Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
(นิยายกำลังภายใน) วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ตอนที่ 83 ติดต่อทีมงาน

เมืองพนาไพศาลได้ชื่อมาจากป่าสนซึ่งขึ้นจนแน่นขนัด แลคล้ายผืนพรมสีเขียวชะอุ่มปูทอดสุดลูกหูลูกตา ทว่าในเมืองนี้นอกจากพืชสนแล้ว ยังมีไม้ยืนต้นชนิดอื่นอีกมากมาย ยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิแห่งการก่อกำเนิด ก็พากันออกดอกบานสะพรั่ง ครั้นลมยามเช้าโบกสะบัดต่างปลิดปลิวตามแรงวายุราวม่านหลากสี ทั้งแดง ชมพู ส้ม เหลือง ฟ้า ชวนเพลิดเพลินเจริญใจ

ทว่าในห้องโถงของบ้านพักตระกูลสือ กลับมีแต่สีขาว...

เริ่มจากโคมไฟสองดวงซึ่งแขวนอยู่คนละด้านของประตู
สีขาว...สีแห่งอารมณ์หม่นหมอง

ผ้าไร้ลวดลายผูกติดกับเสาเกือบเรี่ยพื้น เศษกระดาษเงินกระดาษทองปลิวว่อน
สีขาว..สีบ่งบอกการสูญเสีย

บุรุษหนุ่มนั่งคุกเข่าหันหลังให้ประตู เสื้อป่านคลุมอยู่บนไหล่ที่ลู่ตกราวสิ้นแรง
สีขาว...สีแสดงพิธีไว้ทุกข์

สือหย่งจวินได้ยินเสียงสีเท้าสองสาย จึงหันหน้าซีดเผือดวกกลับมา
สีขาว...สีของความโศกศัลย์รันทด...

“อาหยุน!”

หลานคนโตสกุลสือร้องลั่นก่อนถลามากอดน้องชาย ไม่ปรากฏสำเนียงร่ำไห้ให้สดับ มีเพียงร่างสั่นเทิ้มอันสุดจะห้ามปราม สือหย่งหลุนโอบกระชับอีกฝ่ายแน่น หวังให้ความสงสารในใจปลอบประโลมพี่ชาย แม้รู้ว่ามันจะไม่มีวันเป็นจริง

สิ่งที่ทำเช่นนั้นได้...คงมีเพียงเวลาและตัวสือหย่งจวินเองเท่านั้น

ธิดาสกุลใหญ่ซู่อี้เหนียงเดินมาทักทายพวกมัน ก่อนหน้านี้อาจารย์นางซึ่งเป็นเจ้าสำนักง่อไบ๊ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับประมุขพรรคอสุราอาฆาตเช่นกัน แต่ปัจจุบันอาการทุเลาลงมาก นางจึงปลีกตัวมาอยู่เป็นเพื่อนสือหย่งจวินเกือบตลอดเวลา

“ตั้งแต่ได้รับข่าวว่าพวกเจ้าจะมาถึงวันนี้ พี่ใหญ่ก็เฝ้ารอมาโดยตลอดเลยนะ”

ฟ่านไป่หนิงพึมพำตอบรับซู่อี้เหนียง พร้อมอาศัยจังหวะนั้นสังเกตรอบด้าน ค่อยเห็นว่านอกจากบุรุษและสตรีตรงหน้า ภายในห้องยังมีเหล่าชาวยุทธ์อีกหลายคน กระทั่งเจ้าสำนักพยัคฆ์อมตะจางเกิงโจทย์เก่าของนาง พร้อมจอมยุทธ์เหมียวกงจู่และจอมยุทธ์สั่วหม่าสหายมันก็รวมอยู่ด้วย แต่ในบรรดาผู้คุ้นเคยเหล่านี้ กลับมีคนหนึ่งที่นางไม่อยากพบเอาเสียเลย!

