Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
PSYCHO HELL (จอมใจอเวจี 19).......หัวใจของเฟรี่ ติดต่อทีมงาน

===================
PSYCHO HELL…จอมใจอเวจี
บทที่ 19
หัวใจของเฟรี่
===================


บทที่ 18
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11412541/W11412541.html

ความเดิม
เฟรี่ได้กลับมายังขอบอเวจีแล้ว โดยความช่วยเหลือของนักรบปีศาจ
แต่..เธอยังไม่หายจากอาการความจำเสื่อม...ทำไม
และขณะที่เฟรี่กับเชร่า...สาวใช้คนเก่ง... อยู้ริมแม่น้ำมรณะซึ่งเรียกร้องเฟรี่ ปีศาจแห่งสายน้ำก็โผล่ขึ้นมา แต่ถูกชับไล่ไปโดยชายชราคนแจวเรือรับส่งข้ามฟากของสายน้ำแห่งความตาย ผู้เต็มไปด้วยปริศนาที่มาที่ไป

เฟรี่จะเจอกับอะไรต่อไป


++++++


บทที่ 19

นี่เองเป็นสิ่งทำให้ปีศาจร้ายประจำลำน้ำมรณะ หวาดกลัวจนต้องรีบหลบหนีหายไปในทันใด ชายชราผู้มีรูปร่างผอมบางราวกับจะโดนกระแสลมกระโชกปลิดปลิวไปได้ทุกเมื่อผู้นี้

เรือแจวเก่าคร่ำคร่ามาหยุดนิ่งอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก เสื้อผ้าขาดวิ่นปลิวสะบัดไปมากลางแรงลมท่าทางไม่ใช่ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยพลังอำนาจ แต่กลับเต็มไปด้วยความลี้ลับจนน่าสะพรึงกลัว นัยน์ตาเป็นเบ้าลึกจนมองไม่เห็นแววตาใต้หมวกปีกกว้างใบใหญ่

มือขวายกขึ้น และชี้ตรงมายังคนทั้งสอง


สองสาวเกาะมือกันแน่น มองดูชายชราบนเรือแจวอย่างไม่เข้าใจ แต่อย่างน้อยก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เชื่อได้คือ ปีศาจงูร้ายเผ่นหายไปเพราะเกรงกลัวชายชราลึกลับผู้นี้ ผู้ซึ่งพายเรืออยู่อย่างโดดเดี่ยวชั่วนาตาปีในสายน้ำแห่งความตาย

“นั่นเขากำลังพยายามทำอะไร”

เฟรี่กระซิบถามเสียงสั่น จำไม่ได้เลยว่าเคยเจอเคยคุยกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ชายชราลึกลับผู้นี้เองที่เป็นคนช่วยไนท์เอาไว้เมื่อตอนข้ามแม่น้ำมรณะมายังอาณาเขตของปีศาจขาว

“ดูท่าทางเขาเรียกเจ้าอยู่นะ”

เชร่าตอบอย่างค่อนข้างแน่ใจ สายตาจับจ้องดูชายชราไม่กระพริบ แล้วพูดต่อไปอีกว่า

“ท่าทางไม่มีอันตราย และข้าเองก็เคยโดยสารเรือของเขามาหลายครั้ง ว่าแต่ท่าทางแบบนั้นเหมือนกำลังบอกอะไรบางอย่าง"

และก็เป็นอย่างที่สาวคนใช้คาดการณ์ เสียงแหบพร่าของชายชราเรือแจวดังมาถนัดชัดหูทั้งที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าวาและทำท่าเหมือนพูดแผ่วเบาราวกระซิบว่า

“เจ้าจงไปกับข้า......ถ้าอยากหายเป็นปรกติ”

“ชัดเลย...” เชร่าตบมือฉาดใหญ่ “ว่าแล้ว...ว่าไม่ใช่ข้า แต่เป็นท่าน เอ้ย..เจ้า..แหม พักนี้พูดผิดอยู่เรื่อยเลยเรา ไม่รู้เป็นอะไร”

ประโยคหลังเหมือนบ่นกับตัวเอง นางฟ้าตกสวรรค์ได้แต่ฟังอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็รู้สึกเกรงกลัวความไม่ชอบมาพากล

“ทำไมต้องเป็นข้าด้วยล่ะ แล้วหายจากอะไร เป็นปรกติจากอะไร”

“เอ้อ....เรื่องนี้”

ยังไม่ได้อธิบายอะไร นรกก็ส่งปีศาจมาช่วยเมื่อแว่วเสียงห้วนหนักของใครบางคนมาจากด้านหลังว่า

“ไม่ต้องเรื่องมากน่า เขาให้ไปก็ไปสิ”

