(ต่อนะคะ)
.,.,. * .,.,.*
รสายังคงได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น ได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ ในเวลาที่ลืมตาตื่น
ที่นี่ที่ไหน...ตอนนี้เราควรต้องทำอะไร
คำตอบที่ผ่านมาแต่ละวันไม่ต่างจากเดิม รสาดึงผ้าห่มผืนบางออกจากตัว ลุกขึ้นอาบน้ำล้างหน้า ได้ยินเสียงจัดสำรับอาหารด้านนอก มารดาตื่นแต่เช้ามืดเป็นปรกติตามประสาคนสูงวัย เมื่อทำธุระของตนเสร็จเรียบร้อย รสาจึงออกไปช่วยนภาในครัว
ตื่นแล้วเหรอลูก
ตื่นแล้วสิคะ แม่ก็ไม่ยอมปลุกสาให้ลุกมาทำอาหารพร้อมกัน
โอย จะรีบปลุกขึ้นมาทำไม แม่นอนไม่หลับเลยลุกมาทำโน่นนี่ ไหนๆก็ไหนๆต้มมะระรอไว้ มันต้องใช้เวลานาน สาตื่นมาก็พอดี หม้อนี้เตรียมไว้ถวายพระ ส่วนหม้อนี้เอาไว้สำหรับพวกเราทานกันเองสัก 3-4 มื้อ เป็นต้มจืดมะระยัดไส้ ที่ลูกๆชอบทานตั้งแต่เด็กๆไง เด็กอะไรชอบกินของขมกันตั้งแต่เล็ก
รสายิ้มตาใสแต่ยังแฝงแววเศร้า หลังจากเกิดเหตุการณ์ นภากลับมาจำทุกอย่างได้ตามปรกติ อีกทั้งยังคอยดูแลรสา เพื่อหลบให้พ้นสายตานักข่าวที่กระหายข้อมูลของเหยื่อผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์ตายหมู่ที่โรงนาร้าง รสาถูกปิดกั้นข้อมูลข่าวสารทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ หรือหนังสือพิมพ์ ไม่เว้นแม้แต่โทรศัพท์ที่เริ่มมีรายการทีวีเข้ามาติดต่อขอสัมภาษณ์เพื่อนำไปออกรายการ จนกระทั่งผู้สร้างหนัง ที่คิดจะถอดเรื่องจริงที่เกิดขึ้นไปทำบทภาพยนตร์
โรงพยาบาลยังคงเปิดดำเนินการตามปกติ แต่บุคลากรทุกคนถูกสั่งให้งดการให้ข้อมูลข่าวสารทุกรูปแบบ วินทร์เทียวเข้าออกสถานีตำรวจและศาล เพื่อแก้ต่างการมีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เท่านั้นก็เพียงพอสำหรับความเสื่อมเสียชื่อเสียง ป้ายประจำตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของโรงพยาบาลถูกปลดและเปลี่ยนใหม่เป็นคนอื่นในวงศาคณาญาติ วินทร์อาจถูกย้ายไปคุมกิจการอื่นๆภายในเครือซึ่งยังมีอีกหลายร้อยกิจการ
ระหว่างพักรักษาตัว สิ่งที่รสาได้รับมาต่างหน้าไม่ใช่ดอกไม้หรือของเยี่ยมไข้
แต่เป็นเช็คเงินสดมูลค่าหลายแสนบาท
มันเป็นค่าชดเชยในการเลิกจ้างพนักงาน...
รสารับเช็คใบนั้นและเก็บข้าวของออกจากโรงพยาบาลแต่โดยดี คุณนายกรรณิการ์ตอกย้ำความเมตตาปรานีที่บริษัทมีให้กับพนักงานด้วยการป่าวประกาศจำนวนเงินนั้นให้ทุกคนได้รับทราบ มีไม่กี่คนที่รู้ว่า หญิงสาวนำเงินทั้งหมดที่ได้รับไปมอบให้กับมารดาของไตรรัตน์ พร้อมกับฝากความดูแลไว้กับองค์กรที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยโรคไตได้ในระยะยาว
แม้จะไม่มีงานทำและรายได้หายไปทั้งหมด แต่เงินเก็บที่อยู่ในมือของรสากับเงินก้อนที่ได้จากการที่มารดาขายบ้านในย่านชุมชน ก็มากพอสำหรับการนำมาเลี้ยงชีพในหมู่บ้านห่างไกลความเจริญ
ที่นี่คือชายป่าในอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี...
