Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Time Travelers ตอนที่ 6 [Fantasy] ติดต่อทีมงาน

Time Travelers
บทนำ+ตอนที่ 1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11505582/W11505582.html
ตอนที่ 2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11509751/W11509751.html
ตอนที่ 3
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11513558/W11513558.html
ตอนที่ 4
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11521422/W11521422.html
ตอนที่ 5
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11532453/W11532453.html


- - - - - - - -

[Rule of Time Travelers 6] กฎของการเป็นนักท่องกาลเวลาข้อที่ 6 – อย่าผูกความสัมพันธ์กับใครเกินความจำเป็น



ผู้ชายทุกคนไม่ว่าใครก็ฝันอยากจะมีเจ้าสาวที่งดงามราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายกันทั้งนั้น


แต่ถ้าผมจะได้เจ้าสาวสวยเหมือนนิทานเรื่องเจ้าหญิงเงือกน้อย...ผมขอไม่เอาได้มั้ยครับ!


...


“เมื่อกี้...ว่ายังไงนะ?” ผมเอ่ยถามเงือกตาแป๋วที่เพิ่งบอกว่าจะจับผมทำสามีเพื่อยืนยันว่าเมื่อกี้หูผมคงฝาดไปหรือถ้าหูผมไม่ฝาด ยัยครึ่งปลานี่ก็ต้องพยายามหนีจนประสาทกินไปแล้วแน่ ๆ !


“เพราะเป็นมนุษย์ท่านอาจจะยังมิเข้าใจ” แสงจันทร์ส่องสะท้อนให้เห็นแก้มแดงเปล่งปลั่งจากเลือดที่สูบฉีด “ตามกฎของเผ่าเงือกแล้ว หากเงือกสาวตนใดที่เข้าวัยเจริญพันธุ์และพบชายที่ต้องใจ นางจะฟาดเขาด้วยหางสิบกระบวนท่าเพื่อเป็นการท้าชน เมื่อชายผู้นั้นสามารถรับมือได้..เขาจะกลายเป็นคู่หมั้นของเงือกสาวตนนั้น และท่านก็เป็นผู้ที่สามารถรับสิบกระบวนท่ามัจฉาโบกสะบัดของข้าได้”


เงือกเผ่าบ้าอะไรกัน! เป็นพวกคลั่งการต่อสู้หรือยังไง!! ขนาดมหากาพย์โจรสลัดไร้เรือในภาคสี่นางเงือกยังทำแค่จูบแล้วลากนักบวชลงทะเลแค่นั้นเอง แต่เงือกตัวจริงดันเอาหางฟาดเนี่ยนะ?? ความโรแมนติกของเทพนิยายมันหายไปไหนหมดแล้ว!!??


“แต่ที่ท่านฟาดหางใส่ข้านั้นทำเพื่อต้องการหลบหนี มันไม่ใช่การท้าชนไม่ใช่หรือ ถ้าเหตุนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องหมั้นกันก็ได้นี่ครับ” สมองผมแล่นหาทางรอดจากสถานการณ์ที่ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไรนัก แต่เจ้าของเรือนผมสีทองสลวยกลับทำร้ายผมด้วยการสั่นหน้าเป็นคำตอบ


“แม้ว่าแอนนาจะมิได้ตั้งใจจะท้าชน แต่มิว่าอย่างไรกฎก็ต้องเป็นกฎ ท่านสามารถรับมือกับกระบวนท่าของข้าได้ เท่ากับว่าท่านคือคู่ชีวิตของแอนนา อีกทั้งท่านเองก็มิได้น่ารังเกียจเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของท่านบอกได้ดีว่าท่านเป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยนเพียงใด ท่านเป็นผู้มีความคิด มีจิตสำนึก..แตกต่างกับมนุษย์คนอื่นที่มีแต่ความโหดร้ายบ้าคลั่ง”


ดูท่าแสงจันทร์คงไม่เพียงพอต่อการมองเห็นของยัยเงือกหางน้ำเงินนี่เสียแล้ว ไม่รู้ว่ามองยังไงถึงได้เห็นว่าผมมีดวงตาอ่อนโยนหรืออะไรประมาณนั้น อีกอย่าง..ไอ้คำว่าโหดร้ายบ้าคลั่งที่ใช้ประณามมนุษย์นั่นมันหลุดออกมาจากปากเงือกที่บอกขอหมั้นด้วยการเอาหางฟาดคนอื่นสิบที ใครกันแน่ที่เหมาะสมกับคำว่าบ้าคลั่งน่ะ!


"หรือว่าท่านมิอยากแต่งงานกับแอนนา...” น้ำเสียงของเงือกสาวสั่นเครือ พร้อมกับหยดน้ำคลอหน่วงในดวงตาสีน้ำทะเล หรือว่าผู้หญิงบนโลกใบนี้จะเจ้าน้ำตาทุกคนไม่เว้นเผ่าพันธุ์ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเป็นเงือกกันแน่


“มันไม่ใช่อย่างนั้น” ผมรีบยกมือห้ามก่อนที่เจ้าหล่อนจะร้องไห้ออกมาจริง ๆ สายตาพยายามเหลือบมองขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคู่หู แต่ดูเหมือนว่าจิงส์จะยังมึนไม่เลิกสักที โชคดีที่กระแสคลื่นพัดเข้าโขดหินสีรุ้ง เพื่อนคู่หูของผมจึงไม่หายไปพร้อมกับเรือ งานนี้ผมคงต้องเล่นมุกแถไปลูกเดียว “คือ...ข้าเกรงว่าการแต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์จะเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ อีกทั้งเผ่าเงือกอาจจะครหาท่านได้ที่จะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับมนุษย์”


