Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
...Dragon Delivery...#17 (6/7 ครึ่งหลัง) ติดต่อทีมงาน

http://writer.dek-d.com/lawit/writer/view.php?id=738340

###

หลังจากนั้น ไซธีนก็พบว่าตนเริ่มทำอะไรแปลกประหลาดขึ้นทุกที

เขาบอกตัวเองว่ามันสนุกดี...สนุกมาก  เสกห่าฝนให้ตกเป็นน้ำตาลเคี่ยว  หรือวันดีคืนดีก็บอกที่ร้านเงินว่าข้าลืมไข่กริฟฟินดุร้ายไว้ที่ห้องนิรภัยของท่าน มันจวนฟักเต็มที รอให้ฟักก่อนค่อยไปเก็บมาแล้วกัน เขาทำอะไรกวนประสาทชาวบ้าน  ไม่เช่นนั้นก็เอาให้มันโฉ่งฉ่างยิ่งใหญ่  ตอนนายทหารอารอน มายา มาหาเรื่อง  เขาระเบิดร้านหายไปทั้งร้าน  ทำเอาเจวานที่แทบเฉยกับการกระทำของเขาไปแล้วเกือบจะประสาทขึ้นมาใหม่

ชายชราเล่าเรื่องเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มจาง ๆ  แต่โซลโทผู้เป็นคนฟังกลับรู้สึกได้...เขารู้สึกถึงความเศร้าของคนที่กำลังจะถูกลืมไป

'จริงอยู่ คนทั้งปวงย่อมถูกลืมไม่เร็วก็ช้า  แม้อาจมีคนที่ไม่ถูกลืมบ้างสักหยิบมือ เช่นบรรดาคนใหญ่คนโตในประวัติศาสตร์  แต่การจดจำได้อย่างนั้นข้าไม่ต้องการ  ผู้คนที่ไม่ได้เป็นอะไรกับข้า  ข้าไม่สนใจ'

แต่ในที่สุดชายชราก็ทราบอยู่นั่นเองว่าตนไม่มีทางห้ามการลืมนี้ได้   แม้พยายามชะลออย่างที่สุดแล้ว   คนก็จะยังค่อย ๆ ลืมเขา   ระยะเวลาแห่งการลืมแตกต่างกันตามบุคคล   แต่สุดท้ายทุกคนล้วนตกอยู่ใต้อำนาจของคำสาป  อย่างดีก็จะจำได้เพียงเลือนรางว่าอดีตเจ้าของร้านเอชานเป็นคนฉูดฉาดน่าสนุกอย่างไร   แต่ตัวตนของไซธีนเองจะถูกลืม...ในเวลาอันสั้น   ชีวิต  ความคิด  จิตใจของเขาล้วนจะถูกลืมไป

"เจ้าหญิงโมราเคยตรัสว่าท่านอยู่ที่นี่สิบปี  แต่เหมือนเพิ่งมาเมื่อวาน" โซลโทอดพูดไม่ได้

'พระองค์ก็ตกอยู่ใต้คำสาปเช่นกัน   พระองค์จำไม่ได้หรอกว่าข้าเคยพูดคุยด้วยอย่างไร   ไม่มีใครจำได้   อีกไม่ช้าเรื่องของข้าจะเลือนรางมาก  เขาจะจำได้เพียงว่าก่อนหน้าเจ้ามีเจ้าของร้านอีกคน' ไซธีนตอบ 'แต่นั่นอาจจะเว้นเจวาน  เขาจำได้...แม้ลืมบ้างยังจำได้มากกว่าใคร  น่าขำ ทั้งที่ตัวตนของข้าสูญหายเพราะมีตัวเขาขึ้นมา  แต่กลับเป็นเขาที่จำได้จริง ๆ'

"ท่านเจวานบอกว่าก่อนจะทราบความจริง  เขาไม่เห็นท่านลึกลับน่ากลัว   เขาว่าข้าวก็เคยกินด้วยกัน  เหล้าก็เคยดื่มด้วยกัน"

'หึ  ก็ฟังเหมือนไอ้มังกรน้ำนั่นดีไม่ใช่หรือไง'

