Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เรื่อง "น้ำลำไยกับเรื่องไร้สาระ" ติดต่อทีมงาน

คอมเมนต์ใด้นะ มือใหม่...


“น้ำลำไย กับ  เรื่องไร้สาระ”

ณ. ร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจใจกลางเมือง  วุฒิ กับ เอก  ชายหนุ่มอายุ  32 ปี ทั้งคู่  ทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกัน  เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียน มหาวิทยาลัย  วุฒิ  เป็นคนมีนิสัย  ชอบคุยตลก  สนุกสนาน  และแต่งตัวเนี๊ยบ  ส่วนเอก  จะเป็นประเภทค่อนข้างจริงจังกับชีวิตแต่ไม่มากนัก  ทั้ง 2 คนชอบมาทานอาหารเที่ยงที่ร้านนี้เป็นประจำ  และจะชอบเหมือนกันอยู่อย่างคือ  น้ำลำไย  วันนี้ทั้งสองก็ยังกินน้ำลำไยเหมือนเช่นเคย  หลังจากที่ทานข้าวทึ่ยงเสร็จทั้งสองก็นั่งจิบน้ำลำไยไปคุยไปพลางเหมือนทุกวัน

“เฮ้ย  เอก  กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟังเรื่องนึงว่ะ”  วุฒินำเสนอเรื่องเล่าให้เพื่อนรักฟัง

“เรื่องอะไรวะ  เรื่องยืมเงินกูไม่ฟังและกูไม่ให้ยืมนะโว้ย”  เอกถามตอบไปแบบกวนๆ  ทำหน้าแบบรู้ทันใส่วุฒิ  วุฒิยิ้มอย่างอายๆ

“ไม่ใช่ ไม่ใช่  แหม  เห็นกูเอ่ยปากจะพูดทีไรก็หาว่าจะยืมเงิน”  วุฒิพยายามแก้ตัวแบบอายๆ

“กูจะไปรู้เหรอ  เห็นพูดทีไรเข้าเรื่องนี้ทุกที”  เอกตอบกลับไปแบบไม่ค่อยเชื่อเพื่อนเท่าไหร่นัก  “เออ  ตกลงเรื่องอะไรวะ”  เอกยังถามต่อด้วยความสงสัย

วุฒิทำหน้ายิ้มอย่างได้ทีใส่เพื่อน  “เรื่องหญิงว่ะ”

“เรื่องหญิงอีกแล้ว  คนไหนล่ะ”  เอกถามเพื่อนแบบเบื่อๆ  

“เฮ้ย  ไม่ใช่เว้ย  จะฟังปล่าวเนี่ย”

“เออ เออ  ว่ามาดิ”  เอกทำท่าตั้งใจฟ้งเรื่องราวของวุฒิ

“คืองี้  มีผู้หญิงอยู่คนนึง  อายุประมาณ  25 ปี  กำลังเรียนปริญญาโทอยู่  ชื่อกานดา  นะ”
(ภาพตัดไปที่กานดา)

กานดาจัดได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สวย  หุ่นดี  เรียนเก่งด้วยนะ  แต่ยังไม่มีแฟน  มีอยู่วันนึงเธอก็ไปเรียนตามปกตินะ

“เฮ้ย เดี๋ยวก่อน”  (ภาพตัดมาที่ชายหนุ่มทั้ง 2 คน)

“สวย หุ่นดี  ตามที่แกว่า  ทำไมถึงไม่มีแฟนวะ”  เอกถามด้วยความสงสัย

“เออ น่า  เดี๋ยวก็รู้  จะฟังมั้ยเนี่ย” วุฒิพูดแบบมีอารมณ์ที่เพื่อนมาขัด

“เออ  ฟัง  ฟัง  อ่ะเล่าต่อ”

(ภาพตัดมาที่กานดา)

วันนี้กานดายังมาเรียนตามปกติ  เธอเดินตรงมาที่ห้องเรียนเข้าไปนั่งในโต๊ะเรียนที่เธอนั่งเป็นประจำ  ซักพักนึง  ก็มีผู้ชายคนตึง  เดินเข้ามาในห้องเรียน  ประกาศชื่อเธอให้เข้าไปพบ  คณะบดีประจำภาค  กานดาเก็บของที่โต๊ะเรียน  แล้วก้าวเดินตรงไปยังห้องของคณะบดี  สีหน้าของเธอแสดงถึงความวิตกกังวลอะไรบางอย่างในจิตใจของเธอ  เธอเดินไปถึงหน้าห้องคณะบดี  หยุดอยู่ที่โต๊ะเลขา  

“ขออภัยค่ะ  หนูชื่อ  นางสาวกานดา  จรุงจิต  พอดีท่านคณะบดีเรียกพบค่ะ”  เธอแจ้งความประสงค์ต่อเลขาหน้าห้อง  เลขาให้เธอนั่งรออยู่ที่หน้าห้องซักพักนึงแล้วจึงเดินเข้าไปรายงานคณะบดีภายในห้อง  ตอนนี้สีหน้าของกานดาแสดงถึงความวิตกและครุ่นคิดอย่างที่สุด  ซักพักนึงเลขาออกมาเรียกเธอเข้าไปในห้องคณะบดี  เธอก้าวเดินเข้าไปในห้องอย่างหวาดๆ

