20
“สมมติว่าถ้าฉันไม่ใช่เมีย ผอ.นี่ คุณคิดจะจีบฉันเหรอ”
เขมรัฐเกือบ ๆ จะแน่ใจว่ามีความหมายบางอย่างเป็นนัยซ่อนเร้นในดวงตาคู่กลมโต แต่หลักการและเหตุผลล้ำเหลื่อมบ่งบอกว่า ปุริมากำลังอยู่ในอารมณ์ประชดผอ.คเชนทร์มากกว่า เห็นได้ชัดตั้งแต่การขอให้เขาพาเที่ยวงานวัดแล้ว
หนุ่มมากเสน่ห์ตอบเรียบ
“ก็ใช่ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ก็ในเมื่อมันเป็นแค่เรื่องสมมุติ”
ปุริมารู้สึกหน้าร้อน ๆ จนไม่อาจกลั้นยิ้ม แต่ก็พยายามทำให้เหมือนว่าเธอกำลังเป็นโมนาลิซ่า มีรอยยิ้มลึกลับแบบที่คาดเดาไม่ได้
ทั้งที่รู้ว่าที่อีกฝ่ายเพียรหยอดมุกเกี้ยวพาก็เพราะธรรมชาติชายกับหญิง รวมทั้งนิสัยช่างป้อของเขาเองด้วย หากพอได้ยินคำว่าจีบขึ้นมาชัดเจนก็อดจะวูบไหวไม่ได้เหมือนกัน
ได้ยินว่าคนเจ้าชู้มีเสน่ห์เฉพาะตัว ตรงนี้กระมังที่นายเข้คนนี้ก็มี ดูเหมือนเขาจะตรงไปตรงมากับผู้หญิงทุกคน ชอบบอกชอบ จีบก็เดินหน้า ไม่หมกเม็ดลดเลี้ยว สังเกตว่าผู้หญิงที่เจอล้วนแล้วแต่รู้จักโขง แสดงว่าเรื่องลูกก็ไม่ใช่ความลับ ซ้ำยามที่รถไฟแต่ละขบวนมาชนกันก็ไม่สับรางให้เหนื่อย
ทำไมคนแบบนี้ถึงได้พลาดเรื่องครอบครัว เขานิสัยแบบนี้ตั้งแต่เด็ก หรือเพราะมีลูกทำให้นิสัยแบบนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากอ่านต่อ จะมีหน้าไหนเล่าเรื่องแม่ของโขง เรื่องที่ทำให้ลูกน้ำเค็มต้องกลับมารับกิจการของพ่อแม่หรือเปล่านะ
หนังตะลุงแสดงไปจนใกล้สามทุ่ม
“หนังจะจบประมาณห้าทุ่ม ปูนิ่มจะดูต่อไหม”
ปุริมาตาโต “ห้าทุ่มเลยเหรอ” สำหรับเธอไม่ดึก ปกติอยู่กรุงเทพก็ไปเที่ยวกลับเวลานี้อยู่แล้ว แต่เห็นเจ้าตัวแสบตาปรือ “ก็ได้”
“เดี๋ยวคนที่บ้านจะเป็นห่วง”
หญิงสาวซ่อนยิ้ม อุตส่าห์เลี่ยงคำเสียด้วย เขมรัฐสะกิดบัณฑิตา ทั้งหมดจึงเคลื่อนย้ายจากหน้าวิก
“กำลังสนุกเลย พี่เข้” สาวตัวเล็กบ่นกระปอดกระแปด
“เอาน่า พรุ่งนี้ค่อยมาดูใหม่สิ”
“พี่เข้มาไหมล่ะ”
ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มตอบ บัณฑิตากวาดสายตา คนยังเดินขวักไขว่ “งั้นไปหาอะไรกินนิดหนึ่งก่อนได้ไหม บุ้งอยากกินน้ำเต้าหู้ข้างวัด”
อีกฝ่ายเห็นด้วย “เลี้ยงด้วยนะ”
“ประจำ!”
บัณฑิตากำหมัดร้องเยส เขมรัฐหันมาทางปุริมา
“ไปกินน้ำเต้าหู้กันก่อนไหมปูนิ่ม หรือจะให้ผมไปส่ง...”