ไซธีนเงียบไป  โซลโทก็เงียบเช่นกัน   แต่ชายหนุ่มคิดว่าคงไม่อาจฟังอย่างนี้ต่อไปได้   แม้เขาจะรู้สึกเห็นใจ  แต่ก็ยังถูกยึดครองร่างไปอยู่ดี   เขาต้องจัดการกับคำท้าของจ้าวแห่งความตาย  ต้องกลับไป

"ในที่สุดท่านจึงยึดครองร่างของข้าหรือ" เขาถาม "ท่านเล่าเรื่องพวกนี้ให้ข้าฟังหมดแล้ว  ต้องการอะไร"

ไซธีนยกมือขึ้นบังดวงตา  โซ่ที่พันแขนเขาลั่นกราว

'ข้าไม่ได้ยึดครองร่างของเจ้า'

"หือ"

'ข้าไม่ได้ยึดครองร่างของเจ้า  สิ่งที่ยึดร่างเจ้าคือความทรงจำซึ่งข้าตั้งกลไกไว้ให้ทำไปตามขั้นตอน   ความทรงจำที่ถูกผนึกอยู่ในร่างเจ้าเป็นความทรงจำถึงตอนก่อนข้าจะมาซีเล  มันก็นิสัยเหมือนข้าเมื่อสมัยนั้น' ชายชราบอก 'ข้าเป็นผู้ตั้งกลไกเอง  แต่ไม่มีพลังหรือความสามารถจะหยุดมันได้   แม้มัตยาก็ทำไม่ได้เช่นกัน   เราจึงจำเป็นต้องปล่อยให้มันเป็นไป'

"แต่..." โซลโทไม่เข้าใจ

'พวกเราไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเจ้าหรือใคร ๆ ก็เพราะหากไม่มีใครรู้เลย  กลไกนั้นก็อาจจะไม่สำแดงออกมา' ชายชราเอ่ยขัด 'แต่สุดท้ายมันก็ยังสำแดงอยู่ดี  ...ซึ่งว่ากันตามตรงก็คงช่วยไม่ได้  เพราะยิ่งเข้าไปแตะต้องเรื่องเจวานมากเท่าไร  สุดท้ายจะต้องโยงมาถึงข้าอยู่นั่นเอง  เมื่อใดที่เอนาเรเริ่มสงสัย  เมื่อนั้นกลไกจะเริ่มทำงาน  ข้าคิดอยู่แล้วว่าพวกเจ้าต้องรู้จักกันทางใดทางหนึ่ง  ทำร้านมังกรเช่นนั้นไม่มีทางไม่รู้จักกันได้  แต่เรื่องที่เธอให้เส้นผมเจ้า ข้าไม่ได้คิดไว้  นั่นเป็นเรื่องนอกเหนือความคาดหมายจริง ๆ'

'ข้าไม่ต้องการร่างกายของเจ้า โซลโท เอชาน' เขาพูดต่อไป 'ข้าบอกแล้วว่าข้าตัดชะตาของข้าบนโลกเพื่อลงมาที่นี่ก่อนเวลา   ข้าบอกแล้วว่าชีวิตของข้าหลังจากนั้น  ข้าขอให้จ้าวแห่งความตายนำไปต่อให้โซลโท เอชาน'

"แต่...ทำไม"

ร่างของไซธีนกระตุกนิดหนึ่ง  เขาจะพูดบางอย่าง  แต่แล้วกลับนิ่งไป  ยามเอ่ยอีกครั้งก็กลับกลายเป็นการแสยะริมฝีปากคล้ายแยกเขี้ยวแทน

'เพราะว่าแต่นี้ไป  อย่างน้อยจะมีเจ้าที่จำข้าได้' ชายชราหัวเราะเย้ยในคอ 'แลกกันก็ถือว่าคุ้มดีกระมัง  ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องกระ:-)กระสนกลับไปชิงร่างของตัวเองให้ได้  ไม่ใช่หรือไง  และเจ้าก็ไม่มีวันลืมข้าอยู่แล้ว  ทำถึงเพียงนี้...ไม่มีทางลืมตลอดไป'