“เอ้า หนูนั่งก่อนสิ”  คณะบดีเรียกนั่งอย่างเป็นกันเอง

“อจ.  เรียกหนูมีเรื่องอะไรเหรอค่ะ”  เธอถามด้วยความสงสัย

“กานดา  เธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”  คณะบดีพยายามถามด้วยอาการแสดงความเป็นห่วง

“เอ่อ  ไม่มีปัญหาอะไรนี่ค่ะ”  เธอตอบแบบกระอักกระอ่วน

“อืม  ตอนนี้นอกจากเรียนแล้วเธอทำอะไรอยู่”  คณะบดียังคงยิงคำถามต่อเนื่อง

“เอ่อ  ทำอะไรอยู่หมายถึงทำงานเหรอค่ะ”  เธอพยายามทวนคำถาม  คณะบดีพยักหน้ารับ

“ตอนนี้หนูขายพวกผลิตภัณฑ์เสริมความงามอยู่ค่ะ”  
คณะบดียังคงพูดคุยสอบถามถึงเรื่องอาชีพของเธอต่อไป  “เธอเป็นคนต่างจังหวัดหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ  หนูเป็นคนกรุงเทพฯ”
“เธออยู่กับพ่อ แม่ หรือเปล่า”  คณะบดีเริ่มเจาะลึกลงไปในชีวิตของเธอ
“เปล่าค่ะหนูอยู่กับน้องสาวแค่สองคนค่ะ”
“โทษนะ  แล้วพ่อแม่เธอล่ะ”  
เธอนิ่งไปซักพัก  แล้วจึงค่อยตอบออกไป  “เอ่อ  เสียไปทั้งสองคนเลยค่ะ”

“แล้วญาติพี่น้องของเธอล่ะ  มีอยู่หรือเปล่า  พอจะพามาพบอาจารย์ได้มั้ย”  
เธอกระอักกระอ่วนหนักขึ้นนิ่งจนพูดไม่ออก  ไม่ตอบคำถาม  คณะบดีนั่งมองสังเกตพฤติกรรมของเธอเหมือนเขาจะเค้นหาอะไรบางอย่าง  ก่อนจะตัดสินใจอะไรออกไปเมื่อสังเกตท่าทางของเธอจนแน่ใจ

“อาจารย์รู้นะว่าตอนนี้เธอทำอะไรอยู่  เธอเดือดร้อนเรื่องเงินเหรอ  ถึงต้องทำอย่างนี้”  คณะบดีเริ่มพูดหนักแน่นเน้นคำมากขึ้น    กานดาได้แต่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาคณะบดี  
“หนูทำอะไรผิดเหรอค่ะ  แค่ขายเครื่องสำอาง”  เธอพูดออกไปแบบกลัวๆ

“เธอไม่ผิดหรอกที่ขายเครื่องสำอาง  แต่ที่ฉันรู้คือเธอเป็นหญิงขายบริการ”  เมื่อคณะบดีพูดจบ  กานดาถึงกับสะดุ้งมองหน้าคณะบดี

(ภาพตัดมาที่หนุ่มทั้ง 2 คน)

“เฮ้ย  เป็นผู้หญิงขายบริการ  อย่างนี้ก็ต้องโดนไล่ออกสิวะ” เอกตะโกนออกมาด้วยความแปลกใจ

“อ่ะ  ใจเย็นๆ  แล้วฟังต่อ”  วุฒิเรื่มอธิบายให้เพื่อนฟัง

(ภาพตัดมาที่กานดา)

“เมื่อก่อน  กานดาอยู่กับครอบครัว  พ่อ แม่  และน้องสาว อีกหนี่งคน  ภายในทาวน์เฮ้าส์เล็กๆ  ไม่ใหญ่มาก  แม่ของกานดาเป็นคนทำงานหาเลี้ยงส่งเสียครอบครัวซะเป็นส่วนใหญ่  แต่พ่อของกานดาก็ทำงานนะ เพียงแต่เงินที่ได้จากการทำงานจะไปลงอยู่ที่เหล้า และการพนันมากกว่า  ส่วนลูกๆ  แม่เค้าอยากให้เรียนอย่างเดียวไม่ต้องมายุ่งกับเรื่อง่ตรงนี้  แม่ของกานดาทำงานหนักมากจนมาอยู่วันนึงเกิดอาการช็อคขึ้นมารักษาไม่ทันก็เลยเสียชีวิตไป  ตอนนั้นกานดากำลังเรียนอยู่  มหาลัย ปี 2 แล้ว ก็ประมาณ  19ปี  ส่วนน้องสาวเรียนก็กำลังเรียนอยู่ม.ต้นแล้ว  คราวนี้พอแม่เสียไปก็เหลือแต่พ่อที่จะต้องรับผิดชอบครอบครัวล่ะสิ  ลำพังตัวพ่อเองยังเอาตัวไม่รอด และต้องเลี้ยงลูกอีกสองคนอีก  ภึงลูกๆ  จะโตแล้วก็เถอะนะ  แต่ถูกแม่เลี้ยงมาให้เรียนอย่างเดียวไม่ต้องทำอะไรนี่สิ  วันนึงกานดากับน้องสาวกับมาบ้านก็ตกใจ ทีวี  เครื่องเสียง  หายไปเธอตกใจนึกว่าขโมยขึ้นบ้าน  แต่ไม่ใช่  มีจดหมายวางอยู่ที่โต๊ะ  กานดา  เปิดอ่านจดหมายถึงกับร้องไห้ออกมา  เพราะข้อความในจดหมายบอกว่า