นภายังมีมรดกที่หลงลืมมานานนักหนา นั่นคือที่ดินผืนเล็กในชายป่า ซึ่งเดิมเป็นผืนใหญ่ แต่มีผู้มาขอซื้อเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับสร้างวัดป่า ตาและยายของรสาตัดใจขายแต่ขอแบ่งพื้นที่ไว้ส่วนหนึ่งสำหรับการปลูกบ้านพักหลังเล็ก เผื่อไว้สำหรับการปลีกตัวไปพักผ่อน ก่อนจะกลายมาเป็นที่พำนักอาศัยของรสาและมารดาในปัจจุบัน
สากำลังจะได้งานทำแล้วนะคะแม่ เป็นสถานีอนามัยที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเรา ขาดพยาบาลมาหลายปีเพราะพื้นที่กันดาร ไม่มีใครอยากมา พี่ที่เป็นหมออนามัยพากันดีใจยกใหญ่...เมื่อวานสาก็เดินดูรอบๆบ้าน ยังมีพื้นที่เหลืออีกเยอะเลยค่ะแม่ ดินก็ดูอุดมสมบูรณ์ดี นอกรั้วก็มีต้นไม้พืชพรรณเต็มไปหมด สาว่าจะหาพวกเมล็ดหรือต้นกล้ามาปลูกผักปลูกไม้ตอนว่างจากงานด้วย แม่ว่าดีมั้ยคะ
รสาพูดพลางหยิบเครื่องไม้เครื่องมือมาปรุงอาหารต่อ นภาขยับถอยออกไปนั่งดูลูกสาวที่ทำตัวไม่ทุกข์ร้อนใดๆ นับจากวันที่เดินออกจากโรงพยาบาล รสาไม่เคยเอ่ยปากคร่ำครวญหรือเสียใจในโชคชะตา ไม่เคยถามหาใครให้ต้องมาดูแลหรือรับผิดชอบ ใจหนึ่งนางยังนึกถึงไตรรัตน์ซึ่งเป็นคนดี เป็นคนที่คู่ควรกับลูก...และลูกเรา คู่ควร กับเขา เสียดายกลับต้องมาสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องรสา เมื่อนึกถึงวินทร์กับบางเรื่องที่รู้มา...นภาจึงไม่คิดเอ่ยปากเล่า
แม่คะ..?
รสากลายเป็นฝ่ายปลุกมารดาจากภวังค์ นภามัวแต่คิดไปเรื่องอื่น ไม่ได้ฟังที่ลูกสาวพูด
อ้อ ว่าไงนะลูก
เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร สาก็ชวนแม่คุยไปเรื่อย วันนี้วันพระใหญ่ พระท่านไม่ออกมาบิณฑบาต คงต้องเอาอาหารไปถวายที่วัดนะคะ
อืม ลูกไปคนเดียวได้ไหม วันนี้แม่ปวดเมื่อยเนื้อตัวยังไงก็ไม่รู้
โธ่... แต่ก็ยังลุกมาทำกับข้าวให้สา
โอ้ย อันนั้นน่ะ แม่นอนไม่หลับ ลุกมาเอง แต่จะให้เดินไปวัดกับนั่งฟังพระสวดก่อนฉันนานๆ วันนี้นั่งไม่ไหว
ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวสายๆ สาค่อยกลับมานวดให้แม่นะ
อือ อย่าไปรบกวนแม่ชีนานนักล่ะ แม่รอกินข้าว
รสาโดนดักคอ ยิ้มเผล่ เป็นเรื่องบังเอิญเหลือแสน ที่แม่ชีน้อยได้รับนิมนต์มาพักที่วัดป่าใกล้บ้าน รสาซึ่งเดิมก็หมั่นชวนแม่ทำบุญตักบาตร ยิ่งกระตือรือร้นจะไปถวายอาหารที่วัดทุกวันพระ ตั้งใจว่าวันนี้จะไปถามถึงฟ้าใสกับไตรรัตน์ และคงได้การบ้านเป็นแนวทางปฏิบัติภาวนา ถึงแม่ห้ามไว้ อย่างไรก็คงต้องขัด
ถ้าแม่หิวก่อนก็ทานก่อนสิคะ สากลับมาแม่ก็ทานอีกรอบ จะได้อ้วนๆ
ว่าแล้วก็ยิ้มอ้อน มารดารับคำอย่างเสียไม่ได้ รสาหิ้วตะกร้าเดินออกจากบ้าน ระยะทางไม่ไกลนักแต่นภาก็ออกไปส่งและมองตามอย่างเป็นห่วง
.,.,. * .,.,.*
อีกไม่กี่ก้าวก็ถึงเขตสวรรค์....
