Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กลร้ายในเงารัก - บทที่ 15 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11424791/W11424791.html

บทที่ 15

คำถามของนักข่าวบางคน สร้างความไม่พอใจแก่อคินเป็นอย่างมาก เขาเกือบจะต่อยปากคนที่ถามใกล้ตัวที่สุด แล้วกระชากกล้องถ่ายรูปลงมากระทืบเสียให้เละ ถ้าทนายรัศมีไม่คอยดึงแขนเหนี่ยวมือกับสบตาเข้มปรามอย่างเต็มกำลัง

งานเลี้ยงมันใหญ่และหรูหราก็จริงอยู่ แต่สำหรับอคิน เขาเคยเจองานใหญ่กว่านี้มานักต่อนัก

สมัยเดินตามก้นนายฝรั่งจอมเขี้ยว ประสบการณ์ในการเข้าสังคมที่เต็มไปด้วยมหาเศรษฐี ผู้ดีมีสกุล หรือแม้แต่ชนชั้นระดับเชื้อพระวงศ์ก็เคยประจันหน้าสนทนามาแล้ว ลำพังคุณหญิงนักธุรกิจคนเดียว ต่อให้มีชื่อเสียงท่วมฟ้าเมืองไทย ก็เหนี่ยวรั้งเขาไว้ในงานไม่ได้หรอก

"ออกมาก่อนแบบนี้ ไม่รู้ว่าคุณหญิงจะเข้าใจผิดว่าเราไม่ให้เกียรติท่านหรือเปล่านะคะ" ทนายรัศมีปรารภไม่ค่อยสบายใจ

"ผมไม่สนใจความรู้สึกชาวบ้านมากกว่าปกป้องความรู้สึกตัวเองหรอก"

อคินเค้นเสียงลอดไรฟัน ยังไม่หายโมโห ที่ถูกถามว่า 'รู้สึกยังไงบ้างที่มาเป็นหุ้นส่วนของดนัยดลได้ไม่นาน ก็มีแนวโน้มว่าจะได้ครอบครองทุกอย่างในไม่ช้า'

"บัดซบ" เขาสบถเสียงดุร้าย ตบพวงมาลัยตึงๆ ทั้งที่ยังขับรถอยู่นี่ล่ะ

"จะไปหงุดหงิดทำไมนักหนาคะ นักข่าวเขาก็ต้องทำหน้าที่หาข่าวไปเขียน"

"ผมไม่ใช่เหยื่อ" อคินเค้นเสียงกร้าว "คุณนั่นแหละตัวดี ไม่รู้ว่าจะห้ามทำไมนักหนา ไม่อย่างนั้น พรุ่งนี้ผมต้องได้ขึ้นข่าวหน้าหนึ่ง พาดหัวตัวโตๆ ว่า หุ้นส่วนพ่อหม้ายตาบอดลุแก่โทสะ ฉะนักข่าวด้วยแข้งด้วยหมัด พางานเลี้ยงคุณหญิงล่มกลางคัน"

ทนายรัศมีหัวเราะเบาๆ ทำงานกับอคินมาสักระยะ ก็ค่อยคุ้นเคยบ้างแล้วกับนิสัยมุทะลุแข็งกร้าว อิริยาถบกระด้างก็ไม่ได้ทำให้หล่อนรู้สึกตงิดๆ เหมือนตอนร่วมงานด้วยใหม่ๆ แล้ว จำได้ว่า ตอนนั้น ดนัยดลยังปลอบใจขำๆ เลยว่า 'เดี๋ยวก็ชิน'

"นี่ถ้าคุณดนัยไปด้วย.. "

"ไม่ไปก็ดีแล้ว ไปแล้วต้องไปทนฟังคำถามห่วยแตกแบบนั้น ไอ้ภาวะจิตใจชีช้ำมันก็จะยิ่งเน่า เท่านี้ผมก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว คนอะไรก็ไม่รู้ มองไม่ออกเลยว่าอ่อนแอสิ้นท่าได้ขนาดนั้น"

พอแขวะคนอยู่ไกลจบ ใจก็รำพันตัดพ้อพุธชมพูที่รัก เธอแก้แค้นเขาด้วยวิธีนี้ได้ยังไง มันไม่ยุติธรรมเลย ห่วงความปลอดภัยของสามี กลัวว่าเขาจะฆ่าทิ้งใช่ไหม ถึงได้รีบตัดช่องน้อย ตอบโต้ความตั้งใจของเขา ด้วยการชิงตายเองไปก่อน

เธอคงไตร่ตรองก่อนแล้วละสิว่า ทันทีที่ตัวเองตายจากไป สามีก็จะตกอยู่ในสภาพเฮงซวยแบบนั้น แล้วภาระหนักอึ้งทั้งหมดก็จะตกอยู่กับเขา เธอตลบหลังเลือดเย็น ด้วยการแปรความตั้งใจฆ่าเป็นจำใจต้องช่วยดูแลแทน

ในโลกนี้ จะมีใครฉลาดลึกไปกว่าพุธชมพูของเขา คงไม่มีอีกแล้วล่ะ ใจร้ายก็เท่านั้น เหลี่ยมลึกก็เท่านั้น คนรักจริงใจแท้อย่างอคินหน้าโง่คนนี้  เกิดแล้วตายอีกสักกี่ชาติ ถึงจะไล่ทันมารยาร้อยเล่ห์

"คุณอคิน คุณอคินคะ ไฟเขียวแล้วค่ะ" ทนายรัศมีเรียกเบา เรียกซ้ำ แล้วสุดท้ายก็สะกิดแขนเบาๆ

