Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
...Dragon Delivery...#17 (ุ6/7 ครึ่งแรก) ติดต่อทีมงาน

ขอแปะทีละครึ่งไปจนกว่าคนเขียนจะเต็มร้อยเน่อ

http://writer.dek-d.com/lawit/writer/view.php?id=738340

###

น้อยหน่า @ แสวงแล้วเอาไปทำอะไรดีล่ะเนี่ย ตัวเงินตัวทอง
moral of the story = การกินคือความสุขอย่างหนึ่งของชีวิต :3  <<< ถูก!

คุณนริน @ นั่นสิเนอะ (เหม่อมองฟ้า  ทำหน้าตาเหมือนคุณหนูวิดา)

คุณกาปอมซ่า @ ขอบคุณค่า จะแข็งแรงเร็ว ๆ เพื่อคนอ่านเน้อ >w<

คุณ Canossa @ เค้าว่าตาแก่นั่นไม่ได้วางนะคับ  แกแค่ชอบเดิมพันพนันสูงเฉย ๆ - -'

คุณแมวเหมียวพุงป่อง @ อืม...ค่ะ

คุณ ipod_nenaz @ เทย์อาจจะไม่อยากปะทะก็ได้นะคะ ^^'

คุณ scottie @ ขอบคุณค่า T^T

คุณหนมจีน @ จากเล่มหนึ่งมา ตานั่นก็เปลี่ยนไปเยอะแล้วนะ (แม้มันจะไม่ยอมรับก็เหอะ...)

คุณทินา @ ป้าคือตัวละครลับที่ต้องน็อคทุกตัวก่อนถึงจะเรียกออกมาใช้ได้...

คุณ kiikifon @ หายไปรักษาตัวคับ T_T

คุณ river @ แกไม่ได้วางแผนหรอกนะ  เค้าว่าแกพนันวัดดวงแบบตาดีได้ตาร้ายเสียมากกว่า
ขอบคุณค่า  ตอนนี้ก็พยายามรักษาตัวเองให้หายอยู่นุ

คุณ PP_kung @ อ๊ะ ชอบคำอธิบายของคุณจังค่ะ :)

คุณ Mnemosyne @ ขอบคุณคับ ขอบคุณที่ชอบเซรีด้วยเน้อ T_T

คุณ Draconia @ กร๊ากก ชอบบบบ

คุณ varavari @ เห็นตานั่นยืดอยู่หลังโรงแน่ะค่ะ...

คุณ penwings @ ขอบคุณหลายจ้า ^w^

คุณฟ้าเคียงดาว @ ตาเทย์ลงมาถึงแดนนี้แล้วแหละ  แต่คาดว่ายังหาทางมาต่อไม่ได้มั้ง

คุณเจรามี @ ใจ้แล้ว

คุณ nutxnut @ ขอบคุณค่า ; ;

###

๖.

หลังจากอยู่ไปได้เกือบปี  ไซธีน เอชานก็พบว่าเมืองซีเลเป็นที่อันตราย

มันอันตรายจริง ๆ อย่างที่เขาเองไม่คาดหมาย  และไม่อยากจะเชื่อ  ความอันตรายนั้นเช่นว่าวันดีคืนดี คนอย่างไซธีนก็พบว่าตัวเองกำลังฮัมเพลงในคอ  ถือถังกับเบ็ดไปตกปลาที่ทะเลสาบ  หรือไม่เช่นนั้นก็นั่งสบายอยู่ในร้านเหล้าประจำเมือง  ฟังเรื่องนินทาที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยแน่ใจว่ามีสาระหรือไม่  แต่ที่แน่ ๆ คือจินตนาการสูงส่งน่าชื่นชมมาก  ที่จริงแล้วที่น่ากลัวที่สุดคือ ไซธีนชักจะชอบสมญาบุรุษปริศนาของตนขึ้นมา   เขาชอบเวลาที่คนพยายามจะเดาให้ได้ว่าเขาทำอะไรได้อย่างไร