เมื่อเห็นสีหน้าของเจ้าหนุ่มเปลี่ยนแปรเพราะคำของเขา   ไซธีน เอชานก็รู้สึกสิ้นแรง

ความจริงคือ สุดท้ายเขาก็ยังคงตกอยู่ในเงื่อนไขของจ้าวแห่งความตาย

ยามลงมาที่นี่  นางบอกว่าเขามีสิทธิ์ท้านาง  มีสิทธิ์ให้ชีวิตกับโซลโท  แต่เมื่อชีวิตของโซลโทเป็นสิ่งผิดปรกติไปแล้ว  โซลโทเองก็ต้องผ่านการทดสอบของนาง เพื่อให้ทราบมีคุณสมบัติจะรับสิทธิ์ในการต่ออายุและสามารถกลับขึ้นไปได้หรือเปล่าด้วย   ดังนั้นแม้ว่าไซธีนจะให้  แต่หากเจ้าของร้านเอชานไม่อาจผ่านข้อทดสอบ  เขาก็จะสลายไป  วิญญาณที่อยู่อย่างผิดปรกติย่อมต้องสลายไป

...มันเป็นเด็กซื่อไม่ค่อยรู้อะไร...ชายชราร้อง...ท่านจะทดสอบอะไรมัน  มันจะตอบได้อย่างไร...

...ตัวเจ้าเองจะเป็นข้อทดสอบของเขา...จ้าวแห่งความตายบอก...เขาจะได้กลับขึ้นไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวเขาสามารถพิสูจน์ว่าตนมีค่าพอไหม   หากว่าเขามีความแค้นเจ้าเป็นอันมาก  ปฏิเสธจะเห็นตัวตนของเจ้า   ปฏิเสธจะเข้าใจ  เขาก็ไม่ควรจะได้กลับไป   ข้าไม่ต้องการส่งวิญญาณอาฆาตมาดร้ายกลับไป...

ดังนั้นเงื่อนไขจึงมีอยู่ว่า เมื่อโซลโทท้าจ้าวแห่งความตาย  เขาจะได้พบไซธีนในสภาพชั่วร้าย  ไซธีนคนนั้นจะไม่ต่างอะไรจากไซธีนเมื่อก่อนมาอยู่ซีเล  ไม่แยแสใคร  ทำได้แต่เพียงบอกโซลโทว่าตนประสงค์ร้าย   ส่วนโซลโทจะเห็นช่องว่างในการกระทำเหล่านั้นหรือไม่  จะเข้าใจหรือไม่ว่ามีบางอย่างผิดประหลาดไป  ล้วนต้องพึ่งพาสติปัญญาของโซลโทเอง  

เมื่อแรกที่ฟังเงื่อนไขนี้  ไซธีนแทบเสียกำลังใจหมดสิ้น  เขาคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้  เจ้าหนุ่มซื่อบื้อถึงเพียงนั้นไม่มีวันเข้าใจ  มันต้องแค้นเขา  หากไม่ตรงเข้ามาทำร้ายทันที   ก็จะต้องโง่เล่นไปตามบท  ตอบคำถามผิดทั้งสามครั้ง  และสุดท้ายจะต้องสูญไป   เขาช่วยอะไรมันไม่ได้เลย

แต่น่าแปลกที่เรื่องกลับไม่ได้เป็นดังคาดหมาย  ในที่สุดเจ้าหนุ่มก็ยังเห็นสิ่งที่เขานึกว่ามันจะไม่มีทางเห็นได้  สุดท้ายมันยังอุตส่าห์ถามถูกคำถาม  ทวงจะดูให้ได้ว่าสิบปีที่เขาอยู่ซีเลหายไปไหน  มันเรียกร้องจะดูตัวตนทั้งหมดของไซธีน เอชาน  เรียกร้องจะเข้าใจ  แม้แต่อดีตเจ้าของร้านเอชานก็ไม่คาดหมายว่าเจ้าหนุ่มจะสามารถข้ามอคติและความกลัว   สามารถเห็นเขาเป็นอย่างอื่นนอกจากสิ่งชั่วร้ายที่ตนต้องเอาชนะหรือทำลาย  ตอนที่มันถามออกมาเขาโล่งใจ...โล่งใจมากทีเดียว   ถ้าหากมันไม่ถามคำนั้นออกมา  เขาก็ต้องเห็นมันสลายไป   เขาก็ต้องเห็นว่าผลของสิ่งที่ตนทำคืออะไร   บางทีคงได้เห็นชีวิตของเจวานพินาศอีกครั้ง   และบางทีคงได้เห็นความทรงจำของตนในร่างโซลโททำลายซีเล