หัวหน้าสาขาพรรคกระยาจกห่าวซ่านเปิ่นอ้าปากค้าง ชี้ใส่สองหนุ่มสาวแล้วเอาแต่กล่าวงกเงิ่น “เจ้า...พวกเจ้า!”

สือหย่งจวินขมวดคิ้วสงสัย หากก็รีบแนะนำผู้มาใหม่ว่า

“นี่คือสือหย่งหลุนน้องชายข้าและสหายของมัน แม่นางฟ่านผู้เป็นลูกศิษย์ซินแสเทวะ”

บรรดาชาวยุทธ์ล้วนตรงเข้ามาทักทายทั้งคู่ มีเพียงห่าวซ่านเปิ่นที่ยังแสดงอาการอึกอัก สือหย่งจวินจึงเอ่ยปากว่า

“หัวหน้าห่าว มิทราบมีอันใดผิดปกติหรือ”

“โอ ที่แท้ท่านนี้คือหัวหน้าห่าวผู้มีชื่อเสียง” ฟ่านไป่หนิงชิงกล่าวตัดหน้า “ในที่สุด ข้าฟ่านไป่หนิงก็ได้เคารพท่านอย่าง ‘เป็นทางการ’ เสียที”

ท่ามกลางสายตาเคลือบแคลงของสือหย่งจวิน ห่าวซ่านเปิ่นก็กัดฟันว่า

“ใช่ ๆ ได้พบกันอย่าง ‘เป็นทางการ’ แล้ว”

สือหย่งหลุนมิได้สนใจห่าวซ่านเปิ่นไปมากกว่านั้น มันตบบ่าพี่ชายพลางกล่าวด้วยท่าทางสุขุม “ข้าและไป่หนิงขอคารวะศพท่านอาก่อนเถิด”

สือหย่งจวินจึงเลิกใส่ใจเรื่องเล็กน้อย หันมาจัดเตรียมธูปเคารพแก่สองหนุ่มสาว บรรยากาศคึกคักจากการปรากฏตัวของอาคันตุกะพลันแปรเปลี่ยนสู่อารมณ์หดหู่เช่นเดิม หนึ่งในบรรดาจอมยุทธ์ถึงกับทุบโต๊ะข้างตัวดังพลั่ก เค้นเสียงว่า

“เจ้าบ้านสือยิ่งใหญ่เกรียงไกร ไฉนต้องมาตายด้วยน้ำมือคนชั่วช้าเช่นโจซานตงด้วย”

ที่เหลือล้วนตอบรับกันเซ็งแซ่ ห่าวซ่านเปิ่นรีบตามน้ำในทันที

“ในฐานะฝ่ายธรรมะ ข้าเห็นว่าโจซานตงควรถูกกำจัดให้สิ้นซาก”

ยังคงมีเสียงสนับสนุนโต้ตอบ แต่ความฮึกเหิมดูลดลงไปมาก ห่าวซ่านเปิ่นทราบดีว่าความร้ายกาจของประมุขพรรคอสุราอาฆาตบั่นทอนกำลังใจฝ่ายธรรมะไม่น้อย อดนึกปรามาสมิได้ว่าโจซานตงไม่ได้อยู่ในที่นี่เสียหน่อย แค่แสดงท่าเกรี้ยวกราดลับหลังมันยังมิกล้ากระทำอีก ดังนั้นสัมทับไปเป็นตัวอย่าง

“หากร่วมมือกัน กะอีแค่โจซานตงหรือจะคณนา”

แต่รอบนี้หลายคนถึงกับเบือนหน้าหนี ขอทานเจ็ดกระสอบเกรงจะเสียศรัทธาต่อหน้าสือหย่งจวินผู้สืบทอดตระกูลใหญ่ จึงแสร้งออกท่าปลุกระดมไม่หวาดหวั่น

“จะเกรงกลัวคนเช่นนี้ไปไย เฮอะ! ข้าไม่เชื่อว่ายุทธจักรจะสิ้นคนดี ขอเพียงมีใครโค่นล้มเจ้าโจรชั่วนี้ได้ ข้าจะขอนับถือมันผู้นั้นในฐานะเจ้ายุทธจักรไม่รีรอ!”

