ลำนำรักใต้แสงจันทร์ ตอนที่ 22
|
 |
ตอนที่ 21 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11202690/W11202690.html
คุณ Tyra : นั่นสิคะ ดันมาเจอโจทก์ซะได้ เลยจบเห่กันพอดี คุณแก้วกังไส : นอกจากแก่นแล้ว ยังขยันหาเรื่อง(ให้คนอื่น)เดือดร้อนด้วยค่ะ
=================================================
ในที่สุดวันประชุมสภาผู้ครองแคว้นก็มาถึง...
ที่ลานกว้างกลางจัตุรัสเมืองเนืองแน่นไปด้วยฝูงชนจนแทบจะมองไม่เห็นบรรดาขุนนางและผู้ครองแคว้นซึ่งนั่งหน้าเคร่งอยู่บนยกพื้นลาดด้วยพรมกำมะหยี่เนื้อนุ่ม พวกเขาล้วนแต่มีท่าทางกังวลใจด้วยกันทุกคน โดยเฉพาะเมื่อเหลียวไปมองยังบัลลังก์ไม้ดำแกะสลักหุ้มทอง ซึ่งตามปกติต้องเป็นที่ประทับของประมุขแห่งกรีนแลนด์ หากบัดนี้กลับมีหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งอยู่แทนที่
เจ้าหญิงลูเซียผู้ได้รับพระเสาวนีย์จากพระนางแอนน์ให้เสด็จมาเป็นประธานแทนพระองค์ ประทับนิ่งไม่ไหวติงดุจตุ๊กตาขี้ผึ้งอยู่บนบัลลังก์ทอง ฉลองพระองค์ผ้าไหมสีเขียวเข้มเกือบดำขับเน้นให้พระฉวีที่ขาวผ่องอยู่แล้วดูเผือดซีดยิ่งขึ้น พระเกศายาวสลวยสีน้ำตาลไหม้ถูกรวบถักเป็นเปียพันทบอยู่หลังท้ายทอย มีเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ กลัดเอาไว้กันรุ่ยเพียงชิ้นเดียว ดวงพักตร์งามอ่อนหวานเรียบเฉย ดวงเนตรที่แลกวาดไปรอบกายแข็งกระด้างไร้ชีวิต
เบิกตัวนักโทษ
สิ้นเสียงขานเรียก ชายหนุ่มร่างสูงในอาภรณ์สีคล้ำกระดำกระด่างก็ถูกผู้คุมสองนายพาขึ้นมายืนอยู่บน ยกพื้นกลางที่ประชุม เขาดูซูบลงเล็กน้อย เนื้อตัวสกปรกไปด้วยคราบไคลจากการไม่ได้สัมผัสน้ำมาเป็นเวลาหลายวัน ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาบัดนี้รกเรื้อไปด้วยหนวดเครา เส้นผมสีเงินยุ่งเหยิงจับเป็นก้อนแข็งด้วยฝุ่นละอองแทบไม่เหลือเค้าหนุ่มสำอางให้เห็น ที่ข้อมือและข้อเท้ามีโซ่เส้นเขื่องพันธนาการไว้แน่นหนา
เหล่าชาวบ้านที่มามุงดูเมื่อได้เห็นสภาพของนักโทษหนุ่ม ต่างก็ร้องอุทานอื้ออึงจนแทบจะกลบเสียงประกาศเปิดการประชุมเสียสิ้น หลายคนยังงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเหตุใดเจ้าชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นสหายรักขององค์ราชาจึงตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้ จะมีก็แต่พวกที่ทราบข่าวซุบซิบเรื่องกบฏและการหายตัวไปอย่างลึกลับของราชาเอลเบอเรธเท่านั้นที่เริ่มต้นส่งเสียงด่าทอสาปแช่งอย่างไม่พอใจ บางรายถึงกับแสดงความโกรธแค้นออกมาด้วยการขว้างปาก้อนหินไปยังร่างซูบเซียวตรงหน้าอย่างไร้ความปราณี
นี่ หยุดนะ พวกเจ้าจะทำอะไรกัน...
