Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
(นิยายกำลังภายใน) วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ตอนที่ 84 ติดต่อทีมงาน

เพียงล่วงผ่านอาณาเขตรั้วบ้านพัก คาวโลหิตก็พุ่งเข้าปะทะจมูกจนแทบอาเจียน สือหย่งหลุนรุดไปตามตำแหน่งซึ่งส่งกลิ่นฉุนเฉียวที่สุด ค่อยพบสภาพร่างของเหล่าชาวยุทธ์ฝ่ายธรรมะนอนตายเกลื่อนกลาดน่าสยดสยอง

เด็กหนุ่มบังคับโทสะซึ่งพุ่งประดังให้สงบลง พินิจตรวจตราอย่างใจเย็น

น่าแปลก...ศพเหล่านี้กลับมีแต่คนฝ่ายมัน หากเกิดการปะทะกับพรรคอสุราอาฆาตจริง ๆ ไฉนไม่พบร่างชายชุดม่วงบ้างเลย

หรือมันสันนิษฐานผิดพลาด?

ถ้าเช่นนั้น แล้วใครเป็นผู้สังหารคนพวกนี้ เกิดอันใดขึ้นกันแน่?

ระหว่างที่สองหนุ่มสาวพยายามตรึกตรองหาคำตอบ จอมยุทธ์ห้าคนก็วิ่งอ้อมระเบียงโผล่มา สือหย่งหลุนยินดียิ่ง กำลังจะอ้าปากไถ่ถามข้อข้องใจ อีกฝ่ายกลับถลึงตาจ้องพวกมันอย่างเคียดแค้น ตวาดว่า

“คนทรยศ ย้อนกลับมาเพื่อเข่นฆ่าให้สิ้นซากหรอกหรือ พวกข้ายอมตายไม่ขอสยบแก่เจ้า!”

สือหย่งหลุนตกตะลึงจนเกือบหลบคมอาวุธที่ฟาดใส่แทบไม่ทัน ตะโกนร้อนรน

“นี่มันเรื่องอันใดกัน ข้าจะทรยศพวกท่านได้อย่างไร”

“ยังคิดหลอกลวงอีก ถ้าพวกข้าไม่ถูกวางยาจนตัวชาด้านคงไม่โดนสังหารง่ายดายปานนี้แน่”

ฟ่านไป่หนิงใจหายวาบ “วางยา...วางยาอันใดกัน”

“ก็ยาบำรุงพลังวัตรของเจ้าอย่างไรเล่า พวกที่ทานเข้าไปต่างไร้กำลังต้านทานศัตรู ต้องตายราวผักปลา”

“ไม่จริง!” ดรุณีน้อยปฏิเสธเสียงแข็ง “ข้าตรวจสอบวัตถุดิบและตำรับยาตั้งหลายครั้ง ไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาด”

“ยังจะแสร้งแก้ตัว พวกข้าสอบปากคำยามที่เฝ้าห้องยาและคนครัวแล้ว วันนี้นอกจากพวกเจ้าไม่มีบุคคลที่สามเหยียบย่างเข้าบริเวณนั้นอีก ส่วนตอนตักแบ่งยาก็ล้วนมีแต่เจ้าสองคน ทั้งยังพบหลักฐานทนโท่ พวกข้าคือกลุ่มที่ไม่ได้ทานยา ถึงมีเรี่ยวแรงต่อสู้เอาชีวิตรอดได้ ส่วนคนที่เหลือล้วนเกิดอาการผิดปกติ”

ฟ่านไป่หนิงจนปัญญาโต้เถียง นางมั่นใจว่าได้ทดสอบการปนเปื้อนของพิษในทุกวัตถุดิบก่อนปรุงยาแล้ว ดังนั้นพยายามคิดจนหัวแทบระเบิด กลับหาวิธีไม่ได้ว่าศัตรูแอบวางยาในลักษณะนี้ได้อย่างไร อีกฝ่ายเห็นนางอ้ำอึ้งก็นึกว่าดรุณีน้อยยอมรับความผิด จึงกลุ้มรุมใส่อีกครั้ง สือหย่งหลุนผวาเข้ามารับการโจมตีแทนนาง ปากก็พร่ำว่า

“พวกท่านเข้าใจคลาดเคลื่อนแล้ว นี่เป็นหลุมพรางใส่ร้ายพวกข้า ควรร่วมมือกันต่อสู้ชายชุดม่วงเสียดีกว่า”

บุรุษคนเดิมซึ่งถูกเด็กหนุ่มดันกระเด็นถอยหลัง หอบหายใจพลางโต้ตอบว่า

“ชายชุดม่วงที่ไหนกัน พวกที่ลงมือเข่นฆ่าคือตระกูลโต่วต่างหาก เฮอะ! ก่อนหน้านี้ตระกูลสือผลักดันโต่วจินเซิงมาร่วมรับตำแหน่งผู้นำสี่ตระกูล ที่แท้ก็แอบร่วมมือหักหลังฝ่ายธรรมะ!”