สองสาวรับใช้พากันสะดุ้ง หันไปมอง นักรบปีศาจนั่นเองที่มาปรากฏตัวอย่างเงียบเชียบ

“เชร่า เจ้ากลับไปทำอาหารเย็น ทางนี้ข้าจัดการเอง”

เสียงนายใหญ่บงการ สาวใช้คนเก่งยิ้มหวาน ได้โอกาสล่าถอย เพราะดูแล้วสถานการณ์แบบนี้คนรับมือได้ดีที่สุดต้องเป็นงานของไนท์มากกว่า

“ฝากดูแลเฟรี่ด้วยนะคะ”

“ไม่ต้องห่วงน่า รีบๆไปเถอะ”

เชร่าเผ่นออกจากรัศมีสายตาอย่างนกรู้ ไปทำงานในครัวในอาคารดีกว่ามาเผชิญหน้ากับเรื่องน่ากลัวและไม่เข้าใจแบบนี้

“เดี่ยวสิ....”

เฟรี่พยายามร้องเรียกแต่สายเกินไปเสียแล้ว เลยได้แค่หันมาฝืนยิ้มให้กับ “เจ้านาย”

“ไปขึ้นเรือ.....” เจ้านายบอกสั้นๆ แบบชัดเจนสายตาของเฟรี่เปลี่ยนเป็นอ้อนวอน ยังไม่ยอมขยับตัวไปไหน

“ไม่ต้องกังวลใจน่า ข้าจะไปด้วย”

น้ำเสียงของนักรบปีศาจอ่อนลงเมื่อสบสายตาคู่นั้น ทำให้หญิงสาวยิ้มออกมาได้ รู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาดหาเหตุผลอธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกด้านบวกลึกๆ กับจอมปีศาจผู้หลบซ่อนใบหน้าใต้หน้ากากสีขาวอันเย็นชาผู้นี้

“ถ้าอย่างนั้นเราไปกัน......”

ว่าแล้วหันหลังก้าวเดินนำหน้าไปอย่างไม่ลังเลทันที ทำเอาอีกฝ่ายก้าวตามแทบไม่ทัน มายืนรอริมฝั่งในขณะชายชราคัดท้ายเรือเข้ามาชิดฝั่ง

“เจ้าลงไปก่อน”

เจ้านายสั่ง คนรับใช้จำเป็นหันมามองอีกครั้ง แล้วยอมก้าวลงไปบนเรือแต่โดยดี พลางหันมามองไม่วางตา สายตาแบบนั้นทำให้นักรบปีศาจต้องรีบก้าวตามลงไปเช่นกัน ทั้งที่ตอนแรกนึกอยากจะแกล้งยืนนิ่งอยู่บนฝั่งให้ฝ่ายหนึ่งตกใจเล่น แล้วนึกสงสัยตัวเองว่าเป็นคนชอบแกล้งคนอื่นตั้งแต่เมื่อไร

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเข้าที่เข้าทาง เรือก็เคลื่อนออกจากฝั่ง มุ่งหน้าไปยังกลุ่มหมอกเมฆอันลอยปกคลุมหนาแน่นบนผืนน้ำสีดำสนิท

“เราจะไปไหนกัน....”

หญิงสาวถามเสียงแผ่วโดยไม่เจาะจงว่าถามใคร ปีศาจหนุ่มนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร ชายชราจึงต้องเป็นฝ่ายตอบให้เองว่า

“ไปเกาะแห่งความตาย”

แค่ฟังชื่อก็ทำให้รู้สึกขนลุกขนพองแล้ว จะไปเกาะที่ฟังแล้วสบายหูมากกว่านี้ไม่ได้หรืออย่างไร เช่นเกาะสวรรค์อะไรทำนองนั้น

“ไปทำไม”  เสียงแผ่วๆ ถามอีก

“ไปหายามารักษาเจ้า”

ชายชราพูดเพียงแค่นี้แล้วไม่ยอมตอบอะไรอีก ไม่ว่าจะถามอีกกี่ครั้งก็ตาม ทำให้นางฟ้าตกสวรรค์นั่งทำหน้าเบื่อหน่าย สุดท้ายเลยหันไปทางท่านเจ้านายใหญ่

“แล้วท่านล่ะ รู้ไหมว่า ทำไมต้องไปหายาอะไรนั่นด้วย แล้วข้าเป็นอะไร”

“เดี๋ยวก็รู้เอง”

นั่นเป็นคำตอบที่ฟังแล้วไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาแม้แต่น้อย ไม่อยากตอบก็ไม่ง้อถามแล้ว เฟรี่คิดในใจ...เดี๋ยวก็คงรู้เอง..ไม่ต้องมานั่งเซ้าซี้คนอื่น

