นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ เสียงหัวหน้าชั้นตะโกนแจ้งเพื่อนนักเรียนในห้องเพื่อกล่าวคำแสดงความขอบคุณอันเป็นพิธีการปฏิบัติตามปกติหลังสิ้นคาบเรียน แต่เสียงประกาศของห้วหน้าห้องครั้งนี้ยังทำให้เขาสะดุ้งตื่นด้วยเช่นกัน
ขอบคุณครับคุณครู นักเรียนทั้งห้องเรียนกล่าวโดยพร้อมเพรียงกันยกเว้นเขา
เมื่ออาจารย์เดินพ้นออกจากห้องเรียน นักเรียนส่วนใหญ่ในห้องก็เริ่มทยอยออกจากห้องเรียนเช่นกัน นักเรียนส่วนหนึ่งที่ได้รับหน้าที่เป็นเวรทำความสะอาดก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่สุดท้ายในห้องเรียน ส่วนเขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม ยืดแขนบิดขี้เกียจอย่างสุดเหยียด สลัดไล่ความง่วงงุนให้หลุดพ้นเพื่อเตรียมตัวก่อนออกเดินทางกลับบ้าน
เฮ้ย! เย็นนี้ นายจะไปไหนอีกรึเปล่าวะ? เพื่อนของเขาซึ่งกำลังยืนจัดเก็บหนังสือใส่กระเป๋านักเรียนที่โต๊ะด้านข้างถามขึ้น
มีอะไรเนี่ย ทำไมจู่ๆมาถามอย่างนี้ จะชวนไปไหนวะ? เขาตอบคำถามเพื่อนซี้ด้วยคำถาม
เปล่าๆ ไม่มีอะไร ถามเฉยๆ เพื่อนตอบพร้อมกับส่ายหน้าแต่ก็ยังกลบรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากไว้ไม่มิด
บ๊ะ ไอ้นี่ ทำตัวแปลกเว้ยวันนี้ เขารู้สึกได้ว่าเพื่อนยากคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดปกติแต่เขาก็หน่ายที่จะคิดหาสาเหตุ ในขณะที่สองมือของเขาก็เริ่มทำการเก็บหนังสือและอุปกรณ์การเรียนกลับเข้าเป้เช่นกัน
ระหว่างที่เขาเดินคู่กับเพื่อนซี้เพื่อออกจากโรงเรียน สายตาของเพื่อนร่วมโรงเรียนหลายคู่จับจ้องมองมาที่เขาและเพื่อนเป็นระยะๆ บางคู่สายตามองมาแล้วซุบซิบอะไรบางอย่างต่อกัน แต่บางคู่สายตาก็เพียงแค่ลอบมองด้วยสายตายิ้มๆ
วันนี้ นายรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆเปล่าวะ? เหมือนหลายคนมองมาที่เราแล้วยิ้ม ๆ สายตาหลายคู่ที่ส่งมาที่เขาและเพื่อนทำให้เขาอดตั้งคำถามนี้กับเพื่อนสนิทที่เดินอยู่ข้างๆไม่ได้ ก่อนจะเอ่ย รู้สึกเสีย self ยังไงไม่รู้ว่ะ ไปเข้าห้องน้ำมั้ย
คิดมากน่าเพื่อน ไม่มีอะไรหรอกไม่ต้องไปเข้าหรอก รีบกลับดีกว่า บางทีวันนี้อาจจะมีอะไรดีๆก็ได้นะ อย่าไปคิดมากเลย แม้แต่เพื่อนของเขาเองก็ยังตอบอย่างยิ้มๆ
เมื่อถึงหน้าโรงเรียนเพื่อนสนิทของเขาก็แยกตัวออกมาแล้วเดินข้ามถนนไปหยุดรอรถเมล์ที่ป้ายฝั่งตรงข้ามเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านตามเส้นทางของเขา ระหว่างที่เดินเพียงลำพังเขาก็ยกสองแขนขึ้นมาสำรวจ ก้มมองดูเสื้อนักเรียนและกางเกงไล่ไปจนถึงปลายรองเท้าผ้าใบ แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ เสื้อนักเรียนที่สวมใส่อาจจะมีรอยยับปรากฎให้เห็นบ้างแต่ก็ไม่เห็นเด่นชัดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง กางเกงขาสั้นก็ไม่มีรอยขาดหรือเปรอะเปื้อนอะไร รวมถึงซิปกางเกงก็ปิดปกติเรียบร้อยดีไม่ได้ปริแตกให้หน้าเจ้าของกางเกงต้องแตกตามแต่อย่างใด หรือวันนี้อาจจะมีอะไรดีๆอย่างที่เพื่อนซี้ของเขาว่าไว้ก็ได้ เขาคิดในใจ
