๕. เจ็ด สิบสอง
ขอบฟ้า!! ..ก็กลายเป็นเขาที่พาไป ทุกสิ่งที่ฝันกันเอาไว้ หมดแล้วไม่เหลือสักอย่าง. . . เสียงเพลงขอบฟ้า เพลงของวงบอดี้แสลมดังขึ้นในร้านสะดวกซื้อร้านเดิม “ฮาโหล... ครับ ๆ ๆ” ชายหนุ่มคล้ายตูนบอดี้แสลมรับสาย คุยเพียงไม่นานก็วางสาย ชายหนุ่มคนเดิมเดินดูของในร้านที่แทบจะไม่มีอะไรเลย เค้าจึงก็เดินไปที่เค้าเตอร์ แล้วก็พูดกะพนักงานร้านว่า “น้องๆ พี่หลงทาง”
21.33 หว๋อออออออออออออออ!!!!!!! ว๊อ ๆ ๆ ๆ เสียงหวอดังลั่นผ่านผู้คนและชุมชนไปตามถนน เสียงดังกล่าวสร้างความกังวลไม่น้อยไปกว่าเสียงประกาศของป้าอะเลิทที่คอยประกาศเรื่องน้ำท่วมทางโทรโข่ง ไม่เว้นแม้แต่... “ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เจ้าเปี๊ยกเด็กหัวแกละตะโกนลั่นแล้ววิ่งออกมานอกบ้านริมถนนเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น “ไม่รอดๆ น้ำท่วมๆๆๆ”แม่ของเจ้าเปี๊ยกเดินบ่นไปบ่นมา พะงึมพะงัม ดมยาดม ปืดดด ปืดดดด!! แล้วบ่นต่ออีก “ทำไมยัยป้าไม่ประกาศอะไรเลยว้า แล้วใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น.. ที่งี้:-)เงียบ!”
21.34 “ฮัดเช้ยย!!”ป้าอะเลิทหน้าเซเว่น จามหลายหนติด “เช้ยย!!ๆ ๆ ๆใครบ่นวะ” แล้วก็ซูดดด น้ำมูก แล้วก็เดินกลับเข้าไปในเซเว่น ท่าทางคันปากอยากเม้าท์ต่อในร้าน ตื๊ด ตื่อ!! .. เมื่อประตูอัตโนมัติเปิดก็เห็นพนักงานร้านชี้มาทางตนเอง “ถามป้าเลยพี่ นี่ไงๆ ป้ามาพอดี”แล้วพนักงานร้านก็หันมาทางป้า “ป้าพี่เค้าหลงอะป้า พี่เค้าบอกหามาทั้งวันแล้ว” ป้าหันถามไอ้หนุ่มต่างถิ่นทันที “จะไปไหนหละหนุ่ม” “เออ..ป้า ....ป้ารู้จัก ที่ที่เค้ากักสัตว์ไหมป้า” “หือ! ...จะไปโรงกักกันสัตว์หรอ?!” ป้าดูอะเลิทมากอีกครั้ง
21.38 ขบวนรถตำรวจและมูลนิธิ อปพร และ อาสาต่างๆ ได้วิ่งผ่านพระพุทธรูปเก่าๆ ผุพังที่ชำรุดจากการตากแดดตากฝนหลายองค์ พระพุทธรูปได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มจากการโดนแสงไฟไซเรนซ์ ในค่ำคืนที่ดูโกลาหล พระเณรโผล่ออกจากกุฏิมาดูสถานการณ์ จากเสียงหวอ!!และไฟไซเรนซ์รถที่แล่นผ่านลานวัดมุ่งสู่จุดเกิดเหตุ เสียงไซเรนซ์เริ่มเบาลงแต่แสงไฟไซเรยซ์ยังคงแว๊บวับกระพริบไปทั้วบริเวณอยู่ ขบวนรถได้หยุดจอดตรงจุดเกิดเหตุ โฮ่ง!!ๆๆ สุนัขตำรวจ ถูกจูงลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว ทีมตำรวจ อาสาอาวุธครบ ทั้งปืนลูกซอง และอุปกรณ์ ต่างๆ ไฟฉาย เชือก ตาข่าย ขนลงมา ไฟจากรถ สปอร์ตไลท์จากทั้งบนหลังคากระบะ และจากคนที่ส่อง ทำให้บริเวณนั้นสว่าง ไปหลายสิบเมตร สิ่งที่เห็นได้ชัดบริเวณนั้นก็คือน้ำเริ่มล้นจากท่อเริ่มนองไปทั่วบริเวณนั้น “คนไหน...ที่อยู่ในเหตุการณ์” เสียงพูดที่แหบใหญ่ฟังแล้วรู้สึกถึงความเก๋า ความนิ่ง หมวกทรงคาวบอย หนวดดำเข้ม เสื้อกล้าม พระเลี่ยมทองห้อยคอหลายองค์ และปืนแม็กนั่มกระบอกโตมันวาววับที่คาดไว้ที่เอว ทำเอาเจ้าอู๊ด อาสา อปพร รู้สึกเกรงๆ ไปทันที อู๊ดพยักหน้า “ผมครับ!! ผมเองครับ” “ตรงไหนอะ..น้องพาพี่ไปดูซิ” “ตรงโน้นอะครับ ตรงท่อที่ใกล้ประตูน้ำโน้นอะครับ” รุ่นใหญ่เก๋ามาดเข้มขยับๆหมวกคาวบอย ตะโกนสั่งให้ลูกน้องสองสามคนนำอุปกรณ์มา แล้วก็หันไปที่ตำรวจ “พร้อมแล้วท่านรอง ..ไป!!”