นั่งไปนั่งมานึกเบื่อ เลยก้มลงทำท่าจะเอามือจุ่มลงไปในน้ำเล่น แต่เสียงห้วนๆ ของไนท์ดังขึ้นจนสะดุ้ง

“อย่าเอามือลงไปในน้ำ”

“ทำไมล่ะ”

“เจ้าคงไม่อยากเสียมือ...ไม่รู้ว่าในสายน้ำมีปีศาจพวกไหนกำลังจ้องงาบเจ้าอยู่ทุกเมื่อ ถ้าอยากเป็นคนใช้มือขาดก็ตามใจ”

“ไม่ก็ได้.....แต่ทำไมต้องดุอยู่เรื่อย..”

บ่นอุบอิบอยู่ในลำคอพอได้ยิน แต่อีกฝ่ายยังอุตส่าห์ได้ยิน เลยทำเสียงดุๆ ให้อีกว่า

“ก็อย่าดื้ออย่าซนสิ นั่งเฉยๆ จะได้ไม่โดนดุ”

“ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

“ไม่ใช่เด็กแล้วจะทำไม”

การย้อนถามทำให้เฟรี่นั่งคอแข็ง..เจ้านายบ้าอะไร มาย้อนถามแบบนี้ นึกอยากจะเถียงก็ไม่รู้จะเถียงไปทำไม อย่างไรนั่นก็เจ้านายจอมดุ คงไม่สามารถชนะได้ง่ายๆ

เป็นเวลานานพอสมควรกับการล่องเรือผ่านกลุ่มหมอกอันเย็นยะเยียบมองไม่เห็นฝั่ง แต่ชายชราเหมือนสามารถกำหนดรู้เส้นทางอย่างจัดเจนทั้งที่มองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากม่านหมอกทั้งสีขาวสีดำลอยแผ่ปกคลุมไม่ขาดระยะ

จนในที่สุด..ภาพเกาะกลางแม่น้ำก็ปรากฏแก่สายตาเมื่อพ้นกลุ่มหมอกสุดท้ายออกมา

เกาะแห่งความตายตั้งโดดเด่นโดยรอบๆเกาะนั้นไม่มีหมอกกลุ่มใดลอยไปปกคลุมได้เลย คล้ายมีอาถรรพ์หรือพลังงานพิเศษอะไรบางอย่างสกัดกั้นกลุ่มหมอกเอาไว้ไม่ให้ลอยเข้าไปใกล้

“สวยจัง”

เสียงใสๆ ดังขึ้นอย่างตื่นเต้นกับอาการทำตาโตของเจ้าของเสียง เมื่อเห็นภาพของเกาะกลางสายน้ำมรณะ ไม่ใช่เกาะทึมๆ หม่นๆ อย่างที่วาดภาพเอาไว้ในตอนแรก หากเป็นเกาะซึ่งมีพืชไม้หลากสีใหญ่น้อยปกคลุมรายรอบ มีประกายสวยงามสดใสเจิดจ้าอย่างไม่น่าเชื่อ ตัดกับภาพม่านหมอกรอบข้างอย่างรุนแรง

เมื่อเรือลำน้อยลอยเข้าไปใกล้ เห็นทางขึ้นเป็นบันไดหินวางเรียงกันสูงขึ้นไปผ่านดงบุปผานานาพันธุ์มากมาย

“ไหนบอกว่าเป็นเกาะแห่งความตายไงล่ะ ทำไมสวยขนาดนี้”

นางฟ้าตกสวรรค์ร้องอย่างไม่เห็นด้วยกับชื่ออัปมงคลของเกาะอันสวยงาม ดอกไม้ทุกดอกมีประกายดาวเล็กๆ กระพริบระยิบพรายกระจายอยู่รายรอบเข้ากับสีของดอกไม้ใบไม้เหล่านั้น

“แล้วไง......”

คราวนี้คนที่มาไขข้อข้องใจกลับเป็นท่านเจ้านายผู้แสนดี “ชื่อนั้นมันสำคัญขนาดบ่งบอกคุณลักษณะสิ่งของได้เชียวหรือ.จะชื่อเกาะแห่งความตาย หรือเกาะแห่งความเป็น เกาะมัจจุราช เกาะในฝัน อะไรก็ตาม เกาะนี้ก็คือเกาะนี้อยู่ดี ชื่อมันเป็นเพียงคำใช้เรียกเท่านั้น”

“แต่ชื่อควรสอดคล้องกับสภาพบ้างไม่ใช่หรือไง” เสียงแจ๋วๆคัดค้านอย่างไม่เห็นด้วย

“มันก็ใช่อย่างที่เจ้าว่า..แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นเสมอไป ใช่ไหมล่ะ”

“มันก็ใช่ อย่างที่ท่านเจ้านายว่า แต่ว่าทำไมไม่ตั้งชื่อให้ควรจะเป็นจะเหมือนเสียงส่วนมากเสียเลย”

“นี่เจ้ากล้าเถียงข้าหรือ..”

