Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กลร้ายในเงารัก - บทที่ 16 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11435650/W11435650.html

บทที่ 16

ผู้กองตั้นปรากฏตัวพร้อมกับลูกน้องสามคน ดูเหมือนว่า วันนี้เจ้าตัวไม่มีมาดนายตำรวจจอมทะเล้นหลงเหลืออยู่เลย

กรอบหน้าเข้มที่แลยิ่งเข้มด้วยหนวดเรียวสีน้ำตาลเกือบดำก็เคร่งขรึมจริงจัง ร่างสูงใหญ่ในเครื่องแบบก้าวตรงมาประจันหน้ากับหนุ่มอคินจอมมุทะลุ และ 'สร้างภาพว่ารักเพื่อน'

"คุมตัวเขาไป"

คำสั่งหลุดจากปากหยักบางด้วยเสียงขรึมหนัก นายตำรวจสามนายก็แยกย้ายปฏิบัติหน้าที่ว่องไว อคินเบิกตากว้างร้อง 'เฮ้ย'  ทนายรัศมีก็อุทาน 'เอ๊ะ' พร้อมกับดนัยดลก็รีบถามเสียงดังว่า

"คุมตัวใคร คุณผู้กอง คุณจะคุมตัวใครไป"

"คุณดนัยดล" ผู้กองหนุ่มใหญ่ย้ายมากุมมือที่ยื่นคว้าสะเปะสะปะ พลางกล่าวบอกเสียงเนิบนุ่มว่า "เราได้เข้าไปตรวจสอบห้องนอนคุณเรียบร้อยแล้ว และอย่างละเอียดด้วย"

"แล้วยังไง" อคินตะคอกกร้าว ร่างสั่นระริกดิ้นฮึดฮัดอยู่ในบ่วงควบคุม เขาโกรธมากเชียวล่ะ "ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ก็แล่นมาคุมตัวผม ทำเหมือนผมเป็นคนร้ายอย่างนี้น่ะหรือ"

"นั่นสิคะ มันเกิดอะไรขึ้น ผู้กองตั้นไม่เคยทำงานฉาบฉวยแบบนี้ไม่ใช่หรือคะ"

"ฉาบฉวยหรือ" อคินตะเบ็งเสียงชิงชัง "เขาไม่ใช่แค่ฉาบฉวย แต่ยังเฮงซวยที่สุดด้วย ชาวบ้านมันหน้าโง่ละสิ ถึงได้ตั้งฉายาขวัญใจประชาชนทุเรศๆ ให้น่ะ คุณไม่ใช่หรอกผู้กองตั้น คุณมันผู้กองห่วยแตก ได้ยินหรือเปล่า"

"ใจเย็นๆ อคิน" ดนัยดลรีบปราม เพราะคิดว่าเพื่อนอารมณ์ร้อนก้าวร้าวเกินไป

"เย็นอะไรอีก ต้องให้เย็นถึงไหนกัน "

อคินตะคอกลั่นกว่าเดิม สะบัดตัวแรงขึ้น โทสะเดือดเหมือนมันตั้งต้มอยู่เหนือปล่องภูเขาไฟซึ่งกำลังพลุ่งระอุเตรียมปะทุ

"ตอนแรกก็ตั้งข้อสงสัย จ้องผมเหมือนไอ้ฆาตกรอำพรางโฉม แล้วตอนนี้ ก็ให้ลูกน้องมาคุมตัวผม ทำเหมือนผมเป็นคนร้ายที่เข้าไปอัดคุณจนน่วมเมื่อคืนนี้ คุณยังจะให้ผมใจเย็นอีกหรือคุณดนัย"

"แล้วเมื่อคืนนี้ คุณเข้าห้องนอนคุณดนัยหรือเปล่าล่ะ"

คำถามนี้ราบเรียบมากเลย แต่อคินซึ่งตกอยู่ในอารมณ์ฮึดฮัดเกรี้ยวกราดกลับชะงักกึก หน้าแดงก่ำก่อนหน้านี้ ค่อยๆ หรี่ความเข้มข้นลง แม้แต่พลังต่อต้านขัดขืนการจับกุมก็ดูจะหย่อนลงจนกระทั่ง 'นิ่ง'

"ตอบคำถามนี้คุณอคิน" ผู้กองหนวดเรียวสำทับ กรอบหน้าขรึมปราศจากรอยยิ้ม

"ผม.. " หนุ่มมุทะลุกลืนน้ำลาย ดวงตาหวานฉายแววว้าวุ่น แถมยังปรายไปจับวงหน้าเรียวของทนายรัศมีอีกแวบ

"คุณตอบเพียงแค่ว่า เข้าไปหรือไม่ได้เข้าไปก็พอแล้ว"

"ผม.. "

"ผมขอความจริงนะคุณอคิน"

ผู้กองเสียงขรึมปล่อยมืออุ่นของพ่อหม้ายหนุ่มใหญ่ แล้วเดินมาประจันกับแสงตาว้าวุ่นของพ่อหนุ่มอารมณ์ไฟ

