Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ลมหายใจสุดท้ายที่ก้นทะเลสาบ ติดต่อทีมงาน

เรื่องสั้นเรื่องนี้ตีพิมพ์ในมหาสนุก ฉบับที่ 1074 ประจำสัปดาห์ที่ 30 พ.ย. ถึง 6 ธ.ค. 54 พร้อมๆ กับที่เรื่องนิมิต หอพักและสัมผัสพิเศษตีพิมพ์ในขายหัวเราะสัปดาห์เดียวกัน

นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของผมที่เรื่องสั้นสองเรื่องได้ตีพิมพ์พร้อมกันบนแผงหนังสือ วันนี้เพิ่งมีเวลาว่างจึงหยิบมาลงให้อ่านกัน(โพสต์เรื่องยาวไม่ขึ้น โพสต์แล้วกระทู้หาย ไม่รู้เป็นอะไร ฮือๆ)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามารับชมและอ่านครับ

-------------------

ลมหายใจสุดท้ายที่ก้นทะเลสาบ

โดย

เธียร อาชาปราชญ์


เมื่อร่างของลูคัสจมลงสู่ใต้ทะเลสาบ เขาเข้าใจแล้วว่าแม่รู้สึกอย่างไรในวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะตาย

แม่เสียชีวิตที่ทะเลสาบแห่งนี้เมื่อยี่สิบปีก่อน  ลูคัสจำได้ดี เหตุการณ์นั้นทำให้เขากลายเป็นเด็กกำพร้าและเป็นตราบาปอยู่ในใจของเขาตลอดมา

เมื่อยี่สิบปีก่อน แม่ยอมตายเพื่อช่วยชีวิตเขา

ร่างของลูคัสจมลงสู่ก้นทะเลสาบลึกลงเรื่อยๆ น้ำทะลักเข้าปากเข้าจมูก ลูคัสหายใจไม่ออก เขาพยายามตะกายมือไขว่คว้าหาออกซิเจน  รอบกายมีแต่ความมืด เขาเตะขาไปมา  แต่ลูคัสทราบดีว่าเขาไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงสำหรับพาตัวเองกลับขึ้นสู่ผิวน้ำอีกแล้ว

สติของชายหนุ่มกำลังจะหมดลงพร้อมลมหายใจ แต่เขาก็มีความสุขที่ได้ทำหน้าที่ของพ่ออย่างสุดความสามารถ  ลูคัสรู้ดีว่าในขณะนี้ ลูกชายและภรรยาของเขาปลอดภัยอยู่บนริมฝั่งเหนือผิวน้ำ ภาพที่เขาเห็นพร่าเลือนลงทุกที ลูคัสหยุดตะกาย หยุดเตะขา  หยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง ปล่อยให้ตัวเองจมลงและรอรับความตายอันหนาวเย็น  

รถเก๋งที่เขาขับมาก็คงกำลังจมไม่ห่างจากเขาเสียเท่าไหร่ ลูคัสหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน  ทุกอย่างเหมือนกันจนน่าประหลาดใจ  ทั้งพายุร้าย  ถนนที่ลื่น คลื่นลมที่รุนแรงและความตายที่รออยู่ก้นทะเลสาบ
ภาพทุกอย่างหวนกลับมาฉาบฉายในจิตใจของลูคัสอีกครั้งขณะที่สองตาของเขาเริ่มหรี่ปิดลง

********

ในตอนนั้น ลูคัสเพิ่งมีอายุได้หกขวบ เขาเป็นเด็กที่ดื้อมากคนหนึ่ง ดื้อและก้าวร้าวผิดปกติจนแม่ต้องพาเขาไปหาจิตแพทย์เด็ก ซึ่งจิตแพทย์ก็บอกว่าอาการของลูคัสเป็นอาการที่เรียกว่า พฤติกรรมก้าวร้าวในวัยเด็ก หรือชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ Aggressive Behavior  ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นในพํฒนาการทางสังคมของเด็ก มันสามารถเกิดขึ้นได้ในเด็กทุกคน

แต่สำหรับกรณีของลูคัส เขามีพฤติกรรมก้าวร้าวที่มากเกินไป สุ่มเสี่ยงต่อการโตขึ้นกลายเป็นเด็กมีปัญหาอย่างมาก คุณหมอบอกว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูคัสเป็นเด็กก้าวร้าวก็คือการขาดความอบอุ่น ไม่มีใครเอาใจใส่  ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมที่โรงเรียน  แม่ของลูคัสไม่ได้โต้เถียงคุณหมอสักคำ

