Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ใต้เงาไผ่ ติดต่อทีมงาน

ใต้เงาไผ่

เมื่อคราวไปเล่นน้ำที่แก่งคราวนั้น หอมนวลจงใจแกล้งทำให้ผ้าถุงที่เหน็บทรวงอกอันอวบอิ่มของหล่อน ร่วงหลุดออกไปต่อหน้าต่อตาของคำเคน โดยที่หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปีอย่างหล่อนมิอาจรู้เลยว่า มีใครอีกคนที่เห็นเหตุการณ์ในขณะนั้นด้วย  

สายน้ำโขงที่กระเซ็นซัดผ่านโขดหินน้อยใหญ่บนแก่ง ดังกลบเสียงครวญครางอันแสนรัญจวนใจด้วยความสุขสมของหล่อนกับชายหนุ่ม แม้แผ่นหินอันขรุขระจะทำให้แผ่นหลังรู้สึกเจ็บเมื่อเอนกายลงให้ชายฉกรรจ์วัยหนุ่มเชยชมเรือนร่างอันสะโอดองสมหญิง แต่ความเจ็บปวดเหล่านั้นกลับถูกแทนที่ด้วยความสุขที่ร่างกายแข็งแกร่งประโลมเล้าเรือนร่างของเธอ ลิ้นอ่อนนุ่มไล้เลียไปบนผิวนวลสีน้ำผึ้งทุกสัดส่วน มือน้อยๆ ของหล่อนไล้ไปบนแผงอกแข็งแกร่ง จิกปลายนิ้วไล่ไปยังมัดกล้ามสมชาย และคล้องรัดต้นคอเขาไว้เป็นที่มั่น สองกายอันเปลือยเปล่าของหนุ่มสาว กอดรัดกันแนบแน่นราวกับจะหลอมละลายเข้าด้วยกันอย่างไม่อายฟ้าดิน

หอมนวลถูกผู้ใหญ่จองตัวไว้ให้กับอ้ายแสนฟ้า หลานชายของเจ้าเมืองผู้ที่หญิงสาวทั้งใกล้ไกลหมายปองอยากได้เป็นคู่ครอง แต่บัดนี้คู่หมั้นคู่หมายของอ้ายแสนฟ้า กลับมาระเริงรักกับหนุ่มบ้านนาที่มีศักดิ์เป็นบ่าวรับใช้คนสนิทของอ้ายแสนฟ้า ด้วยศักดิ์ของหอมนวลนั้นก็ไม่ใช่หญิงธรรมดาสามัญ ปู่ของหล่อนเป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของเมือง แต่นิสัยที่หล่อนประพฤติอยู่กลับไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยแม้แต่น้อย หากหล่อนตบแต่งเป็นเมียอ้ายแสนฟ้าไปแล้ว ก็คงจะหาทางลอบมาได้เสียกับไอ้คำเคนอีกแน่ แล้วหากว่าอ้ายแสนฟ้าจับได้ คนที่เสื่อมเสียก็จะมีแต่อ้ายแสนฟ้า มันเป็นความอัปยศอย่างที่เกสรไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เธอจะทำอย่างไรเล่า อ้ายแสนฟ้าถึงจะได้รู้ความจริงเหล่านี้ และบอกผู้ใหญ่ว่าไม่ให้เลือกหอมนวลเป็นคู่หมายอีกต่อไป หญิงสาวในแถบนี้ที่เพียบพร้อมนั้นมีอยู่อีกหลายสิบนางหากว่าอ้ายแสนฟ้าไม่มองข้ามไป หนึ่งในนั้นคือเกสร ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้าน หากแต่เชื้อวงศ์พงศ์พันธุ์ของเธอนั้นก็เคยเป็นถึงลูกหลานของกษัตริย์ที่เคยครองแผ่นดินนี้มาช้านาน อีกทั้งกิริยาจรรยาก็ย่อมดีกว่าหอมนวลเป็นร้อยเป็นพันเท่า เธอพร้อมที่จะยืนอยู่เคียงข้างอ้ายแสนฟ้าจวบจนหมดสิ้นลมหายใจตายจากกันไป พร้อมจะเป็นภรรยาที่ดี ดูแลลูกและงานในเหย้าในเรือนอย่างเต็มความสามารถ


“ข้ารู้ว่าเจ้าเห็น...” คำพูดของหอมนวลทำให้ใบหน้าขาวเนียนของเกสรต้องแดงซ่านขึ้นมา หลังจากร่วมรักจนเสร็จกิจแล้ว หญิงสาวก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าและแยกย้ายกับคำเคน ก่อนเดินกลับมายังศาลาริมน้ำเพื่อรอเสลี่ยงของพวกบ่าวที่เธอนัดแนะให้มารับก่อนอาทิตย์ตกดิน

