ตอนที่ 5
เสียงประกาศยุติการชุมนุมจบลง ตอนเกือบห้าโมงเย็น ความจริงผู้คนในบริเวณจัตุรัสกลางเมืองเริ่มแยกย้ายกันกลับตั้งแต่คาจาร์กลับไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้แล้ว มีเพียงบางส่วนที่สนใจฟังข้อมูลอื่นๆจากทีมงานของกลุ่มสมัชชาฯ มาร์ลิคยังคงเดินกวาดตามองรอบตัวอย่างเป็นกังวล ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าที่เพนท์เฮ้าส์ ก็พบเพียงถ้วยซุปครีมเห็ดกับแซนด์วิชใส้แยมองุ่นและน้ำส้มคั้นสดวางอยู่บนโต๊ะกับดอกคามีเลียหนึ่งดอกและกระดาษโน้ตสีขาวที่เขียนข้อความว่า Good Morning My Margie ชายหนุ่มกวาดตามองอาหารทุกอย่างด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เหมือนกับว่า ถ้าไม่มีอาหารเช้ากับดอกไม้และกระดาษโน้ตที่วางอยู่ตรงนี้ เขาคงคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อคืนเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้นจริงๆ โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดองค์หญิงชารีด้าดูเหมือนจะยากลำบากมากขึ้นทุกวัน ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา เพราะในเวลาที่อยู่ในประเทศนี้ เขามีฐานะเป็นเพียงที่ปรึกษาของเจ้าชายฟารินอส มกุฏราชกุมาร และต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด หน้าที่ที่สำคัญยิ่งชีวิต ตามคำสอนของผู้เป็นบิดาซึ่งปลูกฝังความจงรักภักดีต่อราชวงศ์โอซานให้กับเขาตั้งแต่จำความได้ ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับองค์หญิงชารีด้า จะมีผู้ล่วงรู้ไม่ได้เป็นอันขาด
.
มาร์ลิครีบเดินทางกลับมาที่เมืองไซเบิ้ลอย่างเร่งรีบสุดชีวิต แม้จะมาทันตั้งแต่ก่อนเริ่มเวทีปราศัยอย่างเป็นทางการ แต่เขาก็ไม่พบแม้แต่เงาของเจ้าหญิงชารีด้า มีอยู่เพียงครั้งเดียว ครั้งเดียวเท่านั้นจริงๆที่เขารู้สึกเหมือนจะเห็นพระองค์ท่ามกลางกลุ่มคนมากมาย ทว่าเพียงไม่กี่วินาที ก็หายไปจากระยะของสายตาอีกจนได้ หากชายหนุ่มก็ไม่ละความพยายามในการทำหน้าที่ของตน เขายังคงเดินตามหาเจ้าหญิงชารีด้าอย่างไม่ย่อท้อและไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด กระทั่งการปราศัยยุติลงอย่างเป็นทางการแล้ว ถึงได้รู้ว่า กว่าสามชั่วโมงที่ผ่านมา เขาแทบไม่ได้หยุดพักเลย มาร์ลิคหยุดยืนหอบหายใจอย่างเหนื่อยๆ ใบหน้าคมเข้มดูซีดเซียวและอิดโรย และตอนนี้เอง เสียงสัญญาเตือนข้อความโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ชายหนุ่มรีบล้วงกระเป๋ากางเกงเอาโทรศัพท์ออกมาอ่าน เป็นข้อความซึ่งส่งมาจากเบอร์ที่ป้องกันการมองเห็นหมายเลขโทรศัพท์ และมีข้อความว่า