สือหย่งหลุนเบิกตาโพลง คิดไม่ถึงว่าโต่วจินเซิงอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังเศร้าสร้อยเพราะการจากไปของสือเหวินอี้ ลงมือทรยศอย่างไม่ให้ตั้งตัว

“ไม่เอะใจกันหรืออย่างไร” เด็กหนุ่มตะโกนกร้าวขณะรับมืออีกฝ่ายไปพร้อมกัน “เจ้าบ้านสือของเราตายด้วยน้ำมือโจซานตงนะ พวกข้าเป็นผู้เสียหายต่างหาก”

“แล้วอย่าลืมว่าตระกูลโต่วก็ทานยาข้าเช่นกัน แต่กลับมีแรงเข่นฆ่าผู้คน” ฟ่านไป่หนิงเสริม “แสดงว่ายาที่ข้าปรุงต้องปลอดภัยซิ”

“เลิกแก้ต่างวุ่นวายเสียที ตระกูลโต่วคงได้ยาแก้พิษล่วงหน้ามาแล้ว ส่วนที่พวกเจ้าไม่ยอมทานยาบำรุงพลังวัตรก็น่าสงสัย”

ดรุณีน้อยฟังถึงตรงนี้ต้องขมวดคิ้ว หวนนึกว่าโต่วจินเซิงคือผู้เกริ่นถามเรื่องการทานยาของนางและสือหย่งหลุนเมื่อตอนเย็น ที่แท้ต้องการตอกย้ำให้ผู้คนจดจำข้อมูลอันบิดเบือน ซึ่งก็ถือเป็นแผนอันแยบคาย ด้วยถ้าพวกนางบอกว่าทานยาแล้ว อย่างไรทางนี้ก็คงคิดว่าพวกนางรับยาแก้พิษไว้ก่อน แต่นางกลับตอบคำถามเข้าแผนมันพอดี เหล่าชาวยุทธ์จึงยิ่งเข้าใจผิดเป็นทบทวี

ฟ่านไป่หนิงเผยอริมฝี:-)ยเอ่ยแก้ต่าง อีกฝ่ายกลับชิงตวาดว่า

“แล้วยังเรื่องการตายเจ้าบ้านสือ เฮอะ...เพราะไม่มีการเปิดโลงให้ดู ศพในนั้นใช่เจ้าบ้านสือตัวจริงหรือไม่ก็สุดรู้ ตรงกันข้าม เจ้ากลับใช้การนำศพกลับเมืองหลวงเป็นข้ออ้างให้สือหย่งจวินหนีไปก่อนเกิดเหตุร้าย และแสร้งให้คนมาส่งข่าวว่าลวงเพื่อหนีตามสือหย่งจวินไปเช่นกัน ที่ย้อนกลับมานี่คงเห็นว่าพวกข้าเสียเปรียบมากแล้ว จึงหมายสมทบกำลังสังหารให้สิ้นซาก ใช่หรือไม่”

ใช่ที่ไหนกัน สือหย่งหลุนแทบเปล่งคำผรุสวาทด้วยโมโหความไร้เหตุผลของอีกฝ่าย ก่อนเปลี่ยนโทสะเป็นกำปั้นตอกใส่หน้ามันจนสลบเหมือด แล้วจัดการพรรคพวกอีกสองคนตามมันไปติด ๆ ด้านดรุณีน้อยก็จี้จุดสลบที่เหลือจนเรียบร้อย จากนั้นกล่าวกับเด็กหนุ่มว่า

“เอาพวกนี้ไปนอนปนเปกับศพเถอะ ไม่เช่นนั้นถ้าศัตรูย้อนกลับมาพบพวกมันสลบอยู่คงฆ่าทิ้งแน่” พอจัดการเสร็จแล้วนางก็บอกว่า “พวกเราปลีกตัวหลบดีกว่า จะอยู่ให้เกิดปัญหาทำไม”

“ไม่ได้” เด็กหนุ่มแย้งเสียงหนัก “หากหนีไปตอนนี้ก็ไม่อาจแก้ต่างให้ตนเอง อีกอย่างตระกูลโต่วกำลังก่อการชั่วช้า เราควรรีบไปช่วยฝ่ายธรรมะเสียก่อน จากนั้นก็คงมีคนเข้าใจพวกเราเอง”