เกสรสูดหายใจเข้าปอดจนสุด เม้มปากจ้องหน้าหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวที่ยืนประจันหน้าอยู่อย่างไม่พอใจ

“เจ้ามันไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรี ไม่สมควรจะเป็นคู่หมายของอ้ายแสนฟ้า” คำต่อว่าของเกสรทำให้หอมนวลต้องกลั้วหัวเราะอย่างร่าเริง

“แล้วใครเหมาะจะเป็นเมียอ้ายแสนฟ้า เจ้ากระนั้นหรือเกสร...อย่าได้ใฝ่สูงให้เกินศักดิ์ แม่ข้าสอนไว้เช่นนั้น” หอมนวลเดินไปทรุดนั่งบนศาลา หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าจากตะกร้าขึ้นมาซับใบหน้าที่เปียกชุ่มด้วยหยดน้ำ เกสรเดินดุ่มๆ ตามมาด้วยความฉุนเฉียว นั่งลงฝั่งตรงข้ามหญิงสูงศักดิ์กว่าที่เธอมิเคยยำเกรง

“แล้วแม่เจ้าได้สอนรึเปล่าว่า การแตะเนื้อต้องตัวชายหนุ่มนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม ยังไม่ต้องพูดถึงการกระทำอันแสนทุเรศเหล่านั้นที่เจ้าทำกับคำเคน...” คนพูดกัดฟันกรอดๆ ยิ่งได้เห็นสีหน้าที่ไม่พอใจของเกสร หอมนวลก็ยิ่งฉีกยิ้ม มองหญิงตรงหน้าราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสาที่ถือแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ เกสรเป็นหญิงสาวตามตำรับกุลสตรี ที่ทำแต่ในสิ่งที่คนอื่นบอกให้ทำ จนลืมสนใจความต้องการแท้ๆ ของตัวเองไป

“ข้าไม่โกรธเจ้าดอกนะเกสร เห็นว่าเราเติบโตมาด้วยกัน อบรมขัดเกลากิริยาอยู่กับแม่ศรีจันทร์ตั้งแต่เราทั้งคู่อายุได้ห้าขวบปี แต่ก็แปลกนักที่โชคชะตามาเล่นตลกกับข้า ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้แต่งดองกับลูกชายของหญิงที่มีพระคุณประดุจแม่คนที่สองดังเช่นแม่ศรีจันทร์”

คำเพ้อรำพันอันสำนึกถึงบุญคุณของนางศรีจันทร์ มารดาของแสนฟ้า ชายหนุ่มรูปงามที่เกสรหลงรักมาตั้งแต่หล่อนเริ่มแตกเนื้อสาวทำให้คนฟังต้องกัดฟันแน่น เพราะมิอาจจะหาคำใดมาตอบโต้ เกสรอดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ อาจเพราะชาติกำเนิดที่ต่ำต้อยกว่า พ่อแม่และวงศาคณาญาติที่ไร้ซึ่งอิทธิพลอันมากล้น หรือทรัพย์สินศฤงคารก็มีไม่มากเท่าครอบครัวของหอมนวล เธอมันด้อยไปเสียทุกด้านเกสร...

นายบ่าววัยหนุ่มฉกรรจ์คนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาคุกเข่าที่หน้าศาลา ใบหน้าสีน้ำตาลมีเหงื่อเม็ดใหญ่น้อยเกาะอยู่ ดวงตาของหนุ่มน้อยสบสายตาเข้ากับเจ้านายสาวผู้ที่ทอดมองมาด้วยแววตาหวานหยดย้อย

“เสลี่ยงมาถึงแล้วขอรับนายหญิง...” บอกเสร็จก็รีบก้มหน้างุด หอมนวลลุกจากที่นั่ง เดินตรงไปหาหนุ่มน้อยก่อนย่อตัวลงนั่ง มือเรียวสวยถอดเอาผ้าคล้องไหล่ออกมาซับเหงื่อไคลบนใบหน้าบ่าวหนุ่มเบาๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างของสตรีผู้งดงาม ทำให้หัวใจของชายหนุ่มปั่นป่วนรัญจวนใจ มืออีกข้างของหล่อนลูบไล้ไปบนท่อนแขนอันเต็มไปด้วยมัดกล้ามสมชายด้วยความหลงใหล เกสรทนเห็นกิริยาอันต่ำทรามตรงหน้านี้ไม่ไหวอีกต่อไป หญิงสาวลุกพรวดจากที่นั่ง เดินกระแทกส้นเท้าลงศาลาไปเรียกหาพวกบ่าวไพร่ที่ลงเล่นน้ำให้ยกเสลี่ยงพาหล่อนกลับเรือน