ความน่ากลัวยังกินเลยไปเรื่อย ๆ มากกว่านั้น  เช่นไซธีนเริ่มจำได้ขึ้นมาว่าประมาณพันปีก่อน ตอนเขาเป็นเด็กชายเคยชอบวาดรูปประหลาด ๆ อย่างไร  เคยชอบทำอะไร  ชายชราดำเนินกิจการแบบตามใจตัวเอง  พอใจทำงานก็ทำ  ไม่พอใจทำงานก็ไม่ทำเฉย ๆ  ไม่มีข้าวกินก็ไปตกปลา  ว่างมากนักจึงเริ่มขุดสิ่งที่อยากทำขึ้นมาทำ  กว่าจะรู้ตัวอีกที เขาก็กางขาตั้งวางกระดานไม้  บดผสมผงสี  ล้างพู่กัน  เขาตกใจตอนได้สติขึ้นมาว่าตนกำลังวาดรูปไม่ได้เรื่องอยู่  แถมยังสนุกกับมัน

ความสบายง่าย ๆ เช่นนั้นปกคลุมไปทั้งเมือง  ก็ไม่ใช่ว่ามันไม่มีปัญหา  เมืองไหน ๆ ย่อมมีปัญหาของตัวเอง  กระนั้น ซีเลก็เป็นที่ที่สบาย ให้อารมณ์คล้าย ๆ แมวนอนเหยียดยาวบนพื้นไม้ขัดมันตอนบ่าย ๆ  คงเป็นเพราะเมืองนี้ไม่ใช่เมืองสำคัญ  ไม่ได้เป็นจุดยุทธศาสตร์  แต่ขณะเดียวกันก็มีหอสมุดและวิทยาลัย  ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ชนบทเกินไปจนคนอย่างไซธีนปรับตัวไม่ได้  หรือต้องเปลี่ยนบางอย่างมากเกินไป

ยามได้สติเป็นพัก ๆ ว่าตนถูกความสบายของเมืองรุกราน  ย่อมมีครั้งแล้วครั้งเล่าที่ชายชราพยายามจะหวนกลับมาเป็น "ตัวเอง"  นึกถึงความมืดมนทั้งปวง  และนึกให้ออกว่าตนกำลังทำอะไร  แต่ปัญหาคือหลังจากป่วยคราวนั้น  "เพื่อนบ้าน" ทั้งหลายก็มายุ่มย่ามกับชีวิตของอดีตเจ้าของร้านเอชานมากขึ้นทุกที  เขารำคาญ  แต่ทำร้ายใครไม่ได้   ทั้งว่ากันตามตรง...ก็อาจจะไม่อยากทำร้าย   เขาไม่เคยชินกับการมีคนทำดีด้วยหรือมีคนเอาใจใส่   แต่เมื่อได้รับแล้ว  แม้จะไม่ค่อยเข้าใจ  ก็รู้สึกว่าทำร้ายอีกฝ่ายชักจะยากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรชอบกล

เพื่อนบ้านเหล่านั้นหาเรื่องให้เขาทำ  ชวนเขาไปที่ที่ไม่เห็นอยากไป  ถามเรื่องมากมาย  และพูดเรื่องมากมายให้ฟัง  ครั้งผ่านไปหลายครั้ง  ไซธีนก็เริ่มรู้สึกว่าตนค่อย ๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อม   เขาบอกตัวเองว่าเพียงแสร้งทำเพื่อให้กลมกลืน  ทว่าแม้บอกอย่างนั้น  เขากลับค่อย ๆ หัวเราะกับเรื่องไร้สาระเป็น  ค่อย ๆ รู้สึกว่าไม่เป็นแก่นสารก็ไม่เป็นไร

แน่นอนว่าเขายังคงร้ายอยู่  โดยเฉพาะกับใครก็ตามที่เห็นว่าน่ารำคาญ เช่น ทาร์น เฮเบล  หรือไม่อย่างนั้นก็มายุ่งวุ่นวายข่มเหงกันมากเกินไป  คนเหล่านั้นย่อมเจอพิษของบุรุษปริศนารุ่นที่หนึ่ง   ทว่าอื่น ๆ นอกจากนี้  ไซธีนไม่ได้ทำร้ายใคร   เขาหันไปสนใจอย่างอื่น   หันไปพิศวงแปลกใจกับหลายสิ่งที่ตนหลงลืม

เขาตื่นเช้าขึ้นในวันหนึ่ง  และแปลกยิ่งนัก  ความรู้สึกหนักบางอย่างกลับสูญหาย  เหมือนท้องฟ้าได้เปลี่ยนสีไป