เจ้าของร่างเล็กบางในเครื่องแต่งกายธรรมดาไม่ผิดอะไรกับเด็กรับใช้ตะโกนโหวกเหวก พยายามจะแหวกฝูงคนเข้าไปยับยั้งชายฉกรรจ์ที่กำลังขว้างหินใส่นักโทษอย่างสนุกมือให้ได้ ยังดีที่เด็กหนุ่มตัวสูงข้างกายมีสติพอจะรั้งร่างบางพลางตะครุบปากที่กำลังโวยวายไว้เสียทัน
เจ้านั่นแหละหยุด เขากระซิบดุ ดวงตาสีน้ำตาลคมกริบถลึงมองอีกฝ่ายจนแทบปะทุออกมานอกเบ้า อยากถูกจับได้หรือไงกัน
แต่พวกนั้นกำลังทำร้ายพี่ข้านะ เจ้าจะให้ข้ายืนดูอยู่เฉยๆ งั้นหรือ เสียงใสเถียงอู้อี้เพราะมือของเด็กหนุ่มยังคงทาบอยู่บนใบหน้า ใช่ ดวงตาสีม่วงสวยราวลูกแก้วขุ่นขึ้นทันควัน หากเจ้าของคำตอบกลับทำเป็นมองไม่เห็น พูดด้วยเสียงเข้มงวดต่อไปว่า ถ้าไม่อยากถูกทหารจับได้ เจ้าก็ต้องอดทนดูอยู่เฉยๆ แล้วถ้าข้าไม่... งั้นกลับ ดูเหมือนคำขู่จะได้ผล เพราะเจ้าของร่างบางหยุดดิ้นรนขัดขืนในทันที เด็กหนุ่มจึงค่อยคลายมือออกเพื่อปล่อยนางให้เป็นอิสระ เจ้าหญิงกาอิยาห์ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะไม่หันไปแลบพระชิวหาใส่อีกฝ่าย พระองค์ยังขุ่นพระทัยกับเรื่องเมื่อสองคืนก่อนไม่หาย ถ้าไม่เป็นเพราะซิสดันงี่เง่านั่งหันหลังให้ประตูวิหารจนถูกคนของเจ้าชายเอเดรียนบุกเข้าถึงตัวละก็ เรื่องที่ทรงแอบหนีออกจากตำหนักยามวิกาลก็คงไม่รั่วไหลไปเข้าหูคุณพี่เลี้ยง ป่านนี้พี่ชายของพระองค์คงได้นั่งจิบชาหวานสบายใจเฉิบอยู่ในที่ปลอดภัยสักแห่งไปแล้ว ไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพน่าอัปยศเช่นนี้หรอก
ยิ่งเหลือบไปเห็นหน้าตาท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของเด็กหนุ่ม เจ้าหญิงกาอิยาห์ก็ยิ่งหงุดหงิดพระทัยจนต้องหาทางระบายออกด้วยการสะบัดพระพักตร์หนีไปทางอื่น ดวงเนตรขุ่นเขียวจึงปะทะเข้ากับชายผู้หนึ่งโดยบังเอิญ พระองค์คงจะไม่สนใจเขาเลย ถ้าไม่สะกิดพระทัยว่าชายแปลกหน้าผู้นั้นก็กำลังจ้องมองกลับมาเช่นเดียวกัน แม้ว่าเป้าหมายของสายตาทั้งคู่จะอยู่ที่ เด็กเลี้ยงม้าปากเสีย ก็ตาม
ซิส
เด็กสาวหันไปกระตุกแขนเสื้อคนข้างกาย ลืมอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่ไปชั่วขณะเพราะความสงสัยมีมากกว่า
เจ้ารู้จักผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า
เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อเหลียวมองไปยังทิศทางที่คนเป็นเจ้าหญิงชี้บอกพร้อมกับอ้าปากเตรียมปฏิเสธ แต่พอเห็นเจ้าของร่างร่างกำยำที่ยืนอยู่ติดกับชายหนุ่มหน้าอ่อนรูปร่างผอมบางถนัดตา เขาก็ถึงกับอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก รีบคว้าข้อมือคนตั้งคำถามฉุดให้เดินหนีไปอีกด้านทันที