บนศาลาการเปรียญในวัดค่ำคืนนี้คราครั่งไปด้วยผู้คนมากมาย เหล่าเจ้านายจะนั่งอยู่แถวหน้า ส่วนพวกบ่าวไพร่บริวารและชาวบ้านที่มาทำบุญฟังเทศน์ในวันเข้าพรรษาก็นั่งลดหลั่นกันลงมาจนสุดศาลา

หอมนวลปฏิบัติตัวเป็นกุลสตรีได้ดียามที่หล่อนอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่นายโตหรือต่อหน้าชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ เมื่อเห็นอ้ายแสงฟ้าพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกับหอมนวลด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มันก็ยิ่งทำให้เกสรรู้สึกสลดหดหู่ใจมากลงไปอีก อีกทั้งพวกผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็เหมือนจะพึงใจที่เห็นชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสองเข้ากันได้ดี เวลาของหล่อนเหลือน้อยลงทุกทีแล้วเกสร หากไม่เปิดเผยพฤติกรรมอันต่ำทรามของหอมนวลออกมาให้ทุกคนได้รับรู้ เธอก็จะหมดโอกาสได้ตัวอ้ายแสนฟ้ามาครอบครอง เธอต้องทำอะไรสักอย่าง... ทำในสิ่งที่ถูกต้อง

“อิฉันได้ยินพวกบ่าวของแม่หอมนวลมันว่า คืนนี้แม่หอมนวลนัดพบบ่าวของอ้ายแสนฟ้าเจ้าค่ะนายหญิง” คำพูดของหญิงรับใช้คนสนิทที่แอบกระซิบที่ข้างหูทำให้เกสรย่นคิ้ว เธอหันไปมองซ้ายขวา ก่อนหันมาถามเสียงค่อย

“ไอ้คำเคนรึ ? เอ็งไปรู้มาจากไหน อย่าปดข้าเชียวนะ”

“อิฉันไม่กล้าปดนายหญิงดอกเจ้าค่ะ อีพวกบ่าวที่สนิทชิดเชื้อกับบ่าวของแม่หอมนวลมันได้ยินตอนที่นางแอบนัดแนะไอ้คำเคนว่าให้ช่วยจัดหาบ่าวให้สักคน หลังเวียนเทียนเสร็จ นางจะไปพบที่กระท่อมร้างหลังวัด” เกสรฟังนางบ่าวอย่างใจเต้น ฟ้าดินช่างเป็นใจเธอเหลือเกิน  

หญิงสาวจ้องมองร่างของอ้ายแสนฟ้าที่มีไอ้คำเคนบ่าวคนสนิทนั่งเฝ้าอยู่เบื้องหลัง ก่อนจะเหลือบมองไปยังร่างอรชรในชุดเสื้อฝ้ายสีขาวของหอมนวลด้วยแววตามาดมั่น คืนนี้...อาจจะเป็นคืนสุดท้ายที่นางกากีคนนี้จะได้ระเริงรักกับชายหนุ่มแปลกหน้าเป็นคืนสุดท้าย


เกสรเฝ้ารอเวลาอย่างใจจดใจจ่อ เธอให้นางบ่าวคนหนึ่งคอยสะกดรอยตามหอมนวลไว้ เมื่อนางบ่าวผู้นั้นวิ่งมาบอกว่าหอมนวลไปยังสถานที่ๆ ได้นัดหมายกับบ่าวหนุ่มในเรือนของอ้ายแสนฟ้าแล้ว เธอจึงรีบตรงปรี่ไปหาอ้ายแสนฟ้าที่เรือนพักด้วยความลิงโลด

น่าแปลกที่เรือนหลังใหญ่ของอ้ายแสนฟ้าเงียบกริบผิดวิสัย ไม่รู้ว่าพวกบ่าวไพร่หายหัวไปไหนกันหมด หญิงสาวก้าวขาขึ้นบันไดพลางสอดส่ายสายตามองซ้ายขวา เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นแสงสีเหลืองนวลที่สาดลอดออกมาจากขอบประตูห้องนอนที่อยู่ตรงกลางทางฝั่งซ้าย สองเท้าของเกสรก็ก้าวตรงไปที่นั่นอย่างรวดเร็ว

“อ้ายแสนฟ้า... อ้ายแสนฟ้านี่เกสรเองเจ้าค่ะ” หญิงสาวเคาะประตูสองสามครั้ง ก่อนที่จะได้ยินเสียงตะกุกตะกักและเสียงเจรจากันเบาๆ ผ่านไปพักหนึ่งประตูไม้บานหนาจึงถูกเปิดออกช้าๆ