ไม่ต้องตามหาแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ ฉันปลอดภัยดี ตอนนี้กำลังเตรียมตัวไปเล่นเซิร์ฟบอร์ดกับเจ้าพี่ฟารินอส แล้วพบกัน เป็นข้อความที่เขาอ่านแล้วโล่งใจอย่างที่สุด เพราะนั่นหมายความว่าองค์หญิงชารีด้าเสด็จกลับไปถึงวังอย่างปลอดภัยแล้ว แค่นี้เขาก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง และขณะกำลังอ่านข้อความซ้ำอีกครั้ง อยู่ดีๆมาร์ลิคก็รู้สึกเหมือนมีร่างของใครสักคนพุ่งเข้ามาปะทะจากทางด้านข้างเต็มแรงจนเขาเกือบทำโทรศัพท์หลุดมือ
อุ๊ย ขอโทษค่ะ เป็นอะไรรึเปล่าคะคุณ
ชายหนุ่มหันไปมองเจ้าของเสียงแล้วส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างหญิงสาวท่าทางแปลกๆ ทั้งชุดคลุมสีดำทั้งตัวที่คลุมทั้งใบหน้าและศีรษะจนมองเห็นแค่ลูกตาเพียงข้างเดียวกับท่ายืนค้อมตัวคล้ายคนหลังค่อมนิด ทั้งที่จากน้ำเสียงก็ไม่น่าจะอายุมากนัก หากยังไม่ทันมีฝ่ายใดได้พูดอะไรอีกเสียงโทรศัพท์มือถือของมาร์ลิคก็ดังขึ้นอีกครั้ง และเป็นสายจากข้าหลวงประจำพระราชวังนั่นเอง
คุณมาร์ลิคครับ องค์ชายมีรับสั่งให้ผมโทรมาเรียนคุณว่า มื้อค่ำวันนี้ ให้คุณกับคุณธรณ์มาร่วมโต๊ะเสวยด้วย ประมาณหนึ่งทุ่มตรง
ครับ ขอบคุณที่โทรมาบอกนะครับ
มาร์ลิคตอบกลับไปสั้นๆก่อนจะกดวางสายและเดินออกจากบริเวณนั้นไป โดยไม่ใส่ใจกับหญิงสาวคนที่คอยมองทุกอิริยาบทของเขาแทบไม่ละสายตา มีมี่ถอนใจยาวกับตัวเอง ที่มาร์ลิคไม่ได้สงสัยอะไรกับการที่เธอแอบชะโงกหน้าไปอ่านข้อความในมือถือของเขาจนไม่ทันระวังตัวถูกคนเดินผ่านไปมามาชนเข้า แม้จะไม่ทันได้อ่านทุกข้อความอย่างละเอียด แต่ก็มีหนึ่งคำที่มองเห็นพอดีก็คือคำว่า เซิร์ฟบอร์ด หญิงสาวจึงตัดสินใจพาตนเองไปยังชายหาดอย่างไม่ลังเล
ด้วยความเพลียและเหนื่อยล้าจากการเดินไม่หยุดท่ามกลางผู้คนมากมาย เขาจึงตัดสินใจไปที่บ้านพักของธรณ์เพื่อขอพักผ่อนอยู่ที่นั่นชั่วคราวจนกว่าจะได้เวลารับประทานอาหารมื้อค่ำในพระราชวัง
ผมเห็นคุณแว้บๆที่เวทีปราศัย พยายามเรียกแล้วก็เดินตาม แต่คุณไม่ได้ยิน แล้วก็ถูกกลืนหายไปกับฝูงชน ผมอยู่ฟังไม่นานก็กลับแล้ว
คุณเห็นผมด้วยเหรอ
มาร์ลิคลืมตาและลุกขึ้นนั่งตัวตรงราวกับกำลังระมัดระวังอะไรบางอย่าง ธรณ์พยักหน้าช้าๆ และมองเขาอย่างแปลกใจ ท่าทางของมาร์ลิคดูเหมือนมีอะไรอยู่ในใจตลอดเวลา
ซาฮินบอกผมว่า คุณไม่เคยไปฟังการปราศัยเลยสักครั้งเดียว แล้วทำไมคราวนี้ถึงไปได้ล่ะ อย่าบอกนะว่าแค่ไปตาม หาผม
ธรณ์ถามตรงๆ และก็ทำให้มาร์ลิคต้องเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเสมองไปทางนาฬิกาที่ผนังห้องรับแขก
