เช้าวันเสาร์ อยากจะนอน ตื่นสายสาย
เขยื้อนกาย แหกขี้ตา มานั่งหง่าว
เกือบหัวทิ่ม โขกขอบตู้ จนเห็นดาว
ชั่งประด๋าว จึงหลับตา ล้มตัวนอน
หนึ่งชั่วโมง ผ่านพ้นไป จึงรู้สึก
เพิ่งสำนึก ว่าตนเอง ยังกอดหมอน
อากาศเย็น สบายจัง จึงน่านอน
แนบลงหมอน ซุกผ้านวม สุขกายา
ความเป็นจริง ทำไม่ได้ อย่างใจคิด
อาจจะติด นิสัยเสีย ขี้เกียจหนา
คิดดังนั้น จึงรีบลุก ยืนขึ้นมา
บิดซ้ายขวา ก่อนก้าวเท้า ลงบันได
ทำงานบ้าน ให้เรียบร้อย ก่อนออกเที่ยว
ไม่ต้องเดี๋ยว ทำผลัดผ่อน เสียนิสัย
งานเสร็จแล้ว หามื้อเช้า นั่งทานไป
เอ๊ะ!นั่นใคร โทรเข้ามา จึงคว้าดู
มองหน้าจอ ชื่อปรากฎ แล้วอมยิ้ม
หลับตาพริ้ม ก่อนกดรับ เสียงคุ้นหู
มิใช่ใคร เสียงไพเราะ เพลินน่าดู
คุยไปมา ต้องรีบวาง ไปแต่งตัว
เที่ยงสี่สิบ ออกจากบ้าน กลางแดดเปรี้ยง
เดินหัวเอียง มือบังแสง แดดตรงหัว
กลัวหน้าดำ รีบเดินจ้ำ หูตามัว
เพราะเกรงกลัว ไปไม่ทัน จะโดนดี
เดินขึ้นไป สถานี รถไฟฟ้า
เหมือนคนบ้า หัวเหอฟู วิ่งเร็วรี่
เวลาเดิน ไปข้างหน้า ทุกนาที
ทั่วทุกที่ มีแต่คน เดินสัญจร
ถึงปลายทาง สถานี รีบจ้ำอ้าว
เริ่มหิวข้าว ท้องส่งเสียง อย่างอุทธรณ์
แวะเซเว่น ซื้อไส้กรอก อย่างสังหรณ์ <--- (กลอนพาไปนะคะ แหะ แหะ)
คงต้องอ้อน หากไปสาย กลัวถูกตี
บ่ายสองโมง ออกเดินทาง ไปที่แรก
คงไม่แปลก ที่ทุกคน หน้ามีสี
เพราะแต่งแต้ม เครื่องสำอาง ให้ดูดี
งามทุกที่ สวยทุกคน มอง (เป็น) ตาเดียว
บ่ายสามโมง มาถึงแล้ว สนามรบ
เพิ่งประสบ พบเห็นว่า น่าหวาดเสียว
ยิงโป้งป้าง ดังตูมตาม ปานนี้เชียว
อีกเดี๋ยวเดียว คงถึงคิว กลุ่มของเรา
มองเข้าไป ในสนาม เห็นกลุ่มคน
ทั่วทุกหน เปื้อนเประสี บนเสื้อเขา
เกมต่อไป สีคงเปื้อน บนตัวเรา
ได้นั่งเกา แกะแคะสี ออกจากตัว
ก่อนลงเล่น บีบีกัน ต้องเปลี่ยนชุด
ยกขามุด ใส่กางเกง ดึงขึ้นหัว
ชุดรัดกุม แบบนี้สิ ไม่ต้องกลัว
เสื้อผ้าเรา จะเลอะเทอะ ให้ปวดใจ
สี่โมงเย็น ได้ฤกษ์ ลงสนาม
เกราะฟ้าคราม จะถูกเลือก ให้ฝั่งไหน
หัวหน้าทีม เลือกให้แล้ว ไม่รอใคร
สวมหัวไว เตรียมตัว ไปห้องปืน
คนบรรยาย แจ้งข้อห้าม การละเล่น
หน้าทะเล้น บอกกล่าว ไม่ต้องฝืน
เกราะกันตัว ช่วยอีกชั้น ยามถูกปืน
ไม่กล้ำกลืน ลงเล่นได้ สบายใจ