แต่แม้กระทั่งบัดนี้  คำสาปที่จ้าวแห่งความตายลงไว้ที่ตัวไซธีนก็ไม่ได้คลายไปหมดสิ้น   ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เขาไม่สามารถบอกมันได้  นั่นคือที่จริงแล้วเขาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้หลานชายต้องตายไปจริง ๆ เพราะอะไร

จริง  เขาอยากให้มีคนจำตนได้  แต่ไซธีนซึ่งในชีวิตนี้แยแสคนน้อยเต็มที   ย่อมไม่ต้องการให้คนที่เขาแยแสจริง ๆ เหล่านั้นจำตนในฐานะสิ่งน่าชัง  ...มันไม่ได้ดีกว่าการลืมแต่อย่างใด  อีกประการหนึ่ง ตลอดสิบปีที่ผ่านมา  ยามเขาผูกสัมพันธ์กับคนที่ซีเลและเจวาน  ไซธีนก็ผูกกับโซลโทเช่นกัน

เขาผนึกความทรงจำกับพลังของตนใส่ร่างหลานชาย ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ  ก็เท่ากับสร้างสิ่งเชื่อมโยงกันไปแล้วอย่างช่วยไม่ได้   ตั้งแต่อายุเก้าขวบถึงสิบเก้าปี  โซลโทโตขึ้นมาอย่างไร  ชายชราก็เห็นทุกฉากทุกตอน และรับทราบความรู้สึกทุกอย่างเช่นกัน   แม้เมื่อแรกไม่สนใจ  แต่เมื่อเพ่งพินิจดูมากนัก  รู้สึกด้วยมากนัก  ก็เกิดความรู้สึกผูกพันอย่างช่วยไม่ได้  จากตอนแรกที่ไม่เห็นมันจืดชืดชนิดที่แม้เป็นตัวละครในนิทานก็คงเป็นตัวประกอบประเภทฉากเดียวตาย   ไซธีนกลับตระหนักว่าโลกแห่งความจริงไม่มีตัวประกอบแบบนั้น  ไม่ว่าใครก็ตาม ล้วนเป็นตัวเอกในเรื่องราวของตน

เขาอยู่ที่นั่นเมื่อพ่อแม่ของไอ้หนุ่มตาย  เขาเห็นมันร้องไห้แต่ก็เพียรจะปลอบพี่สาว  เขาเห็นว่าแม้มันจืดและช้า แต่ที่จริงก็มีบางอย่างไม่เหมือนใคร  เขาเห็นมันอยู่กับจามี  อยู่กับหมา  และถึงกับนึกดีใจโดยไม่รู้ตัวตอนที่คนอื่น ๆ เริ่มสังเกตว่าเด็กนี้มีความสามารถในการดูแลจามีขึ้นมา  มันไม่ใช่เรื่องราวยิ่งใหญ่อะไร  ไม่ใช่เรื่องวีรบุรุษผู้กล้าหรือเจ้าหญิงเจ้าชาย  แต่เมื่อได้สัมผัสชีวิตจริงของคนคนหนึ่ง  ไซธีนก็พบว่าชีวิตเป็นสิ่งส่องประกาย  ยิ่งกว่าที่เรื่องเล่าใดจะจำลองได้  ยิ่งกว่าที่กวีนักเล่านิทานใดจะอธิบายออกมา