"คุณคงยังไม่ลืมในสิ่งที่ผมเคยบอกย้ำหรอกนะ ขอเพียงทุกเรื่องที่คุณพูดและบอก เป็นความจริง ที่เหลือหลังจากนั้น ผมจะจัดการเอง ความจริงครับคุณอคิน ขอความจริง คุณได้เข้าไปในห้องนอนของคุณดนัยดลเมื่อคืนนี้หรือเปล่า"

"เข้าไป" อคินก้มหน้าแล้วยอมรับเบาๆ เขาไม่ดิ้นแล้ว ตำรวจจึงปล่อยตัวเขาตามคำสั่งทางสายตาของคุณผู้กอง

"อคิน" ดนัยดลอุทาน ร่างบาดเจ็บสะท้านขึ้น พร้อมกับขยับจะผลุงส่งเดช ทนายรัศมีจึงรีบถลันเข้าไปช่วยประคอง

"เข้าไปทำไม"

"ผม.. " หนุ่มหล่อเหลือบไปสบตากับคุณทนายสาวอีกแวบหนึ่ง

"เข้าไปทำไมคุณอคิน"

"ผม.. "

"คุณอคิน"

"ผมไม่ได้ทำร้ายเขา" อคินอัดอั้นจนน้ำตาซึม เขาเงยหน้าแล้วสาดเสียงดุร้ายใส่หน้าผู้กองจอมคาดคั้น "ทำไมต้องบีบคั้นผมด้วย ผมเป็นเพื่อนเขานะ ไม่มีสิทธิ์เข้านอกออกในบ้านเขาหรือ ผมอยู่ที่นั่น ห้องนอนเขา ผมก็เข้าๆ ออกๆ ตั้งหลายครั้งแล้ว"

"เราไม่พูดถึงครั้งอื่นหรอกคุณอคิน เราต้องการทราบแค่ว่า เมื่อคืนนี้ คุณเข้าไปในห้องนอนของคุณดนัยดลทำไม"

"ผมไม่ได้ทำร้ายเขา ผมไม่ใช่คนร้าย ผมมีสิทธิ์จะไม่พูดอะไรทั้งนั้น เว้นเสียแต่ว่าคุณจะมีหลักฐานมายืนยัน"

"ใช่" ดนัยดลรีบเสริมร้อนรน "อคินพูดถูกนะครับคุณผู้กอง คุณจะปรักปรำเพื่อนผมส่งเดชไม่ได้ ผมไม่เชื่อหรอกว่าอคินจะเป็นคนร้าย ต้องไม่ใช่เขาแน่ เขาไม่มีเหตุผลอะไรจะฆ่าผมเลย อคิน คุณอยู่ไหน มาหาผม"

"คงไม่ได้หรอกคุณดนัยดล" ผู้กองตั้นขัดเสียงขรึม "ผมคงปล่อยเขาไปไหนไม่ได้ จนกว่าเขาจะพิสูจน์ตัวเองได้ว่า เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการการทำร้ายคุณเมื่อคืนนี้ พาตัวเขาไป"

"ไม่.. ไม่ได้นะ อย่าพาตัวเขาไป ผู้กองตั้น คุณพาเขาไปไม่ได้ คุณมีหลักฐานอะไรมากล่าวหาเขา จับตัวเขา ผมไม่ยอมนะ"

ทนายรัศมีรีบกอดร่างร้อนที่สั่นรุนแรงขึ้น ดนัยดลพลุ่งพล่านคล้ายเสียสติ เขาผลุงลุกโดยไม่สนใจบาดแผลบอบช้ำทั่วใบหน้า หล่อนน้ำตาซึมเมื่อเห็นมุมปากปรากฏเลือดซึมออกมา

แต่เขาคงห่วงใยเพื่อนหนุ่ม จนลืมความเจ็บความปวดตรงนั้นไปแล้วกระมัง แม้แต่อ้อมกอดของหล่อน ก็แทบจะกักขังร่างฮึดฮัดไว้ไม่อยู่ เสียงละล่ำละลักก็ตะเบ็งอยู่ข้างหูนี่เอง

"ทนาย.. ทนายรัศมี คุณก็ยืนยันได้นี่ บอกผู้กองตั้นไปสิ อคินไม่มีวันทำร้ายผมหรอก เขาเป็นเพื่อนของผม ทุกวันนี้ เขาเหนื่อยเพื่อผม ไม่ทอดทิ้งผม บอกไปสิ บอกไป"

"ไม่เคยมีทฤษฎีไหนระบุไว้ว่า เพื่อนที่ยอมเหนื่อยเพื่อเพื่อน ไม่ทอดทิ้งเพื่อน จะไม่ฆ่าเพื่อนในภายหลัง ไม่ใช่หรือครับ"

"ผู้กอง ไอ้บ้า ไอ้ตำรวจเฮงซวย" อคินด่าทอไม่เกรงใจ ทำท่าจะพุ่งถลันเข้าไปทำร้าย แต่ก็ถูกคุมตัวแน่นทันทีทันควัน

"คนร้ายที่จนมุมตำรวจ ก็มักจะด่าตำรวจแบบนี้แหละ" ผู้กองหนุ่มใหญ่ย้อนเยือกเย็น

"ผมไม่ใช่คนร้าย ปล่อยผมเดี๋ยวนี้ ทนายรัศมี คุณบอกไปสิว่า ผมไม่ใช่คนร้าย คุณทำงานกับผมมาระยะหนึ่งแล้ว ผมเคยมีท่าทางอะไรที่ส่อว่าเหมือนเป็นคนร้ายหรือ ปล่อยสิเว้ย บอกให้ปล่อย"