เก้าในสิบของผู้กล้าที่เวียนว่ายในวงนักเลงล้วนใฝ่ฝันตำแหน่งดังกล่าว เมื่อมีคนจุดประกายย่อมปรากฏท่าทางสนใจตอบรับ ห่าวซ่านเปิ่นคึกคักขึ้นอักโข รีบเดินวนไปทั่วห้อง สบตาทีละคนพลางกล่าวว่า

“พวกท่านในที่นี้ต่างเป็นชนชั้นผู้นำของเกือบทุกสำนัก หากช่วยกันกระจายข้อตกลงนี้ออกไปไม่นานย่อมกลายเป็นที่ยอมรับได้ ก่อนหน้านี้พวกเราเองก็เคยหมางใจกันเพราะตำแหน่งเจ้ายุทธจักร คราวนี้ทั้งกำจัดโจซานตงและสลายข้อขัดแย้งไปพร้อมกัน ยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว นับว่าดียิ่ง!”

เริ่มแรกมีเสียงเออออเชิงเห็นด้วยแค่ไม่กี่เสียง แต่ไม่นานเสียงนั้นก็ค่อย ๆ เพิ่มความเร็วดั่งไฟลามทุ่ง สุดท้ายกลายเป็นสำเนียงอื้ออึงพร้อมกันเพียงประโยคเดียวซ้ำไปซ้ำมา

“เจ้ายุทธจักรกำจัดมารร้าย! ๆๆๆ”

ในใจห่าวซ่านเปิ่นลิงโลดแทบคลั่ง มันไม่คิดหวังฐานะเจ้ายุทธจักร หากหมายกระตุ้นผู้อื่นออกหน้าต่อสู้กับโจซานตง เพื่อตนจะได้แอบหลบอยู่ทางด้านหลังตามนิสัยเดิม และถ้ามีใครสามารถสังหารประมุขพรรคอสุราอาฆาต ตัวมันซึ่งเป็นผู้จุดประกายความคิดนี้ก็จะได้รับความเกรงใจจากเจ้ายุทธจักรคนใหม่ไปด้วย ผู้ที่ได้ประโยชน์สองต่อในคราวนี้ คือตัวมันเองต่างหาก

ยามนั้น สือหย่งจวินก็ชักกระบี่ประจำกายตวัดเป็นประกายวาบ เสียบใส่เสาไม้ข้างตัวจนมิดด้าม!

“ตำแหน่งใด ๆ ข้ามิเคยสนใจ มีเพียงคำสาบานต่อหน้าศพท่านพ่อ ข้าจะต้องเอาเลือดเจ้าโจซานตงมาชโลมกระบี่เล่มนี้ให้จงได้!”

แววตาอันลุกโชนไปด้วยเพลิงแค้นของหลานคนโตสกุลสือ แม้ลดทอนกิริยาสง่างามสดใสแต่เดิมลง ทว่ากลับส่งเสริมท่าทางเข้มแข็งองอาจ จนคลับคล้ายผู้กล้าหาญยิ่งกว่าลักษณะคุณชายสูงศักดิ์เช่นก่อน บรรดาจอมยุทธ์ที่พบเห็นต่างอดเอ่ยปากชมเชยมิได้ แต่ท่ามกลางความนิยมที่มีต่อสือหย่งจวิน น้องชายมันกลับแอบกลัดกลุ้มอยู่ภายใน

“พี่ใหญ่” สือหย่งหลุนกระซิบ “ข้าขอคุยเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่”