"เห็นแล้วน่า ตาไม่ได้บอด" อคินตวาดแล้วกระชากรถออกหยาบๆ

"ขอโทษค่ะ" คุณทนายไม่ถือสา หล่อนยิ้มขำๆ เสียด้วยซ้ำ

"ไม่" อคินพารถจอดชิดขอบทาง หลับตาลงครู่หนึ่ง แล้วค่อยหันไปกล่าวขอโทษเสียงอ่อน "ผมไม่ตั้งใจจะตวาดคุณนะครับ ผมแค่มีเรื่องหงุดหงิดใจนิดหน่อย"

"ฉันเข้าใจ ในภาวะที่เราต้องเจอกับเรื่องกดดันมากๆ ในระยะแรกๆ ก็คงจะอึดอัดอยู่บ้าง อารมณ์ก็อาจจะแปรปรวน"

"ผมไม่เคยคิดเลยว่าคุณดนัยจะอ่อนแอได้มากขนาดนี้ เขาทำเหมือนว่าทั้งโลกมีเพียงพุธเท่านั้น ที่จะทำให้เขามีความสุขได้ ชีวิตของเขาถ้าไม่มีพุธ ก็ไม่มีวันที่จะเป็นชีวิตที่สมบูรณ์ ไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกอีกแล้วหรือที่จะมาเติมเต็มในช่องว่างนั้น"

"ฉันเข้าใจเขานะ" ทนายรัศมีเปรยด้วยใจหดหู่ "คุณอคินไม่ได้มาเห็นเหมือนที่ฉันกับทุกคนที่นี่เห็นว่าเขากับภรรยารักกันมากและหวานกันแทบทุกนาที มองทีไรก็มีแต่จะอิจฉาแล้วอิจฉาอีก แล้วจู่ๆ ต้องมาสูญเสียปุบปับ เป็นใครก็ช็อก ตั้งรับไม่ทันกันทั้งนั้นละค่ะ เราต้องให้เวลาเขาอีกหน่อย"

"เวลามันจะไม่ช่วยอะไรหรอก ผมมีชีวิตมาจนถึงวันนี้ได้ ไม่ใช่เพราะเวลา แต่เป็นเพราะความเข้มแข็งของผมเอง คุณดนัยก็น่าจะทำอย่างผม แต่ก็นั่นล่ะ พวกเศรษฐีที่ไม่เคยล้ม ก็เลยไม่รู้ว่าเวลาล้มแล้วมันเจ็บมากแค่ไหน เคยเห็นแต่คนอื่นล้ม แล้วดัดจริตปลอบโยนว่าล้มแล้วลุกสิ แต่พอถึงคราวตัวเองเข้าบ้าง แล้วเป็นยังไง ทุเรศ"

"หมายถึงคุณดนัยหรือคะ"

โดนคำถามทีเล่นทีจริงทะลวงใจเผอเรอเข้า อคินก็ค่อยสำนึก เขากระแอมนำร่องไปก่อน แล้วค่อยหัวเราะเก้อๆ กลบเกลื่อนพิรุธชิงชังด้วยการหันกลับมาเคลื่อนรถออกอย่างช้าๆ แล้วจงใจเงียบเพื่อให้คนถามเกิดความเกรงใจ จะได้ไม่ต้องถามซ้ำ

ทนายรัศมีไม่ถามซ้ำหรอก เพราะหล่อนก็ทราบจากเจ้านายพ่อหม้ายมานานแล้วว่า ชายคนนี้อกหักยับเยินจากสาวคนรัก แล้วหนีไปเยียวยาแผลใจไกลถึงเมืองนอก ถึงขั้นคิดตัดบ้านตัดเมืองตัวเอง เจ้านายยังเล่าว่า คะยั้นคะยอเป็นร้อยๆ หน เจ้าตัวก็ยืนกรานขอปักหลักและตายในต่างแดน

นอกเหนือจากพิษรักที่กัดกร่อนหัวใจแล้ว อคินยังมีปมด้วยเรื่องความไม่เท่าเทียมด้านฐานะและชาติตระกูล

เขาไม่พอใจที่ในขณะที่ตนดิ้นรนหมดเหงื่อเป็นถังๆ แล้วได้มาเพียงเงินแค่หยิบมือ แต่ลูกเศรษฐีนอนคลุมโปงตื่นสาย ลืมตาปุ๊บก็เห็นเงินฟ่อนตั้งรอให้หยิบฉวยไปจับจ่ายล้างผลาญ

ดนัยดลยังเคยเล่าว่า ทุกครั้งที่อคินพบว่า มีเศรษฐีสักคนปะทะเข้ากับวิกฤติเลวร้ายแล้วล้มทรุด เขาไม่เคยแสดงความสงสารเห็นใจ นอกจากเยาะเย้ย ถากถาง สมน้ำหน้า แล้วถ้าคนพวกนั้นโอดครวญ เขาก็จะด่าทอซ้ำเติมด้วยอารมณ์สะใจจัง

เหมือนดนัยดลกระมัง เวลานี้ เจ้านายของหล่อนกำลังซวนเซด้วยฤทธิ์ฟาดงวงฟาดงาของมรสุมยักษ์

แต่อคินก็คงไม่สนใจเหตุผลที่ว่า เจ้าตัวอาจจะต้านมันไม่ไหว หรือไม่แน่ว่า ยังไม่มีจังหวะตั้งหลัก จึงไม่รู้ว่าจะต้านยังไง เขาจึงได้ที รี่แส้ปมด้อยลงฟาดกระหน่ำซ้ำเติม ด้วยการถากถางด่าทอผ่านเสียงสะใจจัง

