Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มินตรา บทนำ+ตอนที่1 ติดต่อทีมงาน

สวัสดีค่ะ หายยยยกันไปนานนน  คิดถึงงงงง
เอานิยายเรื่องใหม่มาให้อ่านกันค่ะ

เป็นแนวแปลกๆ ระทึกขวัญ เกือบดราม่า เกือบคอมเมดี้ เกือบโหดสยอง และหวานปะแล่มๆค่ะ อิอิ

ตอนแรกตั้งจะใจเขียนส่งคนสร้างเรื่อง ของช่อง3 เขียนไปได้ครึ่งเรื่องก็เปลี่ยนใจแล้วค่ะ เอามาให้อ่านกันดีกว่าเนาะเพราะอึดอัดที่จะซุ่มเขียน
แนวนิยายเลยจะเป็นละครๆหน่อยนะคะ555



มินตรา

บทนำ

แสงอาทิตย์ในยามอัสดงลอดผ่านทิวไม้มาพร้อมอากาศที่เริ่มเย็นยะเยือกลง หากในใจของคนสองคนบนหลังม้านั้นร้อนรุ่มจนแทบจะทานทนไม่ไหว เหงื่อที่ซึมออกมาจากไรผมแม้โต้กับลมที่พัดผ่านก็มิได้แห้งเหือดไปในช่วงเวลาที่ต่างก็คิดว่าสำคัญที่สุดในชีวิต เสียงม้าที่เริ่มหายใจลำบากทำให้ชายผู้กุมบังเหียนชะลอการเร่งกดลำตัวอันพ่วงพีของม้าฝีเท้าเลิศอันเป็นม้าคู่ใจ

ดวงตาคมกริบมีแววของความกังวลก่อนจะเปล่งประกายแรงกล้าเมื่อใคร่ครวญดีแล้วจึงเบนทิศทางตรงไปยังภูเขาเบื้องหน้า
“ยอดรักของข้า ท่านคิดทำสิ่งใดกัน” เสียงหวานที่เคยพลิ้วแผ่วกระซิบคำข้างหูอยู่เป็นนิจกลายกลับเป็นสำเนียงเร่งเร้าหวั่นวิตก

“หากยังคงเร่งม้าสืบไปเราคงหนีพวกทหารเมืองไม่พ้น จำต้องไสม้าเข้าที่เขตภูเขาแม้เสี่ยงต่ออันตรายอยู่บ้างแต่อาจจะมีทางหลบซ่อนได้” ผู้พูดแต่งกายด้วยชุดทหารเมืองระดับสูงกล่าวตอบคล้ายปลอบประโลมเมื่อสัมผัสได้ถึงร่างกายที่สั่นสะท้านของหญิงสาวในอ้อมอก

ฝ่ายหญิงสาวจึงค่อยคลายใจลงไปบ้าง น้ำตาที่เคยหลั่งรินแล้วแห้งเหือดไปมิรู้กี่รอบนั้นเริ่มปรากฏริ้วรื้นขึ้นคลอเบ้าอีกครั้ง หากทิฐิที่ถือมั่นจากการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวทำให้สามารถกล้ำกลืนลงไปได้อย่างรวดเร็ว

แม่หญิงมินตราธิดาสาวแห่งมหาอำมาตย์ใหญ่ของนครอรัญนับเป็นยอดหญิงที่มิว่าผู้ใดก็ใฝ่ปองเอ็นดูทั้งรูปลักษณ์อันงามล้ำและกิริยามารยาทอันเพียบพร้อมนับเป็นดวงแก้วอันมีค่าควรเมือง หากว่าจิตใจนางยังเป็นอิสระอยู่การสถาปนาราชินีแห่งแว่นแคว้นอรัญคงเป็นวาสนาอันสูงสุดของนาง  แต่หัวใจรักอันยากจะบังคับแข็งขืนกลับมอบให้ชายผู้โอบกอดนางบนหลังม้าจนหมดสิ้น