"นาฬิกาเรือนนี้เป็นของคุณใช่ไหม" ผู้กองตั้นชูให้ดู มันบรรจุไว้ในซองพลาสติกใส

"ใช่ แล้วทำไม ผมแค่ลืม.. "

"รอให้เราได้ผลตรวจเลือดมาก่อน ก็คงจะบอกได้ว่าคุณเข้าไปทำร้ายคุณดนัยดลหรือเปล่า"

"เลือด" อคินเลิกคิ้ว แล้วค่อยเพ่งตาจ้องขอบสายเหล็ก ใจหายพร้อมกับหน้าถอดสีไปเลยที่เห็นคราบเลือดเปรอะเล็กน้อย

"นี่ยังไม่นับลายนิ้วมือ รอยเท้า ที่เราตรวจสอบได้นะคุณอคิน ไปกันเถอะ"

"มะ.. ไม่ได้นะ หลักฐานเท่านั้น จะมาสรุปว่าผมเป็นคนร้ายไม่ได้ ผมไม่ยอม ปล่อยผม คุณดนัย.. คุณดนัย"

"อคิน.. อคิน ปล่อยเขานะ ผู้กอง ปล่อยเขานะ อคิน.. อคิน"

สองหนุ่มได้แต่ทอดเสียงตะโกนเรียกหากันอย่างร้อนรน ทนายรัศมีรีบกอดเจ้านายพลุ่งพล่าน โดยมีนายตำรวจสามนายช่วยกันยื้อยุดอีกแรง หมอกับพยาบาลรีบเข้ามาสมทบ

เสียงของอคินค่อยๆ เบาลง แต่เสียงตะเบ็งเรียกของดนัยดลยังก้องกังวานอยู่ เขาน้ำตาไหลพราก ดิ้นฮึดฮัดขาดสติ สลัดแขน สะบัดตัว ผลักเหวี่ยงนายตำรวจถอยห่างไปคนละทิศคนละทาง จากนั้น ก็ค่อยตะปบมือเล็กของคุณทนายสาวไว้ได้ พลางเขย่าบอกลิ้นรัวว่า

"ไปเร็ว ทนายรัศมี ไปช่วยเขา คุณต้องช่วยเขาให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องช่วยเขาออกมา อย่าให้ตำรวจจับเขาเข้าคุก เข้าใจไหมคุณทนาย ไปสิ ไป"

"ใจเย็นๆ ค่ะ ผู้กองตั้น.. "

"ประกันตัว" ดนัยดลโพล่งออกมาเหมือนฉุกคิดได้ แล้วรีบตะปบแขนเรียวหยาบๆ "ใช่แล้ว ประกันตัว ทนายรัศมี เราต้องประกันตัว ไปจัดการประกันตัวเขาออกมา จะใช้หลักทรัพย์หมดตัวก็ต้องค้ำประกันพาตัวเขากลับมาให้ได้ รีบไปสิ รีบไป"

"คุณดนัย"

"มันไม่จริงหรอก ทนายรัศมี มันไม่จริง ในโลกนี้ใครก็ฆ่าผมได้ทั้งนั้น แต่ต้องไม่ใช่อคิน ได้ยินไหมทนายรัศมี ต้องไม่ใช่อคิน ไม่ใช่เขา ต้องไม่ใช่เขา ไปเร็วเข้า ไปช่วยเขา จะทำอะไร" ตอนท้ายเสียงถามก็ตะคอกห้วน เพราะรู้สึกได้ว่าร่างถูกกดลงนอน สองแขนถูกยึดแน่น

"หมออยากให้คุณพักผ่อนสักครู่ เขาจะฉีดยา.. "

"ไม่ต้อง" ดนัยดลรีบบอกละล่ำละลัก "ไม่ต้องฉีดยา ผมมีสติดีครบถ้วน พวกคุณออกไป ขอให้ผมอยู่ตามลำพัง ขอร้อง ให้ผมอยู่ตามลำพังก็พอ ทนายรัศมี รีบไปทำตามที่ผมสั่ง ไปหรือยัง"

"ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้"

"บอกหมอให้พาทุกคนกลับออกไป" เสียงสั่งแผ่วล้าลง ร่างฮึดฮัดค่อยคืนกลับสู่ความสงบอย่างช้าๆ "ผมพักผ่อนเองได้ ออกไปเถอะ"

ทนายรัศมีน้ำตาไหล มองพยาบาลช่วยซับเลือดจากแผลปริแตกทั้งมุมปาก โหนกแก้ม หน้าผาก คนเจ็บนอนร้องไห้สะอึกสะอื้น อกใหญ่กระเพื่อมถี่หนัก

เขาไม่เจ็บบาดแผลหรอก แต่น่าจะเจ็บที่ใจ หล่อนรอจนพยาบาลทำแผลเสร็จเรียบร้อย จึงค่อยพยักพเยิดบอกกับนายตำรวจทั้งสาม ให้กลับออกไปด้วยกัน