21.39 พระเณรต้องโผล่จากกุฏิอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังลั่นสนั่นวัด แปร๊นนน!! แว๊น!! ๆ ๆเสียงท่อมอเตอร์ไซค์ดังลั่น แป๊ด!ๆๆ เสียงแตรที่จะกดหาพ่อ!! ..เมิงไปไหนแค่เสียงท่อกูก็แย่แล้ว ขบวนมอไซค์หลายสิบคัน ทั้งแว๊นซ์ ทั้งสก็อย ที่ตามกันมาโดยไม่ได้นัดหมาย เพื่อมาดูความวิบัติของชาวบ้าน ใช่แล้วเราเรียกกันว่า “ไทยมุง”
21.40 ชายใส่หมวกทรงคาวบอยกับบุคลิกน่ายำเกรงพร้อมลูกน้อง ตำรวจหลายนาย และทีมสุนัขตำรวจ รวมทั้งอู๊ดและเพื่อนๆ อาสา อปพร เดินเหยียบน้ำที่เริ่มเฉาะแฉะที่นองฝ่าเท้า มุ่งตรงไปที่ท่อมรณะแห่งนั้น เพื่อนๆ อู๊ดสะกิจอู๊ด และกระซิบกะอู๊ด เบาๆ “อู๊ดเมิงรู้ไม๊ คนที่คุยกะเมิงเค้าเป็นใคร” “ไม่รู้ ...น้าเค้าเป็นใครวะ แต่ดูท่านรองจะเกรงใจ” “นี่แหละเสี่ยหมู เจ้าของฟาร์มหลายแห่ง มีทั้งฟาร์มจระเข้ ฟาร์มกวาง นกกระจอกเทศ โอ้ยเยอะ!!เพื่อนๆ ในกลุ่ม อปพร เสริมขึ้นมาอีกว่า “แต่ที่รู้มา แกลักลอบค้าสัตว์ ด้วยเว้ย” “ชู่!!!!!!! .........เชี้ยเบาๆ” แล้วก็เบิร์ดกะบาลคนพูด เปี๊ยะ!!
โฮ่งๆ ๆ ๆ!! จู่ๆ สุนัขก็มีอาการก้าวร้าวขึ้น ขู่ เห่า และกระชากสายจูง เมื่อใกล้ท่อดังกล่าวมากขึ้นๆ มากขึ้น ตรงบริเวณปากท่อพบชุด มูลนิธิ กองอยู่ ท่านรองเลยสั่งให้ทีมสุนัขตำรวจจัดการ สุนัขตำรวจทั้งสองตัวเข้าดมชุดเสื้อผ้าดังกล่าว สุนัขทั้งสองตัวก็วิ่งออกตามกลิ่น เพื่อค้นหาพี่บิณฑ์ และล่าไอ้ตัวที่ดึงพี่บิณฑ์เข้าไปในท่อน้ำนั้น โดยแบ่งกำลังออกเป็นสามทีม โดยสองทีมจะเป็นทีมค้นหาจะมีทั้ง ชุดสุนัขตำรวจ ตำรวจ อปพร และอาสา ส่วนอีกทีมยังปฏิบัติงานต่ออยู่ตรงบริเวณนี้ รวมทั้ง พระมุง เณรมุง และไทยมุง “ถ้าเป็นไปตามที่น้องคนนี้เล่า ไอ้ตัวที่ดึงคนไปได้ต้องแข็งแรงมาก เห็นว่าฉุดกันสี่ห้าคนยังเอาไม่อยู่” “พี่หมูว่าน่าจะเป็นตัวอะไร ไอ้เข้ป่าวพี่”ท่านรองถาม “อืมมม ก็น่าจะ... แต่สี่ห้าคนดึงไม่ขึ้นนี้มันต้องตัวใหญ่มาก ใหญ่แบบนั้นแล้วจะอยู่ในท่อนี้ยังไง” “น้องๆ มานี่” เสี่ยหมูกวักเมื่อเรียกอู๊ดที่ยืนอยู่แถวนั้น อู๊ดเดินมาหา “ท่อในนี้มันใหญ่ไหม” “ก็น่าจะขนาด...” อู๊ดกำลังจะใช้มืออธิบายขนาด แต่!! โฮ่ง!!