นั่นเพราะหล่อนรู้ดีว่า ทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่คุณหมอวิเคราะห์  ลูคัสเป็นเด็กขาดความอบอุ่น  พ่อของเขาเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่เข้าไปดับเพลิงในบ้านหลังหนึ่ง   ทุกคนต่างชื่นชมว่าพ่อของลูคัสเป็นหัวหน้าทีมดับเพลิงที่กล้าหาญมากที่สุดคนหนึ่งในสถานี

ในวันนั้น บ้านหลังที่เกิดเหตุไฟไหม้ถูกไฟเผาผลาญจนคานและเสาบ้านเริ่มรับน้ำหนักของบ้านไม่ไหว ไฟโหมไหม้รุนแรงเกินที่จะควบคุม เมื่อสำรวจว่าภายในบ้านไม่มีใครอยู่แล้ว  พ่อของลูคัสจึงพาลูกทีมถอยกลับออกมา  

แต่ขณะนั้นเอง ลูกทีมของพ่อก็เล่าว่าในขณะที่ทุกคนกำลังจะมาถึงประตู เสียงลูกสุนัขตัวหนึ่งก็ร้องครางขึ้นจากภายในตัวบ้าน พ่อของลูคัสสั่งให้ลูกน้องทุกคนหนีออกไปก่อนขณะตัวเองวิ่งย้อนกลับเข้าไปช่วยลูกสุนัขตัวนั้น

ลูกทีมทุกคนออกจากบ้านมาได้อย่างปลอดภัย  พ่อของลูคัสพบลูกสุนัขสีขาวที่มอมแมมด้วยเขม่าควันกำลังเห่าอย่างตื่นตระหนกอยู่ภายในตะกร้าบริเวณห้องนั่งเล่น เขาคว้าเจ้าหมาน้อยขึ้นมาโอบอุ้ม ก่อนจะได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะ และเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็พบว่าเพดานกำลังยุบตัว

แล้วบ้านทั้งหลังก็ถล่มในพริบตาต่อมา

ศพของพ่อถูกพบอยู่ใต้ซากปรักหักพัง  ในห้วงแห่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต พ่อยังคงเป็นผู้พิทักษ์ผู้กล้าหาญ  พ่อโอบกอดลูกสุนัขตัวนั้นไว้แนบอก ใช้ลำตัวของตัวเองกำบังเจ้าหมาน้อยเอาไว้  พ่อเสียชีวิตโดยสามารถปกป้องเจ้าหมาน้อยไว้ได้อย่างปาฏิหาริย์ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปรื้อซากปรักหักพัง พวกเขาพบว่าเจ้าหมาน้อยยังมีลมหายใจอยู่ และในภายหลัง แม่ก็ได้ติดต่อขอลูกสุนัขตัวนั้นมารับเลี้ยง

แม่สอนให้ลูคัสภูมิใจในตัวพ่อ  แม่สอนให้เขาเป็นคนดี  เป็นคนที่กล้าหาญแบบพ่อ  แต่เขาก็ไม่เชื่อฟัง  ลูคัสต่อต้านทุกสิ่งทุกอย่าง  แม่ของเขาทราบดีว่าหล่อนไม่มีเวลาให้ลูคัสมากพอ หล่อนต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงดูตัวเองและลูกชาย  ทุกๆวันลูคัสต้องอยู่กับพี่เลี้ยงเด็กที่แม่จ้างเอาไว้ และพี่เลี้ยงเด็กคนนั้นก็ไม่ใช่พี่เลี้ยงที่ดีเท่าไหร่นัก

ตั้งแต่สามขวบ ลูคัสแสดงอาการของเด็กเจ้าอารมณ์ แม่ของเขาคิดว่าคงเป็นเรื่องปกติ โตขึ้นก็คงหาย แต่ยิ่งลูคัสโตขึ้นเท่าไหร่ ความก้าวร้าวเจ้าอารมณ์กลับทวีความกราดเกรี้ยวมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อถึงวัยที่ลูคัสเข้าโรงเรียน ทุกอย่างก็เลวร้ายยิ่งกว่าเก่า

แทบทุกอาทิตย์จะมีจดหมายจากครูประจำห้องร้องเรียนมาว่าลูคัสชอบรังแกเด็กคนอื่น ไม่ยอมเล่นกับใคร และ ไม่ค่อยร่วมมือในการทำกิจกรรมต่างๆ แม่ปล่อยให้ปัญหานั้นค้างคามานาน จนครูที่ปรึกษาเรียกเข้าไปพบและบอกว่า หล่อนควรพาลูคัสไปหาจิตแพทย์เด็ก

วันที่เกิดเหตุ ก็เป็นครั้งแรกที่แม่หยุดงาน ขับรถกระบะเก่าๆของพ่อพาเขาเข้าเมืองไปพบจิตแพทย์เด็กที่ทางโรงเรียนแนะนำ  