เสียงปิดประตูแม้จะแผ่วดังเพียง 'กริ๊ก' แต่พ่อหม้ายนอนสงบก็ได้ยิน เขาทอดเวลาปล่อยให้ความเงียบได้ทำหน้าที่ของมันครู่หนึ่ง จึงค่อยพึมพำออกมากลั้วกับน้ำตาเปื้อนแก้มว่า

"ในโลกนี้ ใครก็ฆ่าผมได้ทั้งนั้น แต่ต้องไม่ใช่คุณ ต้องไม่ใช่คุณอคิน เพราะคุณไม่มีวันฆ่าผมได้อคิน ไม่มีวัน"

ร่างที่นอนสงบค่อยลุกมานั่ง ยกหลังมือปาดหยดน้ำตาร้อนระอุที่ไปกองอยู่ใต้คาง สะอื้นสั้นๆ สองสามครั้ง สูดหายใจลึกยาวอีกสองสามเฮือก แว่นตาดำถูกถอดวางลงบนตัก

แล้วดูเหมือนว่า ความอ่อนแอก็ถูกฆ่าตายด้วยแสงเจิดจ้าที่ทอกร้าวออกมาจากดวงตาเรียวใหญ่คู่แดงก่ำ มุมปากพรายยิ้มเย็นเยียบ ประโยคพยาบาทร้อนแรงก็แผ่วลอดไรฟันตามมาว่า

"คุณไม่มีวันฆ่าผมได้หรอกอคิน เพราะผมคือคนที่จะลบชื่อคุณออกไป"

โอ.. นี่หรือเปล่า ที่ผู้กองตั้นพูดว่า 'ความลับบางอย่าง มันไม่ได้อยู่ในที่มืดหรอก แล้วบางที มันก็อาจจะนั่งไขว่ห้างอยู่บนสันจมูกของเรานี่เอง' ดูเหมือนว่านายตำรวจผู้โชกโชนจะเข้าใจความเป็นไปของความจริงได้ลึกซึ้งเสียเหลือเกิน

แน่นอน ดนัยดลไม่ใช่พ่อหม้ายตาบอดผู้น่าเวทนาอีกแล้ว อย่าไปครุ่นคิดหาคำตอบว่า เขากลับมามองเห็นอีกครั้งได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่น่าจะช่วยกันขบคิดว่า เขากำลังจะทำอะไรหลังจากวันนี้ไปแล้วต่างหาก

และแน่นอนอีกว่า เหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงก่อนหน้านี้ เหมือนจะบอกโจ่งแจ้งแล้วว่า เป้าหมายของหนุ่มใหญ่ใจพยาบาท มันเพ่งพุ่งไปจำเพาะอยู่ที่ 'อคิน'

โทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียงดังขึ้น ดนัยดลปรายตามองแวบหนึ่ง หยิบแว่นตาดำกลับขึ้นมาสวมอำพรางดังเดิม แล้วค่อยรับสาย

คนทางโน้นจะว่ายังไงบ้างก็ไม่รู้ล่ะ แต่พอจะคาดเดาได้ว่าคนฟังทางนี้ ค่อนข้างพอใจเป็นอย่างมาก จากรอยยิ้มอุ่นที่พรายขึ้นบนปากหยักสวย กิริยาพยักหน้ารับรู้ แล้วปิดฉากสนทนาสั้นๆ นั้นว่า 'ดีมาก ขอบใจนะ'

ใครโทรมาก็ยังไม่ทราบเลย แถมพอคุยจบ ดนัยดลก็ลบเบอร์ทิ้งเสียอีก แบบนี้ จะเหลือร่องรอยอะไรเอาไว้ให้ผู้กองตั้นสืบเสาะต่อไปได้เล่า

และจากเหตุการณ์นี้ ก็น่าจะอธิบายได้อีกว่า ดนัยดลไม่ใช่คนอบอุ่นอ่อนโยนที่ใครจะมองข้ามหรือหยามน้ำหน้าได้ เพราะเนื้อแท้ในส่วนลึกแล้ว เขาเป็นเจ้าของความคิดที่ออกจะ 'ลึก'

หรือถ้าจะเปรียบดนัยดลกับอคินเป็นเช่นสายน้ำ อคินก็เป็นสายน้ำที่เชี่ยวกราก อวดความกราดเกรี้ยวกระชากกระชั้น ข่มขวัญไม่ให้ใครกล้าลงไปลอยคอต่อกร จนบางครั้ง หากต้องการเหยื่อ ก็จำเป็นต้องไหลทะลักเข้าไปหาเป้าหมายเอง

แต่ดนัยดลไม่ใช่หรอก เขาคือสายน้ำนิ่ง ที่เบื้องล่างซุกซ่อนพลังแห่งความตายไว้อย่างเงียบเชียบและมิดชิด

เพื่อรอดึงดูดเหยื่อที่หลงกลและตายใจว่า ผิวน้ำนิ่ง มันเรียบสวยจนน่าหลงใหล กระทั่งเป็นฝ่ายพาตัวเองลงไปหย่อน แล้วแหวกว่ายเล่นไปอย่างสำราญ แต่ว่า มันเป็นความสำราญส่งท้าย 'นาทีมรณะ' นะ

