Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
_______ " November's Tears " ( 10 ) _______ ติดต่อทีมงาน

.


" November's Tears " ( บทที่ 10 )




บทที่ 10






ที่เวียงเดือน..ชีวิตของผมกลายเป็นอีกแบบหนึ่ง


ความรับผิดชอบเกี่ยวกับแม่หมดไป..ไม่ต้องห่วงเรื่องบ้านเรื่องน้ำ แต่วันแรกอดคิดไม่ได้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง..อีกเรื่องที่ลืมสนิทคือเฟสบุ๊คและอนุชิต

ที่ลืมเรื่องปวดหัวใจได้ง่ายๆ นั้น ไม่ใช่เด็ดเดี่ยวหรืออย่างไร แต่เป็นเพราะสองสามวันก่อนจากเมืองไทยผมใช้พลังร่างกายและพลังใจเกือบหมดก๊อก อีกการเดินทางค่อนข้างทุลักทุเลเพราะคนเจ็บและสัมภาระที่ต้องดูแล..ทันทีที่ถึงบ้านผมทิ้งทุกอย่าง..นอน..มีไข้..อยู่ในห้องนอนเกือบสองวัน



“Titee..” พ่อขยี้หัวผมที่นอนอยู่บนเตียง

“อืออ..” เกลือกหน้ากับหมอน..ออเซาะพ่อ

“ท่านอนุชามาหา”

“Non!..” ผมสะดุ้งขึ้นจากที่นอน

“อะไรไม่..ฮะ..ฮะ..จะมีเมียแล้วนะแกทำเป็นเด็กไปได้..” ตบต้นแขนผมเบาๆ “ทำตัวให้เรียบร้อยแล้วลงไปหาท่าน”



“Mon petit garcon!” ท่านอนุชาเดินเข้าสวมกอดผมที่เชิงบันได

“ไม่ใช่เด็กน้อยแล้วคะท่าน” แม่สังเกตเห็นผมไม่โอนอ่อนอย่างที่เคยเป็น

“Mon petit enfant..” ว่าแล้วท่านอนุชาก็จูบแก้มซ้ายกึ่งกกหู..แก้มขวาชิดมุมปาก “ทารกน้อยของฉัน” กอดค้างอยู่สักอึดใจ

“ผมเป็นหนุ่มแล้วขอรับ” นึกเขินกับลมอุ่นๆ ของท่านอนุชาที่มุมปาก

“ถ้าอย่างนั้นก็สร้างครอบครัวได้แล้วสิ” ท่านอนุชาได้ที

“แน่นอนครับท่าน” พ่อรีบสนับสนุน

“ผมเพิ่งมาถึง..” เดินตามท่านอนุชาไปที่โซฟา

“ใครว่าจะให้ Titee แต่งงานวันนี้ล่ะ..ฮะ..ฮะ..”

“ท่านอนุชาจะพา Titee ไปชมวังใหม่ของท่าน” พ่อหันมาชี้แจง

“สร้างขึ้นเพื่อเป็นเรือนหอของ Titee และวันหนึ่งจะเป็นวังของชายราชศักดิ์เกษม” ท่านอนุชายิ้มอย่างใจดี..แต่ผมเสียวสันหลังขึ้นมาดื้อๆ



ผมเคยเห็นวังนี้แล้วครั้งหนึ่งเมื่อเริ่มสร้างใหม่ๆ..ทีแรกนึกว่าเป็นตึกสำนักงานส่วนราชการอะไรสักอย่างเพราะโครงพื้นฐานเป็นคอนกรีตทรงเหลี่ยมเหมือนกล่อง

“ไงล่ะน่าอยู่ไหม?” ท่านอนุชาถามขึ้นเมื่อรถแล่นออกจากแนวไม้เผยให้เห็นสนามเขียวขจีกว้างใหญ่..ด้านขวาของสนามมีสระน้ำประดับด้วยหินก้อนใหญ่เล็กลดหลั่นน่าลงไปกระโดดเล่น

ถัดจากสนามหญ้าเป็นตึกคอนกรีตสองชั้นประดับด้วยหินสีครีมครึ่งค่อนตึก นอกนั้นตบแต่งด้วยไม้สีน้ำตาลอ่อนแก่ตามจังหวะของการออกแบบ ผนังและบานกระจกใสช่วยให้ตึกไม่เทอะทะ ดีที่มีต้นไม้และแนวป่าด้านหลังเป็นฉากช่วยให้ตึก..วัง..ของใครกันแน่นี้ดูร่มรื่นน่าอยู่ขึ้น

“ทันสมัยมากขอรับ..เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ทันสมัยอย่างท่านอนุชาครับ..เอ่อ..ขอรับ”