เจ้ารู้จักเขาหรือ เจ้าหญิงในคราบเด็กรับใช้หนุ่มน้อยเอ่ยซักอย่างเอะใจ
เปล่า
ถ้าไม่รู้จัก แล้วทำไมต้องหนีด้วยเล่า
ข้าไม่ได้หนี
ซิสปฏิเสธเสียงแข็งทั้งที่สองเท้ายังก้าวเดินไม่หยุด ท่าทางฟ้องอยู่เต็มเปี่ยมว่าเขากำลังพูดปด เจ้าหญิงกาอิยาห์รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาจึงแกล้งชะงักพระบาทเสียดื้อๆ แถมยังสลัดพระกรจนหลุดจากการเกาะกุมของเด็กหนุ่ม ทำให้เขาต้องชะลอฝีเท้า หันมามองอย่างแปลกใจ
เป็นอะไรไปอีกล่ะ ทำไมไม่เดินต่อ
อ้าว... เจ้าหญิงทรงลากพระสุรเสียง ก็เจ้าว่าไม่ได้หนี แล้วจะต้องเดินทำไมให้เมื่อยเล่า อยู่ตรงนี้ก็มองเห็นการพิพากษาเหมือนกัน
ซิสทำเสียงจึ๊กจั๊กอย่างขัดใจ
ก็ขยับไปตรงนั้นอีกหน่อยจะเป็นไรไป
ไม่เอา ตรงนั้นคนแน่นจะตาย ถ้าอยากขยับเจ้าก็ขยับไปคนเดียวสิ ข้าไม่อยากนี่
ถ้าทำได้ เขาคงทำไปแล้วละ...
เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ครั้นจะทิ้งอีกฝ่ายเอาไว้ก็ไม่กล้า แต่จะให้หยุดยืนอยู่ข้างๆ นาง เขาก็กลัวจะถูกคนของบิดาเห็นเข้าเสียก่อน จึงได้แต่เหลียวหน้าเหลียวหลังพะวักพะวงอยู่อย่างนั้น ยิ่งได้ยินเสียงร้องเรียกชื่อตนดังใกล้เข้ามา ซิสก็ยิ่งมีอาการกระสับกระส่ายหนักขึ้นจนแทบจะยืนไม่ติดที่
เจ้าหญิงกาอิยาห์เห็นอาการร้อนรนของเด็กหนุ่มก็ทรงพระสรวลคิกออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ยิ่งอีกฝ่ายตวัดสายตาผ่านหน้าพระองค์ไปราวกับจะค้อน เสียงหัวเราะสดใสก็ยิ่งดังกังวานราวกับระฆังเงิน
ตกลงว่าเจ้าจะยืนอยู่ตรงนี้ใช่มั้ย งั้นข้าไปละ เด็กหนุ่มหมุนกายหันหลังให้อีกฝ่ายแล้วทำท่าจะเดินผละไปจริงๆ
เจ้าหญิงกาอิยาห์ดูออกว่าซิสกำลังโกรธ อันที่จริงไม่เห็นจะมีอะไรน่าโกรธสักนิด พระองค์แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง เขานั่นแหละแปลก ท่าทางบอกว่ารู้จักสองคนนั่นชัดๆ ทำไมต้องปิดบังกันด้วยก็ไม่รู้ อ๊ะ! หรือว่า...
เจ้าเคยมีเรื่องกับพวกเขามาก่อนสินะ
ใครบอกเจ้า
ซิสถามโดยไม่คิดจะหันกลับมามอง เจ้าหญิงกาอิยาห์จึงต้องเป็นฝ่ายเร่งฝีพระบาทก้าวให้ทันอีกฝ่ายเสียเอง
ไม่เห็นต้องมีใครบอกนี่ แค่ดูเอาก็รู้แล้ว เจ้าคงเคยขโมยของของพวกเขาละสิ หรือว่ากินแล้วไม่จ่าย ไม่สิ บางทีเจ้าอาจจะเคยเดินเหยียบเท้าพวกเขาที่ตลาดแล้วไม่ขอโทษ หรือไม่ก็...