ผมชักจะนับถือความสามารถในการสร้างเรื่องของตัวเองอย่างไรพิกล คำพูดแก้ตัวของผมทำให้แววตาหม่นหมองของเงือกสาวจางหายไป เหลือทิ้งไว้แต่ความซาบซึ้งในดวงตาคู่งาม..หรือว่าผมจะไปเป็นนักแสดงดีนะ เล่นได้สมบทบาทแบบนี้คงได้รางวัลตุ๊กตาทองกันทีเดียว


“คู่หมั้นของข้าช่างอ่อนโยนยิ่งนัก ท่านแสนดีเหลือเกินที่มีความคิดเป็นห่วงแอนนา หากแต่ท่านมิต้องกังวลไปหรอก...เผ่าเงือกนั้นจะมีหางก็ต่อเมื่อยามร่างกายต้องน้ำทะเล เมื่อใดที่เราอยู่ในอาณาจักรเงือก เราก็มีขามิต่างอะไรจากมนุษย์เฉกเช่นท่าน เรื่องที่จะมีใครติฉินนินทาก็เช่นกัน...แอนนาเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านจ้าวสมุทร หากใครกล้าว่ากล่าว มันผู้นั้นคงต้องถูกลงโทษจากท่านพ่อเป็นแน่แท้”


อะไรมันก็ดูเข้าที่เข้าทางไปหมดจนน่าหงุดหงิดใจ...ช่วยมีอะไรเป็นอุปสรรคหน่อยได้มั้ยนะ


“แต่ข้าเป็นมนุษย์...ท่านมิกลัวหรือแอนนาว่าวันหนึ่งข้าอาจจะทำร้ายเผ่าพันธุ์เงือกเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป ใจมนุษย์นั้นยากแท้หยั่งถึง เจ้ามิเคยได้ยินถ้อยคำนี้หรืออย่างไร”


ริมฝีปากบางที่ขาวซีดเพราะหยดน้ำขยับออกเป็นรอยยิ้มชวนฝัน หากเป็นชายหนุ่มทั่วไปคงตกลงปลงใจที่จะเข้าพิธีแต่งงานกับเงือกสาวผู้งดงามดั่งเงือกสาวในตำนาน...แต่นั่นไม่ใช่เรสริคซ์ เวย์น แม้ว่าเธอจะเย้ายวนใจเช่นไร แต่ภารกิจต้องมาก่อน บางทีการที่เป็นคู่หมั้นของบุตรสาวผู้ปกครองเผ่าพันธุ์เงือกนั้นจะช่วยให้ภารกิจของผมง่ายดายขึ้นก็เป็นได้


อย่าสนใจหากจะต้องทำร้ายจิตใจใครเพื่อภารกิจ...อย่าสนใจหากจะต้องคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์นับร้อยเพื่อหน้าประวัติศาสตร์ที่สมบูรณ์ มันเป็นเพียงการขับเคลื่อนโลกให้เป็นไปตามสิ่งที่มันควรจะเป็น...เท่านั้นเอง


“จิตใจมนุษย์นั้นล้ำลึกและซับซ้อน...เผ่าเงือกของเราแม้จะไม่เข้าใจในการกระทำอันป่าเถื่อนของมนุษย์ แต่เราก็รับรู้ได้ว่าความโหดร้ายเป็นสัญชาตญาณดิบที่ทุกเผ่าพันธุ์มี แล้วแต่ว่าใครจะสามารถควบคุมมันได้มากกว่ากัน มนุษย์เป็นเพียงเผ่าพันธุ์ที่สัญชาตญาณอยู่เหนือจิตใจ มนุษย์นั้นช่างเบาปัญญาเหลือเกิน...พวกเขาคิดว่าตนเป็นหนึ่งเหนือเผ่าพันธุ์ใด ๆ พวกเขาไม่เข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติ จึงมิสำนึกบุญคุณของธรรมชาติซึ่งเป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่งเลยแม้แต่นิด”


คำพูดของแอนนาทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกเธอใช้คมมีดกรีดลงกลางหัวใจ...ไม่ว่ามนุษย์คนใดก็คิดถึงตนเองก่อนสิ่งอื่นใด มนุษย์เป็นตัวการของการทำลายธรรมชาติที่สรรสร้างความเป็นไปทุกอย่างบนโลกใบนี้  มนุษย์คิดว่าตนมีอำนาจอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง จนลืมไปว่าทุกชีวิตต่างก็มีความสำคัญไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย


“มีบทเพลงมากมายที่เขียนเกี่ยวกับมนุษย์...ท่านอยากฟังบ้างหรือไม่ แอนนาผู้นี้จะขับขานให้ท่านฟังเอง” ผมเอ่ยปากตอบตกลงเพราะอยากเห็นแง่คิดของเงือกที่มีต่อเผ่าพันธุ์ของตนเอง ริมฝีปากบางของเงือกสาวเผยอออกก่อนจะเปล่งเสียงหวานใสชวนฟังออกมา