'พอครบเวลาประมาณเกือบปี  เจวานก็มา' ชายชราพึมพำ 'แค่เห็นหน้าก็หมดอารมณ์จะแย่งพลัง  มันทะมึนราวกับคนจะตาย'

เจวานเพิ่งฟื้นตัวจากเวลาที่เลวร้ายที่สุด  แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าสภาพจิตใจจะเป็นปรกตินัก  ผู้ช่วยร้านเอชานในสมัยนั้นเป็นชายฉกรรจ์ที่เงียบมาก  ไม่พูดถ้าหากไม่มีคนถาม  และไม่เคยยิ้มเลยเป็นเดือน ๆ   เขาขยันทำงาน ไม่ว่างานอะไรล้วนยินดีทำทุกอย่าง  หากทำไม่เป็นก็ถาม  แต่เห็นได้ชัดว่าทำงานเพราะต้องการไม่ให้ตนเองคิดอะไร

'ข้าคิดมาตลอดว่ามันคือพลังธาตุน้ำ  มีไว้ให้ข้ากลืนลงไป  เพื่อตัวข้าจะได้ยิ่งใหญ่  อื่น ๆ นอกจากนั้นล้วนเป็นเปลือกห่อหุ้มไม่สำคัญอะไร   แต่พอเจอกระดาษห่อชื่อเจวานที่น่ากลุ้มใจถึงเพียงนั้น   ข้าก็รำคาญ  ข้าไม่รู้ว่าความรำคาญเกิดขึ้นเพราะข้าอยู่ในเมืองบ้านั่นนานเกินไป  หรือเพราะไอ้เจวานเหมือนข้ามากเกินไป'

"หือ?" โซลโทไม่เข้าใจ

'เขาไม่ได้เป็นทั้งมนุษย์และมังกร' ไซธีนมองไปอีกทางหนึ่ง 'ข้าก็ไม่ได้เป็นทั้งมนุษย์และรูเซลคาเหมือนกัน'

มีบางอย่างที่คนเหมือนกันจะรู้สึกได้

เพราะว่าเหมือนกัน  ถ้าหากคนคนนั้นรังเกียจเหยียดหยันสิ่งที่ตนเป็น  ก็จะพลอยเหยียดหยันคนที่เหมือนตนไปด้วย  พยายามอย่างที่จะบอกว่าตัวเอง "ไม่ได้เป็นอย่างนั้น" หรือไม่ก็บอกว่าตัว "ดีกว่า"  ทว่าอีกทีหนึ่ง ถ้าหากไม่ได้รังเกียจสิ่งที่ตนเป็นมากเกินไป  ถ้าหากสามารถข้ามพ้นอะไรบางอย่างมาได้  ก็จะเกิดความเข้าใจอย่างยิ่ง  ชวนให้ถ้าหากชอบอีกฝ่ายมากพอ  บางครั้งก็อยากบอกอะไรบางอย่าง  อยากอธิบายว่าเรื่องบางเรื่องจะผ่านไปได้อย่างไร

'มันทุกข์มากนัก  ทุกข์จนน่ารำคาญ' ชายชรากอดอก 'ทุกข์จนข้าอยากจะหัวเราะเยาะว่าเรื่องเพียงแค่นี้อย่าให้มันเกินไป  จนบางทีข้าอยากจะด่ามัน ก็เพราะเจ้ายอมรับตัวเองไม่ได้ต่างหาก  เพราะเจ้าคิดว่าตัวเองสูงส่ง  เป็นคนดีวิเศษมากเกินไป  เลยรับไม่ได้ว่าตัวเองไม่สมบูรณ์พร้อมไร้ที่ติ  ไม่ใช่หรือไง'

"ท่านเจวานไม่ได้เป็นอย่างนั้น" โซลโทเถียง  ไซธีนได้ยินคำนั้นก็ยิ้มบาง

'โซลโท เจ้าเห็นตอนเจวานมันดีขึ้นมากแล้ว  ทั้งตัวเจ้าเองก็เด็ก  จึงไม่เข้าใจ' เขาบอกง่าย ๆ 'แต่ข้าจะบอกเจ้า คนยิ่งเข้มงวดกับตัวเองมากเท่าไร  ก็เพราะมีอุดมคติสูงเกินไปจนไม่เห็นความจริงเท่านั้นเอง'

"แต่..."