ร่างสงบค่อยเอนลงนอน ดึงผ้าห่มมาคลุมอก ดวงตาเบื้องหลังแว่นดำไม่เคยหลับสนิทอีกเลย นับแต่กลับมามองเห็นอีกครั้ง เหมือนเช่นเวลานี้ เจ้าของทอดมันขึ้นไปจับเพดานสีฟ้าอ่อน ย้ายไปจับผ้าม่านสีเดียวกัน

เห็นหน้าต่างกระจก เห็นแสงแดดข้างนอก ท้องฟ้าและปุยเมฆบางส่วน มันคงโดนสายลมกรีดคว้าน บังคับให้แตกตัวกระจัดกระจายเป็นรูปเป็นทรงต่างๆ แล้วก็มีอยู่หนึ่งรูปทรงล่ะ ที่คลับคล้ายใบหน้าของยาหยีที่รัก

"อดทนอีกสักนิดเถอะ แล้วเราจะได้เห็นไปพร้อมๆ กันว่า จุดจบของเรื่องนี้ มันจะนำพาชัยชนะไปลงเอยที่ใคร"

เสียงกร้าวแต่แผ่วพอได้ยินไปตามลำพัง ผุดลอดผ่านปากหยักสวย ประโยคมันลอยไปสักนิด จึงระบุยากจังว่า คนพูดต้องการสื่อสารกับใคร แต่เท่าที่เห็น เขากำลังพูดอยู่กับเมฆก้อนหนึ่งที่อุปมาไปว่า นั่นคือ 'พุธชมพู'




ประตูถูกผลักเข้ามาเบาๆ ดนัยดลตรึงกรอบหน้าหม่นแน่วนิ่งดังเดิม แค่ว่าหลับตาลง แล้วเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา กระทั่งกุกกักอยู่หน้าเตียง

สองมือใต้ผ้าห่มกำพรักพร้อม แม้จะเจ็บระบมจากบาดแผลที่โดนกรีดด้วยมีด แต่ถ้าคนที่เข้ามา คิดลงมือทำร้าย เขาคงต้องตอบโต้ล่ะ ไม่ใช่กลัวตาย และไม่คิดว่าความตายมันน่ากลัว เพียงแต่ว่า มันต้องชะลอตัวอยู่ห่างๆ เขาไว้ก่อน

"โถ คุณผู้ชาย ทำไมถึงได้น่าสงสารอย่างนี้"

"นั่นสิ หนูไม่นึกเลยนะว่าคนร้ายมันจะใจคอโหดเหี้ยม ทำกับคนตาบอดได้อย่างอำมหิตทารุณขนาดนี้"

ที่แท้คนเข้ามาก็คือแม่บ้านปากเปราะกับสาวใช้ผู้ซื่อสัตย์นั่นเอง นายอุ่นซึ่งแวะกลับบ้านตอนเช้า เพื่อไปจัดข้าวของจำเป็นให้คุณผู้ชาย เป็นคนเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ทำให้ทั้งสองรู้สึกเป็นห่วงจนต้องมาเยี่ยมให้เห็นกับตา

"แกไปล้างผลไม้ซิ แล้วปอกๆ เตรียมๆ ไว้นะ คุณผู้ชายตื่นมาอาจจะหิว"

แม่พิศสั่ง พลางสูดสะอื้น นางรีรอจนอนงค์หายเข้าห้องน้ำไปแล้ว ค่อยหย่อนร่างท้วมลงนั่ง ควานมือไปใต้ผ้าห่ม กุมมือร้อนจัดที่เจ้าของคลายหมัดไปตั้งแต่ได้ยินเสียงคุ้นหูแล้ว จากนั้นก็รำพันเบาๆ ว่า

"ดิฉันละอึดอัดใจที่สุด เข้าใจสภาพคนน้ำท่วมปากเลยว่า มันเป็นยังไง อยากบอก แต่ก็รู้ว่าบอกไปแล้ว คุณผู้ชายต้องเสียใจมาก แต่พอไม่บอก มันก็อัดอยู่ในใจ รู้สึกว้าวุ่นไปหมด ไม่รู้ว่าตัวเองทำถูกหรือผิดกันแน่ที่ปกปิดเรื่องอุบาทว์เรื่องนี้ไว้"

นางหยุดรำพันชั่วครู่ หันไปดึงกระดาษทิชชูมาซับน้ำตา มืออีกข้างก็ยังกุมมือคุณผู้ชายด้วยความจงรักภักดี ยิ่งเห็นสภาพบอบช้ำและบาดแผลทั่วกรอบหน้าคมคาย นางก็ยิ่งเกลียดอคิน

คิดไปตามประสาว่า หนุ่มลักกินขโมยกินเป็นตัวซวย นำพามาแต่ความอัปมงคล ทำให้บ้านพิณพิไลลุกร้อน เจ้าของบ้านก็มีอันเป็นไปทีละคน ใครจะไปรู้ได้เล่าว่า วันนี้แค่โดนทำร้ายปางตาย แล้ววันต่อไป จะไม่ตายตามคุณผู้หญิงไป