สือหย่งจวินได้ยินก็พยักหน้า พามันหลบเข้าห้องด้านใน โดยมีฟ่านไป่หนิงและซู่อี้เหนียงตามติดมา แต่เมื่อทราบว่าสองพี่น้องต้องการสนทนากันลำพัง จึงเปลี่ยนใจเดินเตร็ดเตร่ที่หน้าห้องนั่นเอง

“พี่ใหญ่” สือหย่งหลุนเริ่มเอ่ยไม่ชักช้า “ทางตระกูลเห็นว่าพี่ควรเดินทางกลับเมืองหลวงจะเหมาะสมกว่านะ”

สือหย่งจวินขมวดคิ้ว “ข้าทราบถึงความหวังดี แต่แค้นบิดามิอาจไม่สะสาง หรือเจ้าไม่เข้าใจความรู้สึกของข้าในตอนนี้”

“ทำไมจะไม่เข้าใจ ทว่าภายหลังการตายของท่านอาเหวินอี้ เหล่าผู้อาวุโสก็มีมติเลือกให้ท่านเป็นเจ้าบ้านคนต่อไปแล้วนะ ภาระตระกูลหรือจะทอดทิ้งไปได้”

สือหย่งจวินถึงกับนิ่งงันไปพักใหญ่ กระนั้นก็ยังไม่แสดงทีท่าโอนอ่อน สือหย่งหลุนจึงโน้มน้าวต่อว่า

“ตระกูลสือพอขาดเจ้าบ้านไปก็ระส่ำระสายอย่างหนัก มิเพียงมีอิทธิพลต่อความมั่นคงภายภาคหน้า ยังมีผลต่อการจัดการส่งเสบียงแก่ฝ่ายธรรมะในปัจจุบันด้วย ถ้าปล่อยเช่นนี้ต่อไปพรรคอสุราอาฆาตคงเป็นผู้ชนะในบั้นปลาย แล้วจะแก้แค้นโจซานตงได้อย่างไรกัน”

หลานคนโตสกุลสือกัดริมฝีปากจนแทบห้อเลือด

“น้องรอง เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันที่ท่านพ่อเสีย ข้ามาช้าไปเพียงเสี้ยวเวลาเท่านั้น ท่านพ่อ...ท่านพ่อกระอักเลือดสิ้นใจตายในอ้อมกอดข้าเอง” นัยน์ตาคนพูดแดงเถือก น้ำใสปริ่มขอบตา “ข้านึกแค้นใจนัก หากข้ามาเร็วกว่านั้นสักนิดเดียว แม้สู้เจ้าโจซานตงไม่ได้แต่อย่างน้อยอาจใช้ตัวเข้าปกป้องแทนท่านพ่อ ที่ท่านพ่อต้องตายเป็นเพราะข้า...ข้ามันไร้สามารถ!”

กำปั้นสั่นระริกของมันเหวี่ยงใส่โต๊ะไม้ในห้องจนหักเป็นชิ้น ม้านั่งก็ถูกจับฟาดแหลกคามือ เท่านั้นยังไม่หนำใจ สือหย่งจวินโถมไปที่ตู้วางของรอบด้าน กวาดรูปแกะสลักหยก เครื่องกระเบื้องตกแตกเกลื่อนกลาด!

สือหย่งหลุนนิ่งมองการอาละวาดของพี่ชายด้วยแววตาเข้าใจ คาดว่าที่ผ่านมาสือหย่งจวินต้องพยายามเก็บกดความเสียใจไว้เพียงภายใน เพราะมิต้องการเผยความอ่อนแอแก่คนภายนอก ยามนี้จึงควรให้มันระบายความอัดอั้นให้หมดเสียเถิด

รสชาติของการต้องทนเห็นบิดาตายต่อหน้า สือหย่งหลุนผู้ฟื้นความจำในคืนวิปโยคมาได้ ย่อมเข้าใจสือหย่งหวินดีกว่าผู้ใด!

จากคุณ : จันทร์พันฝัน
เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 20:14:01




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com