“ไม่เป็นไร..ครับก็ได้..” ท่านอนุชาเอนตัวห่าง มองสำรวจผมที่นั่งอยู่ข้างๆ “Titee เป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว..ขอรับ..นั้นไว้ให้เด็กพูดกับผู้ใหญ่หรือคนที่มีฐานะต่ำพูดกับเจ้านายที่ปกครองอยู่”

“ครับ” ผมรับคำ..เผอิญมองไปด้านหน้ารถ..อาจเพราะก้มๆ เงยๆ หน้า ผมเห็นริมฝีปากคนขับรถกระตุกพร้อมสายตาที่ชำเลืองมา

“มา..เข้าไปดูกัน” ท่านอนุชาก้าวลงจากรถที่คนขับลงมาเปิดให้

“ไม่ต้อง..” ผมเปิดประตูลงอีกด้านหนึ่งก่อนที่คนขับจะเอื้อมมือเปิด

“Titee!..” ท่านอนุชาเน้นเสียงเหมือนดุเหมือนตำหนิ “ทีหลังอย่าทำอย่างนี้”

“ผมเห็นว่า..”

“รู้ตัวไว้..” พูดตัดบททันที “อีกหน่อย Titee จะอยู่สูงกว่านี้มากนัก หัดให้ชินเสียแต่วันนี้”

“ผมตั้งใจ..” ผมรู้สึกเหมือนถูกมัดมือชก “ผมตั้งใจจะเป็นแค่ราชศักดิ์เกษมเท่านั้นขอรับ” ผมกำลังเริ่มสงคราม

“Non!..” ท่านอนุชาไม่ต่อสู้ด้วยกลับเดินนำเข้าบ้าน..วัง..

ผ่านโถงทางเดินเข้าห้องรับแขกโอ่โถง พื้น ผนัง ปูด้วยหินสีเทาอ่อน ทั่วไปตกแต่งด้วยไม้สีน้ำตาล หน้าต่างกระจกใสจรดพื้น ผ้าม่านหนาสีครีมไม่มีจีบย้อยระบายรุงรัง โซฟา พรมสีน้ำตาล โซฟาเดี่ยวน้ำตาลเข้มเข้ากับกรอบเตาผิง..ทั้งหมดน่านั่งพักผ่อน..หากใจไม่ได้รุ่มร้อนกับปัญหาข้างใน

“โอ!..” ผมเผลออุทานไม่ได้ทั้งที่กำลังเก๊กหัวใจตัวเองอยู่..เก๊ก..555

“Titee ชอบหรือ?” ท่านอนุชาแอบยิ้มกับชัยชนะที่ยังไม่ได้เริ่มต่อสู้

“ผมชอบทำอาหาร..” เลี่ยงกับความพ่ายแพ้ที่เริ่มรำไร..ผมกำลังอยู่ในส่วนห้องครัวที่เชื่อมต่อมาจากห้องรับแขกและรวมยาวไปถึงส่วนห้องอาหารที่ผนังกระจกใสด้านหนึ่งหันสู่แนวป่า

“ใช้เตรียมอาหาร และมื้อเช้านิดหน่อย..” ท่านอนุชาเปิดประตูที่ซ่อนอยู่หลังตู้โชว์ถ้วยชาม “มีห้องครัวใช้งานจริงอยู่ด้านใน”

“ผมอยากทำอาหาร..” ผมเข้าไปในห้องครัวที่ใหญ่พอประมาณนั้น..เปิดตู้เย็น “ไม่มีอะไร”

“ยังไม่มีใครอยู่จะมีอาหารได้อย่างไร..Titee รีบมาอยู่สิ” ยิ้มกว้างบนหน้าท่านอนุชาพร้อมสองแขนอ้าออกรอให้ petit enfant โผเข้าไปหา..และเป็นเช่นนั้นจริงๆ

ผมอยู่ในอ้อมแขนของท่านอนุชา..ความรู้สึกแบบเด็กๆ เข้ามาเมื่อไหร่ไม่ทันรู้ตัว เหมือนได้รับของเล่นชิ้นใหญ่จากพ่อคนที่สองอย่างเคย..แต่แล้วความรู้สึกของปัจจุบันก็กลับมา..นี่ผมกำลังหลงกับสินบนของท่านอนุชาหรือ..จะมอบชีวิตให้กับท่านอนุชา ให้กับศิลาเพราะวังแห่งนี้แค่นั้นหรือ..ราชศักดิ์เกษมใจง่ายจริง!

“ผมลืมไปว่ามีนัดกับคนดูแลบ้านที่เมืองไทยครับ..น้ำยังไม่เลิกท่วม ผมกับแม่ทิ้งมาเพราะพ่อเร่งให้กลับครับ..” จะได้ผลไหมหนอ “เขาจะส่งข่าวมาทางเฟสบุ๊ค..เฟสบุ๊ค” ผมเอ่ยชื่อเฟสบุ๊คซ้ำสองครั้ง!

