Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
(นิยายกำลังภายใน) วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ตอนที่ 82 ติดต่อทีมงาน

ราตรีแห่งความมืดมิด ร้อนรุ่ม และสับสน

ในบัดดล ปรากฏแสงแลบสว่างจ้าบดบังความมืดไปชั่วคราว ติดตามด้วยเสียงฟ้าคำรามกึกก้อง สะท้านสู่ใจทุกผู้คน

แม้มองไม่เห็น ยังบ่งบอกได้ว่าฝนจะกระหน่ำในไม่ช้า...

เล่าฮูหยินเริ่มอารัมภบทด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนตามวิสัย “ตัวข้าเพิ่งฟื้นไข้ลุกจากเตียงมาได้ก็ยามนี้ ทำให้คุณชายสามโต่วลำบากอยู่หลายวัน ละอายแล้ว จึงอยากขอร้องคุณชายเลิกทรมาณตัวด้วยวิธีนี้เถิด”

“เล่าฮูหยินโปรดอย่าได้กังวล ข้าเต็มใจกระทำเพื่อแสดงความจริงใจต่อหลานสาวท่าน”

หญิงชราแย้มยิ้ม ทว่านัยน์ตากลับหม่นหมองยิ่ง

“ท่านมีความจริงใจเพียงใด ข้าคงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ”

กล่าวจบค่อย ๆ วางมือเหี่ยวย่นจับบ่าโต่วอี้เหริน ฟ่านไป่หนิงขมวดคิ้ว นึกรู้ทันทีว่าเล่าฮูหยินกำลังใช้วิชาส่งเสียงผ่านลมปราณ คำสนทนาโต้ตอบจะได้ยินระหว่างหญิงชรากับบุตรบุญธรรมสกุลโต่วเท่านั้น

โต่วอี้เหรินก้มหน้า ควบคุมลมปราณเพื่อเจรจาด้วยกิริยามุ่งมั่น แล้วทันใดนั้น มันก็สะบัดศีรษะจับจ้องเล่าฮูหยินด้วยอาการตื่นตะลึง ก่อนจะทะลึ่งตัวพรวด การลุกยืนในฉับพลันทำให้ร่างอ่อนล้าส่ายโงนเงน ทว่าชายหนุ่มยังคงใช้นัยน์ตาเบิกโพลงถลึงมองอีกฝ่ายไม่คลาดคลา

การที่คนหน้าตายอย่างโต่วอี้เหรินเสียกิริยาถึงเพียงนี้ก็นับว่าประหลาดมากแล้ว ทั้งมันผ่านการเคี่ยวกรำหลายวันยังมิคิดหยุดยั้งการคุกเข่าขอขมา ไฉนกลับละทิ้งความพยายามในบัดดล

เล่าฮูหยิน...กระทำสิ่งใดไปกันแน่?

หญิงชราทิ้งแขนลงข้างตัว กล่าวอย่างอ่อนล้า “ข้อเสนอของข้ามีเพียงเท่านี้ ก็แล้วแต่ท่านตัดสินใจเถอะ”

โต่วอี้เหรินมิได้ขยับปาก มีแต่เสียงหอบหายใจเพราะแรงอารมณ์ตอบกลับมา สือจินหลิงใจหายวาบ สัญชาตญาณกระตุ้นย้ำว่าต้องมีสิ่งไม่ชอบมาพากล จึงรีบเอ่ยลนลาน

“นี่มันเรื่องอันใดกัน ท่านย่า...ท่านกล่าวอะไรกับพี่อี้เหรินกันแน่!”

เล่าฮูหยินหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับหลานสาว ครั้นสบแววตัดพ้อและผิดหวังคู่นั้นเข้า ใจที่แข็งแกร่งก็พลันอ่อนยวบ หญิงชราหลับตากล่าวเสียงพร่า

“สรุปว่าหากคุณชายสามโต่วคิดแสดงความจริงใจ ก็ต้องกระทำสิ่งหนึ่งแก่ข้า มิเช่นนั้นเรื่องระหว่างคุณชายกับหลิงเอ๋อ...คงไม่มีวันเป็นจริง”

สือหย่งหลุนสงสัย “ทำอะไรหรือท่านย่า”

“สังหารโต่วจินเซิงเสีย!”