“ลูกรักทั้งสอง  พ่อคงไม่สามารถเลี้ยงลูกได้  แต่พ่อเชื่อว่าลูกทั้งสองคนโตแล้ว  และเก่ง  ยังไงก็ดูแลตัวเองได้  ฝากดูแลน้องด้วยนะกานดา”

ทำไมพ่อถึงทำแบบนี้  กานดาพยายามหาคำตอบๆ ต่างๆ นา ๆ  ตอนนี้เธอจะทำอย่างไร  เธอก็ยังเรียนหนังสืออยู่  น้องเธอก็กำลังเรียนอยู่  เธอไม่รู้จะไปทำอะไร  ธรรมดา ความรู้อย่างเธอถ้าไปทำงานบริษัทเดือนนึงคงได้ไม่กี่ตังค์  แล้วน้องเธอล่ะ  ตัวเธอล่ะ  ไหนเอยเรื่องจิปาถะต่างๆ  เธอยังอยากเรียนต่อ  น้องเธอก็อยากเรียนต่อ  สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจ  เป็นผู้หญิงขายบริการ แรกๆ  มันลำบากสำหรับเธอ  แต่เมื่อนึกถึงรายได้ที่ได้รับจากมัน  ซึ่งสามารถส่งเสียตัวเธอ  และน้องเธอได้  เธอจึงยึดอาชีพนี้มาจนถึงปัจจุบัน  จนสามารถส่งตัวเองเรียนจะจบปริญญาโท  และน้องเธอกำลังเรียน ปริญญาตรีปี 3 แล้ว  เธอยังรับเป็นตัวแทนขายเครื่องสำอางด้วยซึ่งก็เป็นอีกทางเสริมรายได้ของเธอ  เธอไม่เคยนึกถึงพ่อและตั้งแต่พ่อไป  พ่อไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลย  เพราะด้วยเหตุผลเหล่านี้มั้งเธอถึงยังไม่มีคนรักซะที

(ภาพตัดมาที่ 2 หนุ่ม)

“เป็นงัย  เรื่องของกู”  วุฒิภามขึ้นด้วยท่าทางภูมิใจ

“แล้วทำไมเรื่องอย่างนี้ไม่มีหน่วยงานไหนลงมาช่วยดูแลวะ”  เอกพูดขึ้นด้วยความสงสัย  วุฒินิ่งคิดอยู่ครู่นึง
“
“กูว่าผู้ใหญ่เค้าคงเห็นมันเป็นเรื่องไร้สาระมั้ง”  เขาตอบออกไปแบบกวนๆ

“อืม  มันคงไร้สาระจริงๆ” เอก  เออออเห็นด้วยกับเพื่อน “เออ แล้วกานดาได้เรียนต่อหรือป่าววะ”




วุติหัวเราะ  “แกก็คิดเอา  ก็เค้าเห็นมันเป็นเรื่องไร้สาระ  ถ้าเค้าเห็นว่า  มันไม่ไร้สาระ  ทุกวันนี้เราคงไม่ได้เห็น  อาบ  อบ  นวด  และผู้หญิงขายบริการสิวะ  ฮะ ฮะ”  วุฒิหัวเราะร่า  “เออ  ว่าแต่มีเงินให้ยืม  พันนึงป่ะ”  วุฒิได้ทีเสริมต่อ  เอกนั่งหันมามองหน้าเพื่อน

“อืม  กูว่าแล้วต้องมาอย่างนี้ทุกที”  เอกพูดพลางมองหน้าเพื่อนอย่างเซ็งๆ  “กูว่าถ้าผู้ใหญ่เค้าจะแก้ปัญหาอะไร  ให้เค้ามาแก้ปัญหาจนของแกก่อนดีกว่า  เพราะสำหรับกูมันมีสาระมาก”  พูดจบเอกก็ลุกเดินออกไป  วุฒิมองตามเพื่อนลุกเดินออกไป  “เฮ้ย  พันนึงกูล่ะ”  แล้วก็รีบลุกตามเพื่อนออกไป

จากคุณ : หมูชอบดูหนัง
เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 11:07:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com