป


เกือบครึ่งชั่วโมงที่อรอนงค์นั่งสนทนากับแม่ชีขจีเกศและเมื่อเธอกลับออกมาจากศาลาแล้ว สีหน้าก็ยิ่งหดหู่เข้าไปอีก เธอเดินลงบันไดของศาลาคล้ายคนกำลังตกอยู่ในภวังค์ของบางอย่าง จนเมื่อได้ประจันหน้ากับเพื่อนสนิทแล้วอรอนงค์จึงถลาเข้าสวมกอดฟ้าฉายไว้แน่น

“เกิดอะไรขึ้นอร...มีอะไร?” ฟ้าฉายลูบหลังเพื่อนรักเบาๆ หูได้ยินเสียงสะอื้นไห้ บ่าสัมผัสได้ถึงหยดน้ำตาเย็นใสที่ไหลลงมาจากดวงตาของอรอนงค์

“รีบกลับเถอะฟ้า...ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว” จบคำอรอนงค์ก็ถอนอ้อมกอดออกมาจากร่างเพื่อนสนิท ก่อนเดินนำหน้าทั้งสองออกจากเขตวัดไปอย่างรวดเร็ว

ฟ้าฉายมองตามหลังอรอนงค์ด้วยความกังวลก่อนหันกลับมายังศาลาวัดหลังเก่า แม่ชีขจีเกศยืนเด่นอยู่บนศาลา ใบหน้าซูบซีดเย็นชาทอดมองเธอและอัศวินแน่นิ่ง... นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฟ้าฉายได้เห็นภิกษุณีรูปนี้

เวลายี่สิบเอ็ดนาฬิกาทั่วทั้งบ้านคานพิภพต้องแตกตื่นจากการมาแจ้งข่าวของคนในหมู่บ้าน แม่ชีขจีเกศถูกฆ่าตายในกุฏิพัก ทันทีที่รู้เรื่องอรอนงค์และเศรษฐพงษ์รีบวิ่งตรงดิ่งยังไปยังวัดป่าด้วยความตกใจสุดขีด ฟ้าฉายกับบัวเรียวเองก็รีบถือตะเกียงไฟวิ่งตามทั้งสองไปอย่างทุลักทุเล

แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 54 17:24:19

จากคุณ : ผีเสื้อสีดำ
เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 54 17:19:03




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com