"ขอให้คุณผู้ชายหายเร็วๆ นะคะ กลับมามองเห็นเหมือนเดิมเสียที จะได้รู้เช่นเห็นชาติว่า เพื่อนของคุณผู้ชายไม่ใช่คนดีสักนิด แล้วดิฉันก็อยากให้คุณผู้ชายไล่มันไปให้พ้นจากบ้านของเรา"

'บ้านของเรา' นี่คือเสน่ห์อันล้นหลามของดนัยดล เขาใช้มิตรภาพผูกมิตรกับคนทุกชนชั้นที่ตนเข้าไปคลุกคลีด้วย เสนอไมตรีจากใจไปให้ และทุกคนก็ได้รับอย่างเท่าเทียม มันเป็นกลวิธีซื้อใจที่ไม่ต้องอาศัยเงินทองและวัตถุอื่นใด

จึงไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นแต่ประการใด หากจะได้ยินพนักงานในบริษัทของเขา มักจะพูดว่า 'บริษัทของเรา' ด้วยน้ำเสียงจงรักภักดีระคนผูกพัน ซึ่งก็ไม่ต่างจากเสียงรำพันลึกซึ้งของแม่พิศเมื่อครู่นี้ล่ะ

"อะไรกันป้า" อนงค์ออกจากห้องน้ำพร้อมถาดผลไม้ แล้วส่งเสียงตำหนิ "มาร้องห่มร้องไห้รำพันอะไร เดี๋ยวคุณผู้ชายก็ตื่นหรอก ก่อนจะมา ไหนสัญญาว่าจะไม่ร้องไห้ยังไงล่ะ"

"ก็มันอดไม่ได้นี่หว่า ดูแผลสิ คนร้ายมันชั่วจริงๆ เลย กับคนตาบอดก็ยังทำได้ลงคอ"

อนงค์ยืนปลายเตียง ช่วยลากชายผ้าห่มคลุมปลายเท้า นึกถึงความโกลาหลเมื่อคืนวานแล้วอดใจหายไม่ได้

ถ้าลุงวัยชราไม่ตื่นมาได้ยินเสียงผิดปกติในห้องคุณผู้ชาย แล้วรีบขึ้นไปดู ทันเห็นคนร้ายกระโจนลงจากระเบียงสุดทางเดินแคบละก็ ป่านนี้ ชะตากรรมของเจ้านายจะลงเอยยังไงก็ไม่รู้

"หวาดเสียวนะป้า นี่ถ้าลุงอุ่นไม่ตื่นมาเห็น บางที วันนี้ เราสองคนคงได้ช่วยกันทำศพ.. "

"อนงค์" แม่บ้านตบปาก ตามด้วยด่าเลย "ปากเสีย พูดจาอัปมงคล คุณผู้ชายไม่อายุสั้นขนาดนั้นหรอก แล้วนี่ก็รอดมาได้แล้วนี่ แล้วไหนละนี่ พ่อเพื่อนรักเพื่อนใคร่ เห็นออกจากบ้านมาตั้งแต่ก่อนเที่ยง นี่มันบ่ายสามโมงแล้ว ยังมาไม่ถึงอีกหรือ"

ตอนท้าย ก็ไม่วายกระแนะกระแหนอคินที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจ

นางไม่เห็นหรอกว่า พ่อหนุ่มอารมณ์ไฟ ถูกกดดันอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม คนทำอย่างนั้นก็ไม่ใช่ใครหรอก ผู้กองตั้นคู่อรินั่นล่ะ เวลานี้ เจ้าตัวก็กำลังเดือดดาลกับหลักฐานชิ้นแล้วชิ้นเล่าที่คุณผู้กองหยิบยกมาวางเรียง เพื่อตอกย้ำบ่งชี้ว่า เขานี่ล่ะ คือ 'คนร้าย'

ก็แน่ล่ะ ทั้งรอยเท้า รอยนิ้วมือ หรือแม้แต่เส้นผมที่ร่วงโดยไม่รู้ตัว มันฟ้องหมดว่าเป็นของอคิน จนไปถึงคราบเลือดบนสายนาฬิกาข้อมือ เมื่อตรวจสอบแน่ชัดแล้ว ก็ยืนยันได้อีกว่าเป็นเลือดของดนัยดลแน่นอน

คนที่ตะเบ็งเสียงปฏิเสธปาวๆ ว่า ไม่ใช่คนร้าย จึงได้แต่เผยอปากอ้าๆ หุบๆ อยู่อย่างนั้น ครั้นเถียงไม่ได้ แย้งไม่ออก โต้ไม่ถูก ก็อาศัยอารมณ์เกรี้ยวกราดฟาดโต๊ะเตะเก้าอี้ไว้ก่อน แต่ก็เท่านั้นล่ะ ผู้กองตั้นรับมือได้สบายอยู่แล้ว

แต่นี่แน่ะ กลร้ายมันเพิ่งเริ่มต้น อคินจึงไม่ต้องไปหยุดชะตาตัวเองอยู่ในที่ที่ดนัยดลยังไม่ต้องการให้อยู่ ทนายรัศมีวิ่งเต้นช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่ตามคำสั่งเฉียบขาดของเจ้านาย