มันเป็นวันที่มืดครื้มในเดือนพฤศจิกายน  พายุก่อตัวขึ้นตั้งแต่เช้า และฝนก็เริ่มตกเมื่อลูคัสกับแม่เดินออกมาจากสถาบันบำบัดจิตของด็อกเตอร์แคนลี่ย์  คุณหมอบอกให้แม่รู้แล้วว่าลูคัสเป็นอะไร และหล่อนควรจะแก้ไขอาการก้าวร้าวของเขาด้วยวิธีไหน

ฝนตกหนาเม็ด ท้องฟ้าในเวลาบ่ายมืดทะมึนเหมือนตอนกลางคืน ไม่มีแสงอาทิตย์ส่องลงมา ระหว่างขับรถแม่ต้องเปิดไฟหน้าส่องถนนตลอดเวลา ที่ปัดน้ำฝนทำงานอย่างหนักหน่วง ลูคัสนั่งอยู่บนที่นั่งผู้โดยสาร เสียงฟ้าร้องก้องกระหึ่ม แม่เหยียบคันเร่งเร็วขึ้นเหมือนอยากจะกลับให้ถึงบ้านโดยเร็วที่สุด

“แม่ห่วงเจ้าทิวบี้มากเหรอฮะ?” ลูคัสส่งเสียงถาม ทิวบี้คือชื่อของลูกสุนัขที่แม่ขอมาเลี้ยงตัวนั้น  ตัวที่พ่อสละชีวิตช่วยมันไว้  มันเติบโตมาพร้อมกับเขา  ลูคัสทราบดีว่าแม่ห่วงเจ้าหมามาก ทิวบี้มักจะมีอาการตื่นตระหนกทุกครั้งเวลาได้ยินเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่า ที่สำคัญ ในตอนนี้มันกำลังอยู่บ้านเพียงลำพัง

“จ้ะ ป่านนี้มันคงกลัวลนลานแล้วล่ะ” แม่ตอบ  หล่อนไม่ยอมหยุดรถจอดข้างทางแม้ฝนจะตกหนักและทัศนวิสัยบนถนนจะเลวร้ายมากก็ตาม  ไฟหน้ารถส่องให้เห็นทางอย่างรางเลือน  รถกระบะคันเก่าขับเข้าสู่ถนนเลียบทะเลสาบ  ข้างทางมีรถจอดพักอยู่บ้าง  แต่แม่ก็ยังขับมุ่งหน้ากลับบ้านต่อไป

“แล้วระหว่างผมกับทิวบี้ แม่รักใครมากกว่ากันหรอฮะ?” ลูคัสถาม

แม่หันมามองเขาแล้วยิ้ม “ก็ต้องรักลูกอยู่แล้วจ้ะ  ลูคัส”

“หมอบอกว่าผมเป็นบ้าใช่มั้ยฮะ?” ลูคัสถามต่อ เสียงของเขาฟังดูไร้อารมณ์ แต่ภายในจริงๆแล้วไม่ใช่เลย

“ไม่ใช่หรอกจ้ะ  หมอบอกว่าลูกเป็นเด็กที่ดีมากต่างหาก” แม่ตอบ ยกมือที่จับพวกมาลัยข้างหนึ่งมาลูบศีรษะลูคัสด้วยความรัก แต่เขารู้ว่าแม่โกหก แม่ยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปจ้องมองถนน  

เสียงล้อรถบดพื้นดังลั่นถนนในวินาทีต่อมา  ทัศนะวิสัยที่เลวร้ายทำให้แม่ไม่เห็นว่ามีรถคันหนึ่งวิ่งสวนทางมา และรถคันนั้นก็ไม่เห็นรถของแม่เช่นเดียวกัน  กว่าที่รถทั้งสองคันจะเห็นกันและกันก็เป็นระยะที่กระชั้นชิดมากแล้ว  รถคันนั้นเลือกที่จะเบรก ส่วนแม่เลือกที่จะหักพวงมาลัยไปทางขวามือ เบี่ยงรถเพื่อหลบหลีกการพุ่งชน แม่ทำได้สำเร็จ รถกระบะพุ่งไปทางขวามือผ่านพ้นการปะทะกับรถด้านตรงข้ามได้อย่างหวุดหวิด...