“ไม่เถียงก็ได้....”

พอเห็นอีกฝ่ายเสียงแข็งแม้จะไม่ค่อยมีเหตุผลแต่เพราะความเป็นคนรับใช้ต้องยอมไว้ก่อน

“ดีมาก..เอาล่ะขึ้นเรือได้แล้ว”

มัวแต่เถียงกันจนลืมสังเกตไปว่าชายชราขึ้นเรือล่วงหน้าไปก่อนและไปยืนคอยอยู่บนบันไดชั้นบนสุด มองขึ้นไปรู้สึกทั้งลี้ลับทั้งพิสดารตัดกับภาพชายชราสวมหมวกใหญ่ชุดดำเก่าแก่กับภาพดอกไม้ใบอันสวยงามอยู่ด้านข้าง

ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำสอง เพราะจิตใจของนางฟ้าตกสวรรค์เหมือนกระโดดขึ้นไปก่อนตัวแล้ว ไปก้มๆ เงยๆ ดูความสวยงามของดอกไม้อย่างตื่นเต้นดีใจ

เมื่อเฟรี่ก้าวขึ้นไป ชายชราก็เริ่มออกเดินนำหน้า ห่างออกไปไม่มากนักมองเห็นบ้านหลังเล็กๆ ตั้งอยู่กลางดงไม้ เมื่อเข้าไปใกล้จึงพบว่าเป็นอาคารที่ทำมาจากหินอ่อนแทบทั้งหมด

“มาได้แล้ว”

เจ้านายหันไปเรียกคนรับใช้จำเป็นซึ่งยังวนเวียนอยู่กับดอกไม้ข้างทางไม่ยอมเลิก ทำให้คนถูกเรียกต้องเดินมาอย่างไม่เต็มใจนัก แต่พอมาถึงความสนใจของเธอก็มุ่งไปยังผนังแวววาวของตัวบ้าน

“หินอ่อน...แปลกจัง”

ว่าพลางเอามือแตะผนังบ้านหลังน้อยดู แล้วเอ่ยอย่างประหลาดใจ “ เป็นหินอ่อนเหมือนปราสาทของท่านปีศาจขาวเลย แล้วใครกันถึงกับขนหินอ่อนมาสร้างบ้านในเกาะแบบนี้ ข้าว่าไม่ใช่ชายชราผู้นั้นแน่นอน...ไม่มีทาง”

“ไปวุ่นวายอะไรอีก โน่น เขาเรียกแล้ว”

เสียงดุมาอีกแล้ว คราวนี้โดนดึงแขนเสื้อให้ถอยห่างออกมาด้วย นั่นชายชราทำท่าทางเหมือนเดินตามเข้าไปทางประตูบ้าน ซึ่งเมื่อเข้าไปในห้องแรกพลันรู้สึกว่ากว้างขวางมากกว่าภาพซึ่งมองเห็นจากภายนอกมากนัก กลางห้องมีชุดโต๊ะเก้าอี้หินอ่อนสองสามตัว ชายชราทำมือเป็นสัญญาณบอกให้นั่งรอแล้วพาตัวเองหายเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ด้านข้าง

ไนท์นั่งลงแต่โดยดี ส่วนเฟรี่ไม่ยอมนั่ง เดินไปดูภาพวาดหลายภาพซึ่งติดอยู่บนผนังหินอ่อนแบบคนอยู่ไม่เป็นสุข

“โอ...นี่ใครกัน หน้าตาหล่อชะมัด”

หญิงสาวร้องอย่างประหลาดใจหลังจากจ้องมองพิจารณารูปภาพอยู่ครู่หนึ่ง

“ท่านมาดูสิว่าชายคนนี้เป็นใครกัน”

“เจ้าดูไปเถอะ ข้าไม่อยากดู”

“น่า...มาดูนิดเดียว ข้าว่ารูปนี้น่าจะเป็นชายชราสมัยยังเป็นหนุ่มนะ ท่านว่าจริงอย่างที่ข้าคิดไหม”

“บอกว่าไม่อยากดู เจ้านี่..”