กระบวนการแย่งชิงตัวพ่อหนุ่มหล่อตาหวาน ระหว่างกฎหมายกับดนัยดล เป็นไปอย่างดุเดือดตามวิถีที่คุณทนายสาวเชี่ยวชาญ เพื่อนาทีที่พ่อหม้ายหนุ่มปรารถนา นั่นก็คือ 'อิสรภาพของอคิน'




เช้าวันนี้ ทนายสาวสุดสวยของดนัยดลแวะมาแจกข่าวดี แม่พิศชงกาแฟมาต้อนรับพร้อมกับของว่าง หล่อนคนกาแฟไปพลาง ยิ้มกริ่มไปพลาง ขณะมองเจ้านายหนุ่มผงกศีรษะเนิบนุ่มอย่างพอใจ

"แต่เขาต้องไปรายงานตัวทุกเจ็ดวันนะคะ" ทนายสาวรายงานเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย "ก็ดีกว่านอนอยู่ในคุก เราต้องหาหลักฐานไปยืนยันคำให้การของเขาที่ว่า คืนนั้นเขาเข้าห้องคุณจริง เพราะเห็นเงาผิดปกติมันวูบวาบตรงหน้าระเบียง"

"คงจะหาได้ไม่ยากนะครับ"

"ไม่ยากหรอกค่ะ" คุณทนายสวนกลับ น้ำเสียงมีนัยเหน็บแนมเล็กน้อย "ในโลกนี้ไม่เคยมีอะไรยากเลยสำหรับคุณดนัย"

"ผมเคยคิดอย่างนั้นมาโดยตลอดครับ"

"แล้วตอนนี้.. "

"ตอนนี้ก็จะคิดอย่างนั้นต่อไป"

"อ้าว" คู่สนทนายกถ้วยกาแฟขึ้นแล้ว เกือบจะดื่มแล้ว แต่พอฟังคำตอบไม่เข้าท่า ก็วางลงดังกึก "แล้วจะพูดขึ้นมาทำไมคะ ฉันหลงฟังอยู่ได้ตั้งนาน"

"ทำเสียงงอนๆ แบบนี้ เหมือนมันจะช่วยให้คุณดูเป็นผู้หญิงขึ้นนะ ทำบ่อยหน่อยก็ดี จะได้มีคนมาขอเสียที ผมน่ะ อยากขายทนายตัวเองจะแย่อยู่แล้ว"

รอยยิ้มฉุนๆ จางหายไปเลยกับวาจาสัพยอกที่คนพูดไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น แต่คนฟังกลับรู้สึกถึงความคมกริบที่กดและกรีดเนื้อหัวใจอ่อนๆ

แม้จะยอมรับว่าเจ็บ แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่เคยรุดหน้าไปกว่าที่เป็นอยู่ ทนายรัศมีจึงต้องกล้ำกลืนรักระทมของตนต่อไป หล่อนไม่ทราบหรอกว่า สิ่งที่ทำอยู่และจำทนอยู่ เป็นความฉลาดหรือโง่เขลา แต่ตระหนักเพียงว่า 'นี่คือความรัก'

ก็คงเหมือนดนัยดลนั่นล่ะ แม้ว่าภรรยายาหยีจะจากไปหลายวันแล้ว จนป่านนี้ ตำรวจก็ยังหาศพที่ถูกขโมยไปไม่เจอเลย แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่า หัวใจดวงนั้น ยังคงผูกพันและมั่นคงต่อความรักที่มีต่อเธออย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลงและเสื่อมคลาย

หล่อนจึงได้แต่หวังว่า เวลาจะเป็นเครื่องเยียวยาและลบรอยแผลพลัดพรากให้จางหายไป เพื่อให้เขาได้กลับมาเป็นดนัยดลผู้อ่อนโยน และเป็นเจ้าของทุกอิริยาบถที่แสนอบอุ่นดังเดิม

"คุณอคินอยู่ไหนครับ" เขาถามเบาๆ แต่ภวังค์ซ่อนเร้นของคนถูกถาม กลับลอยละลิ่วเหมือนว่าวขาดป่าน

"เดี๋ยวก็คงมาค่ะ เขาบ่นคิดถึงคุณจะแย่ กังวลไปสารพัด กลัวว่าคุณจะไม่ยอมเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนร้าย กลัวว่าคุณจะแอบระแวงเขา กลัวว่ามิตรภาพจะจางลง กลัวเยอะแยะไปหมด นานทีจะเห็นเขาแสดงความกลัวออกมาบ้างนะคะ ปกติออกห้าวจัด"

"จริงๆ แล้ว อคินเป็นคนอ่อนแอ" ดนัยดลเปรยตามที่คิด "สิ่งที่เราเห็นภายนอกคือเกราะลวงให้คนเชื่อว่าเขาดุร้าย เข้มแข็ง มีพลังล้นปรี่ที่จะตอบโต้กับทุกมรสุมร้ายที่กระหน่ำเข้ามา"

"คุณคิดอย่างนั้นหรือคะ"

"อดีตของเขาบอกผมอย่างนั้น" ดนัยดลตอบเสียงอ่อน "เขาไม่เคยรู้ตัวเลยว่า เขาล้มทุกครั้งที่เจออุปสรรค และกว่าที่เขาจะลุกขึ้นมาได้ในแต่ละครั้ง อุปสรรคเก่าก็หมดไป และอุปสรรคใหม่ก็ผุดขึ้นมาเพื่อรอผลักให้เขาล้มลงอีก"