“มนุษย์เอ๋ย...เจ้ามองโลกด้วยสายตาเช่นไรเล่า


มนุษย์เอ๋ย...มิใช่มีเพียงเจ้าบนโลกนี้


มนุษย์เอ๋ย...เจ้ามิได้มีปัญญาเหนือชีวี


มนุษย์เอ๋ย...เพียงสูญสิ้นวิญญีก็จากลา


มนุษย์เอ๋ย...เจ้าพรากเพื่อนจากไปนับสิบร้อย


มนุษย์เอ๋ย...ข้ามิเคยเฝ้าคอยถวิลหา


มนุษย์เอ๋ย...เจ้าฝืนลิขิตโชคชะตาจากฟากฟ้า


มนุษย์เอ๋ย...เจ้ามิเคยเห็นค่าของจิตใจ”



“แอนนา...ท่านไม่โกรธเคืองบ้างหรือที่เพื่อนของท่านหลายต่อหลายตนถูกมนุษย์พรากจากอาณาจักรเงือกและถูกนำไปเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงไว้ดูเล่นของมนุษย์”


หญิงสาวสั่นศีรษะไปมาเป็นคำตอบ มือบอบบางหากแต่เย็นเฉียบแนบเข้าที่ใบหน้าของผมก่อนจะลูบไล้อย่างแผ่วเบา นัยน์ตาทั้งคู่ของเธอส่องประกายยามกระทบกับแสงจันทร์ ผมเฝ้ารอคำตอบจากเผ่าพันธุ์ที่ทรงปัญญาเสียยิ่งกว่ามนุษย์ที่คิดว่าตนฉลาดเหนือใคร


“ที่มนุษย์ทำเช่นนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องของสัญชาตญาณที่ธรรมชาติสร้างขึ้นทั้งนั้น ข้ามิถือโทษโกรธแต่อย่างใดสาเหตุของการล่าเงือกก็เพื่อเลี้ยงปากท้องของเหล่ามนุษย์ที่อยู่เบื้องหลังมิใช่หรือ หากมันเป็นเรื่องที่ชะตากำหนดไว้แล้วว่าเพื่อนของข้าจำต้องถูกจับไป...ข้าก็มิสามารถขัดขืนชะตานั้นได้”


นี่สินะความคิดของเผ่าเงือกผู้รักสงบ...เพราะชีวิตล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตา เช่นนั้นแล้วชีวิตจะเป็นอย่างไรก็เพียงปล่อยตนให้เป็นไปตามกระแสของวันเวลา แตกต่างกับผมที่เชื่อว่าชีวิตของเราลิขิตได้ด้วยสองมือของเราเอง ผมฝ่าฟันมาเท่าไรถึงจะสามารถได้อาชีพลับเช่นนักท่องกาลเวลาแบบนี้ กี่ครั้งกันที่ต้องถูกลอบฆ่าเพราะต้องการชิงเก้าอี้ประธานนักศึกษา


อารมณ์ความรู้สึก..ไม่จำเป็นต่อภารกิจ


ผมเข้าใจแล้วว่ากฎของนักท่องกาลเวลาข้อนี้หมายความว่าอย่างไร ถ้าหากผมมีความรู้สึกร่วมกับเป้าหมายเมื่อไร ภารกิจก็ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมานั่งคิดเรื่องปัญญาของมนุษย์หรือเรื่องอื่นใด เพราะหน้าที่ซึ่งผมได้รับมอบหมายก็คือการเกลี้ยกล่อมให้เงือกช่วยล่มเรือของสแตนเลจ ไม่ใช่การคล้อยตามคำพูดของเงือกและเข้าพิธีแต่งงานกับเธออย่างที่เธอต้องการ


สิ่งที่ผมควรจะทำตอนนี้คือไปยังอาณาจักรของเผ่าเงือกและทำทุกวิถีทางเพื่อให้จ้าวสมุทรเห็นด้วยกับการล่มเรือของสแตนเลจ


“ข้ายังมิทราบนามของท่านเลย...ท่านพอจะเอ่ยนามให้ข้ารับรู้ได้หรือไม่” เงือกสาวถามขึ้นขณะที่ผมกำลังใช้ความคิดหาเหตุผลในการเยือนอาณาจักรเงือก


“ข้ามีนามว่าเรสริคซ์” ผมเอ่ยตอบด้วยความสุภาพอย่างที่ประธานนักเรียนแห่งวิทยาลัยพาลลัสพึงมี “ส่วนเพื่อนของข้าที่ยังนั่งมองเราอยู่บนเรือเขามีนามว่าจิงส์ เขามีปัญหาทางสมองนิดหน่อยเพราะว่าถูกฉลามกัดเข้าที่ศีรษะ ทำให้ประสาทการรับรู้ของเขาไม่ดีเท่าไรนัก พวกข้ามาจากดินแดนทางเหนือ...ที่ข้ามาตามหาเผ่าเงือกก็เพราะเคยได้ยินว่าน้ำตาของเงือกจะช่วยรักษาอาการของเขาได้”


ในเมื่อเอาแต่นั่งเหม่อไม่ได้มีประโยชน์และบทบาทอะไรเลยสักนิดก็คงต้องโดนแบบนี้ไปนั่นล่ะนะจิงส์ เงือกสาวหันไปมองบุคคลที่นั่งอยู่บนเรือ นัยน์ตาคู่สวยของแอนนาไหววูบเล็กน้อยด้วยความรู้สึกสงสารและเห็นใจเพื่อนคู่หูสมองเสื่อมของผม...ไม่ว่าอย่างไรความรู้สึกอ่อนไหวของสตรีก็เป็นจุดอ่อนของพวกเธอเสมอ