“ไปสิ”
ปุริมาตอบก่อนที่เขมรัฐจะตั้งคำถามจบ เห็นสีหน้ารื่นรมย์ของเธอแล้วยังไม่กล้าวางใจว่าจะไม่ทำให้เรื่องราวใหญ่โตอีกหน แต่มากังวลเล็กน้อยแบบนี้ก็ไม่สมกับเป็นเขาเหมือนกัน
ร้านเครื่องดื่มตั้งอยู่ริมถนนห่างจากวัดราวสองร้อยเมตร บริเวณนั้นมีร้านอาหารโต้รุ่ง แสงไฟนีออนเป็นกลุ่มล่อแมลงกลางคืนให้มาบินล้อ มีมอเตอร์ไซด์จอดเรียงรายอยู่ริมถนนบ่งบอกว่าคนละแวกนี้ก็นอนดึกไม่น้อย
“ส่วนใหญ่เป็นคนงานโรงงานน่ะ เลิกงานก็มาหาอะไรกิน พวกเข้ากะก็มากินก่อนเข้างาน”
เขมรัฐเล่าขณะขยับเก้าอี้ สมาชิกมีบัณฑิตา เจ้าโขง โต๊ะตั้งอยู่ริมถนน มองเห็นคนขายเป็นผู้ชายอายุราวสามสิบกำลังตักน้ำเต้าหู้สลับกับนึ่งขนมปังด้วยท่าทางคล่องแคล่ว
ชายหนุ่มเป็นคนสั่งเมนูให้ สามคนเลือกน้ำเต้าหู้ มีแต่คนตัวโตที่เลือกกาแฟ ขนมปังเนื้อนุ่มเสิร์ฟกับสังขยาใบเตยหอมกรุ่น คำแรกที่ได้ลิ้มรสทำเอาปุริมาลืมขนมเค้กสีสวย
“อร่อย”
“ใช่ไหมล่ะ” เจ้าถิ่นยิ้มอย่างภูมิใจ
“อร่อยขนาดนิ้ ลืมโดนัทคริสปี้ครีมได้เลยปูนิ่ม” บัณฑิตาว่า “แต่ก็ทำให้อ้วนได้พอกันนะ”
“ไม่เห็นจะอร่อยเลย ขนมคิดปี้อะไรนี่ ผมเคยกิน หวานเลี่ยนยิ่งกว่าเวลาพ่อจีบสาวอีก”
ปุริมาหัวเราะ เขมรัฐเงื้อมือจะเสยท้ายทอยลูกชาย แต่อีกฝ่ายชักตัวหลบ “รู้ทันน่า”
“งั้นพรุ่งนี้ไม่ได้ค่าขนม”
“ขอโทษค้าบ”
กริยาเหย้าแหย่พ่อลูกยิ่งดูยิ่งน่ารัก และยิ่งน่ารักกว่านี้ถ้าบัณฑิตาไม่ร่วมวงไป ‘เหย้าแหย่’ ด้วย แต่ปุริมาก็ไม่แสดงอาการ กำลังลิ้มรสชาติน้ำเต้าหูหอม ๆ ได้ยินเสียงเพลงคึกคักมาจากงานวัด
“หวิวๆ เหมือนชั้นบ้างมั๊ยเธอ ทุกครั้งที่ได้เจอ อยากมีความร๊ากกกกก” โขงส่งเสียงร้องเพลงโยกคอ
เขมรัฐร้องต่อทันที
“ยังสอดสอด อยู่ทางนี้ยังสอดสอด อยากเอาเธอมาสอดสอด เธอใช่ไหมที่ฟ้าเหลืองตลอด เหลืองตลอด ยังสอดสอด อยู่ทางโน้นก็สอดสอด ถ้าเธอพร้อมก็สอดสอด เข้ามารักกันฉันไม่หด ฉันไม่หด*”
เฮ้ย!
“ว้าย พี่เข้ เพราะมาก” บัณฑิตาปรบมือ ร้องต่อ “น้องยอมพลีถ้าพี่ไม่เจ้าชู้ พี่มี Joo น้องก็คงโอเค น้องยินดีถ้าไม่มีไม่เป็นเกย์ ถ้าเอาทั้งเพน้องก็คงเซย์โน”
“วู้ว”
หญิงสาวตีมือกับชายหนุ่มเหมือนคู่หูที่ทำแต้มสำคัญได้ ผลก็คือปุริมาหัวเราะไม่หยุด ทั้งขำและเขินจนน้ำตาเล็ด เรียกเสียงหัวเราะจากคนที่เหลือได้อีกระลอก
“อุ้ย ลืมขึ้นป้ายเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีผู้ปกครองควรแนะนำ” บัณฑิตาทำท่าตกใจหันไปทางโขง
“งานนี้ต้องห้ามผู้ปกครองแนะนำดีกว่า”
“พ่อสอนอะไรบ้างโขง”
“สอน...”
“เฮ้ย ๆ ไม่ต้องเล่าไอ้ลูกชาย” เขมรัฐรีบห้าม “อย่าไปหลงกลพี่หนอนบุ้ง ขานี้เขาแบล็คเมล์มืออาชีพ”
“อะไรพี่เข้!”
