Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มิ่งแก้วจอมหทัย ตอนพิเศษของขุนพลธาตุลม ตอนที่ ๒ : ติดต่อทีมงาน


+++ ง่า ปีใหม่นี้ไม่ร้จะอวยพรยังไงดี งั้นขอใช้ร่ายกับโคลงสองที่แต่งขึ้นนี้ แทนคำอวยพรทั้งหมดนะคะ ^^

....ศรีฤกษ์ศรีสิทธิวิธบวร ประนมกรอัญเชิญวิศเวเทวา อันสถิตยังเวหาอัมพรประเทศ ประทับทั่วทุกเขตแคว้นแดนสกล โปรดประทานมงคลพรอนรรฆ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงเป็นอเนก มหาดิเรกเลิศล้นช่วยบันดาล เนื่องในวารเถลิงวัสสาใหม่ ให้เปรมปรีดิ์เป็นสุข นฤทุกข์ทั้งนฤโศก นฤโรคแลนฤภัย จตุรพิธพรชัยอุดมโชค พูนโภคเพิ่มสมบัติ สารพัดที่วาดหวัง สารพันดังใจปอง เฉลิมฉลองทั่วทุกแดน ฐานถิ่น ศกใหม่เบิกฟ้าให้ รื่มรมย์ฯ

.....โศกใดจงผ่านพ้น..........ที่ขุ่นเคืองเก็บล้น
ส่งสิ้นฝากสิ้น....................วรรษเก่าฯ

.....อันใดจินต์มุ่งแล้ว..........สมดั่งหวังมิแคล้ว
ผ่องแผ้วเรืองรองฯ

อรุณแสงทองส่องฟ้า...........ขอก่อเกื้อใจกล้า
ก่อกล้าสิ่งดีฯ

สุขสันต์วันปีใหม่ 2555 ทุกท่าน่ะ ขอให้มีแต่ความสุข เงินทองไหลมาเทมากันนะคะ ^^ +++



ตอนพิเศษของขุนพลธาตุลม วายุ  ตอนที่ ๒ :



“แม่เหล้าหวาน ขึ้นเรือนได้แล้ว”

สาวน้อยสะดุ้งสุดตัว ที่จู่ๆ ก็ยินเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นทางด้านหลัง พอหันไปมองก็เห็นเจ้าชายวายุทรงยืนอยู่ที่ชานพักบันได พร้อมกับชะโงกพักตร์ออกมาร้องเรียก สีพระพักตร์เต็มไปด้วยแววยั่วล้อ

“เจ้าชาย”

“ข้าเอง นึกว่าโจรขโมยของกินรึ”

มัทยาลอบกำมือแน่น นางพลาดไปครั้งเดียวเท่านั้น แต่อีกฝ่ายกลับทรงเก็บเอามาล้ออยู่เรื่อยๆ ดวงตาสีน้ำผึ้งเริ่มแปรเป็นสีมรกตเมื่อเงยสบเนตรกับผู้เป็นนายโดยมิหวั่นเกรง

“หากโจรผู้นั้นมาอีก หม่อมฉันสาบานได้ว่าจักเอาคืนมันให้สาสมเพคะ”

“ใจร้ายจริง แค่ของกินเจ้าก็หวงด้วยหรือนั่น”

“ทิวานี้แค่ของกิน แล้วทิวาหน้าล่ะ จักขโมยสิ่งใด”

“ขโมยหัวใจคนแถวนี้กระมัง”

ตรัสหน้าตาเฉย ก่อนหมุนองค์กลับลงมาจากเรือน มัทยาแทบกรีดร้องออกมาดังๆ นางขยับไปที่บันไดอย่างรวดเร็ว เจ้าชายวายุทอดพระเนตรนางยืนตีหน้ายักษ์อยู่ก็อมยิ้มอย่างขันๆ  

“โอ! สันธิลา ดูสิ เรือนท่านหัสดินทร์มียักษ์คุมบันไดด้วยหรือนั่น”

“ท่าน!”