บนใบหน้า จำเป็นต้อง สวมหน้ากาก
ดูลำบาก แต่ปลอดภัย เป็นไหนไหน
เมื่อรู้แล้ว จึงหยิบสวม อย่างเร็วไว
ใครเป็นใคร ดูเอาเอง ก็แล้วกัน
เดินเข้าไป ในห้องปืน ดูหลากหลาย
ปืนมากมาย วางเรียงราย อย่างพร้อมสรร
ทั้งยังที ถังอัดแก๊ส ตั้งคู่กัน
เหนี่ยวไกลั่น ลองปืนก่อน ส่งถึงมือ
รับมาแล้ว จึงเริ่มก้าว ลงสนาม
ไม่ครั่นคร้าม เดินมั่นใจ ยึดปืนถือ
หนักเหมือนกัน ถือไม่นาน เริ่มล้ามือ
หัวเริ่มตื้อ แดดยังแรง แยงเข้าตา
พื้นสนาม ปูด้วยหญ้า เดินนุ่มเท้า
ต้องร้องว้าว ประจำที่ ตามองหา
ห้ามเงยหน้า แหงนมองเมฆ บนนภา
เดี๋ยวจะหา ว่าไม่เตือน หากโดนยิง
เริ่มเกมแรก หาที่หลบ หลังบังเกอร์
เห็นภาพเบลอ ส่ายสายตา หาผู้หญิง
เป็นเพราะว่า คงยิงได้ ง่ายจริงจริง
ยืนแน่นิ่ง ให้เรายิง อย่างสะใจ
จบเกมแรก ยินดี ทีมชนะ
ไม่ยี่หระ แข่งต่อ อย่างสดใส
แพ้ชนะ เราไม่สนใจ ไม่เป็นไร
แค่น้ำใจ สปิริต นักกีฬา
เริ่มเกมสอง ต้องเปลี่ยนฐาน ที่ตั้งมั่น
วิ่งกระชั้น บุกขึ้นไป วิ่งเข้าหา
เห็นคู่แข่ง วิ่งสลับ กันไปมา
รีบมองหา บังเกอร์ เพื่อหลบภัย
มีคนบุก เข้ามา ในฐานทัพ
นึกอยากหลับ แกล้งตาย จะทันไหม
เห็นเขาวิ่ง เข้ามา อย่างเร็วไว
จึงเหนี่ยวไก ยิงออกไป ไม่แม่นเลย
ลูกกระสุน ลอยเข้ามา แล้วเฉียดไป
เหตุไฉน ใกล้แค่นี้ ยังยืนเฉย
ดวลกระสุน กันสองคน โจทย์จำเลย
แต่ไม่เคย ยิงถูกเขา สักนัดเดียว
จบเกมนี้ จึงถูกยิง เข้าสีข้าง
เจ็บชาบ้าง เดินก้มหน้า มองหญ้าเขียว
คิดเสียว่า มิใช่เรา เพียงคนเดียว
ที่ถูกเหนี่ยว ลั่นไกปืน จนเจ็บกาย
เดินย่างก้าว ออกนอก พื้นสนาม
แทบจะคลาน หมดแรง แรงหดหาย
เดินออกมา นั่งพัก หอบเจียนตาย
เริ่มตาลาย มองพร่ามัว จวนเป็นลม
จบเกมสาม รอบสุดท้าย ตัดสินผล
คนหน้ามน เหงื่อโทรมกาย ร้องกันขรม
นั่งนิ่งนิ่ง ให้ลมพัด หยิบลูกอม
เม็ดกลมกลม อมใส่ปาก หวานชื่นใจ
แข่งเกมเสร็จ ล้างหน้าตา เตรียมไปต่อ
จึงนั่งรอ รถมารับ หน้าสดใส
คว้ากระเป๋า เสื้อแจ็คเกต อย่างเร็วไว
ไม่รอใคร ก้าวขึ้นรถ ตากแอร์เอย
**************************************
(โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ) 
แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 54 15:01:40