Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
_______ " November's Tears " ( 15 ) _______ ติดต่อทีมงาน

"


" November's Tears " ( บทที่ 15 )




บทที่ 15







“กลับเวียงเดือนไม่ทันครับ ยังอยู่ที่บ้านเทิง..คืนนี้คงต้องค้างโรงแรม..ไม่อยากเลย กับผู้ใหญ่หรือนอนคนเดียวไม่รู้..กลุ้ม!!”


ผมพิมพ์ข้อความถึงอนุชิตเมื่อ 19.25 น. ขณะท่านอนุชากำลังเลือกเมนูอาหารที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง

จนเมื่อเสร็จมื้ออนุชิตก็ยังไม่ส่งข้อความกลับ..ผมเลี่ยงเข้าห้องน้ำส่งข้อความเชิงตัดพ้อ..น้อยใจ..ผมไม่ใช่คนใจน้อย แต่เพราะกำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน..รู้ได้ล่วงหน้า

“อ่านในมือถือก็ลำบาก..เขียนในมือถือยิ่งลำบาก..ผมเข้าใจอนุชิตครับ..งั้นอยู่บ้านเมื่อไหร่ค่อยคุย..ปัญหาต่างๆ ผมแก้เองตามลำพังแล้วกัน!!..”



ท่านอนุชาให้คนขับรถกับผู้ติดตามนอนห้องหนึ่ง..อีกห้องหนึ่งชั้นเหนือขึ้นไป ห้องสูทสำหรับผมและท่านอนุชา

ถึงจะมีสองเตียงแต่ก็อยู่ในห้องเดียวกัน..ท่านอนุชาเคยเห็นผมตั้งแต่ยังแก้ผ้าอาบน้ำ เคยอุ้มตัวเปลือยๆ นั้น เคยแม้กระทั่งจับไอ้จ้อนผมเล่น หอมฟอดๆ ตรงเนิน ผมยังหัวเราะเอิ๊กเพราะจั๊กจี๋..นั่นมันเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว

อีกอย่างผมไม่เคยอยู่สองต่อสองกับท่านอนุชาไม่ว่าเมื่อไหร่ อายุเท่าไร..ไม่แม่ก็พ่อ อยู่ด้วยเสมอ อย่าว่าแต่นอนห้องเดียวกันอย่างนี้เลย

ผมเพิ่งนึกได้..พ่อนี่ละหวงผมที่สุด โดยเฉพาะกับท่านอนุชา พ่อคือตัวกันที่ออกหน้าออกตา แม้ท่านอนุชาก็รู้สึกได้..น่าแปลกที่ไม่โกรธเคืองพ่อกลับขำๆ เสียอีก



“พ่อโทรฯ มาหรือเปล่า” ท่านอนุชาถามเมื่อพนักงานออกจากห้อง

“โทรฯ ครับ..” ความจริงไม่ได้โทรฯ

“เพราะวันนี้ราชศักดิ์เกษมมาทำงานเกือบเที่ยงเราจึงออกเดินทางช้ากว่าที่กำหนด ธุระที่นัดหมายไว้เสียหายและกลับเวียงเดือนไม่ทัน” ท่านอนุชาอารัมภบท

“ความจริง..” ผมตั้งใจแย้งว่าความจริงสามารถกลับได้ ขับรถกลับมืดๆ จะเป็นอะไรไป

“จึงต้องค้างแรมอย่างนี้..ไม่สะดวกสบายเหมือนที่วัง..”

“เอ่อ..”

“ชี้แจงให้พ่อเขาฟังด้วย..” ท่านอนุชาไม่ยอมฟังผมพูด “ดึกแล้วนอนเถอะพรุ่งนี้ต้องเดินทางอีก..ฉันอาบน้ำก่อนนะ”



คนเรามักคิดเข้าข้างตัวเอง โลกของตัวเอง..ผมก็คงอย่างนั้น คิดระแวงท่านอนุชาเป็นตุเป็นตะ ที่แท้ท่านก็คือผู้ใหญ่ธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้มีอะไรแปลกๆ อย่างผม

เพราะเหนื่อยจากการเดินทางและงานเลี้ยงเมื่อคืน ผมผล็อยหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว

“Titee..Titee..”