“แบบนี้สินะท่านถึงได้ดั้นด้นมาถึงที่นี่...” น้ำเสียงของเจ้าของเกล็ดสีน้ำเงินประกายม่วงหม่นหมองลงกว่าเดิมนัก “น่าเสียดายนักที่น้ำตาของเผ่าเงือกสามารถทำได้เพียงรักษาอาการติดพิษและบาดแผลภายนอกร่างกาย แต่มิสามารถรักษาสิ่งอื่น ๆ เช่นโรคร้ายหรือว่าประสาทการรับรู้ได้”


“ไม่มีทางใดเลยหรือที่จะช่วยเหลือเขาได้...เขายังมีน้องสาวที่ได้รับพิษอีกหนึ่งคน อาการของนางเป็นตายเท่ากัน ไหนจะครอบครัวของเขาอีกเล่า พ่อแม่ที่แก่เฒ่าจะอยู่ได้เยี่ยงไรหากไร้ซึ่งบุตรชายและบุตรสาว”


 ผมเค้นน้ำตาประกอบบทเหมือนกับที่ทำเมื่อตอนอยู่ที่บ้านของทาเลส น้ำตาหนึ่งหยดไหลรินจากดวงตาทำให้เงือกสาวอดเศร้าใจไม่ได้กับเรื่องราวสุดแสนจะน้ำเน่าที่ผมกุขึ้น มือบอบบางลูบไล้ข้างแก้มของผมอย่างแผ่วเบาเหมือนกับปลอบโยน ดวงตาทั้งคู่ของแอนนาเศร้าหมองเสียยิ่งกว่าเดิม


“บางทีท่านพ่ออาจจะหาทางช่วยเพื่อนของท่านได้...หากแต่อาณาจักรเงือกนั้นค่อนข้างจะไกลจากที่นี่นัก ข้าเพียงคนเดียวมิสามารถพาท่านทั้งสองคนกลับไปได้ หากเรามีม้าน้ำสักตัวคงจะดีไม่ใช่น้อย”


ม้าน้ำตัวจิ๋วนี่นะจะพาผมสองคนกับเรือหนึ่งลำไปอาณาจักรเงือกได้? นี่มันไม่สมเหตุสมผลเกินไปหน่อยแล้ว!


จ๋อม จ๋อม จ๋อม


เสียงของบางอย่างกระทบกับผิวน้ำดังขึ้นอย่างแผ่วเบาตามสายลมที่พัดผ่าน ผมเพ่งพลังจิตสัมผัสออกไปหาต้นตอของเสียง ปรากฏพลังชีวิตเกือบสิบของสิ่งมีชีวิตขนาดพอ ๆ กับมนุษย์..บางทีเผ่าเงือกอาจจะส่งคนมารับผมไปยังอาณาจักรเงือกก็เป็นได้


“หยุดนะเจ้ามนุษย์! ถอยห่างออกจากธิดาจ้าวสมุทรเดี๋ยวนี้!!” เงือกหนุ่มร่างกายกำยำห้าตนโผล่ขึ้นจากผิวน้ำพร้อมกับหันคมหอกเข้าหาผม เสียงตะโกนของเงือกที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าทำเอาเพื่อนคู่หูของผมสะดุ้งโหยง เงือกสามตนพร้อมหอกในมือล้อมรอบเรือแจวลำเล็กเอาไว้ ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งพวกเขามาทำให้จิงส์ได้สติสตางค์กลับคืนมา


“เคน เขาไม่ได้ทำอันตรายอะไรข้า ลดหอกของเจ้าลงเสีย” เสียงใสร้องห้ามเงือกทั้งห้าตนที่กำลังขยับประชิดเข้ามาทุกขณะ ผมเหลือบมองเงือกหนุ่มเจ้าของชื่อที่แอนนาร้องเรียก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันพร้อมกับริมฝีปากที่เม้มสนิทด้วยความไม่พอใจ คำพูดของแอนนาไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยสักนิด


“ท่านหญิง ท่านมิควรปกป้องมนุษย์เฉกเช่นมัน มันอาจจะหลอกลวงแล้วจับตัวท่านไปเหมือนกับเงือกตนอื่น ๆ ก็เป็นได้ ฉะนั้นแล้วรีบออกห่างจากมันเสียเถิด ก่อนที่มันจะทำร้ายท่าน”


ผมกลอกตามองพระจันทร์ที่ฉายแสงบนฟากฟ้าอย่างเหนื่อยหน่าย ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายทำร้ายก่อน...ได้ข่าวว่ายัยท่านหญิงเงือกนี่ใช้หางฟาดผมถึงสิบกระบวนท่าเชียวนะ


“เขาเป็นคู่หมั้นของข้า หรือว่าเจ้าจะทำผิดกฎด้วยการพรากคนรักออกจากกันเล่าเคน!” เงือกสาวขยับมาทางเบื้องหน้าและกางแขนออกเหมือนปกป้องผม บอกตรง ๆ ว่าการหลบอยู่ข้างหลังสตรีเป็นเรื่องที่น่าอับอายเสียยิ่งกว่าสิ่งใด คมหอกคมดาบก็ไม่สู้สายตาเหยียดหยามจากดวงตาของเจ้าหัวหน้าเงือกถือหอกนั่น...


มองแบบนั้นเดี๋ยวผมก็เอาแบล็ค อีเกิ้ลเป่าสมองเสียหรอก


“มนุษย์ที่ต้องให้ท่านปกป้องนั้นหรือจะเป็นคู่หมั้นที่สามารถรับมือกับสิบกระบวนท่าของท่านได้ ท่านหญิงแอนนาดูเหมือนว่านี่จะเป็นเรื่องตลกที่น่าขบขันอยู่ไม่น้อยเชียวนะ”


เสียงหัวเราะบาดหูของเงือกชายทั้งแปดตนดังประสานขึ้นพร้อมเพรียง นี่มันจะดูถูกกันมากเกินไปเสียแล้ว...