'แต่ข้าไม่ได้บอกเจ้าว่าเจวานไม่ใช่คนดี' ชายชราตัดบทง่าย ๆ 'มันเป็นคนดี  ทั้งไม่ใช่คนดีอย่างที่โง่เขลาเบาปัญญา  ว่าไปพวกมังกรโบราณส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนั้นเอง'

มังกรโบราณเป็นสิ่งมีชีวิตมีเกียรติจนบางครั้งอาจกลายเป็นหยิ่ง  ฉลาด ซื่อตรง หวงฝูง  และจะเอาใจใส่สมาชิกในฝูงของตน  นิสัยแบบนั้นย่อมทำให้คนมีเลือดรูเซลคาที่ยอกย้อนชอบกลั่นแกล้งชาวบ้านรู้สึกรำคาญ  แต่ลงได้ถูกเหมากลายเป็นฝูงของเจวานไปแล้ว  ก็ต้องถูกเอาใจใส่มากบ้างน้อยบ้างเป็นธรรมดา

'มันเฝ้าแต่ถามข้า หากร้านขาดทุนจะทำอย่างไร' คนพูดเลียนวิธีการเจรจาอันจริงจังของเจวานได้เหมือนไม่ผิดเพี้ยน 'นายไซธีนจะมีเงินทองพอหมุนเวียนในร้านหรือไม่  นายไซธีนมีครอบครัวอื่น ๆ อีกหรือไม่  ในหัวคงคิดไปแล้วว่าถ้าข้าแก่จนหลงใครจะดูแล   ถ้าข้าหายไปหลายวันก็จะถามว่าหายไปไหน  ถ้าหากเป็นงานส่งของไกลทำท่าจะมีอันตรายก็จะแย่งไปทำ'

ที่จริงโซลโทก็ยังไม่แน่ใจว่าควรเลิกตึงเครียดหรือไม่  แต่พออีกฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์เจวานไปมาก ๆ นัก  ชายหนุ่มก็เริ่มจะเกร็งหน้าขรึมไม่ไหว  จริง...ท่านเจวานเป็นอย่างนั้นเอง  แม้ยามมีอายุมากขึ้นจะวางเฉยและแนบเนียนได้มากขึ้น  แต่จนบัดนี้บางทีเขาก็ยังคง "มากเกินไป" จนเทย์แอบด่าว่าตาลุงฟันหักชอบ:-)เรื่องชาวบ้าน   ทว่าหลายครั้งหลายหนที่มีเรื่องร้อน  หากไม่ได้ท่านเจวานช่วย  ทั้งโซลโททั้งพ่อมดก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรอดมาได้อย่างไร

'ข้าเจอไอ้เปลือกห่ออมทุกข์น่ารำคาญนั่นทุกวัน จนในที่สุดก็เกือบลืมไปว่าไส้มันคืออะไร' ไซธีนหลับตาลง 'ข้าเห็นมันกวนอารมณ์   ข้าจะไปตกปลาให้สบายใจไอ้นี่ก็ทะมึนอยู่ได้   เลยให้ไข่มังกรน้ำมันไป   เลย...เผลอช่วยมัน'

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาหัวเราะ  ไม่ยี่หระปัญหาใด ๆ ให้เจวานเห็น   ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาบอกว่าไม่เห็นต้องยาก ในเมื่อมันทำให้ง่ายได้   ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาแกล้งยามเจวานตึงเครียดมากเกินไป  กระทบให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวว่าที่จริงก็อาจจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่า  และการใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแบกปัญหาไว้ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา  เขาทำอย่างนั้นทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวไม่ทราบว่าเท่าไร   อีกประการหนึ่ง คงเพราะเมืองซีเลเป็นอย่างนี้   เป็นเมืองที่ชาวบ้านสนใจจะกินของอร่อยและนินทากันเพลิน ๆ มากกว่า  เป็นเมืองที่คนเรียบง่ายและมีน้ำใจ  สุดท้ายเจวานก็คงรู้สึกดีขึ้นกระมัง  สามารถค่อย ๆ ตัดสินใจได้ว่าตนควรมีชีวิตอย่างไร