แว่วเสียงเรียกต้องห้าม..ใครนะมาเรียก..ฝันอีกแล้ว

“Titee!..” เสียงชัดขึ้นใกล้ๆ หู

“ใคร?..” ผมลืมตาตื่น..ยังอยู่ในห้องของโรงแรม

“ไปอาบน้ำก่อนค่อยนอน” ท่านอนุชาครึ่งนั่งครึ่งนอน เอนอยู่บนเตียง ชิดด้านหลัง แผงอกแทบจะชนหลังผม

พอเห็นชัดว่าอะไรเป็นอะไร ผมเด้งออกจากเตียง

“เป็นอะไร..ฮะ..ฮะ..ไม่ต้องรีบ..ฮะ..ฮะ..” ลอนซิกซ์แพ็คของท่านอนุชากระเทือนตามเสียงหัวเราะ



ผมเปิดฝักบัวให้แรงที่สุด น้ำร้อนเท่าทีจะทนได้ เข้าไปยืนให้น้ำมันพุ่งลงหัว ลงไหล่..ให้หายมึนงง..ความระแวงของผม..โลกของผมที่นำไปป้ายสีให้คนอื่น!!

ยังไม่สะใจ..ผมเปิดน้ำใส่อ่าง ควันกรุ่น เทสารพัดขวดที่มีวางอยู่ลงในน้ำ ไม่แน่ใจว่าเป็นอโรม่า โลชั่น หรือครีมอาบน้ำ ผมเทลงทุกขวด แล้วลงไปแช่ ปริ่มน้ำ เหลือจมูกโผล่หายใจ

“อัก..อัก..” ผมสำลักกลิ่นฉุน..สักพักก็ชิน..อยู่ในโลกอันหอมหวน

ท่านอนุชาเป็นอย่างไรกันแน่?..จะทำร้ายทางเพศกับผมหรือเปล่า?..ถ้าใช่ผมจะทำอย่างไรดี จะเอาตัวรอดอย่างไร..คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัว..อีกใจนึกอยากนอนแช่น้ำถึงเช้า ซึ่งเป็นไปไม่ได้

ท่านอนุชาอายุอ่อนกว่าพ่อห้าหกปี คงอายุประมาณสามสิบเจ็ดสามสิบแปด รักษารูปร่างและสุขภาพอนามัยอย่างดี แม้ผิวพรรณก็เช่นกัน เคยไปใช้บริการที่เมืองไทยบ่อยๆ ..ยังเป็นหนุ่มใหญ่สง่างามในสายตาของผู้ที่พบเห็น ไม่มีวีแววท่าทางอย่างที่ผมระแวง ซ้ำมีลูกมีเมียแล้วอย่างผู้ชายศิลาทั่วไป

ผมน่าจะหยิบมือถือเข้ามาด้วยจะได้โทรฯ ไปถามพ่อให้กระจ่าง และจะได้เข้าเฟส เผื่ออนุชิตออนอยู่จะได้ปรึกษา เพิ่มกำลังใจ



ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา

“ก๊อก..ก๊อก..”

ผมตัวสั่นทั้งๆ แช่น้ำร้อน

“Titee ทำอะไรอยู่ นานแล้ว..กลิ่นอะไรน่ะลอดประตูออกมา”

เงียบ!..ผมนอนเฉยเหมือนไม่ได้ยิน ใจคิดหาทางเอาตัวรอด..อย่างไรเสียก็ต้องออกไป

“ออกมาเถอะ ฉันไม่ทำอะไรหรอก” ท่านอนุชาคงเดาความคิดของผมออก

“ครับ!..” เป็นไงเป็นกัน..ผมลุกจากอ่าง เช็ดตัว เช็ดหัวพอหมาด พันท่อนล่าง เปิดประตูออกไป

“มาเสียที..” ท่านอนุชายืนยิ้มอยู่หน้าประตู “หอมเชียวเรา” เสียงอ่อนโยนเหมือนที่ผมเคยได้ยินตอนเป็นเด็ก

“กึกๆ..กึกๆๆ..” ฟันผมกระทบกัน ตัวสั่นพลิ้ว..อยู่ในน้ำร้อนนานๆ โดนแอร์เย็นทันที..หนาวมาก

ท่านอนุชารีบหันไปที่ชั้น..หยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่คลี่คลุมตัวผมและกอดอยู่อย่างนั้น..ผมยืนเฉยในวงแขนของท่านอนุชา..อุ่น..ค่อยคลายหนาว

ผมปล่อยให้พาไปที่เตียงทั้งๆ อ้อมกอด..ท่านอนุชาหยิบผ้าขนหนูอีกผืนเช็ดตัวที่ยังสั่น แขนขาที่มีหยดน้ำเกาะ และเช็ดผมน้ำตาลเข้มของผมจนแห้ง

“ฮะ..ฮะ..” ผมหัวเราะเบาๆ ลืมเรื่องการเอาตัวรอดที่คิดวางแผนไว้อย่างดี “พอเถอะครับ..” คว้ากระป๋องแป้งจากมือท่านอนุชา “ฮะ..ฮะ..ผมไม่ใช่เด็กน้อยอย่างเมื่อก่อนแล้วครับ..ไม่ต้องทาแป้งแล้ว” ท่านอนุชาไม่ฟังเสียง แย่งกระป๋องแป้งกลับไป