ไอ้คำเคนในสภาพเหงื่อท่วมตัวจ้องมองหญิงสาวสูงศักดิ์ตรงหน้า กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอเฮือกใหญ่

“มีอะไรรึแม่เกสร ทำไมถึงได้มาถึงที่นี่ได้...” เสียงสั่นเครือของมันทำให้เกสรหรี่ตามองอย่างสงสัย สายลมเย็นๆ พัดโกรกเข้ามาผ่านบานหน้าต่างที่ถูกเปิดออกจนสุด

“ข้ามีเรื่องสำคัญ ต้องการพบอ้ายแสนฟ้าเดี๋ยวนี้ นี่มันห้องนอนอ้ายแสนฟ้าใช่ไหม แล้วอ้ายแสนฟ้าอยู่ไหน เอ็งมาทำอะไรในห้องอ้ายแสนฟ้า”

“เจ้านายใช้ให้ข้ามาหาของน่ะ...ส่วนอ้ายแสนฟ้านั้น...” คำเคนกระอึกกระอักก่อนหันไปมองหน้าต่างที่อยู่ถัดจากเตียงนอนเจ้านายหนุ่ม ก่อนหันมามองเกสรและรีบก้มหน้างุด นั่นยิ่งทำให้เกสรจ้องมองมันด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ก่อนที่เสียงทุ้มกังวานของผู้ชายสูงศักดิ์คนหนึ่งจะทำให้เธอรีบหันขวับมาที่หน้าเรือน

“มีอะไรหรือแม่เกสร” ดวงตาของชายหนุ่มแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง โสร่งที่เขานุ่งดูยับย่นจนหญิงสาวสะดุดตาอีกทั้งเรือนร่างอันแข็งแรงนั้นก็เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อมันเยิ้มไม่ต่างอะไรกับไอ้คำเคนผู้เป็นลูกน้อง

“คือ...เกสรจะมาแจ้งเรื่องสำคัญกับอ้าย คือว่า...ตอนนี้หอมนวลนางกำลังระเริงรักอยู่กับบ่าวในเรือนอ้าย”

“อะไรนะ...” แสนฟ้าอุทานออกมาสุดเสียง เกสรก้าวขาฉับๆ เข้าไปหาชายหนุ่มรูปงามตรงหน้า

“อ้ายแสนฟ้าต้องไปดูให้เห็นกับตาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ ก่อนที่นางกากีกับบ่าวของอ้ายจะชิงหนีไปเสียก่อน”

“เรื่องนี้จริงแท้แค่ไหน? หากแม่เกสรโกหก รู้ใช่ไหมว่าจะต้องรับโทษเช่นไร หอมนวลเธอเป็นหญิงคู่หมายของอ้ายนะ” แสนฟ้าเอ่ยบอกเสียงหนักหน่วง แต่เกสรก็ยืนยันด้วยน้ำเสียงและสีหน้าอันจริงจังเช่นกัน

“เกสรขอประกันด้วยชีวิตเจ้าค่ะ”


สายลมอ่อนๆ ต้นเดือนกรกฎาคม พัดโชยทิวไผ่โอนเอนจนเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดตามแรงลม ดวงจันทร์กลมโตลอยเด่นบนท้องนภาสีน้ำเงินเข้ม กระจ่างใสระยิบระยับด้วยดวงดาวน้อยใหญ่ที่รายล้อม

ใต้เงาไผ่ลงมานั้น คือกระท่อมหลังเก่าซอมซ่อของชาวบ้านที่ปลูกไว้พักพิงยามออกมาเฝ้าไร่นา หลังคาบางส่วนของมันก็ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา จึงทำให้แสงจันทร์นวลใสสาดกระทบลงมายังเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของชายหนุ่มและหญิงสาวสองคนที่โลมเลียเรือนร่างของกันและกันด้วยแรงของตัณหาที่ครอบงำ สอดประสานและขับเคลื่อนความสนิทเสน่หาตามที่ร่างกายเรียกร้อง นางบ่าวคนสนิทของหอมนวลถูกคนของเกสรยึดตัวไว้ เพื่อไม่ให้มันส่งสัญญาณให้กับผู้เป็นเจ้านาย ขณะที่อ้ายแสนฟ้าเดินเข้าไปหาทั้งสองยังกระท่อมร้างหลังนั้น

ปลายเท้าที่เหยียบลงยังกิ่งไม้แห้งกรอบทำให้ชายหญิงที่กำลังพรึงเพริดไปกับรสรักต้องชะงักงัน หอมนวลหันมาจ้องมองชายหนุ่มด้วยความตกใจถึงขีดสุด หล่อนรีบคว้าเอาผ้าแถบมาปิดทรวงอกและเรือนร่างตัวเองไว้อย่างทุลักทุเล ขณะที่นายบ่าวหนุ่มก็รีบวิ่งแจ้นไปหลังกระท่อม รีบควานหาเอาโสร่งมาสวมใส่