ไม่หรอก หล่อนไม่เชื่อว่าดนัยดลจะอ่อนแอได้นาน ดนัยดลที่หล่อนแอบรัก จะต้องลุกกลับขึ้นมายืนได้ใหม่อีกครั้งแน่นอน เขาเก่ง เขาต้องทำได้สิ หล่อนเป็นคนอื่นยังเชื่อมั่นในตัวเขา แล้วมีหรือที่เขาจะไม่เชื่อมั่นในตัวเอง




บ้านใหญ่แลมืดสลัวอยู่กลางสวนรัตติกาล ระเบียงใหญ่หน้าวิมานรักของหนุ่มตาบอดก็แลอ้างว้าง อคินออกมานั่งห้อยเท้า แกว่งเบาๆ พลางทอดอารมณ์ถึงพุธชมพูด้วยจิตหม่นหมอง

"ทำไมพุธทำกับเราแบบนี้ ทำไมทำกับความรักของเราแบบนี้ เรารักพุธนะ รักจากหัวใจเรา รักจากตัวเรา พุธขอชีวิตเราสิ เราจะไม่ชะงักให้พุธเสียความรู้สึกแม้แต่เสี้ยวนาที เราจะให้เลย จะเอาไปต้มยำทำแกงที่ไหน ก็เอาไปเลย แต่ไม่ใช่ให้พุธหนีเราไปไกลมากขนาดนี้ ใจร้าย พุธใจร้าย"

น้ำตาอ่อนแอร่วงเผาะกระทบเข่าที่ซ่อนอยู่ในกางเกงนอนสีเนื้อ หนุ่มอคินเห็นว่าไม่มีใคร จึงกล้าระบายความท้อแท้ผ่านน้ำตาอาดูร

เขาไม่จำเป็นต้องโอ้อวด หรือเรียกร้องคะแนนสงสารจากใครหรอกว่า เขาร้องไห้สังเวยให้กับความรักแตกสลายมานานแค่ไหนแล้ว จำนวนหยดของน้ำตาร้อน มันไม่มีทางน้อยไปกว่าทุกหยดของดนัยดลในเวลานี้แน่ๆ

แต่ดูสิ มีใครหันมาเหลียวแลหรือเห็นอกเห็นใจอคินคนนี้สักคนไหม ไม่มีหรอก เขามันก็แค่ลูกชาวสวนชาวไร่นี่ ยากจนข้นแค้น ไร้เกียรติไร้ชื่อเสียง ที่ไหนจะน่าทะนุถนอมและน่าประคับประคองจิตใจได้เท่ากับดนัยดลทายาทเศรษฐีเล่า

"เวลานี้พุธอยู่ไหน ใกล้ๆ เราหรือเปล่า ตอนนี้ พุธไม่ใช่คนแล้วใช่ไหม คงเห็นหมดแล้วสิว่า สภาพของเรามันเป็นยังไง เห็นหัวใจของเราด้วยไหมพุธ ในนั้นมันไม่มีใครเลยนอกจากพุธ"

เสียงเครือปนสะอื้น กรีดคว้านความสงัดที่รายล้อมร่างสะท้านในเงาสลัวที่คลุมครอบระเบียงไว้ตลอดแนว น้ำตาคับแค้นที่ร่วงหยดแล้วหยดเล่า ก็น่าจะอธิบายได้ว่า เจ้าตัวทุกข์ระทมสาหัสสากรรจ์แค่ไหน

"คุณดนัยเขาทำบุญมาด้วยอะไร เขาคิดถึงพุธ ก็สามารถคร่ำครวญเปิดเผยให้ใครต่อใครร่วมสงสารและเห็นใจเขา ในขณะที่เราบอกใครไม่ได้เลยว่าเรารักพุธมากแค่ไหน คิดถึงพุธมากแค่ไหน ไม่เคยมีใครเห็นเราร้องไห้เพราะพุธสักคน แต่พุธเห็นใช่ไหม พุธเห็นแล้วใช่ไหม เชื่อเราไหม เชื่อหรือยังว่าเรารักพุธนะ รักพุธคนเดียว"

สายลมมรณะพัดผ่านมาวูบหนึ่ง เสียง 'กริ๊ก' ก็พลันดังแทรกเสียงสะอื้นขมขื่นของหนุ่มอคิน ร่างสูงที่นั่งทอดอาลัยก็ค่อยกระตุกตื่นตัว ลืมวิถีสะอื้นหม่นหมองลงชั่วขณะ น้ำตายังไม่ต้องป้ายทิ้ง แต่ร่างสูงต้องรีบย้ายกลับเข้าห้องอย่างเร่งด่วน

'คุณพระ' อคินอุทานใจหาย ตาเรียวหวานที่ยังชุ่มด้วยหยาดน้ำทันเห็นเงาหลังใครสักคนพ้นประตูห้องออกไป เขาปิดแล้ว แต่คนคนนั้นล่ะ ที่แอบเปิดเข้ามา

และทันทีที่สองเท้าพรวดยาวๆ มาถึง จนเกือบจะไล่ตามออกไป ใจก็พลันฉุกคิดถึงเสียงไม่ปกติเมื่อครู่ เขาปรี่มาที่เตียง ส่ายตาสำรวจมองหาวัตถุที่น่าจะก่อเสียงแผ่วๆ นั้น

"อะไรกัน"