ฟ้าใสเชิดหน้าเดินตรงสู่ทิพยวิมาน ทั้งที่เห็นต้นมณฑาอยู่ในระยะสายตา แค่เพียงเดินอีกไม่กี่ก้าวก็ควรถึง ขอบเขตที่เนรมิตทุกสิ่งได้ตามใจต้องการ อิ่มทิพย์ กายทิพย์ ตาทิพย์ เบื้องหลังที่เดินจากมาคือบ่อโคลนสีดำเน่าเหม็น ฟ้าใสเคยหันกลับไปมองครั้งหนึ่ง กลับพบว่าบ่อโคลนนั้นขยายใหญ่ขึ้น จากหลุมเล็กๆกลายเป็นสระขนาดกลาง หันไปอีกครั้ง จากสระขนาดกลางกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ ฟ้าใสไม่มีทางอื่น นอกจากเดินต่อไปยังต้นมณฑาที่ยังมีให้เห็น และจำเป็นต้องเดินไปให้ถึง
บางครั้งผู้คนเดินผ่านและเห็นภาพสมมติของอสูรกายที่ทุรนทุรายอยู่ในนรกภูมิแล้วพากันสลดสังเวชใจ สภาพทุกข์เวทนาที่ประสบน่าจะผลักดันให้เกิดความทุรนทุรายและดิ้นรนที่จะหนี แต่คงไม่สามารถทำได้ เพราะมีนิรยบาลคอยเข้มงวดกวดขัน
นรกภูมิที่แท้ต่างจากภาพที่เห็นลึกล้ำ นายทวารหรือผู้คุมคอยทำโทษเป็นเพียงสมมติบัญญัติที่มาแทนที่ปรมัตถ์ แท้จริงสัตว์ทั้งหลายต่างถูกกักขังไว้ด้วยกฎที่ทรงอำนาจที่สุดในทุกภพ
กฎแห่งกรรม...
โดยไม่รู้สึกตัว หญิงสาวยังคงเดินต่อไปจนฝ่าเท้าถลอกปอกเปิก เสื้อผ้าหลุดลุ่ย รอยช้ำจากการล้มลงบนทางขรุขระ เป็นรอยระบมจนเกิดฝีหนองไปทั่วร่างกาย
ฟ้าใสไม่อาจห้ามตัวเองให้หยุดเดินได้ แม้จุดหมายจะยิ่งห่างออกไปไกลลิบลับ!
.,.,. * .,.,.*
รสาเดินไปได้ครึ่งทางระหว่างบ้านกับวัด จู่ๆก็มีลมพัดกรรโชกแรงอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย ใบไม้แห้งตามกิ่งของต้นไม้ที่จวนเจียนร่วงจากต้น พอโดนลมพัดก็พากันสะบัดออกจากกิ่งและโรยตัวลงมาพร้อมกัน รสายกมือขึ้นบังเพื่อไม่ให้ฝุ่นเข้าตาและมองหาที่หลบ ลมยิ่งกรรโชกแรงขึ้น ดอกไม้ที่จัดไว้ในตะกร้าปลิวหล่น รสาต้องวางตะกร้าใส่อาหารไว้ใต้ต้นไม้และตามไปเก็บ แต่พอรวบรวมได้ครบ จะนำมาเก็บใส่ตะกร้า ก็ปรากฏมีคนช่วยหยิบขึ้นมาถือและรอยื่นให้
ลมหมุนเจ้ากรรมจู่ๆก็หยุดลงไ ปเฉยๆ ใบไม้ที่ปลิวสะบัดพากันพับตัวลงกับพื้นเบื้องล่างและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
สวัสดีครับ
คุณวินทร์?
