รีบนำมาโพสลงก่อนเลยครับ บทนี้ได้เฉลย เสียทีนะครับ เป็นอย่างไร แนะนำ ได้เลย คนเขียนยินดีอย่างยิ่งครับ
สำหรับตอนที่ผ่านมาครับ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11531628/W11531628.html
ขอบคุณกิฟต์และความเห็นจากเพื่อนๆทุกอ่านนะครับ คุณกุหลาบมอญ, Travel to the moon, Setakan, กาแฟเย็นเพิ่มช็อต, นารีจำศีล, kdunagin, รพิชา, แก้วกังไส, Hermosa, npuiy, เรียวรุ้ง, อินทรายุธ, XueYitan, wor_lek และคุณคิงเพนกวิน ครับ อาจจะไม่มีโอกาสได้ตอบความเห็นทุกท่านนะครับ ต้องขออภัยจริงๆครับ
สำหรับตอนที่ 41 ครับ หมายเหตุ ในบทนี้ เหตุการณ์จะย้อนกลับไปบรรจบกับ "บทนำ" ของเรื่องครับ
บทที่ 41 พิพิธภัณฑ์แมลง มหาวิทยาลัยเพชรพยัต : ปัจจุบัน
โผละ!
เสียงแตกปริดังขึ้นเบาๆในความสงัด หากกังวานอยู่ในสมองของ มันจนรวดร้าว นัยน์ตากลับยิ่งเบิ่งค้างเหมือนถูกบังคับให้จ้องมองไปข้างหน้าด้วยพลังอำนาจเร้นลับที่มองไม่เห็น
และร่างที่ยืนขดนิ่งอยู่ก็เริ่มขยับไหวช้าๆด้วยชีวิต เริ่มต้นด้วยมือสองข้างบิดผายออกจากกันจนเห็นโนมเนื้อสีทองอร่ามสะคราญตา หากยิ่งน่าสยดสยองเมื่อนัยน์ตาคู่นั้นเบิกขึ้นคล้ายเจ้าหญิงที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากนิทรารมณ์นั่นต่างหากเล่า...
ให้ตายเถอะ! นัยน์ตาแดงก่ำคู่นั้นเหมือนมีเลือดหล่อเลี้ยงและแผ่กระจายซ่านไปทั่วจนมองไม่เห็นสีขาวของนัยน์ตา นักโจรกรรมถึงกับตกตะลึงตัวแข็งทื่อตลอดทั้งร่างจนเรือนกายโสภาเปลือยเปล่าก้าวออกมายืนประจันหน้า พร้อมด้วยรอยยิ้มที่มุมปากหยักขึ้น มันได้แต่ยืนอ้าปากค้างโดยไม่รู้ว่านั่นคือสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์
ในทันใดนั้นเองที่หญิงสาวในคราบดักแด้ก็อ้าปากอย่างรวดเร็วแล้วเป่าลมพรวดออกมาละอองบางอย่างปลิวฟุ้งผ่านเข้าปะทะใบหน้า ละอองสีทองเจิดจ้าระยิบระยับราวธุลีดาวกระจายตัวเข้าใส่ จนมันผงะหงาย และนั่นเองที่ทำให้สัมปชัญญะทั้งหมดเริ่มกลับคืนมา ผู้บุกรุกแหกปากร้องออกมาสุดเสียง แต่กลับยิ่งทำให้เศษธุลีเล็กๆปลิวคลุ้งกระจายลงไปในลำคอจนมันสำลักออกมา และเตรียมจะวิ่งหนีออกไปจากสถานที่แห่งนั้น
แต่ก็ช้าเกินไป
เรือนกายอรชรอ้อนแอ้นที่มองเห็นแต่แรก เริ่มเข้าสู่กระบวนการกลายสภาพ...
ไม่ใช่! มันต้องไม่ใช่อย่างนี้ ต้องมีอะไรสักอย่างผิดพลาด...