หอมนวลก้มลงกราบแทบเท้าอ้ายแสนฟ้าทั้งน้ำตานองหน้า ขณะที่เกสรยิ้มเหยียดอย่างพึงพอใจ คำเคนรุดไปยืนอยู่ข้างหลังผู้เป็นเจ้านาย ทอดมองร่างหญิงสาวที่มันเคยเชยชมด้วยความสงสารปนเห็นใจ หากหอมนวลซักทอดมาถึงตน หายนะก็ต้องมาเยือนอย่างแน่นอน

“อ้ายไม่คิดเลยว่า แม่หอมจะทำตัวต่ำทรามเช่นนี้...” น้ำเสียงของอ้ายแสนฟ้าสั่นเครือ ชายหนุ่มสะบัดหน้าไปหาพวกบ่าวอย่างแรง “ไปเอาเชือกมามัดตัวหญิงผู้ประพฤติผิดจารีตนางนี้ไปที่เรือน แล้วให้คนไปแจ้งเรื่องแก่พ่อแม่ของนาง พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปบอกท่านตา”

สิ้นเสียงสั่งของชายหนุ่ม หอมนวลก็ร้องไห้โฮออกมา หญิงสาวแหงนหน้ามองร่างสูงสง่าที่เดินจากไปด้วยน้ำตานองหน้า ก่อนที่พวกบ่าวไพร่จะมามัดตัวเธอไว้ เกสรถอยห่างออกมา ยืนมองหญิงสูงศักดิ์ด้วยความสมเพชเวทนา เมื่อหอมนวลหันมาและทั้งสองได้สบสายตากัน เกสรก็กลับรู้สึกหนาวยะเยือกจับขั้วหัวใจ อาจเพราะสายตาที่แฝงไปด้วยความโกรธแค้นและระทมทุกข์ของหอมนวล หรือเพราะลมเย็นที่พัดกรูเข้าใส่ร่างที่ทำให้เธอรู้สึกใจหวิวขึ้นมา เธอไม่ได้เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี่ แต่หอมนวลต่างหากที่ทำตัวเอง


ในบ่ายแก่ๆ ของวันต่อมานั้นเอง หอมนวลก็ถูกตัดสินประหารชีวิต โดยการฟันคอเสียบประจานตามกฎบัญญัติที่สืบมากันแต่โบราณกาล ภาพหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ นั่งเชิดหน้าชูตาบนเสลี่ยงอันสวยงาม มีหญิงชายให้รับใช้มากมาย ถูกลบหายออกไปจนหมดสิ้น ศีรษะเธอถูกหนีบด้วยขื่อคาทั้งสองข้าง

ระหว่างทางที่เดินจากเรือนอ้ายแสนฟ้าไปลานประหารก็ถูกพวกชาวเมืองเอาก้อนหินขว้างปาจนบาดเจ็บมิใช่น้อย เธอถูกกล่าวหาและตราหน้าว่าเป็นหญิงชั่วที่มีนิสัยต่ำทราม ด้วยการคบชู้สู่ชายไม่เลือกหน้า ในช่วงเวลาที่เดินตามขบวนแห่ไปนั้น แวบหนึ่งที่เกสรรู้สึกสงสารหอมนวลขึ้นมาจับใจ หากแต่หล่อนก็ยังย้ำเตือนตัวเองเสมอว่า สิ่งที่ได้กระทำลงไปนั้นถูกต้องและสมควรแล้ว

ก่อนที่เพชฌฆาตจะลงดาบ ตัดคอหญิงสาวและนำไปเสียบประจานที่ถนนกลางเมืองนั้น หอมนวลก็ร้องขอบางอย่างก่อนที่จะตาย นั่นคือการได้คุยกับเกสรเป็นครั้งสุดท้าย

ผู้ที่ถูกนักโทษเรียกหา ก้าวขาเดินเข้าไปในลานประหารอย่างกล้าๆ กลัว จนเมื่อถึงร่างของหอมนวลที่นั่งพิงกับหลักประหาร เกสรจึงค่อยๆ ทรุดนั่งพับเพียบตรงหน้าอีกฝ่าย

“เธอไม่มีทางรู้เลยว่า การที่ได้มานั่งรอความตายแบบนี้นั้นมันเป็นเช่นไร...” ใบหน้าที่เคยนวลเนียนและสวยงามแตกยับด้วยก้อนหินน้อยใหญ่ที่พวกชาวบ้านขว้างปามาใส่ หากแต่หอมนวลก็ยังคลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่แยแสต่อบาดแผลเหล่านั้น