แล้วเขาก็พึมพำขึ้น มือก็ตะปบสร้อยคอของพุธชมพูบนโต๊ะเล็กหัวเตียงขึ้นมาพินิจ จนแน่ใจว่ามันเป็นเส้นเดิม

มือที่กำก็เริ่มสั่นระริก จู่ๆ ก็รู้สึกเย็นสันหลังแล้วตามมาด้วยกระแสพรั่นพรึงบางอย่าง ต้องมีใครเล่นตลกแล้วแน่ๆ อาจจะจงใจสร้างฉากให้ดูเป็นว่า เขามีส่วนพัวพันกับการตายของสาวในดวงใจ

"แย่แล้ว จะทำยังไงดี"

เขาพูดกับตัวเองด้วยจิตที่ร้อนรน รีบยัดของร้อนใส่กระเป๋าเสื้อ รู้ว่าวิ่งตามเงาลึกลับไปในตอนนี้ก็สายไปแล้ว แต่ก็ยังอยากจะลองดู เผื่อว่าจะทันเห็นว่าไอ้สารเลวมันเลี้ยวไปทางไหน

ไม่มีหรอก ความมืดเบื้องหน้ามันอวดแต่ความเงียบกับความว่างเปล่า บ้านใหญ่ก็ยังคงมืดและชูเงาตะคุ่มกลางสวนทึบดังเคย อคินเท้าสะเอวคิด ตาหรี่ดุอย่างโกรธๆ แต่ใจกำลังส่ายรวน เพราะถูกจู่โจมด้วยความกลัว

"ทนายรัศมี" ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากโทรไปปลุกคุณทนายที่เพิ่งจะแยกทางกันไม่ทันถึงสองชั่วโมงเลย

"แหม โชคดีจัง ฉันออกจากห้องน้ำพอดีเลยค่ะ มีอะไรให้รับใช้คะ คุณหุ้นส่วนเจ้านาย"

"เงียบนะ นี่ไม่ใช่เวลามากระแนะกระแหนผม"

"ฉันล้อเล่นก็ไม่ได้หรือคะ คุณนี่จริงๆ เลย ดูนาฬิกาเป็นหรือเปล่า นี่มันตีหนึ่งแล้วนะ คุณโทรหาฉันในเวลานี้ เข้าข่ายรบกวนยังไม่พอ ยังกล้ามาตวาด.. "

"ไอ้เงาคนนั้นมันกลับมาอีก แล้วสร้อยคอของพุธก็มาอยู่ในห้องนอนผม"

รอยยิ้มทะเล้นของคุณทนายหายวับไปเลย กำลังซับผมด้วยผ้าขนหนูไปพลางก็พลอยชะงักงันไปด้วย ร่างในเสื้อคลุมสีชมพูเข้มก็รีบหย่อนลงเก้าอี้ปลายเตียง แล้วกรอกเสียงถามละล่ำละลัก

"จริงหรือคะคุณอคิน คุณแน่ใจนะ ตาไม่ฝาดนะคะ"

"จะบ้าหรือทนายรัศมี ผมถือมันอยู่ แล้วมันก็ร้อนมาก ผมจะทำยังไง อย่าบอกนะว่าจะให้ผม.. "

"ค่ะ ก็ต้องเป็นอย่างนั้น" ทนายสาวย้ำเสียงหนัก ยืนยันว่าที่เขาคะเนมา มันถูกเผง "คุณบอกเองว่ามันเป็นของร้อน จะให้อยู่กับตัวนานไปก็ใช่ที่ เอ้อ นี่มันก็ตีหนึ่งกว่าแล้วนะคะ คุณดนัยคงหลับสนิทแล้วล่ะ นายอุ่นกับนายสมบัติก็ไม่น่าจะตื่นตอนนี้"

"รู้ได้ยังไง" อคินถามเหมือนประชดมากกว่าจะอยากรู้จริงๆ

"ไม่รู้หรอกค่ะ ฉันก็แค่เดาเอา ถ้าจะตื่นจริง ก็น่าจะเป็นช่วงใกล้รุ่งสางนั่นแหละ อ้อ หรือไม่ก็อาจจะเป็นสักตีสองตีสามน่ะ"

อคินเลียปาก เขาเดินไปเดินมาหน้าเตียง ในแววตาฉายความหวาดกลัว ทนายสาวอาจคะเนถูกก็ได้

นายอุ่นกับนายสมบัติ อาจจะแบ่งเวลากันตื่น คนหนึ่งตอนตีสอง อีกคนก็ตีสาม เพื่อช่วยกันอยู่โยงเฝ้ายาม คอยสอดส่องความปลอดภัยให้คนในบ้าน ดังนั้น เขาก็คงต้องรีบใช้เวลาช่วงนี้ โยกย้ายของร้อนไปไว้ที่เดิมของมัน

"ยังอยู่ในสายหรือเปล่า คุณอคินคะ ทำไมเงียบไป"

"อยู่ครับอยู่ ผมกำลังคิด"

"ไว้คิดเวลาอื่นค่ะ ตอนนี้ที่คุณต้องทำก็คือ รีบนำสร้อยกลับไปไว้ในที่ของมัน ฉันย้ำนะคะ รีบและเร็ว"

ตอนท้ายคุณทนายก็เน้นเป็นคำๆ อคินร้อง 'อืม' รับรู้และเชื่อฟังไปสั้นๆ แล้วกดปุ่มตัดสายเลย

เขาไม่มีทางเลือกอื่นใช่ไหมเล่า ขืนรอพรุ่งนี้ หากพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก เจอผู้กองตาเฮงซวยโผล่มาเยี่ยมแต่เช้าอีก เขาจะย่ำแย่แถไปติดตะรางโดยไม่รู้ตัว