มัทยาพูดได้แค่นั้นก็พูดต่อไม่ออกด้วยความโกรธ เจ้าชายวายุทรงยักพระขนงให้นางแผล็บหนึ่งก่อนเสด็จเลี่ยงออกไป สันธิลายิ้มให้นางอย่างเห็นใจ ก่อนวิ่งตามผู้เป็นนายออกไปติดๆ ปล่อยให้หลานสาวท่านผู้เฒ่ายืนมองตามหลังพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้นอยู่คนเดียว


ท่านผู้เฒ่ามองหน้าหลานสาวที่คลานเข้ามานั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าขรึม พระวาจาที่เจ้าชายวายุตรัสเมื่อครู่นี้ทำให้หัสดินทร์ถึงกับสะดุ้ง เพราะไม่คิดว่าหลานสาวคนเดียวจักกล้ากระทำกิริยาเยี่ยงนั้นกับผู้เป็นนาย เคราะห์ดีที่เป็นเจ้าชายวายุ หากเป็นเจ้าหลวงศิขรินแล้วมัทยาน้อยคงไม่แคล้วถูกลงทัณฑ์แน่ คิดมาถึงตรงนี้แล้วเจ้าของเรือนก็อดลอบยิ้มกับตนเองมิได้ ด้วยจักว่าหลานน้อยของตนฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนัก เพราะคู่กรณีก็ทรงใช่ย่อย ทรงเที่ยวซอกซอนเยี่ยมพักตร์ไปตามครัวไฟ ผู้ใดจักไม่เข้าใจผิดเล่า มิหนำพระวาจายังลื่นไหลติดกะล่อนอยู่ไม่น้อย ฝ่ายมัทยาเองก็ไม่ยอมผู้ใดง่ายๆ หัสดินทร์แน่ใจนักว่านับแต่ทิวานี้ไป เจ้าชายวายุต้องเสด็จมาที่เรือนทุกทิวาแน่ เพราะดูท่าจักทรงติดพระทัยแม่หลานสาวของตนเข้าแล้ว

“มัทยา ลุงสั่งให้เจ้าเป็นคนเชิญเครื่องว่างขึ้นมาถวายมิใช่รึ ไยจึงไม่ทำตาม”

“หลานลงครัวไฟนี่เจ้าคะ ท่านลุง”

“อย่าปดลุง เจ้าชายวายุตรัสว่าอย่างไรเจ้าก็น่าจักได้ยิน”

แม่สาวน้อยถอนหายใจพรืดพลางหันหน้าไปค้อนลมค้อนแล้งอยู่คนเดียว ราวกับว่าเจ้าชายวายุประทับอยู่ด้วยกระนั้น

“มัทยา”

“เจ้าขา”

“ลุงถามไยไม่ตอบ”

“ก็ตอบไปแล้วนี่เจ้าคะ” มัทยาบอก แต่พอเห็นสายตาดุๆ ของผู้เป็นลุงมองมาอย่างคาดคั้นจึงจำใจตอบความจริง

“หลานไม่อยากเห็นพักตร์เจ้าชายนี่เจ้าคะ หลานทำเรื่องเอาไว้มาก เกรงว่าถ้าขึ้นเรือนมาตอนนั้น เจ้าชายจักกริ้ว”

“เฉไฉไปเรื่อย เจ้าชายวายุไม่ทรงถือโทษโกรธเจ้าสักนิด เจ้าเป็นคนผิดนะ คำษมาสักคำลุงยังไม่ได้ยินจากปากเจ้า แล้วยังจักก่อเรื่องใหม่อีกหรือไร”

“หลานผิดหรือเจ้าคะ หลานเพิ่งรู้ เจ้าชายทรงแอบย่องเข้าครัวไฟของคนอื่น มิหนำยังถือวิสาสะเอาขนมออกมาเสวยไม่ผิดอะไรกับแมวขโมย หรือว่าเพราะทรงเป็นเจ้าชาย เลยมิใช่ฝ่ายผิดเจ้าคะ”