“ก็แค่ดูนิดเดียวเท่านั้น แค่นี้ก็ไม่ได้”

ประโยคสุดท้ายลดน้ำเสียงลงเบาแทบไม่ได้ยิน แต่รู้ว่าอย่างไรคนฟังต้องได้ยินอยู่ดี หากการพูดเบาๆท่าทางจะเป็นภัยต่อตัวเองน้อยกว่า สองมือลองจับกรอบรูปดู ขยับไปมาแล้วทำตาโตร้องอย่างตื่นเต้นว่า

“อ้าว....รูปนี้แขวนอยู่เฉยๆ ปลดออกมาได้ด้วย ท่านไม่ยอมมาดูเดี๋ยวข้าจะเอาไปให้ท่านดูถึงที่เลย”

ว่าพลางปลดกรอบรูปออกมาจากผนังก่อนจะมีใครห้าม แล้วเดินถือกรอบรูปมานั่งข้างๆ นักรบปีศาจพลางวางรูปให้ดูตรงหน้าแบบบริการถึงที่ พลางเอียงคอถาม

“ท่านดูสิ.....มีเค้าของชายชรานั่นบ้างไหม”

ดีว่าหน้ากากเย็นชาสีขาวปกปิดใบหน้า เอาไว้ จึงมองไม่เห็นสีหน้าแววตาทั้งขำทั้งอ่อนอกอ่อนใจของปีศาจหนุ่มได้ แบบนี้น่าตีสักทีไหมนี่..

ไนท์ก้มหน้าลงมองแวบหนึ่งแล้วส่ายหน้าบอกว่า

“ไม่เห็นเหมือนเลย...” เป็นการตอบแบบตัดความรำคาญมากกว่า

“แต่ข้ารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างคล้ายๆนะ ข้าเองก็บอกไม่ถูก”

“ไม่ใช่หรอกน่า ดูให้ดีสิว่าภาพวาดนี้ยังไงก็ดูใหม่เกินไป ไม่มีทางจะเป็นรูปของชายชราสมัยหนุ่มอย่างแน่นอน...”

“จริงด้วย...ข้าลืมมองจุดนี้ไป แต่ทำไมข้ายังรู้สึกว่าน่าจะเป็นรูปภาพของชายชราคนนั้นอยู่ดี น่าแปลกดีนะ  แล้วอีกอย่าง ใครกันวาดรูปนี้ วาดทำไม เพื่ออะไร แล้วยังมีอีกนะ ชายชราคนนี้มีบ้านสวยงามแบบนี้ได้อย่างไร....ท่านว่าแปลกไหมล่ะ” ”

นักรบปีศาจแอบมองแก้มขาวๆ อยู่ด้านข้างห่างออกไปแค่สามคืบ เห็นแก้มขาวนวลละเอียดและลำคอนวลเนียน แล้วต้องรีบหันหน้าหนี เมื่อเกิดความรู้สึกใจหายขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล

อีกไม่กี่วันแล้วสินะ.....เมื่อเดินทางไปยังยอดเขาสื่อสารได้สำเร็จ  สาวใช้จอมยุ่งคนนี้คงติดต่อกับคนรักของเธอได้ แล้วคงจากไป เป็นอันว่าหมดสิ้นภาระเสียที

น่าจะโล่งใจกับการหมดสิ้นภาระอันดูเหมือนไม่มีความหมายมากนัก แต่พอคิดแบบนี้ทำไมรู้สึกใจหาย......ใจหายเหมือนหัวใจตกวูบลงไปในหุบเหว ทั้งที่คิดมาตั้งนานและยืนยันกับตังเองหลายครั้งแล้วว่า ตัวเองเป็นคนไม่มีหัวใจ อยู่เพื่อล่าสังหารพวกปีศาจมืดเท่านั้น

จากการคราวนี้ คงไม่มีโอกาสเจอกันอีกชั่วนิรันดร อีกหน่อยจะไม่มีเสียงใสๆ แจ๋วๆ แบบนี้มารบกวนข้างหู ควรจะสบายหูขึ้น แต่ทำไมใจคอมันรู้สึกอ้างว้างเย็นยะเยือกแบบนี้ คนไร้ใจจะมีความรู้สึกแบบนี้ได้อย่างไร

นี่มันความรู้สึกอะไรกัน ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

“ท่านเป็นอะไรไป”

เฟรี่หันมาถามอย่างสงสัย ด้วยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันสับสนภายในใจของอีกฝ่ายได้

“เปล่า ไม่มีอะไร..”