ฟ่านไป่หนิงไม่ทันร้องค้าน สือหย่งหลุนก็วิ่งหายเข้าด้านในตัวตึกไปแล้ว จึงได้แต่กระทืบเท้าอย่างขัดใจ ก่อนติดตามหลังมันด้วยความจำยอม ระหว่างนั้นใคร่ครวญว่าเพียงเวลาชั่วไม่นาน ไฉนผู้กล้าในบ้านพักจึงเข้าใจผิดได้เป็นเรื่องเป็นราว น่าจะมีต้นคิดยุแยงเป็นแม่นมั่น

เสียงอาวุธกระทบกันปะปนเสียงร้องโหยหวนดังจากห้องแห่งหนึ่ง สือหย่งหลุนจึงกระโจนเข้าไปทันที แล้วคำรามอย่างดุดันเมื่อเห็นโต่วจินเซิงกำลังบงการคนของตนให้ฆ่าฟันเหล่าจอมยุทธ์ในนั้นด้วยความเมามัน ก่อนจะกระชากศัตรูใกล้มือมาชกเปรี้ยงพร้อมกระทืบใส่หัวเข่าจนหักบิด คนตระกูลโต่วอีกสองสามคนจึงปรี่เข้าใส่เป็นการปิดทางมิให้เด็กหนุ่มช่วยเหลือคนได้ทัน ต้องมองดูจอมยุทธ์คนสุดท้ายสิ้นชีพทางด้านในห้องนั่นเอง

สือหย่งหลุนโกรธจนนัยน์ตาแดงฉาน สวนหมัดจัดการคนกลุ้มรุมลงไปร้องโอดโอย พอคนตระกูลโต่วที่เหลือหมายเข้าซ้ำ กลับถูกฟ่านไป่หนิงกระโจนมาพัวพันไว้ เด็กหนุ่มฉวยโอกาสฉีกตัวพุ่งใส่โต่วจินเซิงทันควัน หากยังไม่ทันบรรลุถึง ตรงหน้ามันพลันมีร่างเตี้ยแคระผุดขึ้นราวภูตผี เข้ารับมือสือหย่งหลุนเสียแทน เด็กหนุ่มไม่ทราบว่าคนผู้นี้คือใคร แต่หูแว่วได้ยินโต่วจินเซิงเรียกมันว่าค้างคาวโลกันตร์

การเคลื่อนไหวของค้างคาวโลกันตร์รวดเร็วผิดรูปร่าง ไล่ต้อนจนเด็กหนุ่มต้องถอยร่นไม่เป็นกระบวน พริบตาที่สือหย่งหลุนเปิดช่องโหว่ ฝ่ามือแฝงพลังวัตรก็ฟาดเปรี้ยงตรงท้องน้อย เด็กหนุ่มรีบดูดซับลมปราณนั้นไว้ตามความเคยชิน ทันใดนั้นค้างคาวโลกันตร์ก็เลิกคิ้วประหลาดใจ อุทานว่า

“วิชาภูตฉกฉวย?”

โต่วอี้เหรินเป็นคนถ่ายทอดวิชานี้แก่สือหย่งหลุน หากค้างคาวโลกันตร์ซึ่งสังกัดตระกูลโต่วจะรู้จักวิชานี้ย่อมไม่ผิดแปลก จังหวะนั้นชายแคระก็สวนฝ่ามือใส่อีกรอบ เด็กหนุ่มหลีกไม่ทันจึงกลั้นใจรับพร้อมใช้วิชาภูกฉกฉวยเป็นคำรบสอง ทว่าคราวนี้สือหย่งหลุนกลับต้องกระเด็นออกนอกวง กระอักโลหิตออกมาด้วยบอบช้ำภายใน

ฟ่านไป่หนิงซึ่งยังรับมือกับสมุนคนอื่นอุทานด้วยความตกใจ นางนึกไม่ออกว่าเหตุใดวิชาภูตฉกฉวยจึงใช้ไม่ได้ผล

คงมีเพียงสือหย่งหลุนและค้างคาวโลกันตร์ที่ทราบว่า เมื่อครู่ตอนปะทะกำลังกัน พลังวัตรซึ่งชายแคระส่งเข้าร่างเด็กหนุ่มกลับแยกออกเป็นสองสาย แม้สือหย่งหลุนจะดูดซับลมปราณสายหนึ่งสำเร็จ หากที่เหลือก็สามารถทำร้ายเด็กหนุ่มได้อยู่ดี

