19
ตอนเย็น ปุริมาเดินลงจากห้องทำงานมาเตร่ตรงโต๊ะม้าหินหน้าโรงเรียน บิดายังทำงานไม่เสร็จ รู้สึกหงุดหงิดที่ต้องรอ ระยะหลังไม่เพียงแค่ห้ามเรื่องการคบคน แต่ถูกปรามเรื่องขับมอเตอร์ไซค์ด้วย เธอตั้งใจงอนและไม่พูดตลอดช่วงเวลาที่นั่งรถมาตอนเช้า กระทั่งถึงยามเย็นก็ต้องรอเพื่อกลับพร้อมกันอีก คิดอยากทำลายกำแพงความกังวลเกินเหตุของคนเป็นพ่อและไม่ต้องการให้เขาสร้างกำแพงชีวิตเหมือนแม่อีกคน
พูดเหลือเกินว่าขนาดลูกสาวนายอำเภอยังจับนายฟาร์มไม่อยู่ จะย้ำทำไม แล้วลูกสาวผู้อำนวยการโรงเรียนด้อยกว่าตรงไหน เฮอะ!
หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบบริเวณ เห็นเด็กชายคนหนึ่งเตะฟุตบอลอยู่ก็ยิ้มกว้าง วางเอกสารแล้วรีบก้าวไปหา
โขงเดินมาพักกินน้ำพอดี “เจ๊ เอ้ย ครูปูนิ่มยังไม่กลับเหรอครับ"
แหม เวลาพูดจาเพราะแบบนี้ก็น่ารักไม่เบา ออกทึ่งในความรู้จักกาลเทศะของเด็กชาย เวลาเย้าแหย่เรียกเจ๊แต่เวลาอยู่ในโรงเรียนก็ยังสุภาพ ถึงตอนนี้เธอก็เป็นครูไปแล้วจริง ๆ ยังไม่อยากเชื่อเลย
“อืม รอผอ.อยู่ อ้อ โขงวันนี้พ่อมารับไหม”
โขงลดแก้วน้ำลงก่อนตอบ “มาครับ”
“ดี พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
โขงยังไม่ทันได้ถาม หางตาก็เห็นรถจี๊บคันโตนั้นแล่นผ่านประตูโรงเรียนเข้ามาพอดี เด็กชายคว้ากระเป๋า บอกลาเพื่อนร่วมทีมที่ยังบรรเลงแข้งกันอยู่ที่สนาม ปุริมาเดินตามไป เขมรัฐขยับลงมาจากตำแหน่งคนขับเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเดินมาพร้อมกับลูกชาย ปล่อยให้โขงขึ้นไปนั่งรอ
“อุตส่าห์เดินมาส่ง อย่าบอกว่าเจ้าตัวแสบก่อเรื่องอะไรอีก”
“เปล่า” ปุริมาตอบ เขมรัฐยกคิ้วสงสัย หญิงสาวเม้มปากคล้ายจะตัดสินใจ
“คืนนี้ว่างไหม”
“หา!”
ชายหนุ่มตะครุบปากตัวเองเนื่องจากตกใจจนเผลออุทานเสียงดัง ปุริมาค้อนตำหนิ ขณะที่นายฟาร์มยังอึ้ง ประมวลความรวดเร็วแล้วพึมพำ
“อย่าบอกนะว่าคิดจะปีนต้นงิ้วกับกูจริง ๆ”
“ว่าไงนะ!”