แต่ทางขวามือของถนน มันคือทะเลสาบที่กว้างใหญ่ รถกระบะของสองแม่ลูกพุ่งลงสู่ผืนน้ำที่กำลังตกอยู่ใต้อำนาจของพายุร้ายเหมือนก้อนกรวดที่ถูกโยนลงสู่มหาสมุทร

รถถูกลมพายุพัดกรรโชกสู่ใจกลางทะเลสาบ  มันกำลังจมอย่างช้าๆ แม้ประตูและหน้าต่างจะปิดสนิทแน่น แต่น้ำก็ยังทะลักเข้ามาเรื่อยๆ หัวรถจมลงต่ำทุกวินาที ลูคัสร้องไห้อย่างแตกตื่นเพราะทำอะไรไม่ถูก เขาว่ายน้ำไม่เป็น และถึงแม้เขาจะเป็นเด็ก แต่ลูคัสก็รู้ว่าสำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น หากมาอยู่ใจกลางทะเลสาบบนรถที่กำลังจมน้ำ นั่นหมายถึงความตายสถานเดียว

แม่ของลูคัสก็ทราบดีในข้อนั้น  หล่อนจึงพยายามปลอบให้ลูคัสหยุดร้องไห้ ขณะเดียวกันกับที่พยายามดันประตูรถให้เปิดออก แต่ตอนนี้น้ำขึ้นสูงเลยขอบหน้าต่างรถมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว และภายในรถน้ำก็ทะลักเข้ามาท่วมถึงระดับเบาะที่นั่ง  ประตูรถถูกแรงดันน้ำจากภายนอกบีบอัดจนไม่สามารถเปิดออกได้
ลูคัสร้องไห้หนักขึ้น  เขาเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนั้น แล้วแม่ของเขาก็นึกอะไรได้บางอย่าง หล่อนรีบหันไปไขกระจกหน้าต่างรถฝั่งของตัวเองให้เปิดออก น้ำทะลักพุ่งเข้ามาทันที  หล่อนจับแขนของลูคัสไว้แน่นที่สุดในชีวิต ก่อนจะสอดตัวออกทางหน้าต่าง  ดึงลูคัสออกมาด้วยอย่างทุลักทุเลเต็มที

แต่ก็เป็นอีกครั้งที่แม่ของเขาทำได้สำเร็จ หล่อนประคองลูกรักให้ลอยตัวท่ามกลางผืนน้ำและสายฝนที่สาดซัดลงจากฟ้าอย่างบ้าคลั่งในขณะที่รถจมลงสู่ใต้น้ำมิดทั้งคัน  

ตอนนี้ริมฝั่งเห็นอยู่ไกลลิบๆ บนฝั่งมีบรรดาคนที่เห็นเหตุการณ์ยืนมองอยู่สองสามคน และเมื่อพวกเขาเห็นสองแม่ลูกสามารถออกจากรถมาได้  ชายสองคนก็พากันกระโดดลงน้ำว่ายมาช่วย ในขณะที่อีกคนวิ่งไปขอความช่วยเหลือทันที

แต่ระยะห่างระหว่างจุดที่สองแม่ลูกอยู่ กับจุดที่พลเมืองดีริมฝั่งว่ายมาถึงยังถือว่าไกลนัก ลูคัสสำลักน้ำหลายรอบจนแสบจมูกแสบคอไปหมด หากไม่มีแม่ช่วยประคอง เขาคงจมน้ำโดยไม่ต้องสงสัย  แม่พยายามว่ายน้ำทวนกระแสลมพาลูคัสไปหาผู้มาช่วยให้ใกล้ที่สุด แม่ต้องใช้แรงเป็นสองเท่าในการทำอย่างนั้น
ลูคัสได้ยินเสียงแม่หอบ แม่หายใจทางปาก แม่เหนื่อยมากแต่แม่ก็ยังคงว่ายน้ำต่อไป  แม่ทำได้สำเร็จ  แม่พาลูคัสมาพบชายหนุ่มสองคนผู้มาช่วยในระยะครึ่งทาง  เมื่อแม่ส่งตัวลูคัสให้ชายหนุ่มสองคนนั้นเรียบร้อย  ลูคัสก็เห็นแม่ส่งยิ้มให้เขาอย่างโล่งอก

แล้วร่างของแม่ก็จมลงไปใต้น้ำอย่างหมดแรง ซึ่งกว่าที่ชายสองคนผู้มาช่วยจะสังเกตเห็น(พวกเขามัวแต่พุ่งความสนใจส่วนใหญ่มาที่ลูคัส) ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว  ชายคนหนึ่งทำหน้าที่พาลูคัสเข้าหาฝั่ง ขณะที่อีกคนอาสาดำน้ำตามหาแม่ของลูคัส แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก

เช้าวันต่อมาเมื่อพายุสงบลง เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยก็สามารถกู้ซากรถและศพของแม่ขึ้นมาจากก้นทะเลสาบ  ซึ่งหลังจากวันนั้น ชีวิตของลูคัสก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย

********

จากคุณ : ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค
เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 54 11:34:49




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com