ๆ ๆ เสียงสุนัข เห่าลั่น ครอกกกก!! เสียงวิทยุสื่อสารดังขึ้น “เราคิดว่าเจอมันแล้วเปลี่ยน” “ที่ไหนเปลี่ยน”ท่านรองตอบ “กำลังวิ่งกลับไปทางพวกท่านอยู่เปลี่ยน!!” โฮ่งๆ เสียงสุนัข และแสงไฟฉายของทีมสุนัขตำรวจทั้งสองทีมทำให้เห็นว่ากำลังวิ่งกลับมาทางนี้ สุนัขตำรวจทั้งสองตัวดมพื้นและวิ่งตามแนวท่อที่ฝังอยู่ใต้ฟุตบาทตรงมาที่ยืนกันอยู่ไม่ไกล หลายคนเริ่มถอยหลังจากท่อที่ฝาเปิดอยู่ โฮ่งๆๆๆ!! สักพักสุนัขตำรวจทั้งสองตัวก็หยุดวิ่งแต่ยังคงเห่าลงไปใต้พื้นอยู่บริเวณที่มันหยุดซึ่งห่างจากท่อไม่กี่เมตร “เอาไงพี่หมู”ท่านรองหันไปถามเสี่ยหมูอย่างเคร่งเครียด “เด๋ว..จัดการเอง” ลูกน้องสองคนของเสี่ยก็ช่วยกันแบกเอาถังน้ำแข็งสแตนเลสสี่เหลี่ยมมาวางแล้วเปิดออก กลิ่นคาวปะทะจมูกทันที “ฮืมมมม” มีเสียงอุทาน ในถังนั้นก็คือเนื้อสดๆ ติดกระดูกชิ้นใหญ่ๆที่แช่น้ำแข็งอยู่ และยังมีขวดที่บรรจุเลือดสดที่ปิดฝาสนิทอยู่หลายขวด ลูกน้องเสี่ยก็รีบเอาก้อนเนื้อสดมาเกี่ยวกับตะขอเหล็กแหลมอันใหญ่ที่ร้อยด้วยสายลวดสลิง แล้วมัดก้อนเนื้อด้วยเชือกปอเล็กๆอีกทีให้แน่นขึ้น เมื่อมัดเหยื่อเรียบร้อยแล้วก็เอาเลือดลาดลงไปที่ก้อนเนื้อสดอีกที กลิ่นคาวฟุ้ง หยดเลือดหยดลงสู่พื้นที่เจิ่งน้ำ โฮ่ง!!ๆ ๆ ๆ สุนัขยังไล่เห่าไปมาอยู่ตรงบริเวณนั้นอยู่ เสี่ยจุดบุหรี่สูบ แล้วหยิบปืนแม็กนั่มมาเช็คกระสุนในลูกโม่ดู ลูกน้องเสี่ยหยิบตาข่าย และหน้าไม้ที่มีรอกที่ผูกติดกับลูกธนูไว้ แล้วบอกกับเสี่ยหมูว่า “พร้อมแล้วครับเสี่ย!!” เสี่ยซูดดด!! บุหรี่เต็มปอดแล้วดีดบุหรี่ที่สูบไปไม่ถึงครึ่งมวลทิ้ง เป็นสัญญาณที่ลูกผู้ชายส่วนใหญ่ทราบกันดีว่า กูพร้อมแล้ว มาเลย!! เสี่ยมองไปที่ลูกน้องแล้วส่งสัญญาณ ลูกน้องเอาเหยื่อดังกล่าวที่นองเลือด ไปที่ท่อที่เปิดอยู่ ทีมงานบางคนก็กลืนน้ำลายลุ้นไปกับเหตุการณ์ครั้งนี้ แกร็ก!! เจ้าหน้าที่ขึ้นไกลปืนลูกซอง ลูกน้องคนที่ถือเหยื่อมองไปที่เสี่ยหมูอีกครั้ง เสี่ยพยักหน้า ลูกน้องเสี่ยโยนเหยื่อก้อนเนื้อสดลงไปทันที!! ตูม!! น้ำกระจาย!!
21.55 บรื่นนนนน!! รถมอเตอร์ไซค์ฟีโน่ วิ่งไปตามถนนของหมู่บ้านที่ดูเงียบเหงา ฟีโน่เริ่มชะลอและจอดตรงแถวๆหน้าวัด คนขับเปิดกระจกหมวกกันน็อคแล้วมองไปที่วัด “ไหนๆ ๆ อ๋อนี่เอง วัดมะนาวเปรี้ยว ถูกแล้ว ไหน...ดูแผนที่ที่ป้าแกเขียนหน่อยซิไปไงต่อ” โชว์เฟอร์ที่ขับฟีโน่คันนี้ที่แท้ก็คือหนุ่มแปลกหน้าที่ดูแล้วคล้ายพี่ตูนบอดี้แสลมนี่เอง หยิบกระดาษดูหมุนไป หมุนมา “อ๋อ เลี้ยวข้างหน้าไปตามทางสักพักก็จะเจอประตูน้ำแล้ว โอเคๆ” บรืนนนน!! ฟีโน่ หมายเลขทะเบียน 712 แล่นออกจากหน้าวัดมะนาวเปรี้ยวและกำลังวิ่งไปสู่ท่อน้ำที่มีทั้งเลือดและเนื้อสดๆ
จากคุณ |
:
Knokz
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ธ.ค. 54 17:02:49
|
|
|
|