พอเลย ไม่ต้องเดาแล้ว ไม่ใช่ที่เจ้าว่ามาทั้งหมดนั่นแหละ เด็กหนุ่มตัดบทดื้อๆ
งั้นมันเรื่องอะไรเล่า
เรื่องอะไรเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก
คนเป็นเจ้าหญิงหน้าง้ำ หากเพียงพริบตาเดียวรอยแย้มสรวลเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นบนเรียวโอษฐ์ นางยื่นมือออกไปรวบร่างของหนุ่มน้อยจากด้านหลัง กอดรัดไว้แน่นจนเจ้าของร่างเกือบจะเสียหลัก แล้วหันไปร้องตะโกนใส่กลุ่มคนที่เพิ่งเดินจากมา
เจ้าข้าเอ๊ย... ซีซาร์ของพวกท่านอยู่ตรงนี้แล้ว ได้ยินหรือเปล่า รีบมาหาเขาเร็วๆ เข้า
ทำบ้าอะไรของเจ้า ซิสเบือนหน้ากลับมาคำรามใส่เจ้าหญิงตัวแสบ แต่ไม่สามารถเอื้อมมือไปอุดปากนางได้อย่างใจคิด ทั้งยังไม่อาจสลัดร่างให้หลุดจาก มือกาว ทั้งสองข้างของนางอีกด้วย
เจ้าหญิงกาอิยาห์จงใจแย้มสรวลใส่ตาเด็กหนุ่มอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า ว่าไง จะบอกหรือไม่บอก ถ้าไม่บอก ข้าจะตะโกนต่อละนะ เจ้าข้าเอ๊ย...
เฮ้ย!! หยุดได้แล้ว
เด็กสาวเลิกคิ้วพร้อมกับยิ้มหวาน หากยังไม่ยอมปล่อยมือ
สองคนนั้นเป็นคนของพ่อข้าเอง ซิสจำใจตอบ
แล้วไง?
ข้าหนีออกจากบ้าน ...พอใจหรือยัง
คำตอบที่ได้รับทำเอาคนฟังอ้าปากค้าง เผลอคลายมือออกโดยไม่รู้ตัว อีกฝ่ายจึงกระชากร่างออกจากการอ้อมแขนของนาง แล้วก้าวเดินลิ่วๆ ห่างออกไปทันที
เจ้าหญิงกาอิยาห์รีบสาวพระบาทตามไปติดๆ พระองค์ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าซิสเป็นเด็กหนีออกจากบ้าน ดูเหมือนคนพวกนั้นจะเรียกเขาว่า ซีซาร์ ซึ่งไม่น่าจะใช่ชื่อของเด็กเลี้ยงม้าเลยสักนิด ถ้าอย่างนั้นซิสเป็นใครกันแน่ เป็นครั้งแรกที่คนเป็นเจ้าหญิงนึกสงสัยในชาติกำเนิดของเด็กหนุ่มผู้เป็นเพื่อน
เพราะมัวแต่ครุ่นคิดจดจ่ออยู่กับเรื่องของผู้อื่น เจ้าหญิงกาอิยาห์จึงไม่ทรงสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวที่เกิดกับฝูงชนตรงหน้า ทั้งยังไม่ได้ยินเสียงเป่าเขาสัตว์ที่ดังกังวานมาแต่ไกลอีกด้วย กว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พระองค์ก็ถูกผู้คนที่ถอยร่นเข้ามาใกล้เบียดจนพลัดหลงกับซิสเสียแล้ว
ท่ามกลางความแตกตื่นสับสนจนแทบจะจับต้นชนปลายไม่ถูกนั้น เจ้าหญิงกาอิยาห์เห็นเพียงกลุ่มคนที่ควบม้าผ่านหน้าไปราวพายุ ยังไม่ทันจะได้ทอดพระเนตรให้ชัดว่าพวกเขาเป็นใคร ม้าสีดำพ่วงพีตัวหน้าสุดก็เผ่นโผนขึ้นไปหยุดอยู่บนยกพื้นกลางที่ประชุม บุรุษบนหลังม้าตวัดร่างลงสู่พื้นอย่างอาจหาญ เขาปัดฮู้ดที่ปกคลุมศีรษะออก เผยให้เห็นเส้นผมสีทองสุกสว่างราวกับแสงอาทิตย์ ล้อมกรอบใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นตาชาวกรีนแลนด์เป็นอย่างดี
ฝ่าบาท!!