“เธอมีเรื่องอะไรก็ว่ามาสิ...” เกสรถามน้ำเสียงราบเรียบ พยายามเบือนหน้าหนี ไม่กล้าสบสายตาอีกฝ่าย

“เธอคงจะโกรธฉันมากสินะเกสร แต่ฉันไม่โกรธเธอหรอก ให้ฉันตายไปอย่างดีเสียกว่าอยู่ในที่อันเล็กแคบแห่งนี้” คำพูดของคนที่ใกล้ตายทำให้เกสรต้องแสยะยิ้ม หอมนวลเบิกมองพระอาทิตย์ที่ส่องแสงร้อนแรงบนฟากฟ้า

“ฉันมันคงเกิดมาผิดที่ ผิดเวลา ฉันผิดด้วยหรือที่ทำตามสิ่งที่หัวใจตัวเองปรารถนา อ้ายแสนฟ้ายังไม่ได้เป็นเจ้าของฉันเสียหน่อย ฉันมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ ตามที่ใจฉันอยากจะทำ...”

“แต่สิ่งที่เธอทำมันผิด เธอเป็นผู้หญิง... ผู้หญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่สูงศักดิ์เช่นเจ้า”

“อย่างนั้นเหรอ? แล้วทำไมผู้ชายถึงไปเที่ยวหาเศษหาเลยกับพวกหญิงนางโลมได้เล่า ทำไมผู้ชายที่ยังไม่แต่งงานถึงมีสิทธิ์ร่วมรักกับสตรีคนอื่นได้ หรือแม้แต่แต่งงานแล้วก็ยังสามารถร่วมรักกับผู้หญิงที่ตนต้องการได้ โดยเฉพาะเจ้านายที่เป็นผู้ชาย แม้แต่พวกชาวบ้านชาวเมืองคนธรรมดาสามัญเองก็เถอะ บอกฉันมาหน่อยซิว่า...ฉันผิดนักหรือเกสร” สายตาแน่วแน่และเด็ดเดี่ยวของหอมนวลทำให้เกสรต้องกำมือแน่น ขนาดว่าตัวเองจะตายอยู่แล้วก็ยังปากดี ไม่ยอมสำนึกในสิ่งที่ทำลงไปเลยแม้แต่น้อยนิด

เกสรหยัดกายลุกขึ้นยืนอย่างหมดความอดทน แต่ก่อนที่เธอจะหันหลังและเดินจากไปนั้นหอมนวลก็ได้ย้ำเตือนสิ่งสุดท้ายที่เธออยากจะบอกให้อีกฝ่ายได้จดจำ

“สักวันเธอจะเสียใจเกสร... เธอจะต้องเสียใจกับการที่เธอไม่เคยได้ทำอะไรตามที่ใจตัวเองอยากทำ”


สิ่งที่เกสรดีใจเป็นที่สุด นั่นคืออ้ายแสนฟ้าไม่รู้สึกโศกเศร้าเสียใจภายหลังที่หอมนวลถูกประหารชีวิตเลยแม้แต่น้อย อ้ายแสนฟ้าของหล่อนยังคงยิ้มแย้ม ร่าเริงแจ่มใส ดูแลกิจการในบ้านเมืองที่ได้รับมอบหมาย ออกไปล่าสัตว์พร้อมกับไอ้คำเคนและบ่าวไพร่ ก่อนหอบเอาเขาสัตว์บ้าง ดอกไม้ป่าสีสันสวยงามมาให้หล่อนบ้าง และหล่อนก็ดีใจเหลือเกินที่แม่ศรีจันทร์เลือกหล่อนให้มาเป็นคู่หมายอ้ายแสนฟ้าแทนที่หอมนวล ไม่มีอะไรที่ทำให้หล่อนรู้สึกสุขใจได้ไปมากกว่านี้อีกแล้ว

“วันนี้อ้ายได้ดอกกล้วยไม้มาฝากแม่เกสรด้วย ดูซิว่าสวยถูกใจแม่รึเปล่า?” ชายหนุ่มยื่นกล้วยไม้ป่าสีสันฉูดฉาดส่งให้เกสร หล่อนรับมันมาด้วยความปลื้มใจ เอียงคอมองดอกเล็กดอกน้อยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ขอบใจอ้ายแสนฟ้าเหลือเกิน ว่าแต่ออกจากป่ามานี่ได้กินข้าวกินปลากันรึยังเจ้าคะ” เอ่ยถามแสนฟ้าด้วยความห่วงใยก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบกลับเสียงนุ่ม