ดุจอสนีบาตลั่นลงต่อหน้า สองพี่น้องสกุลสือและดรุณีน้อยต่างสะดุ้งเฮือก ตวัดมองโต่วอี้เหรินเป็นตาเดียว ในช่วงจังหวะนั้นเอง บุตรบุญธรรมสกุลโต่วก็แหงนหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวร่อราวกับภูตผีกรีดร้องจนคนที่เหลือถึงกับสยิวกายหนาวเหน็บ ภาวนาให้ชายหนุ่มยั้งมันลงเสียที

ทว่าโต่วอี้เหรินไม่ยอมหยุด มันหัวเราะจนตัวกระเพื่อม กระทั่งตอนที่มันหันหลังสาวเท้าจากไป เสียงหัวร่อก็มิได้ขาดหาย

เสียงหัวเราะ...แลคล้ายสำเนียงร่ำไห้อย่างประหลาด

สือจินหลิงหน้าซีดเผือด พริบตานั้นร่างบอบบางพลันอ่อนยวบเอนพิงฟ่านไป่หนิง ดรุณีน้อยไม่ทันระวังแทบเสียหลักล้มตาม โชคดีสือหย่งหลุนถลามารับตัวน้องสาวทันท่วงที ปากพร่ำเรียกชื่อสือจินหลิงอย่างตกใจ ฟ่านไป่หนิงตรวจนับชีพจรสหายแล้วว่า

“นางสะเทือนใจมากเกินไป ให้พักผ่อนสักครู่คงดีขึ้น”

อาการหวาดหวั่นของเล่าฮูหยินค่อยคลายลง มือสั่นไม้เท้ากระดิ่งก่อเสียงกังวาน สาวใช้ประจำตัวก็รุดมา หญิงชรากวักมือเรียกหนึ่งในนั้นให้มาประคองตน แล้วร้องสั่งอีกคนว่า

“ไปตามเพ่ยเพ่ยกลับมา แจ้งว่าข้าให้มาดูแลหลิงเอ๋อเช่นเดิม อย่าลืมกำชับนางว่าห้ามกระทำบกพร่องอีก” พลางลากสังขารเดินนำขบวน “ระหว่างนี้พวกข้าจะไปรอที่ห้องของหลิงเอ๋อก่อน”

เหตุการณ์ฉุกละหุก สือหย่งหลุนจึงไม่เอ่ยมากความ รีบอุ้มร่างน้องสาวพาฟ่านไป่หนิงติดตามเล่าฮูหยินไปในทันที

กระนั้นข้างในหู ยังคล้ายสดับเสียงหัวร่อของโต่วอี้เหรินอยู่เรือนลาง...

**********

ภายในห้องนอนของสือจินหลิง สือหย่งหลุนและเล่าฮูหยินนั่งอยู่ในบริเวณโต๊ะรับแขก รอพักใหญ่ฟ่านไป่หนิงก็เดินแหวกม่านที่กางกั้นส่วนเตียงนอนออกมา รายงานว่า

“จินหลิงกำลังนอนหลับ พอเพ่ยเพ่ยมาข้าจะสอนวิธีดูแลนางเพิ่มก็แล้วกัน”
สือหย่งหลุนนิ่วหน้า “แต่ลองปลุกน้องสามมาตรวจอาการก่อนไม่เหมาะกว่าหรือ”

ดรุณีน้อยสั่นศีรษะ “นางไม่เป็นอันใดมากหรอก อีกอย่างยามนี้...หากได้หลับโดยไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านเสียก็ดี”