"ตอนนั้นท่านยังคิดจะดูดกลืนพลังธาตุน้ำอยู่หรือเปล่า" โซลโทถามขึ้น "คิดจะลงมาท้าทายจ้าวแห่งความตาย ใช้ร่างของข้า"

'หึ เจ้าหวังว่าข้าจะเชื่องง่าย ๆ หรือ' ลุงของเขายิ้มที่มุมปาก 'ก็ยังคิดอยู่  คิดตลอดเวลาว่าสุดท้ายก็ต้องไปจบตรงนั้น   ส่วนตอนนี้ก็แค่เหมือนพักร้อน  ไหน ๆ ต้องติดอยู่นี่ก็ขอติดอย่างสบายใจ  ผ่านสิบปีอย่างสบาย ๆ ย่อมดีกว่าผ่านสิบปีอย่างว้าวุ่นหงุดหงิดใจ ไม่ใช่หรือไง'

"ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนี้  ท่านก็ยังคิดฆ่าท่านเจวานหรือ"

ไซธีนไม่ตอบ  ที่จริงคือเขาเงียบไปพักใหญ่ทีเดียว  และยามเอ่ยปากอีกครั้งก็ดูเหมือนจะจงใจข้ามคำถามสุดท้ายของหลานชายไป

'แต่แล้ววันหนึ่ง  ความลืมก็กลับมาเยือน'

...

เขาทำบาป

แม้ว่าสภาพชีวิตจิตใจอาจจะเปลี่ยนไป  สิ่งที่ตัวทำไว้ก็จะต้องหวนกลับมาเสมอ  หากว่าได้ทำสิ่งดี  สิ่งดีก็จะมา  หากว่าทำสิ่งร้าย  สิ่งร้ายก็จะมาเช่นกัน

ไซธีนอยู่ในซีเลเป็นเวลานาน  นานจนเขาค่อย ๆ ลืมเลือนอะไรบางอย่างที่เคยสำคัญกับตนไป   ถ้อยคำใดที่เขาบอกเจวานครั้งแล้วครั้งเล่า  ถ้อยคำนั้นก็พลอยแทรกซึมเข้าในใจของเขาเช่นกัน   เขาก็ยังคิดอยู่   แม้ว่าความคิดดังกล่าวจะกลายเป็นเพียงกระแสบางเบา เป็นสิ่งที่บอกตัวเองทั้งที่ระยะหลังกระทั่งตัวเองยังเริ่มรู้สึกราง ๆ ว่าน้ำหนักของมันไม่เท่าเดิม   เขายังคงคิดว่าเขาจะอยู่ที่เมืองนี้เพียงระยะสั้น สิบปีไม่สำคัญอะไร และเขาเพียงใส่หน้ากากยามอยู่กับเจวาน   ทุกการกระทำและทุกคำพูดเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง  ไม่มีความจริงอยู่ที่ใด  เมื่อเป็นละคร  เขาจะแสร้งเป็นคนดีเท่าไรก็ได้   จะแสร้งเป็นห่วงเท่าไรก็ได้   มันไม่สำคัญ

เขายังคงบอกตัวเองว่า สักวันข้าจะไปจากเมืองนี้และไม่มีทางหวนกลับมา  สักวันข้าจะฆ่าเจวาน โยราห์ ชิงพลังของมัน  สักวันถ้าหากเขามีพลังธาตุน้ำ  เขาจะทำสิ่งทั้งปวงได้ดังใจ  หากจะขยี้ซีเลให้ราบคาบก็ยังได้  ใครจะทำไม

'หลายปีหลังจากที่อยู่อย่างนั้น  และคิดเอาเองว่าอะไร ๆ จะต้องเป็นอย่างนั้น' ไซธีนไขว้แขนกอดไหล่ตัวเองโดยไม่รู้ตัว  โซลโทคิดว่าเขาสั่น...เขาสั่นจริง ๆ 'เช้าวันหนึ่งข้าก็ตื่นขึ้นมา  ข้านึกไม่ออกว่าแม่ตัวเองชื่ออะไร  หน้าตาเป็นอย่างไร'