ในความอึงอลของความสับสนที่วิ่งปั่นจี๋อยุ่ในศีรษะ เผลอร้องกรีดตะโกนด้วยเสียงที่ไม่มีผู้ใดได้ยิน แผนการทุกอย่างถูกวางเอาไว้แล้วโดยไม่ควรจะมีข้อผิดพลาดใดๆ พรีออนสังเคราะห์ที่คาเรนได้ไปจากมัน ควรจะแผ่ฤทธานุภาพเฉพาะในอาณาเขตของพื้นที่แห่งป่าติ้วเท่านั้น นอกจากนี้มันเองก็ได้เตรียมการป้องกันการ ติดเชื้อ มาแล้วอย่างดี ด้วยยาฉีดชนิดพิเศษสำหรับต้านกลุ่มโปรตีนและไวรัสที่เตรียมมาโดยเฉพาะ หากแต่ภาพเบื้องหน้านี้เล่า?
ไม่ต่างกับภาพหลอนของคนไข้ที่กำลังเริ่มต้นติดเชื้อพวกนั้นแม้แต่น้อย ภาพหลอนที่เกิดจากฤทธานุภาพของพรีออนที่สังเคราะห์มันขึ้นมากับมือ... รู้ซึ้งถึงทุกอนุภาคที่ประกอบเป็นตัวตนขึ้นมา
เป็นไปไม่ได้ หรือว่ายาพวกนั้นจะใช้ไม่ได้ผล?!!
คันธรส!!
เสียงเพรียกจากร่างอรชรดังขึ้น กังวานเหนือไปกว่าประกาศิตของหล่อนที่เคยเป็นผู้ก่อกำเนิดพวกมันขึ้นมา กีฏยา... นามแห่งพรีออนหรือต้นกำเนิดภาพจำลองที่หล่อนเป็นคนสร้างมันขึ้นมากับมือ มันควรจะอยู่ในอาณัติของผู้สร้าง ไม่ใช่มีมีพลังอำนาจเหนือไปกว่า
เพราะกีฏยาไม่มีตัวตนในโลกแห่งความเป็นจริงได้เด็ดขาด พลานุภาพนั้นเกิดขึ้นเฉพาะผู้ที่สัมผัสและติดพรีออนเข้าไปต่างหาก...
ไม่ เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่!!
คันธรส หรือผู้บุกรุกในคราบนักโจรกรรม เผลอหลุดเสียงกรีดร้องออกมา เมื่อร่างนั้นก้าวเข้ามาจนใกล้ยื่นส่วนเหยียดขยายยาวขององคาพยพที่ควรจะเป็นมือ แตะลงยังลาดบ่าคล้ายต้องการหยอกล้ออีกฝ่ายเล่น
เวลาของเธอมาถึงแล้ว คันธรส เวลาของเธอ...
ความหวาดกลัวเกิดขึ้นเกินควบคุม และมีผลให้สติที่เคยมีปลาสนาการไปจนหมดสิ้น หล่อนถึงกับวิ่งถลาลิ่วออกไปจากห้องเก็บแมลงแห่งนั้นด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น หากหัวใจส่วนลึกก็ไม่กล้าปฏิเสธมัน
และสิ่งเดียวที่ทำได้ คือการหนีออกไปให้ไกลที่สุด
เสียงหัวเราะเยือกเย็นดังแว่วมา คันธรสไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้ให้หันกลับไปมองอีกครั้ง และก็มองเห็น ส่วนรังดักแด้ปริแตกออกเป็นรอยร้าวลึก ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆทุกขณะ จากนั้นกลีบปีกสีเงินยวงราวหิมะโปรยปรายเอาไว้บนแผงปีกก็ขยับเลื่อนผ่านออกมาจากรอยปริของรังดักแด้ ทีละตัว ทีละตัว
เพียงชั่วพริบตา พวกมันทั้งหมดก็ร่อนถลากรูเกรียวออกมาพร้อมกันเหมือนผึ้งแตกรัง ต่างตรงดิ่งรี่เข้าเกาะตามเนื้อตัวทั่วไปหมดทั้งร่างกาย ไม่ต่างกับการสวมใส่อาภรณ์ผืนใหม่ที่มีชีวิต ห่มคลุมลงมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
รับรู้ด้วยความขยะแขยงระคนหวั่นกลัว รู้ดีว่าบนโครงสร้างของผีเสื้อนรกพวกนั้นถูกทำให้ติดพรีออนเอาไว้แล้ว ด้วยการลงมือของคาเรนในแผนการก่อนหน้า เพียงแต่กลับมาปรากฏที่นี่ได้อย่างไรเท่านั้น
นอกจากคาเรน จะเป็นคนนำพวกมันกลับมาเพาะเลี้ยงในห้องทดลองเสียเอง!