สุดท้ายก็เช่นเดียวกับเจวาน  เขาเอาชีวิตนั้นไม่ได้  เขาไม่ต้องการให้มันตาย   เขาอยากรู้   แม้ทราบว่าตนจะไม่มีทางได้รู้   เขาอยากทราบว่าเด็กที่เติบโตช้า   เป็นต้นไม้ที่แตกใบแทงยอดช้าอย่างยิ่งนั้นจะกลายเป็นต้นอะไร   เขาดูมานานเกินไป   เกินกว่าจะทำลายไส้ของมันได้   เช่นเดียวกับที่เขาไม่อาจทำลาย "เปลือกห่อ" ที่ชื่อเจวาน

ก็เพราะอย่างนั้น สุดท้ายเขาจึงตระเตรียมทุกอย่างใหม่  แม้ไม่อาจลบล้างกลไกที่ตนทำไว้  แต่ก็พยายามหาทางแก้ไขดีที่สุดเท่าที่จะทำได้  ยามที่มัตยามา  ถามว่าเขาจะเลือกลงไปยังแดนคนตายอยู่หรือไม่  ชายชรายังขอผัดไว้หลายเดือนเพื่อเตรียมทุกอย่างให้สมบูรณ์
 
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้รับสิทธิ์ที่จะบอกสิ่งเหล่านั้นกับโซลโท  เขาทำผิดมากเกินไป   ถ้าหากโซลโทไม่ให้  เขาก็ไม่มีโอกาสจะอธิบายตนเอง

ดังนั้นมันก็จบแล้ว  เขาจะบอกเจ้าหนุ่มว่าควรทำอย่างไรต่อ  จากนั้นก็รอว่าเมื่อไรวิญญาณจะถูกสลายไป

เจ้าหนุ่มตรงหน้าเกาหลังคอแกรก ๆ

"อยู่ในโลกนี้  ดื่มชาได้ไหม...ขอรับ" เขาถามขึ้นมา

'หา' คนกำลังมืดมนเต็มที่  แถมยังไม่เคยได้ยินอีกฝ่ายขอรับใส่สะดุ้ง

"ท่าทางจะอีกยาว  แต่จ้าวแห่งความตายสัญญาว่าจะส่งข้ากลับให้ทัน  คงไม่เป็นไร  ข้าคิดว่า...น่าจะดื่มชากัน  มันหนาว" โซลโทบอก "ท่านอยากให้ข้าจำไม่ใช่หรือ"

'ใช่  แต่...'

"หากอยากให้จำ  ก็คงต้องคุยกัน  ข้าเห็นแต่ความทรงจำก่อนหน้านั้นของท่าน   ไม่รู้ว่าตัวท่านที่ซีเลเป็นอย่างไร"

'นี่...' ลุงของเขาเริ่มตกใจ 'เจ้าไม่ได้ยินหรือ   ข้ากำลังหลอกใช้เจ้า  ข้าแค่ทำทั้งหมดนี้เพื่อบังคับไม่ให้เจ้ามีทางลืมได้  เจ้าไม่ได้ยินหรือไง'

"ถึงอย่างไรหลอกใช้ไม่หลอกใช้  ข้าก็หลอนจนลืมไม่ได้อยู่แล้ว" เจ้าหนุ่มสารภาพ "เพราะอย่างนั้น ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าสรุปท่านเป็นอย่างไร   ทางที่ดีท่านบอกมาให้หมดแล้วกัน   ข้าจะได้จำไว้  อีกอย่างหนึ่ง..."

มือที่เกาหลังคออยู่เริ่มเลื่อนขึ้นไปขยี้ผมตัวเอง

"ข้าเป็นคนโง่ขอรับ  มึนจะตายอยู่แล้ว   ลุงช่วยพูดเรื่องแบบตรง ๆ ง่าย ๆ ให้ข้าฟังได้ไหม"

ไซธีนนิ่งไปนานทีเดียว  สุดท้ายเขาก็แยกเขี้ยวขึ้นมาหน่อยหนึ่ง  ไม่รู้ว่ายิ้มหรือข่มขู่กันแน่

'ไม่ได้  ยิ่งใกล้จบมหากาพย์เท่าไร  ยิ่งต้องมีปรัชญาชีวิตที่ฟังแล้วงงไม่เข้าใจ  เจ้าไม่เคยได้ยินหรือไง'

จากคุณ : ลวิตร์
เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 00:51:10




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com