แม้ฐานะของแม่ทัพใหญ่ในทัพหลวงของนครอรัญจะยิ่งใหญ่ปานใดก็มิสามารถเทียบเท่าราชาแห่งแคว้นที่ปักใจรักมั่นในนางเพียงแรกเห็น  จึงเป็นเหตุให้ต้องหลบหนีเพื่อให้พ้นเงื้อมมือของผู้ที่สูงด้วยยศศักดิ์ด้วยความยึดมั่นในรักที่มีต่อกันอย่างประมาณมิได้

ม้าที่ถูกบังคับให้เข้าสู่เนินหมู่ต้นไม้ช้าลงเมื่อไปในทางขึ้นเขา ทางคับแคบที่แม้จะมีการแผ้วถางอย่างดีแต่ก็เปี่ยมด้วยอันตรายยากที่จะเร่งความเร็วได้ หุบเหวเบื้องล่างทำให้มือใหญ่ที่โอบเอวอ้อนแอ้นเปลี่ยนเป็นโอบศีรษะเล็กๆนั้นให้ซบกับซอกคอของตนอย่างทะนุถนอม

สรรพวิทยาคมอันแรงกล้าล้วนแต่ถูกเร่งร่ายออกมาจนหมดสิ้น ทั้งหมอกมนต์และมนต์อำพราง ทว่าเขาก็รู้ดีว่ากลุ่มทหารที่ติดตามมาย่อมมิหลงมนต์ไปโดยง่าย ไม่ช้าก็เร็วคงสามารถแกะรอยมาถึงเขาได้

เมื่อมาถึงทางแยกอันเป็นดั่งทางเลือกทำให้เกิดความคิดหนึ่งที่น่าทดลองอยู่ไม่น้อย วรามิตร นายทหารหนุ่มผู้มากไปด้วยรูปโฉมและความสามารถจนทำให้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งทางทหารอันสูงส่งตั้งแต่ยังหนุ่มแน่นจึงบังคับม้าตรงไปยังทิศที่มุ่งไปสู่ยอดเขาพลางสอดส่ายสายตามองหาสถานที่ที่พอจะกระทำการในสิ่งที่คิดได้

คล้ายฟ้าดินจะเป็นใจเมื่อเลยไปจากทางแคบเล็กปรากฏเนินลาดที่ม้ายากจะปีนป่ายได้ เขากวาดเท้าลงจากม้าก่อนจะรอรับกายอันอ้อนแอ้นของนางผู้เป็นที่รัก ฝ่ายนั้นก็มิได้พิรี้พิไรถามไถ่ทำตามวรามิตรคล้ายดังทั้งชีวิตได้มอบไว้ในอุ้งมือแข็งแรงเบื้องหน้านี้จนหมดสิ้นแล้ว

วรามิตรพยุงพามินตราไปเพียงครึ่งทางก็มองเห็นหลืบช่องเล็กที่น่าสนใจจึงตัดสินใจในชั่ววินาทีนำพามินตราไปยังถ้ำเล็กที่มองเห็น  ครั้นเข้าไปภายในถ้ำจนสายตาปรับรับแสงในความสลัวรางนั้นได้ เขาถึงกับชะงักกึกเมื่อสายตาไปปะทะกับแผ่นหินที่มองเพียงผิวเผินอาจจะคิดว่าเป็นแง่งหินงอกหินย้อยตามธรรมชาติ

หากแต่ผู้ที่มีมนต์และฝึกเวทย์ย่อมรับรู้ว่าลึกเข้าไปด้านในซ่อนบางสิ่งที่เก่าแก่และน่าสะพรึงเอาไว้ หากจะเปลี่ยนใจตอนนี้คงจะสายเกินไป เขาจึงถอดแหวนก้อยของตนมอบให้นางผู้เป็นที่รักไว้
“แหวนแก้วนาคานี้จะปกปักรักษาเจ้าจากสิ่งชั่วร้ายและสัตว์ร้าย พี่จะหลอกล่อทหารพวกนั้นไปให้ไกลจากทางนี้”