คุณสนใจกีฬาเซิร์ฟบอร์ดรึเปล่าธรณ์ ตอนสมัยเรียนคุณชอบเล่นกีฬาทางน้ำไม่ใช่เหรอ ผมยังจำได้ว่าคุณเคยเป็นตัวแทนของคณะเราลงแข่งว่ายน้ำในงานกีฬากระชับมิตรระหว่างชั้นปีด้วย
และก็เป็นการเปลี่ยนประเด็นความสนใจที่ได้ผล ใจจริงธรณ์ก็นึกอยากชวนมาร์ลิคออกไปที่ชายหาดอยู่แล้ว เพราะเขาก็อยากเห็นและชื่นชมพระปรีชาในด้านกีฬาของเจ้าชายฟารินอส ซึ่งจากที่เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของพระองค์ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ธรณ์พอจำได้ว่า เจ้าชายให้ประทานสัมภาษณ์ทรงโปรดกีฬาเซิร์ฟบอร์ดเป็นพิเศษ
คุณกำลังจะชวนผมไปที่ชายหาดเหรอ
มาร์ลิคไม่ตอบแต่ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปหน้าบ้าน ธรณ์จึงรีบเดินตามเขาไป ทั้งสองให้ซาฮินขับรถพามาส่งตรงถนนเลียบชายหาดในเขตพระราชฐานซึ่งเป็นสถานที่หวงห้ามเพราะเป็นชายหาดส่วนพระองค์ บริเวณจึงค่อนข้างเงียบสงบ หากก็สวยงามและสะอาดตาสมกับที่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ธรณ์เดินตามมาร์ลิค ผ่านกลุ่มราชองครักษ์ไปตรงหาดทรายสีขาวละเอียด เมื่อมองไปที่ท้องทะเลสีฟ้าเข้มในช่วงใกล้เวลาแดดร่มลมตก ก็เห็นเจ้าชายฟารินอสกับกระดานโต้คลื่นอยู่กลางทะเล นอกจากพระองค์ ยังมีเงาร่างของใครอีก 2 คน ซึ่งมองเห็นได้ในระยะสายตาด้วย
ตรงนี้บรรยากาศดีจัง สวยมากๆ
ชายหนุ่มเปรยขึ้นขณะเดินด้วยเท้าเปล่าไปตามหาดทรายสีขาว ในขณะที่มาร์ลิคก็ยังจับจ้องไปที่ท้องทะเลอย่างไม่ละสายตา
มาร์ลิค ผมว่าจะไปเดินเล่นแถวๆนี้หน่อยนะ ผมไม่ค่อยได้เดินบนหาดทรายสะอาดๆแบบนี้มานานมากแล้ว
ตามสบายเถอะ แล้วเข้าไปเจอกันในพระราชวังตามเวลานัดเลยก็ได้
ธรณ์ก้มลงพับขากางเกงให้สูงขึ้นประมาณหัวเข่าและพับแขนเสื้อเชิ้ตทั้งสองข้างให้ทะมัดทะแมง ก่อนจะเดินไปตามแนวชายหาดอย่างสบายอารมณ์ สายลมทะเลกับเสียงคลื่นและอากาศบริสุทธ์ทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่ง และผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่วันนี้ ในหัวของเขามีเรื่องอะไรให้คิดมากมาย แต่พอได้สัมผัสและดื่มด่ำกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ก็เหมือนได้ช่วยให้ลืมความเครียดไปได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ชายหนุ่มเดินทอดอารมณ์มาเรื่อยๆ ไม่แน่ใจว่าไกลจากเขตพระราชฐานแค่ไหน หากความรู้สึกคล้ายมองเห็นเงาตะคุ่มๆอยู่หลังต้นสนต้นหนึ่งจากด้านของบนฝั่งก็ทำให้เขาต้องหยุดเพ่งมองและรีบเดินตรงดิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนเจ้าของร่างนั่นจะรู้ตัวแล้ว และรีบวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต
หยุดเดี๋ยวนี้นะ !!