“ถือวิสาสะอะไร เจ้าชายวายุเสด็จครัวไฟเป็นเรื่องปกติของพระองค์อยู่แล้ว ลุงเองก็รับรู้ ที่เจ้ากล่าวหาว่าทรงถือวิสาสะนั่น ก็เป็นเพราะยายแคตกปากอนุญาตเอาไว้”

มัทยาเม้มปากแน่นอย่งขัดเคือง ดูเหมือนว่าเจ้าชายวายุอะไรนี่จักเป็นที่รักของทุกคนเหลือเกิน แม้แต่หัสดินทร์ที่ไม่เคยดุว่านางสักคำ มาทิวานี้ยังเทศนานางเสียยาว ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นหนักหนา คำษมาอย่าหวังเลยว่าจักได้ยินจากปากนาง  

“ลุงขอสั่งเจ้าเป็นคำขาดนะมัทยา หากเจ้าชายวายุเสด็จมาที่เรือนนี้อีก เจ้าอย่าทำกิริยาน่าเกลียดซ้ำสองอีกเด็ดขาด แลทูลขอษมาเสียด้วย”

นัยน์ตาหลานสาวท่านที่ปรึกษาราชการวาววับ เจ้าชายจอมกะล่อนจักเสด็จเรือนของตนอีกกระนั้นหรือ ดีล่ะ เสด็จมาทิวาใด นางจักเตรียมถวายการต้อนรับให้สมพระเกียรติเทียว รับรองได้ว่าจักทรงประทับใจไปอีกแสนนาน

“ได้เจ้าค่ะ ท่านลุง”

นางรับคำด้วยรอยยิ้มน้อยๆ คล้ายเต็มใจหนักหนา แต่หัสดินทร์เห็นแล้วกลับไม่ค่อยไว้วางใจหลานสาวสักเท่าใด นี่มัทยาคิดจักเล่นแผลงอันใดขึ้นมาอีก จนต้องเอ่ยดักคออีกฝ่ายเอาไว้ก่อน

“มัทยา อย่าเล่นซนเทียว นึกว่าเห็นแก่ลุง”

มัทยาไม่ตอบรับหรือปฏิเสธว่าอย่างไร คงเสยกถ้วยน้ำขึ้นดื่มแทนแล้วเลยขอตัวกลับเข้าไปในห้องของตน หัสดินทร์พูดไม่ออกได้แต่มองตามหลังหลานสาวไปอย่างหนักอก ชะรอยว่าครานี้ตำแหน่งท่านที่ปรึกษาราชการแผ่นดินคงพ่วงด้วยตำแหน่งคนกลางคอยห้ามทัพของหนุ่มสาวคู่นี้เป็นแน่ อย่างน้อยก็ตลอดเพลาที่มัทยามาพำนักอยู่ที่เรือนนี่ล่ะ        


ปาษาณมองผู้เป็นนายที่ประทับทรงงานด้วยสีพระพักตร์รื่นรมย์ บางคาบบางครายังแว่วสุรเสียงขับลำนำเป็นทำนองหงุงหงิงเจือมาด้วยก็ให้แปลกใจนัก อันที่จริงทิวานี้ก็มีข่าวดีจากเวียงสบสองกลับมาทูลให้ทรงทราบด้วย เขาไม่รู้ว่าเจ้าชายวายุทรงลิขิตอักษรไว้ว่าอย่างไร จึงทำให้เจ้าหลวงกาสะลองสรวลออกมาได้เป็นคราแรก แลที่น่ายินดียิ่งกว่าคือการได้ยินสุรเสียงจากนายสาวเป็นคำแรก

“ขอบใจ”

แม้จักยังฟังกระท่อนกระแท่นคล้ายเด็กน้อยเริ่มหัดพูดก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้เขากับข้าราชบริพารคนอื่นๆ ที่แวดล้อมอยู่ดีใจเป็นอันมาก    

“บอกวายุ ข้าจักทำให้”  


แต่ที่เขาเห็นเพลานี้ น่าจักมิใช่เรื่องนี้เรื่องเดียวกระมัง เมื่อหันไปทางสหายก็เห็นนั่งก้มหน้าทำงานเป็นปกติดีอยู่ ก็ยิ่งสงสัยจนอดปากถามมิได้