“ต้องมีสิ”

นั่น...มีเถียง...นักรบหนุ่มหัวเราะในลำคอ เสแสร้งเบี่ยงเบนความสนใจไปทางอื่นด้วยการตัดบทและเสียงดุๆ อีกตามเคยว่า

“เอารูปไปคืนที่ ไม่ดีรู้ไหม มันผิดมารยาทความเป็นผู้มาเยือน”

“ก็ได้..ก็ได้..ท่านไม่อยากดูก็ได้”

ว่าพลางลุกขึ้นเดินตรงไปแขวนกรอบรูปไว้ตำแหน่งเดิมโดยดี แต่แล้วก็หันไปสนใจกรอบรูปอื่นๆ อีก

“นี่ๆๆๆ ท่านมาดูนี่.....คราวนี้แปลกกว่ารูปที่แล้วอีก......”

“วุ่นวายอะไรของเจ้าอีกล่ะ มานั่งที่เดี๋ยวนี้”

บอกให้มาก็มาจริงๆ แบบว่านอนสอนง่าย แต่ในมือมีกรอบรูปอันใหม่ติดมือมาด้วย มานั่งตำแหน่งเดิม วางกรอบรูปให้ดูแบบบริการถึงที่เอียงคอถามอีกเช่นเคย

“ท่านดูสิ......นี่เป็นภาพวาดของปีศาจขาวและอีกคนใครก็ไม่รู้”

ไนท์หันไปมองแวบเดียวเหมือนเดิม และไม่มีท่าทางตื่นเต้นอะไรแม้แต่น้อย

“ท่านไม่ประหลาดใจหรือ”

หน้าสวยใสหันมาถาม คู่สนทนาสั่นศีรษะแล้วย้อนถามว่า

“ทำไมข้าต้องประหลาดใจด้วยล่ะ”

“อืม..ท่านรู้จักไหมว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใคร”

นิ้วมือเรียวๆชี้ไปยังภาพวาดของผู้หญิงซึ่งอยู่ข้างๆปีศาจขาว

“ข้ารู้จัก”

“นางเป็นใครกัน”

“ถึงบอกไปเจ้าก็ไม่รู้จักหรอกน่า” น้ำเสียงของนักรบปีศาจเริ่มออกแววรำคาญ

“ก็แค่บอกเท่านั้นนี่นา ไม่เห็นจะเป็นเรื่องยุ่งยากมากความเลย”

“แล้วเจ้าจะรู้ไปทำไม”

“ก็ทำไมจะรู้ไม่ได้ล่ะ แค่บอกมาเท่านั้น นะๆๆ บอกข้าหน่อย”

“นางคือเทพธิดาบอด”

ตอบแล้วก็แอบสังเกตดูว่าคนช่างซักช่างอยากรู้จะทำหน้างงขนาดไหน แต่กลับเห็นนางฟ้าคนดีกัดริมฝีปากเหมือนพยายามคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ แต่แล้วก็หันมายิ้มพลางบอกว่า

“นั่นสินะ ท่านพูดถูก...รู้ไปแล้วก็เท่านั้น นึกอะไรไม่ออก เอาไปแขวนกลับที่เดิมดีกว่า”

พูดจบก็ลุกขึ้นทำท่าจะก้าวเดินไปแขวนกรอบรูปไว้ตามเดิม หากชะงักแล้วขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นมาลอยๆว่า

“แล้วทำไมต้องมาเป็นแบบให้คนอื่นวาดรูปคู่กันแบบนี้..ท่านว่าไหม”

ว่าพลางหันมาทำท่าจะถามอะไรอีก แต่นักรบปีศาจรีบตัดบทด้วยการทำเสียงดุว่า

“เอา.. ไป.. คืน.. ที่.. เดิม.. เลย”

“แค่นี้ก็ต้องดุด้วย..” เดินกลับไปแขวนกรอบรูปโดยดีและมีการบ่นกับตัวเองแบบพอได้ยินอีกตามเคย

“ทำไมต้องบ่นด้วย”

เป็นอย่างที่คิด เสียงดุๆ ลอยมาเข้าหูแบบเต็มๆ จนแทบจะนึกภาพใบหน้าอันบ่งบอกถึงความไม่พอใจของคนพูดได้ดี แต่นางฟ้าคนงามยังแอบยิ้มทะเล้น ติดกรอบรูปเข้าผนังก่อนเดินไปชะโงกทางหน้าต่างบานเล็ก แล้วร้องขึ้นแบบตื่นตาตื่นใจ

“ดอกไม้ข้างนอกสวยจัง..เดี๋ยวข้าจะไปเด็ดมาให้ท่านดู”

“ไม่ต้อง ไม่ต้อง...” เจ้านายร้องเสียงหลง

“มันสวยนะ”

“มานั่งนี่เลย” น้ำเสียงเฉียบขาด นางฟ้าตกสวรรค์หันมามองตั้งใจจะทำหน้าล้อเลียน แต่พอเห็นอีกฝ่ายมีรังสีแห่งการ”ดุแหลก” แผ่ซ่านออกมา เลยยิ้มเจื่อนๆ กลับมานั่งที่ประจำตำแหน่งแต่โดยดี

เป็นคนรับใช้ก็ต้องเชื่อฟังหัวหน้า......!!