"ไอ้บัดซบเอ๊ย อย่าให้จับได้เชียว พ่อจะอัดให้น่วม คิดจะเล่นงานอคินหรือ มันไม่หมูหรอกเว้ยไอ้เลวเอ๊ย"

สบถด่าไปด้วย วิ่งลัดเลาฝ่าอากาศหนาวยามตีหนึ่งเศษไปด้วย ความมืดกับความเงียบในคืนนี้ มันก่อความยะเยือกพิกลขึ้นในใจ

จนหลายครั้งที่อคินต้องหลุดปากอุทานตกใจ หรืออาจจะด่าหยาบคายออกมา เพราะสะดุดโน่นนี่ เกือบล้มอยู่หลายหน เหมือนว่าเขาจะถูกก่อกวนจากไอยะเยือกที่ว่านั้นจนสมาธิไม่นิ่งพอ




ใจเต้นระทึกทีเดียว ตอนแง้มประตูห้องนอนของดนัยดลเข้ามาอย่างระมัดระวัง อคินค่อยแหย่เท้าเข้ามาช้าๆ ยกย่างเบากริบ

คราวก่อนต้องสาละวนทำเวลากับการค้นหาตำแหน่งที่ตั้ง แต่คราวนี้ไม่ต้องแล้ว เก็บไว้ที่เดิมนั่นแหละ เวลามีน้อย มัวร่ำไรจนดนัยดลตื่น เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องที่อธิบายยากขึ้นมา

'เชอะ ไอ้ลูกเศรษฐีเอ๊ย ต่อหน้าชาวบ้านก็ทำเป็นร้องไห้คร่ำครวญ พอหัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ย โจรบุกโจรปล้นก็ไม่มีรู้สึก ทุเรศจริงๆ '

ทั้งที่มันหน้าสิ่วหน้าขวานนี่ล่ะ แต่อคินก็อดที่จะแขวะดูแคลนด้วยแรงชังไปยังคนนอนหลับใต้ผ้าห่มอุ่นไม่ได้ เขาตวัดตากลับเร็วจนดูเหมือนตวัดค้อน ก่อนจะค่อยๆ ดึงลิ้นชักช้าๆ และเบาๆ แค่ว่ามีช่องพอให้หย่อนของร้อนลงไปตั้งชิดมุมก็พอแล้ว

แต่ฉับพลันนั้น บังเกิดเสียง 'ตึก' ดึงร่างสงบใต้ผ้าห่มให้ขยับเหมือนรู้สึกตัว อคินใจหายวาบ เขาหันรีหันขวางมองหาที่ซ่อน ในยามตกใจก็ลืมไปเลยว่าดนัยดลตาบอด

แต่ครั้นเห็นเจ้าตัวพลิกตะแคงหันหลัง ก็ค่อยตบอกหลับตาปี๋ อวดอารมณ์หวาดเสียว แล้วตอนนั้นล่ะ ที่ค่อยฉุกคิดได้ว่า 'เอ้า แล้วจะตกใจทำไม ก็มันตาบอด'

เขาบดกรามพร้อมกับส่ายหน้า ด่าตัวเองว่า 'ประสาท' อยู่แต่ในใจ แล้วค่อยหันกลับมาสำรวจว่าอะไรที่มันก่อเสียงพิเรนทร์ให้เขาพลอยตกอกตกใจ จนเจอว่ามันคือกรอบรูปของพุธชมพู

จำได้ว่ามันอยู่บนโต๊ะเล็กในห้องนั่งเล่น แต่ตอนนี้ มันอยู่บนโต๊ะเล็กหัวเตียงเสียแล้ว สามีตาบอดคงจะย้ายมันขึ้นมากระมัง แล้วอาจเป็นไปได้ว่า มือเขาคงไปกระทบถูกมันเข้าโดยบังเอิญ

'ไอ้ทุเรศเอ๊ย จะกอดให้ไม้ผุ ทั้งกรอบเล็กกรอบใหญ่ พุธก็ไม่มีวันฟื้นหรอก เธอตายแล้ว เธอฆ่าตัวตาย รู้ไว้เสียด้วย'

อคินปรายตาชิงชังไปจับแผ่นหลังในเงาสลัว ใจก็ด่าอย่างคับแค้น ใครอยากจะด่าเขาว่าพาลหาเรื่อง ดนัลดลไม่ได้ทำผิดอะไร เขาก็ด่าเอาๆ ก็ตามใจ ในเมื่อดนัยดลทำตัวน่าหมั่นไส้จริงๆ

เชื่อสิว่า อีกไม่นาน เขาคงสั่งให้แม่พิศหรืออนงค์ ช่วยกันขนรูปของพุธชมพูมากองรวมกันในวิมานรักนี่แหละ ในขณะที่เขา อยากได้ไปกอดสักรูปก็ไม่กล้าหยิบฉวย เพราะเกรงว่าจะถูกจับตามอง

รูปนี้ก็เหมือนกัน เขาเล็งไว้ตั้งสองสามวันแล้ว ตอนนี้ก็ได้แต่กดมันแนบอก อยากให้สุดที่รักได้ยินเสียงหัวใจข้างในมันเต้นอย่างอ่อนแอ แต่มันก็ไม่เคยหยุดร้องเรียกพุธชมพูด้วยความรักและภักดี

"เราสัญญาว่าจะจับตัวไอ้ขโมยบัดซบมาลงโทษด้วยมือเราเอง "