“ถ้าหากว่ามันเก่งจริง..คงจะรับมือกับข้าผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าทหารของเผ่าเงือกได้สักสองกระบวนท่ากระมัง” แววตากึ่งดูถูกกึ่งท้าทายถูกส่งตรงมายังผม หึ...แล้วมันจะได้รู้ว่าการดูถูกเรสริคซ์ เวย์น ประธานนักศึกษาห้าสมัยซ้อนที่ไม่เคยมีใครโค่นล้มนั้นจะต้องแลกกับอะไร!


“ว่าไงเจ้ามนุษย์ เจ้ากล้าพอที่จะเลิกหลบหลังท่านหญิงแล้วมาสู้กับข้ามั้ยเล่า?” ผมยกมือแตะบ่าของแอนนาพลางส่งสายตาให้เธอถอยหลบไป เงือกสาวจ้องมองมาเหมือนสายตาขอร้องไม่ให้ผมต่อสู้กับทหารของเธอ แต่มันไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เจ้าเงือกตนนั้นปลุกอารมณ์ความโกรธของผมให้พุ่งทะยานขึ้น และมันก็จำเป็นต้องได้รับการระบายออก..


การใช้แบล็ค อีเกิ้ลต่อสู้กับเงือกที่มีเพียงแค่หอกนั้นดูแล้วจะเป็นการขี้โกงไปสักหน่อย สายคาดปืนที่อกถูกถอดออกแล้วส่งให้กับเพื่อนคู่หูที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร จิงส์คว้ามือรับตามสัญชาตญาณ ผมพอจะเดาได้ว่าดวงตาเบื้องหลังเส้นผมสีชานั้นคงมองที่ผมอย่างงุนงง


“ฝากดูแลแบล็ค อีเกิ้ลด้วย อย่าเอามันไปยิงเล่นล่ะ” ชายหนุ่มผู้นั่งอยู่บนเรือพยักหน้าหงึกหงักเป็นคำตอบ ผมพับแขนเสื้อขึ้นมาถึงศอกก่อนที่จะเดินลงจากโขดหินซึ่งส่องประกายสีรุ้งตามแสงจันทร์ ท่ามกลางสายตาของเงือกที่จับจ้องมายังผมเป็นทางเดียว


“เจ้าแน่ใจหรือมนุษย์ว่าเจ้าจะไม่ใช้อาวุธ...การสู้กับข้าตัวเปล่าเหมือนว่ามันจะเกินตัวเจ้าไปเสียหน่อยกระมัง” น้ำเสียงเหยียดหยามดังขึ้นจากปากของเจ้าเงือกไม่รู้จักที่ตายนั่น เส้นเอ็นที่ขมับของผมเต้นตุ้บ ๆ หากแต่ริมฝีปากนั้นกลับคลี่ออกเป็นรอยยิ้มหวานที่แมสซีนเกลียดนักหนา


เพราะมันเป็นรอยยิ้มสำหรับคนใกล้ตายน่ะสิ...


“หึหึ...อยากลองก็เข้ามาสิ”


สิ้นเสียงประกาศของผม เงือกที่เหลือก็ขยับว่ายออกเป็นวงกว้างให้ผมและหัวหน้าของพวกเข้าได้ประจันหน้ากัน รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเคน เขาคงจะคิดว่าการต่อสู้ในน้ำนั้นฝ่ายเงือกจะเป็นฝ่ายได้เปรียบมากกว่ามนุษย์ แต่ผมจะพิสูจน์ให้เห็นเองว่า...มันไม่จริง!


เงือกหนุ่มสะบัดข้อมือแทงหอกพุ่งใส่เข้ามาด้วยความรวดเร็ว ผมขยับเอี้ยวตัวหลบพร้อมกับขยับขาขึ้นถีบช่วงรอยต่อระหว่างลำตัวกับหางปลาสีเขียวเข้ม ร่างหนาดีดตัวออกไปเพื่อลดแรงกระแทกจากการโจมตีของผม มือข้างหนึ่งกระชากขาของผมไว้เป็นจังหวะเดียวกับที่เขากระหน่ำแทงหอกเข้าใส่


กร๊อบ!


ด้ามหอกที่ทำมาจากไม้หักลงและแตกเป็นเสี่ยงก่อนที่คมของมันจะกระทบกับผิวกายของผมด้วย พลังจิตถูกส่งไปทำลายอาวุธของเคนตั้งแต่การโจมตีครั้งก่อนหน้านั้น ดวงตาทั้งคู่ของผู้เป็นหัวหน้าทหารของเผ่าเงือกเบิกออกมองอาวุธที่ถูกทำลายอย่างไม่เชื่อสายตา ในจังหวะที่เขากำลังชะงักนั้นผมเงื้อหมัดที่ใส่พลังจิตเข้าไปส่วนหนึ่งและกระชากมันลงไปยังหน้าท้องของเขาโดยแรง


“อุ้ก!”