“ไม่เป็นไรดอกจ้ะ แม่เกสรไม่ต้องลำบากเพราะอ้ายดอก ตอนนี้อ้ายเหนียวตัวเหลือเกิน มานั่งใกล้แม่เกสรก็กลัวว่าแม่จะเหม็นตัวเอาเสียได้ ถ้ายังไงแล้วเดี๋ยวอ้ายต้องขอกลับบ้านไปล้างตัวเสียก่อนนะจ๊ะ”

“จ้ะ...” เกสรจำเป็นต้องบอกลา แม้ใจยังอยากจะสนทนากับอ้ายแสนฟ้าต่ออีกสักครู่ แต่วันพรุ่งนี้ก็ยังมี อ้ายแสนฟ้าไม่หนีเธอไปไหนแน่ แต่พอขบวนของชายหนุ่มล่วงไปได้จนเวลาผ่านไปเกือบพลบค่ำ เกสรก็เหลือบไปเห็นห่อใส่เงินของอ้ายแสนฟ้าที่บังเอิญทำตกอยู่หน้าเรือนหล่อน

เกสรเดินทางมุ่งตรงไปยังเรือนพักของอ้ายแสนฟ้าด้วยกังวลว่าอีกฝ่ายจะร้อนใจ ออกเที่ยวตามหาห่องเงินให้วุ่นวาย พอลงจากเสลี่ยงได้ก็รีบวิ่งขึ้นเรือนพักของชายหนุ่มทันที

“อ้ายแสนฟ้าอยู่หรือไม่...” ร้องถามพวกบ่าวผู้หญิงที่นั่งขัดเรือนกันอยู่

“ไปอาบน้ำที่ท่าน้ำเจ้าค่ะ ตรงเนินกอไผ่นะเจ้าคะ” บ่าวคนหนึ่งร้องบอกเสียงค่อย ก่อนรีบก้มหน้าทำงานตัวเองต่อไป เกสรรีบวิ่งผลุนผลันลงจากเรือน ตรงไปตามเส้นทางเล็กๆ ที่มุ่งเข้าสู่ชายป่าหลังเรือน

สายน้ำที่ไหลผ่านซอกหินดังคละเคล้ากับเสียงกอไผ่ที่เสียดสีกันด้วยแรงลมที่พัดมาปะทะ หญิงสาวสอดส่ายสายตามองหาร่างของชายผู้เป็นยอดดวงใจด้วยความกังวล ก่อนหางตาจะเหลือบไปเห็นโสร่งที่ทอจากไหมเนื้อดีวางเกี่ยวหนามไผ่เอาไว้

พลันนั้น..ใบหน้านวลเนียนของหญิงสาวก็แดงซ่านขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ตอนนี้อ้ายแสนฟ้าคงกำลังเปลือยกายอาบน้ำอยู่เป็นแน่ แล้วเธอจะกล้าเดินไปพบเขาเพื่อบอกว่านำถุงเงินมาคืนให้อย่างนั้นหรือเกสร หากทำเช่นนั้นแล้ว อ้ายแสนฟ้าจะมองว่าเธอเป็นหญิงที่ไม่สำรวมในกิริยาและความประพฤติหรือเปล่า หากแต่ว่า...มองในอีกแง่ ในวันข้างหน้าเธอก็จะต้องได้เห็นเรือนร่างอันกำยำสมชายของอ้ายแสนฟ้าทุกซอกทุกมุมเท่าที่เธออยากจะเห็นแน่นอน หากจะได้เห็นก่อนในตอนนี้ ก็คงไม่เป็นอะไร...

เกสรก้าวขาไปบนโขดหินด้วยหัวใจที่เต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ก่อนที่สายตาหล่อนจะเหลือบไปเห็นโสร่งสีทึบอีกผืนที่วางทิ้งไว้บนโขดหินตรงหน้า เสียงสายน้ำที่กระเซ็นไหลดังเคลียคลอกับเสียงร้องครางต่ำๆ ของใครบางคนที่อยู่ต้นน้ำ เสียงนั้นมันทำให้หล่อนรู้สึกหนาวยะเยือกจับขั้วหัวใจอย่างไม่รู้ตัว เมื่อหญิงสาวก้าวผ่านโขดหินเบื้องหน้าจนเข้ามาใกล้ต้นน้ำเรื่อยๆ เรื่อยๆ.... สิ่งที่หล่อนได้เห็นตรงหน้าก็แทบจะทำให้หัวใจของเกสรหยุดเต้นไปในทันที