รสากระพริบตาถี่ หันมองไปรอบตัว...ไม่มีใคร แต่ก็แน่ใจว่านี่ไม่ใช่ฝัน ชายหนุ่มตรงข้ามยืนถือตะกร้าใส่อาหารยื่นมาให้ ยังมีที่ว่างสำหรับใส่ดอกไม้ รสากลับยืนเฉย
งั้น ผมถือตะกร้าอาหารไปส่งให้ก็ได้ คุณถือดอกไม้ไป จริงๆก็เข้ากันดี
รสาได้แต่ร้องเฮอะในใจ เรื่องทำเป็นเนียนและแกล้งเอาอกเอาใจ คงเป็นเรื่องถนัดที่สุดของเขา
คุณมาที่นี่...ได้ยังไง
พยายามควบคุมน้ำเสียงปกติ ทั้งชายหนุ่มและแม้แต่ตัวหญิงสาวเอง ต่างไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่เจือมากับน้ำเสียงนั้นเป็นอารมณ์ไหน โกรธ ดีใจ เสียใจ น้อยใจ หรือตัดพ้อต่อว่า
ผมให้น้าเชิดช่วยตามดูคุณอยู่ครับ กว่าตัวเองจะสะสางเรื่องรอบตัวจนเป็นอิสระได้ คุณก็มาไกลแล้ว
วินทร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น
แต่ก็มีเวลาเซ็นเช็คให้ฉัน
น้ำเสียงนั้นเครือสั่น อารมณ์สุดท้ายจริงๆดังคาด
ครับ ผมตั้งใจ
รสาแทบสะอึก สำลักออกมาเป็นน้ำตาที่ร่วงลงมาอย่างไม่ทันห้าม วินทร์เองก็รู้สึกผิดที่ใช้คำพูดตรงไปตรงมาแต่ทำร้ายจิตใจคู่สนทนาอย่างเลี่ยงไม่ได้ รสายกมือปัดแก้มและป้ายตาเหมือนแค่เขี่ยผงที่เข้าตาออก สะกดใจแล้วถามใหม่
ถ้าอย่างนั้น คุณมีธุระอะไรคะ หรือว่าจะมาทวงเงินคืน ฉันคงไม่มีให้
ผมรู้ครับ...ว่าคุณเอาเงินทั้งหมดไปมอบให้กับคุณแม่ของหมอไตร ผมก็อยากจะบอกว่า คุณทำถูกแล้ว
ไม่จำเป็นต้องลงรายละเอียดให้กระทบกระเทือนใจ แต่การแก้ต่างเป็นเรื่องที่วินทร์ต้องขอใช้สิทธิ์
รสา... ที่ผมบอกว่าผมตั้งใจ ผมไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ผมทำเพื่อคุณ
ยังไงคะ
รสาหรี่ตาถาม
ผมอยากให้คุณหายดื้อ หายรั้น และก็เลิกคิดเสียทีว่าตัวเองช่วยทุกคนได้ทั้งโลก โดยที่ขนาดตัวเองยังช่วยตัวเองไม่ได้
นี่...คุณ
ผมพูดจริงๆนะ
วินทร์พูดกลั้วยิ้ม เปลี่ยนบรรยากาศตึงเครียดให้กลับมาละมุนละไมได้ทันตาเห็น
เอาเหตุผลข้างผมบ้างก็ได้ ผมไม่อยากขอแต่งงานกับพนักงานของตัวเอง
นี่...คุณ
คราวนี้รสาร้องเสียงหลง
ผมถามแม่คุณแล้ว ท่านบอกแล้วแต่คุณ
วินทร์พูดไปยิ้มไป ขณะที่รสางงเป็นไก่ตาแตก
ผมมาหาคุณตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ แม่คุณบอกว่า คุณหลับไปแล้ว ไม่อยากให้กวน วันนี้ก็เลยมาดักรอตรงนี้ แม่คุณก็ไม่ว่าอะไร
รสาร้อง เฮอะ รีบหันหน้าไปทางอื่น กลัวอีกฝ่ายจะเห็นว่าตนเองซ่อนยิ้มเอาไว้ วินทร์ยังเอียงหน้าตามมาถาม
ว่าไงครับ
รสารีบปั้นหน้าตึง ทำเฉย
ฉันจะรีบเอาอาหารไปถวายพระ อย่ามายืนขวาง
แนะ จะถวายได้ยังไง ก็ตะกร้ายังอยู่ที่ผม
นี่...คุณ
คุณวินทร์คะ เรียกสิครับ แล้วผมจะคืนตะกร้าให้
ชายหนุ่มยังตามตอแยไม่เลิก
คุณวินทร์คะ มันบาปค่ะ ขวางคนจะไปทำบุญ
โธ่...
รสาหลุดหัวเราะคิกออกมาทีหนึ่ง บรรยากาศรอบตัวพลันสว่างขึ้นมาในเวลาเดียวกัน พระอาทิตย์โผล่พ้นจากขอบภูเขาที่พาดตัวเรียงยาวสุดสายตาทางฝั่งตะวันออก สายลมพัดเอื่อยแค่พอให้ใบไม้ไหวอย่างรื่นรมย์
หญิงสาวยังไม่ตอบรับคำขอ แต่คงไม่นานเกินรอเท่าไรนัก.
จบบริบูรณ์.
แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 55 22:40:28
แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 55 22:25:09