เสียงร้องด้วยความจุกดังขึ้นมาจากริมฝีปากของเงือกผู้ซึ่งอวดตนว่าเก่งนักเก่งหนา พลังจิตที่ส่งเข้าไปในหมัดเป็นประเภทเดียวกับคมมีดพลังจิต มันจะทำให้อวัยวะภายในบางส่วนของเขาบอบช้ำได้ไม่น้อย เงือกหนุ่มกระอักเลือดสีเข้มออกมาจากริมฝีปาก เท่านี้ก็แสดงให้เห็นได้แล้วว่าไม่ใช่เพียงมนุษย์ที่คิดว่าตนเองเก่งกาจเหนือใคร แม้แต่เผ่าพันธุ์ของเงือกเองก็ยังมีเงือกประเภทเดียวกับมนุษย์...และมันก็จำเป็นต้องได้รับการสั่งสอนเสียบ้าง


“พอเถิดท่านเรสริคซ์ เท่านี้เขาก็เจ็บมากพอแล้ว” เสียงของเงือกสาวเพียงคนเดียวร้องขัดขึ้นก่อนที่ผมจะฟาดสันมือไปยังต้นคอของเคนเพื่อจบเกมการต่อสู้ โชคดียังเป็นของเขาที่อารมณ์โกรธของผมผ่อนคลายลงบ้างแล้วหลังจากการออกกำลังกายเบา ๆ ในน้ำ ผมถอนหายใจอย่างเสียดายนิด ๆ ก่อนจะว่ายน้ำไปยังโขดหิน ทิ้งเขาไว้ให้ลูกน้องเงือกที่เหลือไปดูอาการตัวหัวหน้าเอาเอง


“เท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าท่านเหมาะสมกับท่านหญิงแอนนาด้วยประการทั้งมวล” เหล่าเงือกที่เหลือพึมพำพอให้ผมได้ยิน...ซึ่งผมก็ไม่ได้อยากเหมาะสมกับยัยเงือกนี่เท่าไหร่นัก แต่ถ้าหากมันจำเป็นต่อการทำภารกิจ ต่อจะต้องให้ฆ่าเจ้าหัวหน้าเงือกนั่นผมก็ทำได้ ส่วนเพื่อนคู่หูปัญญาอ่อนอย่างจิงส์ก็ปรบมือแปะ ๆ อย่างไม่ดูสถานการณ์เอาเสียเลย


แม้ว่าจะเจ็บหนักแต่ถึงขั้นสาหัส แต่ดวงตาคู่สีน้ำตาลของเคนจับจ้องมายังผมดุจดั่งเปลวเพลิงที่ต้องการแผดเผาผมให้มอดไหม้ สลับกับการจับจ้องไปยังบุตรสาวของจ้าวสมุทรด้วยความเจ็บปวดร้าวราน


เป็นแค่ทหารแต่กลับริไปหลงรักเจ้าหญิงอย่างนั้นหรือ...หึหึ นี่มันนิยายน้ำเน่าหรือยังไงกันแน่ แต่ถ้าหากเป็นนิยายจริง ๆ เคนคงได้เป็นพระเอก นางเอกของเราก็ต้องเป็นท่านหญิงแอนนาอยู่แล้ว ส่วนผมก็ต้องเป็นตัวโกงที่จะพยายามจะแย่งชิงนางเอกไปจากเจ้าเงือกนั่น


แต่จะว่าไปมันเข้าเค้าอยู่นะ ชื่อสองคนนี้คล้ายพระ-นางคู่ขวัญที่ดังคับฟ้าอยู่เหมือนกัน ก็คงจะน้ำเน่าพอ ๆ กับละครเรื่องยมโลกเบี่ยงนั่นล่ะนะ


แต่ใครจะไปอยากเป็นเจ้าบ่าวเงือกกัน? ไม่ใช่ผมแน่ล่ะ


“พาเคนกลับไปรักษาเถิด ข้าว่าอาการของเขาจะหนักมิใช่น้อย” แอนนาแสดงความห่วงใยทหารที่ดูแลตนออกมา ขณะที่ผมขยับไปหาจิงส์เพื่อขอปืนคืน เพื่อนคู่หูเอ่ยชมฝีมือการต่อสู้ของผมไม่หยุด นี่ล่ะความแตกต่างของนักเรียนสายบุ๋นกับสายบู๊


“แล้วจะทำเช่นไรกับคู่หมั้นของท่านและสหายของเขาล่ะท่านหญิง” เงือกหนุ่มตนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น ขณะที่พยุงผู้เป็นหัวหน้าของตนเอง ผมสบตากับเงือกสาวชั่วครู่ก่อนที่เธอจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำออกมา “ให้ม้าน้ำพาพวกเขากลับไปพร้อมกับเรา ท่านพ่อคงจะอยากเห็นผู้เป็นว่าที่เจ้าบ่าวของข้าเป็นแน่แท้”


ทหารเงือกคนหนึ่งเป่าปากเสียงดัง ก่อนพลังจิตสัมผัสของผมจะสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังชีวิตสามดวงที่เคลื่อนตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ยังไงผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าม้าน้ำสามตัวจะพาพวกเรากลับไปยังอาณาจักรเงือกได้อย่างไร


!!


บอกผมทีว่าเจ้าประหลาดนี่มันใช้ชื่อเดียวกับม้าน้ำตัวกระจิ๊ดหน้าตาน่ารักที่แสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ? เบื้องหน้าผมคือสิ่งมีชีวิตเหมือนม้าทุกประการ ตั้งหน้าใบหน้ายาวไล่ไปถึงแผงขนที่ลำตัว ขาหน้าและกีบเท้าที่ใส่เกือกม้าทั้งสองข้าง ยกเว้นแต่ว่าท่อนล่างของมันมีลักษณะเป็นหาง มีเกล็ด มีครีบเหมือนปลาไม่มีผิดเพี้ยน


ถ้าม้าน้ำมันรู้ว่ามันมีชื่อเดียวกับเจ้าม้าที่มีหางเหมือนปลาพวกนี้...มันจะร้องไห้คร่ำครวญว่าอยากเปลี่ยนชื่อมั้ยนะ??