"ก็คงจะเหมือนคุณสิคะ เวลานี้ คุณยังอยู่ในสภาพของคนล้มอยู่เลย เราทุกคนรออยู่นี่ละว่า เมื่อไหร่คุณจะลุกกลับขึ้นมายืนอีกครั้งเสียที"

"หรือบางที ผมก็ยังไม่ได้ล้มเลย หรือบางทีผมล้มแล้ว แต่ก็ลุกกลับขึ้นมายืนตั้งนานแล้ว" เจ้านายหนุ่มโปรยวาจาทีเล่นที่จริง แต่ความหมายก็กำกวมดีแท้ เขาหัวเราะในลำคอ พลางตัดบทตลกๆ ไปว่า "เอาเถอะ รอให้เสร็จศึกสงครามก่อนก็ได้ แล้วเราค่อยมาช่วยกันนับศพทหาร ดีไหม"

"เกี่ยวกับเรื่องที่เราคุยกันตรงไหนคะ"

"ไม่รู้สิครับ ก็ผมหาที่ลงไม่เจอ จะให้บินวนจนน้ำมันหมดก็ไม่ดีนะ"

"หมายถึงอะไรคะ"

"เครื่องบิน"

ทนายรัศมีพ่นลมหายใจพรู เกือบจะย่นคิ้วฉุนๆ ใส่เข้าให้แล้ว แต่อคินก็ปรากฏตัวอวดกรอบหน้าสดใสขึ้น เขาสวมชุดลำลองสีเข้มได้ดูเท่เชียว หล่อนคิดว่ามันเข้ากันดีกับหน้าหล่อที่เจ้าของชอบปั้นดุๆ

เหมือนเขาจะเล็งไว้ตั้งแต่ตอนเข้ามาในห้องโถงแล้วว่า เจอดนัยดลปุ๊บ ต้องนั่งกระแซะปั๊บ ร่างสูงจึงหย่อนเบียดสะโพกกันทันที

"จะบินไปไหนครับ" เขาถามอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่

"โผล่มาจากไหนล่ะ ฟังไม่ได้ศัพท์ละสิ เราไม่ได้คุยเรื่องเครื่องบิน เราคุยเรื่อง เอ้อ เรื่องคนล้มอย่าข้าม ใช่ไหมคุณทนาย" ตอนท้ายก็ทำทีเหลียวไปขอแรงเสริมไม่จริงจังกลั้วกับหัวเราะเบานุ่ม คุณทนายก็เลยตวัดค้อนหมั่นไส้เข้าให้

"หน้าตาคุณดูแช่มชื่นขึ้นนะคะ ยินดีกับอิสรภาพชั่วคราวอีกครั้งค่ะ แต่ฉันขอย้ำนะคะ คุณห้ามลืมไปรายงานตัว"

"รู้แล้วน่า ผมไม่ใช่เด็ก ไม่ต้องสำทับถี่ก็ได้" อคินกระชากเสียง ขึงตาดุปนร้อนใส่รอยยิ้มทะเล้นของสาวทนาย

"ขอเตือนนะคะคุณอคิน กรุณาอย่าทะเลาะกับฉันเชียว เพราะนอกจากฉันแล้ว คงไม่มีใครเป็นที่พึ่งด้านกฎหมายที่คุณจะไว้วางใจได้อย่างเต็มร้อยอีกแล้ว"

"ฟังแล้วก็สำนึกเสียใหม่ด้วยนะคุณดนัย" อคินหันไปแขวะคนเป็นเจ้านายล่ะ "ทนายคนสวยของคุณ นิสัยไม่เหมือนคุณเลย จะบอกให้"

"นิสัยผมไม่มีใครเหมือนได้อยู่แล้วละครับ คุณอคิน"

ทนายสาวตาแป๋ว ตอนหนุ่มอคินเหลือบไปประสานด้วย เขารู้สึกสะดุดใจกับเสียงที่แปร่งไปสักนิดของดนัยดลน่ะสิ

แต่ครั้นเห็นหน้าสวยของคุณทนายระบายยิ้มหวาน ท่าทางก็เฉยๆ กับปลอดโปร่ง ก็อดลังเลไม่ได้อีก บางที เขาอาจจะคิดมากเกินไป เพราะการเพลี่ยงพล้ำให้ผู้กองตั้นเล่นงานเกือบน่วม มันก็ทำให้เขาเครียดจัดอยู่หลายวันเชียวล่ะ

หรือแม้แต่ตอนนี้ก็เถอะ ถูกประกันตัวออกมาได้ ก็ไม่ได้แปลว่า เขาจะพ้นข้อกล่าวหาอย่างหมดจดเสียเมื่อไหร่

คุณทนายคนเก่งบอกว่า ต้องหาหลักฐาน และชิ้นของมัน ต้องใหญ่และหนักมากพอที่จะทำให้ทุกคนเชื่อสนิทว่า เขาเป็นผู้บริสุทธิ์จริงแท้ ไม่ใช่ฆาตกร หรือ 'ว่าที่'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 54 13:00:48




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com