ใบหน้าคมเข้มที่มีไรหนวดเขียวขรึมขึ้นปกคลุมของไอ้คำเคน ก้มลงซุกไซ้ซอกคอของอ้ายแสนฟ้า ริมฝีปากหนาของมันจูบพรมไปบนแผงอกขาวสะอาดของเจ้านายหนุ่ม ขณะที่แสนฟ้าเอามือลูบไล้ไปบนแขนทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของชายผู้มีศักดิ์เป็นเพียงบ่าวพร้อมกับครางออกมาด้วยสุ้มเสียงอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขสมเหลือจะพรรณนา ไอ้คำเคนเลื่อนริมฝีปากมันลงมายังจุดสีคล้ำเล็กๆ บนอกซ้ายก่อนใช้ฟันขบเบาๆ จนเจ้านายหนุ่มต้องครางออกมาด้วยความพอใจ มืออีกข้างของมันเอื้อมลงไปกุมส่วนที่แข็งเกร็งของแสนฟ้าขณะที่ผู้เป็นนายก็เลื่อนมือไล่ลงสู่หน้าท้องแน่นๆ ของบ่าวหนุ่ม ลูบไล้ลงไปยังส่วนที่คำเคนต้องการให้สัมผัส

หยดน้ำตาอุ่นๆ ของเกสร รินไหลลงมาจากดวงตาอันร้อนผ่าวของเธอ ริมฝีปากบอบบางสั่นระริก ร่างกายยืนนิ่งอย่างไม่ยอมขยับเขยื้อน สิ่งที่ผู้ชายทั้งสองทำอยู่นี้คืออะไร? มันคือการแสดงความรัก ดังเช่นชายหญิงทำต่อกันหรือไม่? หรือเพียงแค่อ้ายแสนฟ้าสั่งให้ไอ้คำเคนหยอกล้อกันเพื่อความสำราญ หรือมันเป็นการหยอกล้อระหว่างชายหนุ่มด้วยกัน จารีต ประเพณีของเรา ไม่เคยมีชายคนไหนทำอะไรแบบนี้กับชายด้วยกันมาก่อน  

เกสรพริ้มตาหลับลงช้าๆ พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลเปื้อนแก้ม เมื่อลืมตาขึ้น สิ่งที่เธอเห็นภายใต้เงาไผ่ก็ยังคงเป็นภาพของผู้ชายเปลือยเปล่าสองคนกำลังร่วมรักกันอย่างดูดดื่ม เมื่อลมเย็นๆ พัดมาปะทะร่างกายที่เย็นชืดของหญิงสาว จู่ๆ คำพูดของหอมนวลที่บอกกับเธอไว้ก่อนถูกประหารก็ดังแว่วมาเข้าหู
หญิงสาวพยายามทำใจให้คล้อยตามคำพูดของหอมนวล แต่มันก็กลับทำไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ อ้ายแสนฟ้าของเธอ... ก็คงไม่ต่างอะไรกับหอมนวล ทั้งสองมองไม่เห็นม่านประเพณีที่ขวางกันการกระทำอันผิดศีลธรรมและจารีตประเพณีอันดีงาม

หากแต่ว่าจิตใจก้นบึ้งของเธอกลับแย้งขึ้นมา ประเพณีและศีลธรรมเหล่านั้น เกิดขึ้นมาด้วยการบัญญัติโดยมนุษย์และคนรุ่นก่อนๆ พวกเขาคิดข้อกำหนด ธรรมเนียมและจารีตเหล่านั้น มาในยุคของพวกเขา มันอาจจะเหมาะสมสำหรับผู้คนและเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของพวกเขาในตอนนั้น หากแต่ว่าตอนนี้...และขณะนี้ ไม่มีคนยุคนั้นดำรงอยู่อีกต่อไปแล้ว เราสมควรจะปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียมหรือจารีตเหล่านั้นหรือไม่? เราควรจะปรับเปลี่ยนจารีตเหล่านั้นเพื่อให้มันเหมาะสมกับวิถีชีวิตของเรา

แบบนี้...ถ้าทำแบบนี้ได้ หอมนวลก็คงไม่ต้องตาย และสิ่งที่อ้ายแสนฟ้าทำกับไอ้คำเคนก็จะไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ว่า...มันคงเป็นไปไม่ได้ เกสรจำเป็นต้องกล้ำกลืนฝืนทนต่อไป เธอจำเป็นต้องเลือกว่าจะไปแจ้งพฤติกรรมอันแสนแปลกประหลาดและน่ารังเกียจนี้ต่อผู้ใหญ่ หรือจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านเลยไป และยอมให้อ้ายแสนฟ้าผู้จะเป็นสามีเธอในอนาคตทำอะไรกับไอ้คำเคนแบบนี้ต่อไป...ตามแต่ใจเขาต้องการ


.........................................................................................................................................................

แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 54 02:35:32

 
 

จากคุณ : ผีเสื้อสีดำ
เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 02:29:50




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com