“เปล่าครับ” เขาปั้นยิ้ม “ก็ว่างอยู่ ครูปูนิ่มมีอะไรให้คนตัวดำรับใช้หรือครับ”
คนฟังถูกใจกับคำว่าคนตัวดำจนอดยิ้มไม่ได้
“ได้ยินว่าที่วัดมีหนังตะลุง อยากดู...พาไปหน่อยได้ไหม”
เขมรัฐร้องอ๋อ ได้ยินและเห็นป้ายประกาศจากตลาด คนงานทั้งที่แพกับฟาร์มต่างก็นัดแนะกันว่าจะไป “ไม่เคยดูหนังตะลุงเหรอ”
หญิงสาวส่ายหน้า เขายังข้องใจ
“แล้วทำไม...ไม่ให้ผอ.พาไปล่ะ”
“ก็ถ้าจะให้เขาพาไปจะมาถามคุณเหรอ ตกลงว่าได้หรือไม่ได้ก็บอกมาเลย” เอ้า ถามก็ไม่ได้ อารมณ์เสียอีกแน่ะ ก็ถ้าใครเขาเห็นมิต้องเป็นข่าวอีกหรือ กระแสเดิมยังไม่ซาเลย หรือปุริมาจะเรียกเรตติ้งจากคนของเธอ
“หรือว่านายเข้นัดรับสาวคนอื่นไปแล้ว”
“เปล่า แต่ว่าถึงจะนัดผมก็ปฏิเสธได้ ครูปูนิ่มอุตส่าห์เอ่ยปากทั้งที ตกลงครับ”
“แค่นั้นล่ะ” เธอว่า ครั้นแล้วก็สรุปให้เขามารับตอนหนึ่งทุ่ม ตอนนี้จะกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่บ้านก่อน
“จะกลับเลยไหมล่ะ ผมไปส่ง"
เขมรัฐก็ชวนไปอย่างนั้นเอง แต่ปุริมากลับทำท่านึกจริงจัง ครั้นแล้วก็ตอบตกลงอย่างไม่น่าเชื่อ เธอหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋า พูดกับปลายสายซึ่งชายหนุ่มรู้ว่าต้องเป็นผอ.คเชนทร์ เงี่ยหูฟังน้ำเสียงหญิงสาวตัดรอนเล็กน้อย
“เดี๋ยวไปเอาของแป๊บนะ วางไว้ที่ม้าหินตรงโน้น” ว่าแล้วก็เดินไป
“อะไรเนี่ยพ่อ เล่นเกมส์สวนกลับอีกแล้ว”
โขงลงจากรถมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขมรัฐแบมือ “ไม่ได้ตั้งใจจะบุกเลยนะ”
ตอบลูกชายไปด้วยกริยากวน แต่เขาก็อดข้องใจไม่ได้เหมือนกัน
เขมรัฐเดินลงจากชั้นสองตอนหกโมงครึ่ง โขงนั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกดูคล้ายจะทำการบ้านแต่...หนักไปทางลีดกีตาร์เป็นหลักมากกว่าเพราะนานทีเด็กชายจะหันไปเขียนงานในสมุด
“การบ้านเสร็จหรือยัง ไอ้ลูกหมา”
‘ลูกหมา’ เอาปิ๊กกรีดสายทั้งห้าดังกรี้ง “ไม่ต้องมาทำตาใส ให้เวลาอีกสิบห้านาทีแล้วรีบไปอาบน้ำเลย”
“อาบน้ำ?”
“จะไปไหม”
กริยาเอื่อยเชื่อยถูกขัดจังหวะ ตาโตจ้องคนถาม ยิ้มพราย “อย่าบอกนะว่าพ่อจะชวนผมไปด้วยน่ะ จะดีเหรอ ไหน ๆ เจ๊เขาก็เปิดโอกาสให้แล้วทั้งที อย่าให้ไอ้ลูกหมาไปเป็นกอขอคองอจอเลยฮะ”
เขมรัฐเดินมานั่ง “ลืมเรื่องนายสินธพแล้วเหรอ”
รอยยิ้มหายไปนิดหนึ่ง
“ถึงพ่อจะไม่แคร์ แต่ก็ต้องให้เกียรติปูนิ่ม ผู้หญิงน่ะได้ผลกระทบกับข่าวลือมากกว่าผู้ชาย สุภาพบุรุษไง” เขมรัฐหลิ่วตาให้โขง ลูกชายทำท่าคิด
โขงเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเจ๊ของเขากับผอ.มีความสัมพันธ์กันในรูปแบบไหน แต่เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วกับเหตุผลที่พ่อให้ก็เห็นด้วย การที่พ่อของเขาไปกับปูนิ่มสองคนยิ่งไม่ใช่ภาพที่น่าดูเลย
“พ่อไม่ใช่ดาราว่ะ ไม่จำเป็นต้องสร้างข่าวเพื่อออกอีเว้นท์รับงาน เอ้า จะไปไหม”
“ไปครับ” คราวนี้รีบผุดลุก ทิ้งกริยาเอื่อยเชื่อยกับกีตาร์ออกไปไว้ข้างตัว กระตือรือล้นสะสางการบ้านที่ค้างอยู่โดยมีพ่อเป็นผู้ช่วยอย่างตั้งตกตั้งใจจนเสร็จในเวลาที่กำหนด
เสร็จสรรพก็คว้ากีตาร์กับสัมภาระทั้งหมดขึ้นห้องเพื่อจัดแจงไปอาบน้ำแต่งตัว
“เฮ้ย โขง น้ำหอมน่ะไม่ต้องฉีดเยอะนะเว้ย แค่งานวัดไม่ใช่ไปดินเนอร์”
...ต่อค่ะ
จากคุณ |
:
BabyRed
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ธ.ค. 54 18:36:39
|
|
|
|