ธรณ์ตะโกนพลางวิ่งตามไปด้วยความเร็วสูงสุดเช่นกัน
แม่มดชัดๆ
เขาพึมพำกับตัวเองเมื่อแน่ใจว่าร่างที่เห็นคือหญิงสาวในชุดผ้าคลุมสีดำทั้งตัวคนเดิม หากคราวนี้ เธอไม่ได้เดินงุ่มง่ามหลังค่อมราวกับคนแก่อีกแล้ว แต่กำลังวิ่งหนีเขาไกลออกไปเรื่อยๆ ธรณ์ไม่ยอมแพ้ ความน่าสงสัยของหญิงสาวคนนี้มีมากเกินกว่าที่เขาจะปล่อยให้เธอวิ่งหนีไปเฉยๆ และในที่สุดเขาก็วิ่งมาเกือบถึงร่างนั้น ชายหนุ่มเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อเธอที่พัดปลิวตามแรงลมจนทำให้หญิงสาวเสียหลักเซถลาไปชนกับต้นสนต้นใหญ่เข้าเต็มแรง
คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ อย่าพยายามเลย ยังไงวันนี้ผมก็ต้องเห็นหน้าคุณให้ได้
ธรณ์พูดปนหอบพลางยึดไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาวไว้แน่นพร้อมกับดันร่างของเธอไปติดกับต้นสนใหญ่ มีมี่มองสบตาตอบเขาอย่างไม่แววหวาดหวั่นใดๆทั้งสิ้น เธอยังคงหอบเล็กน้อยจากการออกแรงวิ่งจนสุดแรง
คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน ปล่อยนะ ไม่งั้นฉันจะร้องเรียกให้คนมาช่วย ฉันจะตะโกนบอกทุกคนว่าคุณจะกำลังขืนใจฉัน
ธรณ์หัวเราะออกมาเบาๆกับสิ่งที่ได้ยิน ความน่ากลัวเหมือนแม่มดของหญิงสาวดูจะหายไปเหลือเพียงความเป็นหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น นัยน์ตาของเขาเป็นประกายอย่างนึกสนุก
ก็ลองดูสิ ถ้าคุณร้อง ผมจะกระชากผ้าคลุมคุณออกมาจูบซะเลย ไหนๆ ก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกชอบใช้กำลังกับผู้หญิงอยู่แล้วนี่ ทำมันจริงๆเลยแล้วกัน
มีมี่พยายามปัดป้องสุดกำลังไม่ให้ธรณ์ดึงผ้าคลุมศีรษะออกไปได้ ทว่า ในความเป็นจริงเขาก็เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงและมีพละกำลังเกินกว่าจะต้านทาน นอกจากจะพยายามดึงผ้าคลุม ธรณ์ยังก้มหน้าลงมาชิดจนเธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นน้ำยาหลังโกนหนวดของเขา ผ้าคลุมถูกกระชากหลุดเลื่อนออกจากศีรษะจนมองเห็นเสี้ยวหน้ากับดวงตาอีกข้าง และในวินาทีนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มก็ดังขึ้น มีมี่อาศัยจังหวะนั้นยกเข่ากระแทกตรงกลางลำตัวของชายหนุ่มอย่างสุดแรง จนเขาร้องลั่น เท่านั้นยังไม่พอเธอยังก้มลงไปกำเม็ดทรายบนพื้นปาใส่ใบหน้าเขาก่อนจะวิ่งหนีหายไป ทิ้งให้ชายหนุ่มทรุดลงนั่งตัวงอร้องโอดโอยอย่างหมดท่า ธรณ์ยกมือขึ้นปัดเศษทรายออกจากตาและใบหน้า นัยน์ตาของชายหนุ่มแดงก่ำขณะใช้อีกมือดึงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงออกมากดรับ
ธรณ์ คุณอยู่ที่ไหน อีกครึ่งชั่วโมงจะได้เวลาอาหารมื้อค่ำแล้วนะ เจ้าชายเลิกเล่นเซิร์ฟบอร์ดแล้ว และตอนนี้พ่อครัวก็กำลังเตรียมอาหารสำหรับขึ้นโต๊ะเสวยอยู่
ขอโทษทีมาร์ลิค ผมเดินเล่นเพลินไปหน่อย จะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ล่ะ
เขาตอบแล้วกดวางสายโทรศัพท์แล้วถอนใจเฮือกใหญ่ ภาพแววตาของหญิงสาวชุดคลุมสีดำยังแจ่มชัดอยู่ในความรู้สึก แววตาคู่ที่ดูตื่นตระหนก ซึ่งเมื่อได้มองเห็นใกล้ๆแล้ว ต้องยอมรับว่าแทบไม่หลงเหลือความน่ากลัวแบบที่เธอชอบมองเขาตอนพบกันสองครั้งก่อนหน้าเลยสักนิด ราวกับเป็นคนละคน ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยว่าการที่เขาได้พบเจอกับเธอบ่อยๆ ในสถานที่และสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจกันแน่ และอีกคำถามที่ตามมาก็คือ เธอดวงตาอีกข้างทำไม ที่ปิดบังใบหน้าก็พอเข้าใจว่าเป็นเรื่องของศาสนา และเขาก็ค่อนข้างแน่ใจว่าจากสิ่งที่มองเห็น ดวงตาอีกข้างของเธอไม่ได้มีอะไรผิดปกติสักนิดเดียว อย่างไรก็ตาม เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหนกันแน่ และที่อยากรู้มากที่สุดก็คือ เธอกำลังทำอะไรอยู่ ?
จากคุณ |
:
Travel to the moon
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ธ.ค. 54 21:15:40
|
|
|
|