บ้านของเขาอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนนัก ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 20 นาทีก็ถึงบ้าน หน้าปากซอยบ้านมีร้านสะดวกซื้อที่เขาต้องแวะเป็นบางครั้งก่อนเดินเข้าซอย บางวันก็แวะเพื่อซื้อขนมกินเล่น บางวันก็แวะเพื่อซึมซับไอเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศในร้าน แต่ 2-3 สัปดาห์มานี้ เขาเข้าใช้บริการร้านสะดวกซื้อร้านนี้แทบทุกวัน และเขาก็ไม่ได้ออกจากร้านมาตัวเปล่า เศษเงินติดกระเป๋าสตางค์ของเขาต้องถูกแลกเปลี่ยนกับสินค้าเล็กๆน้อยๆในร้านติดตัวเขาออกมาแทนด้วยเสมอ ส่วนต้นเหตุที่ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของเขาก็คือ...เธอ
เธอเริ่มทำงานที่นี่ตั้งแต่เมื่อไรเขาไม่รู้ เธอไม่ใช่คนสวยในสายตาของเขาเลยด้วยซ้ำ เธอไม่มีอะไรพิเศษเกินกว่าเด็กผู้หญิงในรุ่นเดียวกัน ไม่มีอะไรแตกต่างจากเพื่อนนักเรียนหญิงคนอื่นร่วมชั้นของเขา อายุของเธอก็คงใกล้เคียงกับอายุของเขา ผิวของเธออาจจะขาวกว่าผิวของเขาเล็กน้อย ความสูงของเธอก็เป็นไปตามมาตราฐานหญิงไทยทั่วไป ผมของเธอดำขลับรวบมัดเรียบร้อย ไม่มีสิ่งใดในตัวเธอเลยที่สะกดให้เขาสนใจ จนเมื่อเขาหยิบนมกล่องหนึ่งไปวางหน้าเคาน์เตอร์เพื่อให้เธอเรียกเก็บเงินจากเขาในเย็นวันหนึ่ง...
รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มมั้ยคะ? เธอส่งคำถามมาที่เขาเหมือนกับที่ส่งมาแล้วมากมายให้กับลูกค้านับไม่ถ้วน
เขาไม่ตอบแต่กลับดันธนบัตรสีเขียวไปยังพื้นที่ว่างๆบนเคาน์เตอร์ตรงหน้าเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย
รับมายี่สิบบาท เงินทอนสิบบาทค่ะ เธอกล่าวพร้อมกับนำนมกล่องใส่ถุงแล้วผลักกลับมาพร้อมกับเงินทอนและใบเสร็จ
ขอบคุณที่มาอุดหนุนค่ะ เธอพูดปิดท้ายการขายด้วยถ้อยคำและรอยยิ้ม รอยยิ้มนี้ที่เธอส่งมาที่เขาก็เหมือนกับรอยยิ้มที่ส่งมาแล้วมากมายให้ลูกค้าคนอื่นๆ
แม้เขาจะรู้ดีว่ารอยยิ้มของเธอพิมพ์นี้เป็นพิมพ์เดียวกับที่ถ่ายทอดให้กับลูกค้านับไม่ถ้วน เป็นยิ้มที่ถูกฝึกให้พิมพ์ออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าจนเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ตามขั้นตอนการบริการที่บริษัทเจ้าของร้านสะดวกซื้อได้ออกกฎระเบียบบัญญัติไว้ แต่ฟันซี่เล็กๆที่เรียงตัวเป็นระเบียบภายใต้ริมฝีปากบางๆของเธอคล้ายมีอานุภาพบางอย่างที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป แค่เพียงรอยยิ้มรอยนี้ได้ดึงดูดให้เขากลายเป็นลูกค้าประจำจนมาถึงวันนี้...