เขาพึมพำแผ่วกับวงหน้าเรียวหวานในกรอบรูป มือก็แตะลูบพวงแก้มจรดคางอย่างหลงใหล จากนั้น ก็พรมจูบตรงเรียวปากแย้มยิ้ม

"มันกล้าขโมยศพของพุธไปทรมาน เราก็จะให้มันทรมานยิ่งกว่า พุธคงเป็นห่วงคุณดนัยด้วยสินะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เราจะดูแลเขาเอง พุธต้องการแบบนี้ใช่ไหม เอาเถอะ เราทำให้พุธได้อยู่แล้ว ขอแค่ให้พุธเชื่อว่าเรารักพุธที่สุดก็พอ"

ก่อนจากก็แตะแก้มจูบปากอย่างอาลัยอาวรณ์อีกครั้ง พอวางมันลงที่เดิม ก็ลุกย่องไปสำรวจคนนอนหลับ

ตอนชะโงกดู ก็เห็นปากในเงาสลัวเผยอเหมือนขมุบขมิบอะไรสักคำสองคำ จึงหย่อนลงไปฟังใกล้ๆ จนได้ยินว่า 'พุธของพี่' เกือบจะเบะปากหมั่นไส้ใส่อยู่แล้วเชียว จู่ๆ ดนัยดลก็พลิกตัวกะทันหัน ปากก็ร้องละเมอเสียงดังว่า

"พุธอย่าไป ที่รักอย่าเพิ่งไป อย่าไป มีปัญหาอะไรก็บอกพี่มา พี่จะช่วยแก้ให้เอง พุธอย่าไป พุธ.. พุธ"

'ไอ้บ้าเอ๊ย' อคินสบถฉุนเฉียวในทรวงตระหนก แล้วเขาจะทำยังไงเล่า คนละเมอเกาะกุมข้อมือแน่นเลย ทำไมหนนี้มันถึงได้มีอุปสรรคมากมายแบบนี้นะ เท่าที่เป็นอยู่ก็หวาดเสียวจะตายอยู่แล้ว รู้อย่างนี้ รีบออกไปเลยตั้งแต่แรกยังดีเสียกว่า

กระทั่งอึดใจผ่านไป ดนัยดลในเงาสลัวก็ยังคงหลับปุ๋ย เจ้าตัวคงฝันร้าย ภรรยายาหยีอาจจะแวะมาคร่ำครวญด้วยความเศร้าโศกหรือเปล่า แต่ก็ช่างเถอะ ในบ่วงนิทราจะเกิดอะไรขึ้นก็ช่าง แต่ตอนนี้ หนุ่มอคินคิดแค่ว่า รีบปลดข้อมือให้หลุด แล้วกลับออกไปโดยเร็วจะเป็นการดีที่สุด

ทันทีที่ปิดประตูห้องเบากริบ อคินก็ค่อยหัวเราะเครียดๆ เพราะเพิ่งรู้สึกว่าเหงื่อมันแผ่จนหลังฉ่ำเสื้อชื้น ถ้าจำไม่ผิด ตอนแอบมาคราวแรกไม่ตื่นเต้นลุ้นระทึกเท่ากับคราวนี้เลย ให้ตายเถอะ นี่ถ้ามีคราวสามอีก เขาต้องเจอโรคบ้าถามหาก่อนเจอไอ้หัวขโมยสารเลวแน่ๆ

หนุ่มอารมณ์ไฟทิ้งวิมานรักของพ่อหม้ายหนุ่มใหญ่ไว้ข้างหลัง เขากลับถึงเรือนพักแล้ว หากแต่ม่านหมอกร้ายนี่สิ ที่ยังคงเกาะกลุ่มลอยเฉื่อยเหนือหลังคาบ้านพิณพิไลต่อไป

มันจะไม่ยอมโยกย้ายสลายตัว ตราบใดที่สายลมมรณะไม่ยอมพัดพาความจริงบางอย่างมาปรากฏ และแม้ว่ารัตติกาลอันน่าหวาดเสียวในความคิดของอคินจะผ่านพ้นไปแล้วอีกหนึ่งคืน เพื่อย่นนาทีวิกฤติให้คืบเคลื่อนใกล้เข้ามาอีกหนึ่งวันก็ตาม



 
อคินรู้สึกสบายใจกับการโยกย้ายของร้อนไปห่างตัวได้สำเร็จ จึงเผลอหลับยาวไปนิด และไม่คิดว่าจะสายจนตะวันโด่งได้ขนาดนี้ เขาสะดุ้งตื่นกับเสียงโทรศัพท์ มือใหญ่รีบควานใต้ผ้าห่ม

เมื่อคืนนี้ จำได้ว่าก่อนจะเข้านอน เขาโทรไปรายงานความสำเร็จกับคุณทนายสาวตั้งหลายนาที จนหล่อนบ่นง่วงนั่นล่ะ เขาจึงยุติการสนทนา แล้วเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ดูสิ เสียงมันยังดังน่ารำคาญอยู่เลย แต่ตัวมันไม่รู้ไปซุกอยู่ตรงไหน

"อคิน นั่นคุณอยู่ไหนคะ นี่มันสิบโมงแล้วนะคะ รีบมาโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้"

"โรงพยาบาล"

อคินทวน ย่นคิ้วตาฉงน ตอนหาโทรศัพท์ไม่เจอก็หงุดหงิด พอเจอแล้วฟังเสียงคุณทนายแหวมาเข้มๆ ก็ฉุนอีก แล้วจะให้ไปโรงพยาบาลทำไมกัน ต่อให้หล่อนป่วย ก็แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา ทำไมต้องโทรมารบกวนคนจะหลับจะนอน