“ดีมาก..”

นั่นเป็นคำชมสั้นๆ ของเจ้านาย เฟรี่ยิ้มแบบไม่เต็มหน้า และพยายามนั่งนิ่งๆ แต่สายตายังคงลอบมองไปมาอย่างอยากรู้อยากเห็น

สักพักชายชราเรือแจวก็เดินออกมาจากห้องด้านข้าง ในมือมีขวดแก้วเล็กๆ  และมีเม็ดยาสีประกายสายรุ้งอยู่ภายในเม็ดหนึ่งมองเห็นถนัดชัดตา

ชายชรานั่งลงตรงกันข้ามแล้วยื่นขวดยาให้กับปีศาจหนุ่มพลางบอกด้วยเสียงแหบพร่าผ่านออกมาจากปีกหมวกขนาดใหญ่

“ยานี้เป็นตัวเสริม ลำพังยาของเทพธิดาบอดยังไม่พอ เพราะแม่นางคนนี้...” เอ่ยปากมาถึงตอนนี้พลันยกมือชี้มายังเฟรี่ ก่อนพูดต่อไปว่า

“นางมีเลือดของปีศาจอยู่ในตัว ทำให้ภูมิคุ้มกันส่งผลรุนแรง นอกจากจะได้ยาของข้าไปแก้พิษ แล้วจึงจะดึงความทรงจำกลับมาได้”

“ความทรงจำอะไร.... “ นางฟ้าคนดีหลุดปากถามอย่างไม่ตั้งใจ

ชายชราไม่ได้ตอบคำถามนี้ ส่วนนักรบปีศาจนิ่งเงียบ  ในที่สุดชายชราจึงลุกขึ้นแล้วบอกว่า

“เอาล่ะ...งานของข้าเรียบร้อยแล้ว ข้าจะไปส่งพวกเจ้ากลับ"”

“เดี๋ยวสิ..” เฟรี่ส่งเสียงแทรกเข้ามากะทันหัน  “ขอข้าเดินดูดอกไม้รอบๆ เกาะนี้ก่อนได้ไหม...”

ชายชรากับนักรบปีศาจสบตากัน แล้วริมฝีปากของชายชราคล้ายแสยะยิ้มเล็กน้อย ขณะบอกว่า

“นั่นขึ้นอยู่กับว่าเจ้านายจะอนุญาตหรือไม่”

เฟรี่หันไปมองปีศาจหนุ่มทันที รายนั้นนิ่งเงียบ จนหญิงสาวต้องไปจับแขนเขย่าไปมาบอกว่า

“ท่านตกลงใช่ไหม”

ถามไม่ถามเปล่า ใช้สายตาเว้าวอนขอร้องเขม็ง ราวกับจะรู้ว่านี่เป็นจุดอ่อนซึ่งซ่อนลึกในหัวใจ

“ ข้าให้เวลาพักหนึ่ง” สุดท้ายก็หลุดปากอ่อนข้อให้

“เย..”

เฟรี่กระโดดตัวลอย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้ววิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมีใครมาทัดทานห้ามปราม

ชายชรานิ่งเงียบไปพักหนึ่งเหมือนรอให้นักรบปีศาจตั้งตัวทางคำพูด แล้วค่อยเอ่ยปากเบาๆ พอได้ยินกันสองคนว่า

“นางทำปัญหาให้เจ้าใช่ไหม”

นั่นเป็นคำถามน่ากลัวที่สุดสำหรับปีศาจหนุ่ม ปัญหาคืออะไรกันแน่..ปัญหาทางกายหรือหัวใจ

“ข้าว่าไม่นะ...” นักรบปีศาจตอบแบบครุ่นคิด เงียบไปพักหนึ่งจึงพูดต่อขึ้นอีกเหมือนไม่เต็มใจพูดว่า

“นางมีคนรักรออยู่แล้ว”

ชายชราฟังแล้วนั่งเงียบไปพักหนึ่งเช่นกัน แล้วเอ่ยปากถามว่า

“เจ้าจะทำอย่างไร”

แต่ละคำถามของชายชราคล้ายไม้ขนาดใหญ่ หวดใส่หัวใจหนักหน่วง นั่นสินะ... จะทำอย่างไรได้ล่ะ นอกจากพาไปส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย

จะทำอะไรมากไปกว่านี้ได้เล่า

“ข้าจะไปรอที่เรือ พวกเจ้าพร้อมแล้วไปพบข้าที่เรือ”

กล่าวจบชายชราลุกขึ้นโดยไม่รอคำตอบ จับหมวกใส่ให้เข้าที่ เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ปีศาจหนุ่มถอนใจยกมือขวาปิดหน้าราวกับคนไม่เข้าใจตัวเอง

ปีศาจต้องไม่รู้จักการเป็นห่วงใคร..นี่เป็นบทแรกในตำราเรียน เป็นอย่างนี้จริงๆ

สตรีคือตัวก่อปัญหาให้ยุ่งยาก....นี่เป็นบทที่สองของตำราเรียน

ตอนเรียนเข้าใจถ่องแท้ แต่พอเผชิญหน้ากับเรื่องจริง ตำราก็แทบไร้ความหมาย

ไม่....ต้องเข้มแข็ง ต้องพานางฟ้าตัวยุ่งนี้กลับบ้านโดยเร็ว แล้วชีวิตอันเคยปกติสุขก็จะกลับมาอีกครั้ง ชีวิตซึ่งไม่มีใครมาทำให้คอยห่วงใยยุ่งยากใจ อยากไปไหนก็ไปได้ ไม่ต้องคอยกังวล

ลุกขึ้น..รวบรวมความเข้มแข็ง แต่เป็นเวลาเดียวกับสาวตกสวรรค์เดินเข้าห้องมาพอดีด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ในมือถือดอกกุหลาบสีเขียวมรกตติดมือมาด้วยดอกหนึ่ง พลางยื่นส่งให้

“ข้าให้ท่านเจ้านาย”

คำพูดและนัยน์ตาเป็นประกาย ชนิดที่ทำให้หัวใจอันเข้มแข็งละลายลงต่อหน้าต่อตา

“เด็ดมาทำไม....” น้ำเสียงยังคงความดุคงเส้นคงวา แล้วบรรยายความยาวต่อไปว่า “เจ้ารู้ไหม ดอกไม้เวลาที่มันสวยงามที่สุดอยู่ที่ไหน....

ข้าบอกให้ก็ได้ ดอกไม้สวยที่สุด ก็คือตอนที่มันอยู่บนลำต้นของมัน เจ้าเด็ดมันมาความงามของมันก็ลดน้อยถอยลงมากแล้ว รู้ไหม”

“ไม่รู้....”

เสียงใสๆ และหน้าตาซื่อๆ แบบนั้นสวนกลับมาทันทีเช่นกัน

“เจ้าดูให้ดีสิ ประกายแห่งดวงดาวของดอกไม้ไม่มีแล้ว”

“ว้า...แย่จัง” สาวใช้จอมซนทำหน้าเสียเมื่อเห็นว่าประกายดารารายกระจายหายไปจนหมดจากดอกกุหลาบมรกตอันสดใส

“แต่ว่า...สิ่งที่ข้ารู้ก็เพียงว่าจะเด็ดมันมาให้ท่านเท่านั้น ข้ารู้ว่าท่านชอบนะ....”

นี่ล่ะ..สิ่งที่น่ากลัว…ไม่ว่าเพราะอะไรก็ตาม..แค่เหมือนกับว่านางฟ้าคนดีที่หนึ่งคนนี้จะรู้ความคิดความในใจของปีศาจหนุ่มอยู่บ่อยๆ เป็นคนความจำเสื่อมชนิดไหนกันแน่....หรือว่าเป็นความสามารถพิเศษซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเป็นการชดเชยอาการความจำเสื่อม

“ก็ได้...ก็ได้”

กัดฟันพูดพลางยื่นมือไปรับแต่เฟรี่กลับดึงกุหลาบสีมรกตไปด้านข้างแล้วบอกว่า

“ไม่สิ...ข้าจะเป็นคนติดกุหลาบให้กับท่านเจ้านายเอง”

ว่าพลางบรรจงเสียบก้านกุหลาบมรกตลงบนอกเสื้อของนักรบปีศาจอย่างแผ่วเบาและมันก็ติดอยู่แบบนั้นจริงๆ ไม่ทราบว่าคนติดใช้วิธีการแบบใดกัน

ปีศาจติดกุหลาบกับอกเสื้อนี่นะ....ไนท์ลอบคร่ำครวญหวนไห้ในใจ... รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น นักรบปีศาจผู้อำมหิตตะลุยล่าพวกปีศาจสิบทิศ แต่มาปักกุหลาบบนอกเสื้อ !!!

เป็นไปได้ถึงเพียงนี้!!!




+++

จากคุณ : GTW
เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 54 17:41:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com