การแยกลมปราณเป็นหลายสายเช่นนี้ ถ้าฝึกปรือถึงระดับหนึ่งทุกคนย่อมทำได้ เพียงแต่เมื่อแยกลมปราณออก พลังวัตรในแต่ละสายจะลดลงไปมากกว่าปกติ ยกตัวอย่างถ้าแบ่งเป็นสองสาย พลังวัตรมิใช่เหลือครึ่งหนึ่งแต่จะเหลือแค่หนึ่งในสามเท่านั้น ยิ่งแยกหลายทางกำลังยิ่งลดหลั่นมากขึ้น กลายเป็นการสูญเสียพลังวัตรมากกว่าเดิม ชาวยุทธ์จึงไม่นิยมนำมาใช้ แต่คราวนี้ค้างคาวโลกันตร์ทราบถึงเคล็ดลับของวิชาภูตฉกฉวย ว่าไม่สามารถดูดซับลมปราณหลายสายได้พร้อมกัน จึงพลิกแพลงมาต่อกรกับสือหย่งหลุน

โต่วจินเซิงแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม แต่แล้วระเบียงด้านนอกพลันเกิดเสียงฝีเท้ากระหน่ำเข้าหู รอยยิ้มจึงหุบลงทันที ที่แท้หลังฆ่าฟันจอมยุทธ์ไปจำนวนมาก ก็เริ่มมีบางคนซึ่งพลังวัตรกล้าแข็งสามารถสลายพิษแล้วเริ่มโต้กลับบ้าง พวกมันไล่ฆ่าคนมานานจนเหนื่อยอ่อนจึงรับมือไม่ไหว ดังนั้นโต่วจินเซิงสั่งกำลังพลส่วนใหญ่หลบหนีไปแล้ว เหลือพวกมันเป็นกลุ่มสุดท้าย แสดงว่าเสียงฝีเท้าต้องเป็นของฝ่ายตรงข้าม แม้ยามนี้ค้างคาวโลกันตร์จะรับมือสือหย่งหลุนได้หากก็เสียเวลาโดยใช่เหตุ จึงร้องว่า

“เฮอะ! ดันขับพิษได้รวดเร็วกว่าที่คาดไว้ ช่างเถอะ...รีบหนีได้แล้ว จัดการพวกไม่ได้เรื่องเสียด้วย”

สิ้นคำสั่ง ค้างคาวโลกันตร์ก็กระแทกโดนสือหย่งหลุนจนทรุดกอง แล้วหันไปตะปบสองฝ่ามือใส่พรรคพวกที่บาดเจ็บด้วยน้ำมือเด็กหนุ่ม ชายทั้งคู่ร้องอ็อกคำเดียวก็สิ้นใจ ส่วนคนตระกูลโต่วซึ่งต่อสู้กับฟ่านไป่หนิงอยู่ก็ผละจากนางมาทำเหมือนค้างคาวโลกันตร์ กระทั่งสมุนผู้บาดเจ็บตายจนหมดแล้ว จึงแยกย้ายจากไปทันที

ฟ่านไป่หนิงผวาเข้าดูอาการสือหย่งหลุน เด็กหนุ่มกัดฟันตอบว่า

“ข้าไม่เป็นไร รีบตามพวกมันไปเร็ว”

ขณะสองหนุ่มสาวกำลังรุดออกจากห้อง บรรดาจอมยุทธ์เจ้าของเสียงฝีเท้าก็วิ่งมาถึงพอดี พวกมันไม่ทันเห็นคนตระกูลโต่วที่เร่งหนีไป แต่กลับพบซากศพผู้ร่วมอุดมการณ์นอนเกลื่อนแทบเท้าเด็กหนุ่มและดรุณีน้อย ประกายตาพลันแปรเปลี่ยนเป็นเคียดแค้นชิงชัง ฟ่านไป่หนิงวิเคราะห์ว่ายิ่งอยู่ยิ่งย่ำแย่ ควรรอให้อีกฝ่ายใจเย็นกว่านี้ค่อยแก้ไขสถานการณ์ภายหลัง รีบร้องบอกสหายว่า

“หนีกันก่อน”

เหตุการณ์คับขันสือหย่งหลุนจึงเลิกดื้อดึง ใช้ท่าร้อยเก้าเท้าเวหากระโดดขึ้นหลังคาไป ดรุณีน้อยติดตามหลังแล้วหมุนตัวกลับมา แสร้งทำท่าล้วงมือใส่กระเป๋าด้านในอกเสื้อ ตะโกนเสียงลั่น

“ระวังยาพิษ”

เหล่าจอมยุทธ์เบื้องล่างไม่ทราบกฏห้ามใช้พิษของซินแสเทวะ ทั้งยังระย่อกับฤทธิ์ยาที่เข้าใจว่านางปรุงให้กิน จึงชะงักท่าร่างชั่วขณะ เปิดโอกาสให้สองหนุ่มสาวทะยานหายลับไปกับความมืดของราตรีกาล

**********

จากคุณ : จันทร์พันฝัน
เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 18:22:36




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com