ที่จริงเขาอยู่มานานมากแล้ว   นานจนกระทั่งเรื่องครอบครัวดั้งเดิมเป็นเพียงสิ่งที่ถูกฝังลงไปลึกมากในชั้นของความทรงจำ  อย่างไรก็ตาม ลงว่าเป็นมนุษย์ส่วนหนึ่งแล้ว  ย่อมมีลักษณะของมนุษย์ติดตัวมา  สำหรับมนุษย์  ช่วงไม่กี่ปีแรกในชีวิตเป็นเวลาที่ยาวนานในความรู้สึกอย่างไม่น่าเชื่อ   เวลาตั้งแต่เกิดถึงสิบขวบ  ยาวนานยิ่งกว่าตอนอายุสิบถึงยี่สิบ  และยิ่งยาวนานกว่าตอนอายุสี่สิบถึงหกสิบโดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่มีบุตรธิดา  ช่วงปีนั้นสำคัญ  เป็นแก่นไส้  เป็นรากฐาน  เป็นความหมาย  เป็นรากแก้วของความทรงจำ  แม้ว่าก่อนนี้ไซธีนจะชะลอการลืมไว้ได้  และเพียงแต่เสียความทรงจำเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น บทมนตร์ที่ไม่ค่อยได้ใช้  แต่คราวนี้ราวสัญญาอันตรายที่บอกเขาว่าสิ่งเลวร้ายยิ่งกว่ากำลังจะมา

'ข้าเร่งกลับไปรื้อเอกสารที่ตนทำไว้ตั้งแต่รู้ว่าจะต้องลืม ยามเห็นหน้าและชื่อของแม่อีกครั้ง ข้าก็จำได้ ...มันเป็นเพียงสัญญาณเตือน  ยังไม่ถึงของจริง' ชายชรากลืนน้ำลาย 'แต่วันเดียวกันตอนเข้าไปในใจเมือง  ข้าก็พบว่าคนในเมืองเริ่มลืมเรื่องเกี่ยวกับตัวข้าไป...เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างข้าเคยมาซื้อของไปแล้วเมื่อวาน   อย่างข้าเคยพูดกับเขาวันก่อนว่าอย่างไร'

โซลโทเริ่มจินตนาการไม่ใคร่ทัน   ชายหนุ่มเพียงรู้สึกราง ๆ ว่าอีกฝ่ายกลัวแม้เพียงนึกถึงความทรงจำนั้น   นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นว่าไซธีน เอชานก็กลัวเป็น

"แล้ว...อย่างไร"

'อย่างไรหรือ  ข้าไม่แน่ใจ' ไซธีนยิ้มนิดหนึ่งหลังจากนิ่งไปครู่ใหญ่ 'ข้าไม่เข้าใจ  แม้บัดนี้...ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจ   และไม่แน่ใจว่าจะสามารถให้อธิบายให้เจ้าเข้าใจ   แต่...โซลโท  วันนั้นข้าเริ่มคิดเป็นครั้งแรกว่าที่จริงคนเราตายเมื่อไร   เมื่อร่างกายนี้ตายไป   หรือว่าเมื่อตัวเองไม่มีความหมายกับใครอีก   เมื่อไม่มีใครจดจำได้อีกต่อไป...ไม่สิ  ไม่ใช่เพียงใครก็ได้   ใครที่สำคัญกับเจ้า   ใครที่เจ้าอยากให้จำเจ้าได้   หากว่าคนเหล่านั้นลืมเจ้าไปหมดสิ้น  แม้เจ้าเองจำได้  มันจะสำคัญอะไร'

"ลุง..." เจ้าของร้านเอชานเผลอเรียกโดยไม่รู้ตัว

'ข้าสร้างร่างสำรองได้  ข้าไม่ยินยอมเสียความทรงจำตลอดพันกว่าปีของข้าเองแม้แต่เศษเสี้ยว' ชายชราบอกเสียงปร่า 'แต่ข้าห้ามแม้แต่ผู้หญิงแก่ขายผักที่ไม่สลักสำคัญไม่ได้  นางอยู่ในกฎของธรรมชาติ  ธรรมชาติให้นางลืม  นางก็จะลืมไป  ซีเลจะลืมข้า  ไซธีน เอชานไม่มีตัวตนยิ่งกว่าเศษธุลี'

จากคุณ : ลวิตร์
เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 54 21:43:40




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com