“เจ้าชายดูพระอารมณ์ดีจริง เมื่อบ่ายไปเรือนท่านหัสดินทร์มาแน่รึ หรือว่ายายแคแกทำของอร่อยให้เสวย”

“ยายแคกระไรได้ ทรงพบเหล้าหวานรสร้อนแรงมาต่างหาก”

“หือ นี่ตกลงทรงไปเยี่ยมไข้ท่านผู้เฒ่าหรือทรงร่ำน้ำจัณฑ์กันแน่”

ขุนพลธาตุดินพาซื่อ ด้วยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุจริงๆ พอเขากลับมาจากเวียงสบสองก็ตกค่ำแล้ว แม้จักใช้มนตราย่อพสุธาสักปานใด หากเอาเข้าจริงก็ยังล่าช้าอยู่นั่นเอง มิใช่ด้วยระยะทาง หากเป็นด้วยแจ้งหล้ากับเอื้องคำรั้งตัวเขาให้อยู่สนทนาด้วยเป็นนานสองนาน สันธิลายินคำของสหายผู้อ่อนวัยกว่าก็หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างขบขัน

“ไม่ได้เสวยน้ำจัณฑ์เลยจนหยดเดียว”

“อ้าว! ก็ท่านว่า...”

“ข้าหมายถึงหลานสาวท่านหัสดินทร์ต่างหาก”

“มัทยาน่ะรึ”

“ใช่ แม่แผลงฤทธิ์เข้าใส่เจ้าชายของเราเสียเต็มที่ คนของเราเองก็ดูจักติดพระทัยไม่น้อยเทียวล่ะ ข้าไม่เคยเห็นเจ้าชายทรงเป็นเยี่ยงนี้มาก่อน ที่ผ่านมาก็โอษฐ์กล้าเย้าหยอกใครต่อใครไปทั่ว พอเจอนางกำนัลทั้งหลายทำท่าจักสานสัมพันธ์ด้วย พ่อก็เผ่นเสียนี่”

“ท่านแน่ใจหรือว่าคราวนี้จักไม่ทรงเผ่นอีก”

“ยิ่งกว่าแน่ ในเมื่อทรงเป็นฝ่ายเริ่มทอดสัมพันธ์เอง”

สันธิลากระซิบกลั้วหัวเราะ ขณะที่ปาษาณเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหูพลางอุทาน  

“ฮ้า!”    

“ไม่ฮ้าไม่เฮ้อล่ะ ไม่แน่นา ครานี้เราอาจได้พระมหาเทวีเจ้าพร้อมกันเลยก็ได้”

“แล้วน้องน้อยวายุของพวกเราจักเป็นฉันใดล่ะนี่ เท่าที่ข้าเห็น มัทยาก็ร้ายพอกันกับเจ้าชายเทียวนา”

ขุนพลธาตุดินเหลือบมองเจ้าชายหนุ่มที่ทรงก้มพักตร์ทอดพระเนตรข้อราชการพลางทำสุรเสียงสูงๆ ต่ำๆ เป็นทำนองเพลงอย่างอารมณ์ดี ไม่ทรงมีทีท่าจักรู้พระองค์เลยว่า สองคนสนิทกำลังเล่าขวัญพระองค์อยู่อย่างออกรส ขุนพลธาตุน้ำยิ้มนิดๆ ก่อนตอบว่า

“ถ้าทรงปราบพยศนางไม่ได้ ก็ทรงเป็นฝ่ายศิโรราบนางเสียเองก็เท่านั้น ดีเหมือนกัน เจ้าชายจักได้มีคนคอยกำราบเสียบ้าง คอยดูวันพรุ่งเถิด อย่างไรก็จักต้องทรงหาเรื่องเสด็จไปเรือนท่านผู้เฒ่าอีกแน่”


*** มีค่อค่ะ

แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 54 17:32:24

แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 54 17:32:06

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:37:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com