"เสียงเหมือนเพิ่งตื่น" ทนายรัศมีตั้งข้อสังเกต

"อืม เมื่อคืนไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน หลับลึกอีกต่างหาก"

"มาโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ คุณแย่มากเลย ที่จำเพาะต้องมาหลับลึกเอาในคืนที่มีคนร้ายบุกเข้าไปจะฆ่าคุณดนัย"

'ฆ่า' ร่างที่ยังซ่อนใต้ผ้าห่มเย็นเฉียบเหมือนโดนสาดด้วยน้ำแข็งเต็มกะละมังใหญ่ ใจเต้นแรงจนต้องรีบกุมทรวงลนลาน รู้สึกกลัวจับใจขึ้นมา

"คะ.. คุณทนาย ฆะ.. ฆ่าหรือ พะ.. พูดเรื่อง.. เรื่องอะไร"

เขาสลัดผ้าห่มทิ้งแล้วกระวีกระวาดลงจากเตียงออกไปเจอแสงแดดจัดหน้าระเบียง อาหารเช้าตั้งอยู่บนโต๊ะ กาแฟด้วย ทุกอย่างคงจะเย็นชืดจนไม่น่ากลืนแล้ว แต่เพื่อระงับความแตกตื่นมือเย็น ยังไงก็ขอซดกาแฟให้หมดถ้วยลวกๆ ไปก่อน

"คุณดนัยเกือบจะถูกฆ่าเมื่อคืนนี้ คุณรีบมาที่นี่ เขาคลุ้มคลั่งและหวาดกลัวมาก เขาระแวงทุกคน ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เขาเลยนอกจากคุณ รีบมาเดี๋ยวนี้คุณอคิน ได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า"

"อืม"

อคินรับรู้ด้วยใจลอยๆ เสียงตึกๆ ใต้แผงอกมันฟังน่ากลัวมากเลย คล้ายกับคืนที่เขาพลั้งมือผลักนายกำพลขี้โรคจนหัวฟาดพื้น แล้วไปฟื้นร่อแร่ในโรงพยาบาล

เขาไม่ได้ตั้งใจ การโต้เถียงกันมันก็ต้องมีเผลอใช้กำลังกันบ้าง แต่พุธชมพูไม่เข้าใจ เธอโกรธจัดจนไม่ยอมฟังเขาอธิบาย แถมยังตบหน้าขับไล่อย่างเลือดเย็นอีกด้วย

สิ่งที่เธอทำในคืนนั้น มันฝังอยู่ในความคับแค้น เธอทำให้เขาตระหนักว่า ความเกลียดชังอย่างถึงแก่น มันเป็นอย่างนั้นเอง และตอนนั้นล่ะ ที่เขากลัวมาก ใจก็เต้นตึกๆ รุนแรงเหมือนตอนนี้

ภวังค์ร้อนรุ่มกระชากความคิดมากมายออกมาตั้งเรียงให้อคินกลัดกลุ้มระคนสับสนใจไปด้วย เขาเร่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่สมองก็ผุดคำถามมาก่อกวนให้ตัวเองมือไม้สั่นและตอบไม่ได้ไปเสียทุกข้อ

อย่างเช่นว่า ถ้าดนัยดลมีอันเป็นไปในช่วงเวลานี้ มันจะส่งผลต่อเขายังไงบ้าง ผู้กองตั้นเฮงซวยจะตั้งข้อสงสัยเขาไหม พุธชมพูจะติเตียนและพยาบาทที่เขาไม่รักษาสัญญาหรือเปล่า

"บ้าจริงๆ " อคินสบถแล้วตบโต๊ะกระจก เขาทำหวีหล่น แล้วก็ไม่อยากเก็บแล้ว "ต้องเป็นแกแน่ๆ " เขาบดกรามกรอดๆ ขณะคาดเดาแค้นๆ "ถ้าคุณดนัยเป็นอะไรไป ฉันจะไม่รอให้ตำรวจตามลากคอแกมาลงโทษหรอก คราวนี้ ฉันจะขอลุยเอง"

ไม่ต้องหวีแล้วล่ะ เสยเอากับมือนี่แหละ อคินคิดลวกๆ และทำเลย แถมยังเตะหวีไปไกลๆ อย่างหงุดหงิดอีกด้วย

เขาคว้ากุญแจรถกับโทรศัพท์มือถือแล้วปราดออกจากห้อง กำลังจะลงบันไดก็ค่อยนึกได้ว่าลืมนาฬิกาข้อมือ แต่เห็นว่าเสียเวลามากแล้ว จึงคร้านจะย้อนกลับไปหยิบ

ตอนหลุดสบถออกมาว่า 'ไอ้บ้าเอ๊ย' นายอุ่นก็พลันโผล่ร่างชรา วาบเข้ามาในรัศมีสายตา ไม่รู้ทำไมสิ จู่ๆ ก็พลันสะดุดใจกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนปากหนา แววตาที่วาวแปลกๆ แม้จะเพียงแวบ แต่มันก็ดูไม่ปกติ เพียงแต่ยามกะทันหัน เขาแปลความหมายในทันทีไม่ได้เท่านั้นเอง




'คุณพระ' อคินอุทานในใจ แต่ตาวาวอย่างโกรธแค้น ระหว่างเดินทางมาโรงพยาบาล เขานึกภาพไว้แค่ว่า ดนัยดลคงจะเสียขวัญและหวาดกลัวจนไม่กล้าให้ใครเข้าใกล้