"น่ารักจังครับ...” เพื่อนคู่หูของผมเอ่ยขึ้นขณะที่เงือกตนหนึ่งใช้กลุ่มสาหร่ายผูกเรือล่ามเข้ากับ เอิ่ม..ม้าน้ำ ตอนนี้ผมชักสงสัยแล้วสิว่าดวงตาเบื้องหลังกลุ่มผมที่ปรกใบหน้าครึ่งหนึ่งของจิงส์นั้นฝ้าฟางขนาดไหนถึงได้มองตัวประหลาดขนาดนี้น่ารักได้...


จริง ๆ มันก็แปลกตั้งแต่คราวมอนมอนแล้วล่ะ แต่ก็ไม่แปลกอะไรมากมายเพราะรูปลักษณ์ภายนอกของเจ้าของสีสันบาดใจนั่นมันก็น่ารักดี...ยกเว้นฟันที่ขบหัวคนได้กับไอ้อาการร้องอยากกินปลาฉลามน่ะนะ โชคดีที่เจ้าตัวประหลาดตัวน้อยนั้นเชื่อฟังคำสั่งของผมแต่โดยดี มันยังคงนอนเกาะที่หน้าอกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง


ขบวนม้าน้ำและเงือกเคลื่อนตัวจากโขดหินสีรุ้งด้วยความรวดเร็วพอ ๆ กับรถยนต์ในยุคของผม หยดน้ำสาดกระจายไปทั่วจนเสื้อผ้าของจิงส์ที่แห้งสนิทดีเริ่มเปียกชื้นเป็นดวง แสงจันทร์เริ่มเลือนหายไปจากฟากฟ้า อีกไม่นานท้องฟ้าที่มืดมิดจะส่องสว่างด้วยแสงอาทิตย์...นับแล้วเหลือเวลาอีกสี่วันเท่านั้นที่เรือของสแตนเลจจะแล่นเข้าใกล้บริเวณแถบนี้


เกาะขนาดใหญ่ไม่ต่างอะไรกับเมืองสักเมืองซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิดปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหลังจากที่ม้าน้ำว่ายข้ามมหาสมุทรมาเกือบสองชั่วโมง เพื่อนคู่หูของผมฟุบหน้ากับกาบเรือและตั้งหน้าตั้งตาหลับโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น ผิดกับผมที่ลืมตาตื่นมาตลอดทาง..ตอนนี้เริ่มชักอิจฉาชายหนุ่มร่างผอมแห้งที่ได้นอนงีบซะแล้วสิ


สายน้ำที่ทอดยาวเข้าไปถึงในเกาะทำให้กลุ่มขบวนของธิดาจ้าวสมุทรแหวกว่ายไปถึงสิ่งก่อสร้างจากหินขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเกาะ ผู้คนบนเกาะล้วนแต่จับจ้องมายังผมล้วนแต่มีลักษณะคล้ายคลึงกับมนุษย์ ผิดแต่ที่ขาทั้งสองข้างของพวกเขามาเกล็ดเล็ก ๆ หลากสีสันขึ้นอยู่ประปราย สายตาที่มองมาบ่งบอกว่าพวกเขาคลางแคลงใจว่ามนุษย์เช่นผมมาทำอะไรที่อาณาจักรเงือกแห่งนี้


การเดินทางสิ้นสุดลงเมื่อเหล่าม้าน้ำจอดเทียบท่าเบื้องหน้าบัลลังก์แก้วที่ส่องประกายหลากสี ชายร่างยักษ์ผิดจากมนุษย์ธรรมดาและเผ่าเงือกเกือบเท่าตัวครอบครองที่นั่งบนบัลลังก์นั้น ท่อนบนเปลือยเปล่าของราชันย์แห่งอาณาจักรเงือกเต็มไปด้วยมัดกล้าม ส่วนท่อนล่างเป็นหางปลาสีรุ้งแตกต่างจากเงือกตนอื่น ๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหนวดเคราสีขาวชวนหน้าเกรงขาม มือข้างหนึ่งถือสามง่ามที่ทำจากทองคำ บนศีรษะมีมงกุฎที่ประดับด้วยอัญมณีหลากหลายชนิด...


“นานเท่าไหร่แล้วที่ข้าไม่ได้พบปะกับพวกมนุษย์” เสียงก้องกังวานดังขึ้นจากริมฝีปากที่อยู่ภายใต้เคราดกหนา ดวงตาสีน้ำทะเลเหมือนกับบุตรสาวจับจ้องมายังเรือที่ผมและคู่หูนั่งอยู่ “เจ้ามีธุระอันใด..ถึงได้เข้ามาพบข้าถึงที่นี่”


“ชายผู้นี้เขาเป็นคู่หมั้นของลูกค่ะท่านพ่อ เขาสามารถรับกระบวนท่ามัจฉาโบกสะบัดของลูกได้ทั้งสิบกระบวนท่าโดยไม่ทำอันตรายลูกเลยแม้แต่น้อย หากแต่เคนกลับไม่เชื่อจึงท้าเขาสู้ สรุปคือเคนอาการบาดเจ็บสาหัส..แต่ท่านเรสริคซ์ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยค่ะ”