“ฮ่า ฮ่า”
เสียงหัวเราะสนุกสนานดังไปอีกพักใหญ่ ถึงบรรยากาศจะไม่คุ้นเคย แต่หัวใจปุริมาชุ่มชื่น
ทั้งหมดเดินกลับมาที่ลานจอดรถบริเวณวัด บัณฑิตายืนยันว่าจะกลับเองเนื่องจากขับมอเตอร์ไซค์มา เขมรัฐกำชับให้ระวัง ปุริมาเองก็นึกเป็นห่วงเมื่อเห็นถนนที่ทาทาบไปด้วยสีดำ
พอหันกลับมาก็เจอหมีพูห์ตัวเบ้อเริ่มตรงหน้า
“เอ้า ปูนิ่ม”
ปุริมาจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ดี ๆ ก็ถูกยัดตุ๊กตาใส่ตัว ได้แต่เงอะงะ “อะไรเหรอ”
“บุ้งให้ไง”
คนรับงง
“บุ้งขับมอเตอร์ไซค์จะเอากลับยังไงล่ะ อีกอย่างที่ห้องก็มีเป็นกองทัพแล้ว”
“แต่...”
“เถอะน่า” เธอยัดเยียดแล้วปล่อยมือ
“ไม่อยากเป็นข่าว” หลิ่วตาทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป
ทิ้งให้ปุริมางงงันแล้วหันมองชายหนุ่มซึ่งเป็นคนให้ เขาไหวไหล่
“ไม่มีสาวที่ไหนจะให้แน่นะ”
เขมรัฐกำลังจะเปิดประตูรถหันมา ครั้นแล้วก็ทำท่านึก “มีนะ เจ๊หงส์ อ่อง ป้าไก่ แต่สาว ๆ เขาไม่ชอบตุ๊กตาหมี เขาชอบตุ๊กตาจระเข้ เรียกใช้เรียกหากันทุกวัน”
คนฟังส่ายหน้า ไม่รู้เมื่อไหร่กันนะที่เธอจะไล่ต้อนเขาจนมุมได้บ้าง
บัณฑิตายังฮัมเพลงขณะเดินกลับมาที่รถ รู้สึกง่วงขึ้นมาบ้างเหมือนกัน กลับไปนอนดีกว่า เธอหยิบกุญแจจากกระเป๋าสะพาย ชะงักเมื่อมาถึงยานพาหนะ มีบางอย่างอยู่ในตะกร้าหน้ารถ
ไม่กล้าหยิบในคราวแรกเพราะไม่เห็นรูปร่างเนื่องสิ่งนั้นห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติก หันซ้ายขวาเห็นเศษไม้จึงหยิบมาเขี่ยด้วยอาการกล้า ๆ กลัว ๆ สัมผัสที่ได้นุ่มเบา ครั้นไม่มีอะไรผิดปกติจึงยอมใช้มือ
ตุ๊กตากระรอกสีชมพู
เธอจำตอนที่มันอยู่ในมือของคนหน้าดุคนนั้นได้ดี เขาซึ่งทำท่าเหมือนจะให้คุณหนูปูนิ่ม แต่ท้ายที่สุดมันมาอยู่กับเธอ
แอบเอามาให้ ทำอย่างกับกลัวใครเห็นแน่ะ
รอยยิ้มเป็นปลื้มเกลื่อนใบหน้า ลามไปถึงหัวใจ
พอรถจิ๊บมาจอดตรงรั้วบ้าน บทสนทนาก็หยุดลงทันที เขมรัฐมองลอดแมกไม้เข้าไป ไม่เห็นเจ้าของบ้านออกมายืนเหมือนเคย วางท่านิ่งเก็บอาการขณะที่ในใจก็แอบหวั่น ตลกตัวเองอยู่บางครั้งว่าประสบการณ์หลายสิบหนที่จีบผู้หญิงไม่เคยมีหนไหนตื่นเต้นเท่านี้
“ขอบคุณนะคะที่พาเที่ยว”
“ครับ”
“ไปก่อนนะโขง ฝันดี”
โขงพยักหน้า แม้แต่เจ้าตัวแสบยังรู้สถานการณ์ไม่กล้าโชว์ตลก สองพ่อลูกมองหญิงสาวปิดประตูรถแล้วเดินหอบตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เข้าบ้าน
เขมรัฐยังใช้เวลาเกือบครึ่งนาทีจับจ้องความเป็นไปในบ้าน ผอ.คเชนทร์ลุกยืนเมื่อเห็นปุริมา เขาเผลอกำพวงมาลัยแน่นเกรงว่าจะเห็นภาพลงไม้ลงมือ หากท้ายที่สุดเป็นแค่พูดคุย แล้วหญิงสาวก็เดินพ้นเฟรมออกไป คนมองเป่าปากโล่งอก แต่ก็สะดุ้งเมื่อใบหน้าของชายวัยห้าสิบเหมือนกำลังจ้องมา ต้องรีบสตาร์ทเครื่องแล้วพายานหนะแล่นออกไป
...
จากคุณ |
:
BabyRed
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ธ.ค. 54 16:13:58
|
|
|
|