ขณะกำลังเดินเข้าร้านเขาหันไปมองที่เคาน์เตอร์ชำระเงินแล้วก็พบว่าเธอกำลังคิดเงินลูกค้าคนอื่นที่หน้าเคาน์เตอร์ตามปกติ หลังจากสำรวจขนมในชั้นสินค้าสักพักเขาก็เลือกหยิบอมยิ้มแท่งหนึ่ง เมื่อรอให้เธอคิดเงินลูกค้าเสร็จสิ้นจนหน้าเคาน์เตอร์ว่างลง เขาจึงรีบเดินหยุดหน้าเคาน์เตอร์พร้อมกับนำอมยิ้มอันเล็กๆแท่งนั้นเข้ายึดพื้นที่ซึ่งไม่ค่อยกว้างเท่าไรบนเคาน์เตอร์
เมื่อเธอเห็นเขา เธอถึงกลับกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ เธอส่งยิ้มมาให้เขาตั้งแต่แรกโดยไม่ต้องรอให้เสร็จสิ้นการค้าแล้วจึงพิมพ์ยิ้มตามมาตราฐานออกมาปิดท้ายเหมือนเช่นเคย และที่สำคัญยิ้มของเธอครั้งนี้เขารู้สึกได้ว่าเป็นยิ้มที่เปล่งออกมาจากความรู้สึกของเธอจริงๆ เพราะเขาสัมผัสได้ถึงยิ้มที่ฉายออกมาผ่านดวงตา สีหน้า ไม่ใช่แค่ที่มุมปากอย่างที่เขาเห็นอยู่ทุกวัน เขาหันไปมองทางด้านข้างและด้านหลัง ไม่มีใครอื่นอีกแล้วนอกจากเขา เธอยิ้มให้เขาจริงๆ วันนี้เป็นวันดีของเขาจริงๆ-เขาคิด
อุ๊บ...เอ่อ...เก้าบาทค่ะ แม้แต่ตอนแจ้งราคาสินค้าเธอก็ยังกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ ถึงขนาดก้มหน้าเล็กน้อย นำมือเล็กๆมาบังยิ้มไว้
เขายื่นส่งเงินให้เธอพอดีกับค่าสินค้า แต่ส่วนที่เกินออกไปจากมูลค่าสินค้าซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวใจของเขาที่เธอรับติดมือไปแล้วไม่ทอนคืน เธอคงรับรู้แล้วสินะที่เขาเข้ามาซื้อรอยยิ้มพิมพ์เดียวของเธอทุกวัน เธอจึงได้พิมพ์รอยยิ้มที่ออกมาจากใจของเธอจริงๆให้กับเขาในวันนี้ แล้วรอยยิ้มพิมพ์นี้ก็ได้เข้าประทับที่ดวงใจของเขาเป็นที่เรียบร้อย เขามีความสุขอย่างบอกไม่ถูกจริงๆที่ได้เห็นเธอยิ้มอย่างมีความสุข เขาเดินอมยิ้มออกจากร้านพร้อมอมยิ้ม เธอจะรู้บ้างไหมรอยยิ้มของเธอสวยงามเพียงใด เขาเหมือนได้เห็นโลกใหม่ ท้องฟ้าเดิมๆที่เขามองเห็นก็กลับดูสดใสขึ้น รอยยิ้มของเธอรอยนี้ทำให้เขารู้สึกราวกับลอยล่องออกจากร้าน จนเขาไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าเธอต้องพยายามข่มกลั้นความรู้สึกมากแค่ไหนตลอดเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา
ด้วยความแตกต่างของอุณหภูมิในและนอกร้านสะดวกซื้อ เม็ดเหงื่อเริ่มกลั่นตัวเกาะตามผิวหน้าของเขาเมื่อเดินออกจากร้านได้ไม่ไกล เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปาดเช็ดคราบเหงื่อ แล้วเขาก็พบคราบบางอย่างปะปนมากับน้ำเหงื่อของเขาบนผืนผ้าเช็ดหน้า
ฮะๆๆ ฮ่าๆๆๆ เธอหัวเราะลั่นเมื่อเห็นว่าเขาลับตาออกจากร้านไปแล้ว ก่อนจะเดินไปยังหลังร้านตะโกนเรียกเพื่อนร่วมงาน แกๆ เมื่อกี้ มีคนเพ้นท์หน้าเป็นหมีแพนด้ามาซื้ออมยิ้มด้วย เกือบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ คนอะไรจะซื่อบื้อขนาดนี้โดนเพื่อนแกล้งแล้วไม่รู้ตัวเลยสักนิด
ที่แท้เป็นฝีมือเพื่อนตัวดีของเขานั่นเองที่ทำให้เขาตกเป็นเป้าสายตาใครต่อใคร เป็นสายล่อฟ้าที่เบิกให้มุมปากทุกคนที่พบเห็นหน้าเขาต้องกางออกด้วยรอยยิ้ม แต่ตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกอับอายเลยสักนิดที่กลายเป็นตัวตลก แค่น้ำหมึกไม่กี่ซีๆก็ทำให้ทุกคนที่เห็นหน้าเขามีความสุข ได้ช่วยให้เธอมีความสุข น้ำหมึกไม่กี่ซีๆนี้ได้พิมพ์รอยยิ้มแห่งความสุขให้กับผู้คนมากมายรวมถึงตัวเขาด้วย แค่หน้าเลอะล้างน้ำก็ออก แต่ความสุขที่ได้ครั้งนี้เอาอะไรมาล้างก็ไม่ออก
จากคุณ |
:
Shaolin boy
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ม.ค. 55 21:30:17
|
|
|
|