ซึ่งอาการนั่นก็คงโทษกันไม่ได้ ในเมื่อเจ้าตัวเพิ่งจะรอดพ้นนาทีมรณะไปหมาดๆ แต่ก็ไม่นึกเลยว่า อาการบาดเจ็บของหนุ่มใหญ่ใจดีจะสาหัสขนาดนี้

"ไอ้เลวเอ๊ย นี่มันทำกับคุณขนาดนี้เชียวหรือ"

เขาด่าแค้นๆ ด้วยเสียงสั่นกร้าว ตอนโผเข้าไปให้หนุ่มใหญ่กอดอย่างยินดี สงสารร่างสั่นอย่างจับใจ เสียงเรียกละล่ำละลักที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ฟังแล้วก็สะเทือนใจไม่น้อยเหมือนกัน

"อคิน อยู่ใกล้ผมนะ คุณอยู่ใกล้ผมนะ อย่าทิ้งผมไปนะอคิน อย่าให้ใครมาเข้าใกล้ตัวผมนอกจากคุณ มีคนจะฆ่าผม เขาจะฆ่าผม"

"ครับๆ ผมรู้ คุณสงบสติอารมณ์ลงก่อน ไม่ต้องกลัวนะ ตราบใดที่ผมยังอยู่ จะไม่มีใครทำร้ายคุณได้อีก ผมจะอยู่กับคุณให้ทุกฝีก้าวเลย ใจเย็นๆ คุณดนัย ใจเย็นๆ "

อคินสวมกอดร่างบาดเจ็บอย่างระมัดระวัง สภาพอิดโรยบอบช้ำและขวัญกระเจิงของดนัยดลในเวลานี้ เรียกน้ำตาสงสารให้ซึมขึ้นคลอหน่วยได้อย่างง่ายดาย

"ยืนทำอะไร" เขาหันไปตะคอกเกรี้ยวกราดใส่นายตำรวจยศจ่าสามคน คงจะมาสอบปากคำกระมัง "ผู้กองตั้นขวัญใจลูกน้องและประชาชนของคุณน่ะ อยู่ไหน ไปตามมาสิ"

"คุณอคิน ใจเย็นๆ ค่ะ"

ทนายรัศมีออมชอม หล่อนเองก็ตกใจไม่น้อยกับสภาพบาดเจ็บสาหัสของเจ้านายหนุ่ม แต่มาดทนายผู้เคร่งขรึมก็ยังไม่หลุด ร่างสมส่วนในชุดสูทสีเทาแลเคร่ง และน่าเกรงขามกว่ากิริยามุทะลุฟาดงวงฟาดงาของอคินหลายเท่าเชียวล่ะ

"เย็นอะไร" คุณทนายก็พลอยโดนว้ากด้วยล่ะ "ไม่เห็นหรือ คุณผู้กองตั้น เขาก็เก่งแต่ตั้งข้อกล่าว ยัดเยียดคนโน้นคนนี้ให้เป็นผู้ต้องสงสัย ทีตอนนี้ เจ้าทุกข์ถูกทำร้ายปางตายขนาดนี้ กลับทำเป็นหายหัว ไม่รู้ว่าจะโผล่มาทางไหนดีหรือ ไปตามมาสิ ไปตามมา" ตอนท้ายก็หันไปตะคอกสำทับกับนายตำรวจที่ยืนสำรวมอยู่ตรงมุมเดิม

"คุณอคิน ฉันขอเตือนนะคะ คุณไม่ควรก้าวร้าวและไร้มารยาทต่อเจ้าพนักงาน" ทนายรัศมีเรียกสติด้วยเสียงอ่อน

"ผมไม่กลัว" หนุ่มมุทะลุสวนกลับอย่างท้าทาย "อย่าว่าแต่ข้อหากระจอกแค่นั้นเลย ต่อให้ผู้กองตั้นขวัญใจประชาชนโผล่หัวโผล่หน้ามา ผมก็จะแผดเสียงด่าให้ชมเป็นขวัญตา"

อคินสาดตาดุร้ายกราดไปจับกรอบหน้าเข้มของนายตำรวจทั้งสาม นาทีนี้ เขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้นล่ะ

เพื่อนหนุ่มใหญ่ใจดียังตัวสั่นงกๆ อยู่ในอ้อมกอดเขานี่ ถ้ามัวแต่จะให้เกรงใจ โน่นนี่ก็อะลุ่มอล่วย คอยแต่ยอมฟังว่า เราจะรีบจัดการ รีบดำเนินการ รีบตามหา รีบสืบ และอีกสารพัดรีบ ดนัยดลก็คงต้องตายจริงๆ เข้าสักคืน

ดีเหมือนกัน ถือโอกาสนี้ ประกาศตัวตนให้กระจ่างตากันไปเสียเลยว่า อคินคนนี้ไม่ธรรมดาหรอกนะ บทอาละวาดตลาดแตกของเขา นักเลงใหญ่ยังกลัวหัวหดเสียด้วยซ้ำ

ถ้าริอ่านจะเป็นฆาตกรจริงๆ น่ะหรือ อย่าฝันเลยว่า ตำรวจหน้าไหนจะตามล่าตัวมาจับยัดใส่คุกได้ง่ายๆ แต่ก็เสียใจด้วยนะ ที่จะไม่มีเหตุการณ์อุบาทว์แบบนั้นเกิดขึ้น เพราะความจริงก็ย่อมเป็นความจริงวันยังค่ำว่า 'อคินไม่ใช่ฆาตกร'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 54 08:52:50




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com