“ยอดรักของข้า ท่านหมายถึงจะไปสร้างความสับสนให้แก่พวกเขา ณ ทางแยกเมื่อครู่นี้หรือ”วาจาของมินตราก่อกำเนิดรอยยิ้มภาคภูมิชื่นชมขึ้นมาวูบหนึ่ง  มินตราใช่จะมีเพียงรูปโฉมและกิริยาที่นุ่มนวลงดงามแต่สมองของนางก็ฉับไวสมใจของเขายิ่ง

“ใช่แล้ว เจ้าจงนั่งรอพี่อยู่ในนี้เถิดและจงอย่าเดินหรือขยับกายให้เกิดเสียงจนอาจพบเจอกับอันตรายได้”วรามิตรกล่าวพลางจ้องมองไปยังแง่งหินด้านในที่น่าหวั่นเกรงพอๆกับเหล่าทหารที่มุ่งเอาชีวิตด้านนอก พร้อมกับจูงมือน้อยเดินหาที่ทางอันพอเหมาะ

ถ้ำเล็กอันมืดมิดหากมองจากภายนอกดูคับแคบแต่เมื่อเดินทะลุผ่านไปจึงพบว่าเป็นถ้ำกว้างเพียงพอที่คนจะเข้าไปแออัดกันได้ถึงสิบยี่สิบคน วรามิตรพยุงมินตราลงนั่งบนแท่นหินที่ไม่ห่างจากปากถ้ำที่คับแคบนัก แต่ก็ไม่ใกล้จนคนภายนอกจะสามารถมองลอดเข้ามาได้

“จงรอพี่อยู่ตรงนี้ แล้วพี่จะกลับมารับเจ้า”ชายหนุ่มกังวลถึงความปลอดภัยของสตรีผู้เป็นที่รักยิ่งจนจำต้องร่ายมนต์ตรึงร่างนั้นให้นิ่งอยู่กับที่จนคล้ายเป็นแท่งหินที่ไร้ลมหายใจ
“ข้าจะรอท่าน และรอท่านจนกว่าท่านจะกลับมารับข้า”คำที่เอ่ยมาแผ่วๆนั้นคล้ายจะก้องหูคนพูดและคนฟัง ดั่งคำมั่นสัญญาจากหญิงสาวผู้มีสีหน้าเด็ดเดี่ยวมั่นคง แววตาที่สบมองไม่มีความลังเลมีเพียงความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างที่สุด

จากปากถ้ำมืดอันคับแคบสามารถมองเห็นด้านนอกได้อย่างชัดเจนต่างจากคนด้านนอกที่ยากจะมองเห็นว่ามีใครหรือสิ่งใดอยู่ด้านใน มินตรามองเห็นชายหนุ่มร่างบึกบึนบนหลังม้าที่ยังคงดูสง่าผึ่งผายอย่างที่นางเคยเห็นและตราตรึงอยู่ในห้วงแห่งดวงใจนับแต่วินาทีแรกที่พบเจอจวบจนบัดนี้

เสียงควบม้าดังจากใกล้จนกลายเป็นไกลและตกอยู่ในความเงียบงันมีเพียงเสียงลมหายใจของตัวเองที่ละเอียดเบาลงทุกทีโดยเจ้าตัวก็แทบไม่รู้สึกทั้งยังลืมเลือนวันเวลาลืมเลือนทุกสิ่งอย่างสิ่งที่แจ่มชัดในห้วงสำนึกมีเพียงวงหน้าคมที่เปี่ยมไปด้วยรูปโฉมอันรอนหัวใจของนางเพียงเท่านั้น...

จากคุณ : จอมนาง
เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 55 20:57:08




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com