องค์ราชา!!
เสียงอุทานฟังไม่ได้ศัพท์ดังขึ้นจากทุกทิศทุกทาง เหล่าผู้ครองแคว้นและขุนนางที่นั่งอยู่บนยกพื้นเหลียวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกงุนงงสงสัยว่าเหตุใดราชาเอลเบอเรธที่ทรง ถูกลักพาตัว ไป จึงปรากฏพระองค์ขึ้นกลางที่ประชุมได้ราวปาฏิหาริย์ มิหนำซ้ำยังไม่มีพระอาการใดๆ บ่งบอกว่า ทรงพระประชวรหนัก ดังเช่นข่าวที่แพร่สะพัดไปทั่วอีกด้วย มีเพียงผู้เดียวในที่นั้นที่มิได้แสดงท่าทีว่าประหลาดใจ ตรงกันข้าม เขากลับโล่งอกเสียด้วยซ้ำ เพราะในที่สุดก็จะได้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหาทั้งปวงเสียที
ดวงเนตรคมกริบสีน้ำทะเลของราชาหนุ่มปรายปราดไปยังสตรีที่นั่งตะลึงอยู่บนบัลลังก์ ก่อนพระสุรเสียงทรงอำนาจจะดังก้อง
ทหาร จับนางไว้
สิ้นกระแสรับสั่ง นายทหารทั้งสี่ที่ยืนม้ารออยู่ด้านล่างก็กรูกันขึ้นไปบนยกพื้น กระชากร่างของเจ้าหญิงลูเซียลงจากบัลลังก์ทองท่ามกลางสายตาพิศวงของชาวเมืองและผู้ครองแคว้นทั้งสาม
หยุดนะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้
เจ้าหญิงลูเซียกรีดพระสุรเสียงพลางดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ดวงพักตร์นวลแอร่มบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เนตรสีมรกตไร้แววจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของราชาหนุ่มอย่างคั่งแค้น
ข้าบอกให้ปล่อยไม่ได้ยินหรือยังไง พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์มาจับข้า
นี่มันเรื่องอะไรกันพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ทรงให้จับลูเซียทำไม นางทำอะไรผิดหรือพ่ะย่ะค่ะ
ผู้ครองแคว้นอังมาร์ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของเจ้าหญิงลูเซียออกโรงปกป้องหลานสาวทันที เขาก้าวออกมายืนขวางหน้าทหารไว้อย่างดุดัน ดวงตาคมกล้าตวัดไปทางประมุขหนุ่มอย่างรอคอยคำตอบ
ราชาเอลเบอเรธแย้มพระสรวลเยือกเย็น
นางร่วมมือกับเจ้าชายแห่งทาเนียร์ลอบวางยาพิษข้า อย่างนี้ ผิด พอมั้ยครับ ท่านอา
ชายกลางคนอึ้งไปอย่างคาดไม่ถึง เช่นเดียวกับประชาชนชาวกรีนแลนด์ทั้งหลายที่ได้ยินคำตอบนั้น
ฝ่าบาทจะทรงกล่าวหาใครต้องมีหลักฐานนะพ่ะย่ะค่ะ
ไม่ใช่แค่หลักฐานหรอกครับท่านอา ข้ายังมีพยานยืนยันอีกด้วย ลองถามท่านคาร์ลหรือท่านหมอหลวงดูก็แล้วกันว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไร
สายตาตื่นตะลึงของผู้ครองแคว้นอังมาร์แลปราดไปยังผู้ที่ถูกเอ่ยอ้างทันที คำตอบที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังรอยยิ้มเห็นอกเห็นใจของฝ่ายนั้น ทำให้เขาแทบเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น
ลูเซีย... จริงหรือนี่
ไม่มีคำปฏิเสธจากเจ้าหญิงลูเซีย นางยังคงดิ้นรนขัดขืนการจับกุมของเหล่าทหารราวกับหญิงวิกลจริต
เอาเถอะครับท่านอา ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรรุนแรงกับนาง แต่ถึงอย่างไรก็คงต้องคุมตัวไว้เพื่อสอบสวนก่อน
ผู้ครองแคว้นอังมาร์คอตก จำต้องยอมหลีกทางให้ทหารแต่โดยดี
ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าบอกให้ปล่อยไงล่ะ...