“คนดูแลบ้านสูงอายุคนนั้นนะหรือเล่นเฟสบุ๊ค..ฮะ..ฮะ..” ไม่รู้ท่านอนุชาคิดอะไรอยู่

“เขาวานให้ลูกหลานส่งข่าวแทนครับ” ผมใจตุ๋มๆ ต่อมๆ กลัวท่านอนุชาถามว่าทำไมไม่ติดต่อทางโทรศัพท์..แต่ท่านไม่ถาม

“กลับก็กลับ..ฉันจะไปรายงานความคืบหน้ากับท่านผู้ครองศิลาเหมือนกัน..คงคอยฟังข่าวอยู่”

ตายละ!..เรื่องนี้ถึงท่านผู้สูงสุดเชียวหรือ..แย่แล้วนายราชศักดิ์เกษม




หลังจากโทรฯ ถามคนดูแลบ้านเรื่องน้ำแล้วผมก็เข้าเฟสบุ๊ค


“อ่านะขอโทษอย่างมากเลยคับไม่ได้เข้าไปดูในข้อความเลย ทำเอาคิดมากมายไปใหญ่เลย ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ตอบไม่คุยคับ เห่อๆ คิดมากไปถึงไหนคับเนี้ย..ลบผมออกไปแล้ว T_T”

ข้อความแรกที่อนุชิตตอบกลับมาเมื่อตอนดึกของวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน และอีกข้อความเมื่อ 20 นาทีต่อมา

“ต้องกลับเเล้วหรอคับ แล้วไม่มาไทยอีกแล้วหรอคับ..ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆที่มีให้นะคับรู้สึกดีมาตลอดคับ มิตรภาพไม่มีจางหายคับ ยังไงก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อกันตลอดไปนะคับ”

ข้อความสุดท้ายของคืนวันอาทิตย์..ความจริงเกือบเช้าวันจันทร์

“จะต้องพูดคำว่าขอโทษอีกสักกี่ครั้ง แต่ตอนนี้คงสายไปแล้ว ไม่คิดว่าจะรอผมขนาดนี้ผมก็มัวแต่ช่วยงานที่บ้าน เอานะหวังว่าสักวันจะกลับมานะคับแล้วเราจะได้มาคุยกันให้มากกว่านี้ กลับมานะคับผมหวังไว้เช่นนั้น”

ที่ทำให้ใจผมเริ่มเขว..เมื่อได้อ่านข้อความจากอนุชิตที่ส่งตอนเช้ามืดวันจันทร์ขณะผมกำลังเดินทางกลับศิลา

“ผมไม่รู้จะพูดหรือจะบอกลายังไงอะคับ วาสนาเราได้รู้จักกันแค่นี้จริงๆ หรอ ผมเองต้องขอโทษมากที่เหมือนไม่สนใจแต่เพราะกลับมาอยู่บ้านต้องทำงาน คับ สุดท้ายก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคับ”

คำที่อนุชิตใช้..วาสนาเราได้รู้จักกันแค่นี้..ทำให้ผมไหวหวั่น

ยิ่งกว่านั้น..ข้อความเมื่อวันอังคารต่อมา..ผมแทบจะหนีจากศิลาไปเมืองไทยทันที

“ผมไม่สามารถติดต่อได้เลยหรอ หากวันไหนมีโอกาสได้ออนไลน์เฟส ช่วยตอบกลับผมหน่อยได้ไหมคับ”



โธ่เอ๋ยอนุชิต!..ผมอ่านข้อความตอบกลับเหล่านั้นหลายเที่ยว..เรื่องมาถึงป่านนี้..ทำไมอนุชิตใจเย็นไม่เข้ามาดูเฟสของตัวเองบ้างเลย..สังเกตดูอนุชิตมีใจให้ผมเหมือนกัน แต่มีอะไรบางอย่างทำให้เขาไม่เข้ามาดู..ไม่ใช่แค่เรื่องงานอย่างเดียว


ผมยอมรับว่าว้าวุ่นใจมากๆ เข้าใจดีถึงความรู้สึกสูญเสียของอนุชิต..ส่วนของผมที่ปวดร้าวนั้นลดลงบ้างแล้ว..อย่างที่แม่เคยบอก..ที่ศิลา..ที่ผมกำลังเป็นอยู่คือของจริง..อนุชิตคล้ายจดหมายรักที่แม่ได้รับ..แต่..



ใจของผมล่ะ!..ความรู้สึกของผมล่ะ!..คือของจริงหรือของปลอม!

.

 
 

จากคุณ : ดาเรน
เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 10:47:36




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com