“ให้ฉันทำเถอะ..อีกไม่นาน Titee มีครอบครัวฉันคงทำอย่างนี้ไม่ได้ Mon petit enfant..” เสียงอ่อนโยนที่ผมเคยได้ยินเสมอมา

“หนาว..” ไม่ได้อ้อน ยังหนาวอยู่จริงๆ

“มานี่..” ท่านอนุชาได้โอกาส..สวมกอด ดึงตัวผมลงนอน

ผมปล่อยให้ท่านอนุชากอดสักพัก..อย่างน้อยท่านก็เคยอุ้มชูกอดฟัดผมมา ถึงแม้ผมจะรู้ว่าคนละอารมณ์กับเดี๋ยวนี้ก็ตาม..จะทัดทานเด็ดขาดได้อย่างไร

“ผมใส่เสื้อก่อนนะครับ..” ท่านอนุชาคลายวงแขนแต่โดยดี

“ทำไมไม่ใส่เสื้อคลุมของโรงแรมล่ะ?” ท่านอนุชาแย้งเมื่อเห็นผมใส่ชุดที่ติดตัวมา

“มันบาง ไม่หายหนาวครับ” ผมอยากออกจากห้อง..แต่จะทำอย่างไร!

“มานอนต่อ..ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” ท่านอนุชาอ้าแขนกว้าง

ผมเข้าอ้อมแขนแข็งแรงนั้นอย่างยอมจำนน อย่างน้อยผมก็ใส่เสื้อผ้าครบชุด ป้องกันได้ระดับหนึ่ง

“รู้ไหม..” เสียงท่านอนุชาอยู่ข้างหู..ริมผีปากเคลียเคล้าลอนสลวยน้ำตาลเข้ม “เมื่อตอน Titee เป็นเด็กฉันเคยขอเธอมาเป็นลูก ตั้งใจจะมอบทุกสิ่งทุกอย่าง ให้เป็นผู้สืบสกุลของฉัน..” กระชับวงแขนแน่นขึ้น “แม่เธอไม่ขัด แต่พ่อเธอหัวเด็ดตีนขาดไม่ยอม..ลำพังใช้อำนาจฉันก็ทำได้ แต่ฉันไม่ อยากได้ความสมัครใจมากกว่า”

“แล้วผมตอนนั้นว่าอย่างไร..” นึกอยากรู้

“ฮะ..ฮะ..เธอนะหรือ..ฮะ..ฮะ..จะรู้อะไรกับเขา แต่ที่รู้ๆ ติดฉันแจ ยิ่งกว่าติดพ่อแท้ๆ เสียอีก..” แนบแก้มกับเรือนผม “เจ้าลูกชาย..สุดที่รัก..”

แม้คำพูดและการกระทำจะดูทะ:-)ๆ แต่หากผมขัดขืนจนแตกหักอย่างที่คิดจะทำ ท่านอนุชาและเด็กชาย Titee คงใจสลายพอกัน

ท่านอนุชาไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น..ผมนอนรอจนวงแขนคลายแรงกอดและลมหายใจอุ่นๆ จังหวะสม่ำเสมอ..จับแขนท่านอนุชาอย่างเบามือ ค่อยเลื่อนออกจากตัว ลุกออกจากวงแขน คลี่ผ้าห่มคลุมให้ หยิบมือถือ..ย่องออกจากห้อง



“อนุชิตอยู่ที่ไหน..ไม่สนใจผมเลย ผมเขียนมาตั้งหลายข้อความ ไม่ตอบไป..”

ผมนั่งในล็อบบี้ของโรงแรม..ไม่มีใครอยู่นอกจากพนักงานประจำบาร์

“ตั้งแต่คุยกันก่อนออกจากบ้าน อนุชิตไม่ได้เข้าเฟสเลยหรือ..ทำอะไรทั้งวันไม่เหลียวแลผม..อยู่กับแฟนใช่ไหม?”

“รู้ไหมผมเจออะไรมาบ้าง..กว่าจะเอาชีวิตรอดได้เกือบตาย..เกือบไม่มีตี๋น้อยเหลือให้อนุชิตแล้ว..สนใจผมหน่อยนะครับ..ผมจะตาย..ตายเพราะคิดถึงคุณ..”



เงียบ..สงัดวังเวงทั้งในเฟสบุ๊คและในสวนของโรงแรม..ผมเดินทอดน่องเพียงลำพัง..น้ำค้างเปาะแปะ..ความรู้สึกในใจแตกต่างกับน้ำค้างตอนเช้าเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง


ผมคงต้องเดินคนเดียว..สู้ชีวิตไปตามเส้นทาง..เส้นทางที่สูงส่ง..ด้วยใจที่ปวดร้าวเกินบอกใคร

.

 
 

จากคุณ : ดาเรน
เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 54 14:23:00




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com