เด็กหนุ่มนิ่งงันก่อนจำใจพยักหน้ารับ ระหว่างนั้นสองหนุ่มสาวพยายามไม่หันมองเล่าฮูหยินแม้แต่น้อย หญิงชราเห็นแล้วจึงฝืนยิ้มกล่าวว่า

“ดูพวกเจ้าคงไม่พอใจวิธีการของข้าใช่ไหม”

“ท่านย่าอาจเห็นว่าหลานเสียมารยาท” สือหย่งหลุนถอนใจ “แต่การบีบคั้นกันมากไป รังแต่จะเป็นผลเสีย”

“บีบคั้นกันเกินไป” อีกฝ่ายขึ้นเสียงสูง “เช่นนั้นย่าก็ขอถามกลับว่า สำหรับพวกเจ้าแล้ว ความรักของหลิงเอ๋อ สิ่งใดคืออุปสรรคสำคัญที่สุด?”

สองหนุ่มสาวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เล่าฮูหยินจึงกล่าวต่อทันที

“ย่ารู้ว่าพวกเจ้าอิดออดไม่อยากบอกว่าอุปสรรคก็คือผู้อาวุโสตระกูลสือ หึ ๆ ผิดแล้ว ปัญหาที่แท้จริงของหลิงเอ๋อ กลับเป็นโต่วจินเซิงต่างหากเล่า”

“แต่เจ้าบ้านโต่วแทบมิได้มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย มิหนำซ้ำตอนคุณชายสามโต่วยกขบวนมาขอขมา มันก็ไม่เคยห้ามปรามมิใช่หรือ” สือหย่งหลุนกังขา

“นั่นแหละ โต่วจินเซิงแค้นตระกูลสือขนาดไหนพวกเจ้าก็รู้อยู่ แต่บุตรบุญธรรมของมันคิดเกี่ยวดองเป็นเขยศัตรู มันกลับนิ่งเฉยไม่ถือสา ยังมีเรื่องใดพิลึกไปกว่านี้อีก”

เหล่าผู้ฟังนิ่งอึ้ง เล่าฮูหยินได้โอกาสอธิบายเพิ่มว่า

“ต่อให้มองในแง่ดีเพียงใด คงไม่มีใครนึกว่าโต่วจินเซิงเกิดเห็นใจในความรักหนุ่มสาวเป็นแน่ ข้าย่อมไม่อาจเข้าใจความคิดมัน หากก็พอคาดเดาได้ว่าถ้าหลิงเอ๋อกลายเป็นสะใภ้ตระกูลโต่ว ชะตาชีวิตนางคงไม่น่าสุขสบาย ในฐานะผู้เป็นย่าจะทนเห็นหลานตกระกำลำบากได้เช่นไร”

ฟ่านไป่หนิงกัดริมฝีปาก ก่อนหลุดคำพูดว่า

“ดังนั้นความรักของจินหลิงจึงถูกผูกติดกับชีวิตโต่วจินเซิง หากคุณชายสามโต่วรับข้อเสนอของเล่าฮูหยิน แอบปลิดชีวิตพ่อบุญธรรมเสีย มันก็จะเลื่อนฐานะเป็นมือขวาของเจ้าบ้านคนใหม่ ย่อมปกป้องภรรยาให้อาศัยในตระกูลได้ไม่ยาก หรือถ้ามันกระทำการโดยเปิดเผยย่อมไม่อาจอยู่ตระกูลโต่วได้ ขอเพียงแต่งเข้าบ้านสกุลสือ จินหลิงก็จะยังปลอดภัยอยู่ในนี้”

หญิงชราพยักหน้ายอมรับ นางเลิกตระหนกกับความสามารถในการคาดการณ์ของดรุณีน้อยมานานแล้ว ทว่าสือหย่งหลุนกลับขมวดคิ้วมุ่น แย้งว่า

“แต่ก็ยังมีหนทางที่สาม คือคุณชายสามโต่วไม่รับข้อเสนอแล้วแจ้งเรื่องนี้กับโต่วจินเซิง เมื่อนั้นความบาดหมางของสองตระกูลย่อมรุนแรงขึ้น”

“ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ ย่าจะพอใจมาก” เมื่อเห็นหลานชายเลิกคิ้วสงสัย นางค่อยขยายความว่า  “อันที่จริงการขัดแย้งของเรากับตระกูลโต่วนั้นเป็นดั่งคลื่นใต้น้ำมาเนิ่นนานแล้ว การที่มารดาเจ้าบุกไปทำร้ายบุตรชายโต่วจินเซิงเป็นแค่ชนวนให้ทุกอย่างแตกหักอย่างชัดเจนเท่านั้น”

ฟ่านไป่หนิงเริ่มเข้าใจกระจ่าง อันที่จริงนางก็เคยกังขาอยู่บ้าง ด้วยถ้ามองในฐานะคนกลาง ต้องยอมรับว่ามารดาสือหย่งหลุนเป็นฝ่ายผิดโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ทว่าตระกูลสือก็ใช่จะไร้เหตุผล ไฉนไม่เจรจารอมชอมมิให้เรื่องลุมลามบานปลาย ที่แท้ก็มีสาเหตุซ้อนทับอยู่นี่เอง

“พวกเจ้าลองเปรียบเทียบดูนะ” เล่าฮูหยินกล่าวต่อเนื่อง “ตอนที่ตระกูลสือเป็นศัตรูกับตระกูลโต่วอย่างเปิดเผย และในช่วงปัจจุบันนี้ เวลาใดตระกูลสือปั่นป่วนวุ่นวายมากกว่ากัน?”

สือหย่งหลุนแทบตอบคำถามนี้ได้ทันที และสามารถขบคิดเลยไปอีกว่า

“ศัตรูที่เห็นชัดย่อมป้องกันง่ายกว่ามิตรซึ่งพร้อมหักหลัง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องรับศึกกับพรรคอสุราอาฆาตอยู่แล้ว หากต้องมาคอยระวังตระกูลโต่วด้วยคงบังเกิดความหละหลวมโดยง่าย สู้แตกหักกันไปเลยยังดีเสียกว่า ทั้งในระหว่างสงครามตระกูลโต่วย่อมไม่กล้าทำบุ่มบ่าม เราจะพอมีเวลาเตรียมการรับมือ นับว่าเหมาะสมทุกอย่าง...ยกเว้นเสียแต่...”

ขณะกล่าวอดปรายตาไปทางคนบนเตียงนอนหลังม่านมิได้ เล่าฮูหยินจึงพูดว่า

“เมื่อพบเนื้อร้ายก็ควรรีบตัดทิ้งเสียแต่เนิ่น ๆ หาไม่ถ้าลุกลามแล้ว แม้อยากตัดทิ้งก็ทำไม่ได้”

“แต่ถึงตระกูลเราจะเคยมีเรื่องบาดหมางกับโต่วจินเซิง ข้าก็ไม่เห็นว่าสาเหตุเพียงเท่านี้จะต้องถึงกับฆ่าฟันกันเลย” สือหย่งหลุนเอ่ยเสียงหนัก

“เจ้ารับรู้ความทะเยอทะยานของโต่วจินเซิงน้อยเกินไป คนเช่นมันไม่มีทางยอมรับแค่ตำแหน่งผู้นำสี่ตระกูลเป็นแน่ หากลองวิเคราะห์พฤติกรรมทั้งหมดของคนผู้นี้ ทำไมโต่วจินเซิงจึงจงใจเปิดโปงเรื่องคัมภีร์สลายภพในงานวันเกิดข้าทั้งที่ล่วงรู้เรื่องนี้มานานแล้ว ทำไมพยายามจัดการให้เกิดการประลองผู้นำสี่ตระกูลจนได้ และถ้าอาหลุนไม่เข้าไปแทรกแซงการประลองเสียก่อน ป่านนี้มันอาจกลายเป็นผู้นำสี่ตระกูลเพียงคนเดียวไปแล้ว ทำไมบุคคลที่ภักดีอย่างถวนไห่หลงจึงยอมทรยศพรรคอสุราอาฆาต มิหนำซ้ำจำเพาะต้องมาให้ข้อมูลเรื่องคัมภีร์สลายภพกับโต่วจินเซิงเสียด้วย”