เงือกสาวรีบรายงานผู้เป็นบิดาก่อนที่จะมีใครได้เอ่ยปาก จ้าวสมุทรจ้องมองมายังผมก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่น อานุภาพของมันทำให้วังที่ก่อขึ้นจากหินถึงกับสั่นสะเทือน


“ท่าทางจะมีฝีมืออยู่ไม่น้อย...เจ้าคงชอบเขาสินะแอนนา” ไร้คำตอบจากเจ้าของใบหน้างดงามดุจแสงจันทร์ หากแต่ใบหน้าของเงือกสาวกลับขึ้นสีแดงระเรื่อ ผู้เป็นบิดาเหลือบมองบุตรสาวด้วยสายตาประเมิน “แบบนี้เห็นทีข้าคงจะได้เห็นงานแต่งงานของลูกสาวข้าในเร็ว ๆ นี้เสียแล้ว”


ไม่เข้าท่าแล้วล่ะ! จ้าวสมุทรดันไปเห็นด้วยกับยัยแอนนาซะได้ จริง ๆ ต้องปฏิเสธสิ มันคนละสายพันธุ์กันแถมสำหรับเงือกแล้วมนุษย์เป็นตัวอันตรายที่สุดไม่ใช่หรือไง??


“จิงส์..” ผมกระซิบเรียกเพื่อนคู่หูในขณะที่สองพ่อลูกกำลังปรึกษาเรื่องพิธีแต่งงานบ้าบอนั่น ถ้าไม่มีแผนอีกสำรองขึ้นมา จบไม่สวยแน่ ๆ งานนี้


“มีอะไรหรือครับคุณเรสริคซ์” เจ้าของเรือนผมสีชาโงหัวขึ้นจากกาบเรือด้วยอาการง่วงงุน ผมเขย่าเพื่อนคู่หูแรง ๆ เพื่อให้เขาฟื้นสติขึ้นมาให้เร็วที่สุด จิงส์สอดมือเข้าไปใต้กลุ่มผมก่อนขยี้ตาตัวเอง “คุณต้องช่วยผมคิดวิธีรับมือกับเงือกพวกนั้นแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะจับผมแต่งงานกับลูกสาวจ้าวสมุทรแน่ ๆ”


“อ้าว..ไม่ดีหรือครับ ได้เป็นถึงลูกเขยจ้าวสมุทรเชียวนา แถมยังได้เจ้าสาวเป็นเงือกสาวสวยสุด ๆ ขนาดผมยังอิจฉาคุณเรสริคซ์เลยนะครับนี่“


นั่นมันใช่ประเด็นที่ไหนกันเล่า!


“จิงส์...ตอนนี้เรากำลังทำภารกิจกันอยู่นะ สิ่งที่เราต้องทำคือต้องเกลี้ยกล่อมเงือกให้ไปล่มเรือสแตนเลจ ไม่ใช่ไปแต่งงานกับเงือก...เท่านี้ก็ออกทะเลจนจะกลับไม่ถูกแล้ว เข้าใจมั้ย?”


“แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะครับคุณเรสริคซ์...ให้ผมขัดขวางไม่ให้คุณแต่งงานกับคุณแอนนาอย่างนั้นหรือ”


นิ้วเรียวยกขึ้นเกาแก้มตัวเองอย่างไม่มั่นใจนัก ผมรีบพยักหน้าเป็นคำตอบ ตอนนี้ผมคิดมุกไม่ไหวแล้วจริง ๆ ว่าจะสร้างเรื่องยังไงไม่ให้ต้องแต่งงานกับยัยเงือกหัวทองนั่นดี ถ้าผมจะโยนงานให้เพื่อนคู่หูเสียบ้างคงไม่หนักหนาอะไรนัก เพราะทำภารกิจกันมาถึงตอนนี้มีแต่ผมเท่านั้นที่ออกโรง


“ตกลง...งานแต่งงานก็จะจัดขึ้นภายในคืนพระจันทร์เต็มดวง ก็คืออีกสองคืนต่อจากนี้นั่นเอง” เผลอเดี๋ยวเดียวจ้าวสมุทรก็ดันตกลงกับลูกสาวเสียเรียบร้อย ดูเหมือนจะไม่ทันการณ์เสียแล้ว “มีใครจะคัดค้านอะไรมั้ย”


“ผมครับ ผมคัดค้าน” จิงส์ชูแขนขึ้นพร้อมกับเสียงร้องลั่น ดวงตาหลากหลายคู่จับจ้องไปที่เขาเป็นทางเดียว จ้าวสมุทรเลิกคิ้วขึ้นมองชายหนุ่มร่างผอมอย่างไม่เข้าใจนัก ราชาแห่งเผ่าเงือกเอ่ยถามคู่หูของผมด้วยน้ำเสียงงุนงงเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าถึงคัดค้านเล่ามนุษย์”


“ก็คุณเรสริคซ์เป็นภรรยาของผมนี่ครับ!!”


เฮ้ย!! พูดบ้าอะไรออกมาน่ะจิงส์!!!???


...โปรดติดตามตอนต่อไป...


- - - - - - - - -

@คุณGTW ขอบคุณค่ะที่ช่วยแก้คำผิดและกำลังใจ ^ ^

แอบเขียนนิยายต่อไม่ค่อยออกค่ะ T T
พยายามต่อไป

จากคุณ : resin_part_14
เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 21:27:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com