เจ้าหญิงลูเซียกรีดเสียงแหลมก้องอย่างคลุ้มคลั่ง ในที่สุดนางก็สะบัดแขนจนหลุดจากการเกาะกุมของนายทหารทั้งสี่จนได้ ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวผู้เรียบร้อยเช่นนางไปเอาเรี่ยวแรงมหาศาลขนาดนั้นมาจากไหน
เมื่อเป็นอิสระ เจ้าหญิงลูเซียก็โผนร่างเข้าหาราชาหนุ่มโดยไม่รอช้า เสียงทุ้มต่ำที่ดังก้องอยู่ในหัวร้องบอกให้นางฆ่าเขาซะ หญิงสาวไม่มีปัญญาจะขัดขืนน้ำเสียงที่มีมนต์ขลังนั้นได้ ...แต่นางไม่มีอาวุธ จะฆ่าเขาได้อย่างไร
ดาบของทหารไงล่ะ... เสียงนั้นบอก
แย่งดาบของทหารมา แล้วแทงเข้าไปที่อกของเอลเบอเรธ...
เจ้าหญิงลูเซียทำตามคำสั่งในหัวทันที นางหันไปคว้าดาบจากเอวของทหารที่ไม่ทันระวังตัว จ้วงแทงออกไปเบื้องหน้าสุดกำลัง ภาพที่เจ้าหญิงกาอิยาห์เห็นต่อจากนั้นดูราวกับเป็นเรื่องโกหก...
โลหิตสีแดงเข้มอาบย้อมใบดาบจนชุ่มโชก ก่อนจะรวมตัวกันหยดต้องพื้นพรมทีละหยด ร่างสูงสง่าของราชาเอลเบอเรธทรุดฮวบลงสู่อ้อมแขนของเจ้าชายกันนาร์ที่ถลันเข้ามารองรับไว้ได้ทัน พวกทหารกลุ้มรุมกันเข้าจับตัวหญิงสาวผู้ถือดาบอย่างไร้ความปราณี หากนางก็ยังพยายามดิ้นรนขัดขืนจนกระทั่งเส้นผมยาวสลวยที่เกล้าพันไว้อย่างดีหลุดรุ่ย เครื่องประดับชิ้นสำคัญเลื่อนหล่นลงสู่พื้น และแล้วเจ้าหญิงลูเซียก็ล้มลงสิ้นสติไปอีกคน...
<<หมดสต็อกเท่านี้ค่ะ>>
อย่างที่เคยบอกเอาไว้ในตอนแรกว่านิยายเรื่องนี้ยังแต่งไม่จบ แต่ผู้เขียนเกิดถอดใจเสียก่อน ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะที่จะนำมาลง ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาโดยตลอด และขอโทษที่ทำให้ต้องรู้สึกค้างคา
แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 54 22:33:08
จากคุณ |
:
akihiro
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ธ.ค. 54 22:31:13
|
|
|
|