นัยน์ตาฟ่านไป่หนิงเกิดประกายเจิดจ้า เสริมต่อทันที

“และเหตุใดโต่วจินเซิงต้องเกลี้ยกล่อมให้จอมยุทธ์เอ้อเข้าต่อสู้กับโจซานตงจนพ่ายแพ้ จะเห็นได้ว่าแม้ที่ผ่านมามันทำเหมือนช่วยเหลือฝ่ายธรรมมะมาตลอด แต่สุดท้ายผู้ที่ได้ผลประโยชน์กลับเป็นมันหรือไม่ก็พรรคอสุราอาฆาตไปแทบทั้งหมด”

สือหย่งหลุนใจหายวาบ “หรือโต่วจินเซิงร่วมมือกับพรรคอสุราอาฆาต”

“ยังไม่มีหลักฐานยืนยันหรอกนะ แต่ถ้าเป็นความจริงขึ้นมาข้าคงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย” หญิงชราหลับตาด้วยอาการเหนื่อยอ่อน “หากในอดีตข้ายืนยันหนักแน่นไม่เสวนากับตระกูลโต่ว บางที...เอ้อไห่เซิ่นอาจไม่ต้องประลองกับโจซานตงก็เป็นได้”

สองหนุ่มสาวนิ่งงันจนคำพูด เพิ่งแน่ใจว่าชนวนที่ทำให้เล่าฮูหยินตัดสินใจยื่นคำขาดกับโต่วอี้เหริน สืบเนื่องจากการตายของจอมยุทธเซียนสุขสันต์นี่เอง
ที่เอ้อไห่เซิ่นเสียชีวิตส่วนหนึ่งเกิดจากการชี้นำของโต่วจินเซิง ถ้าเล่าฮูหยินจะนึกแค้นอีกฝ่ายด้วยสาเหตุดังกล่าวก็ย่อมเป็นไปได้!

“ตอนนี้ คงได้แต่รอว่าคุณชายสามโต่วจะตัดสินใจเช่นใดแน่” ฟ่านไป่หนิงรำพึง

คนในห้องต่างจมจ่อมอยู่ในภวังค์ ยามนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เด็กหนุ่มทราบว่าเพ่ยเพ่ยสาวใช้ประจำตัวคงรุดมาถึงแล้ว จึงลุกไปทางประตู ระหว่างนั้นสมองคิดอย่างว้าวุ่น ทางหนึ่งมันเห็นใจน้องสาวนัก ทว่าความอยู่รอดของตระกูลก็สำคัญไม่แพ้กัน แล้วควรจะทำอย่างไรดี

พอบานประตูเปิดกว้าง ละอองสายน้ำก็สาดกระทบใบหน้า ปลุกสติเด็กหนุ่มจากอาการสับสน

ที่แท้ตอนมันยังไม่รู้ตัว ฝนซึ่งตั้งเค้าตั้งแต่เมื่อครู่...ก็ได้โถมกระหน่ำเข้ามาแล้ว

สือหย่งหลุนปาดหยาดน้ำข้างแก้มทิ้งไป อดคิดมิได้ว่าปัญหารอบตัวตอนนี้ดุจดั่งสายพิรุณโปรยปราย ซาดซัดประดังจนมันแทบไม่ทันตั้งรับ ทั้งเรื่องปราณพิษในตัว เรื่องพรรคอสุราอาฆาตและสมาคมรัตติพิกล เรื่องของน้องสามในปัจจุบัน

เสียดายแต่ว่าปัญหาเหล่านี้ หาได้ปัดทิ้งง่ายดายเหมือนเม็ดฝนบนใบหน้ามันไม่

**********

จากคุณ : จันทร์พันฝัน
เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 18:18:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com