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!
ผิวหนังเริ่มชาเห่อด้วยความหวาดแสยง รู้ดีว่าทันทีที่ส่วนใดส่วนหนึ่งบนร่างกายพวกมันได้สัมผัสกับร่างของมนุษย์ พรีออนสังเคราะห์ก็จะปลิวกระจายผ่านเข้าสู่ช่องทางทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นลมหายใจ ไหลผ่านเข้าสู่แขนงปอดและนำเข้าสู่ระบบกระแสโลหิตที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย...
ทั่วทั้งร่างกาย โดยปราศจากการต้านทานของระบบภูมิคุ้มกัน และท้ายที่สุดฤทธานุภาพของมันก็จะบังเกิดขึ้นที่ระบบประสาทส่วนกลางของมันสมองอันเป็นอวัยวะเป้าหมาย ตามโปรแกรมที่วางเอาไว้!!
ไม่ อย่าเข้ามา ไม่ม์ม์ม์
หญิงสาวก้าวกระถดหนีออกไปสู่ระเบียงที่เปิดกว้างออกจากกันเองตั้งแต่เมื่อใดไม่ปรากฏ เท้าที่ก้าวผ่านพื้น ลอยขึ้นเมื่อสะดุดกับแนวพื้นต่างระดับที่ขวางอยู่โดยไม่ทันระมัดระวัง ส่งให้ร่างทั้งร่างถลาร่อนออกไปเหมือนวิหคปีกหัก คันธรสยื่นมือออกไปหมายจะไขว่คว้าหาที่ยึดเหนี่ยวพยุงร่าง แต่สิ่งที่พบก็คือความเวิ้งว้างของอากาศธาตุ...
นักศึกษาผู้เชี่ยวชาญไวรัสวิทยาทิ้งกายดิ่งลงมาจากระเบียงชั้นบนของอาคารพิพิธภัณฑ์ ร่างอรชรหล่นร่วงลงไปสู่ความตายเบื้องล่างอย่างน่าสยดสยอง ท่ามกลางสายตาของ โสภณ เพชรช่วง รปภ.อาคารเรียนเพียงคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้ ด้วยความตกตะลึงงัน
แต่สิ่งที่น่าสะพรึงไปกว่านั้นก็คือ ช่วงเวลาอันยืดขยายราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ก่อนการกระแทกร่างลงกับพื้นซีเมนต์ นั่นต่างหาก
ช่วงเวลาที่ทำให้หล่อนรับรู้เหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาตลอดทั้งชีวิต โดยใช้เวลาทั้งหมดเพียงเศษเสี้ยววินาที...
***********************
รสลูกแม่... รสจ๋า
เด็กหญิงคันธรสมองเห็นผู้เป็นมารดายิ้มมาให้ ด้วยรอยยิ้มสดใส สองมือยื่นไขว่คว้าออกไปหมายจะได้สัมผัสอ้อมกอดอันอบอุ่นจากอีกฝ่าย แต่ร่างของแม่ก็ดูเหมือนจะเลื่อนถอยห่างออกไปเรื่อยๆ ปล่อยมือที่เอื้อมคว้าตกค้าง สัมผัสความเปลี่ยวเหงาและเหน็บหนาวจนร้าวลึกเข้าไปถึงหัวใจ
แม่...
แม่ขอโทษ... แม่ต้องไปแล้วล่ะจ้ะลูกรัก ลาก่อน...
คงไม่ต่างกับมนุษย์ทุกคน กับสัมผัสแรกของชีวิตเมื่อถือกำเนิดขึ้นและจารจรดความทรงจำเอาไว้ ย่อมเกี่ยวข้องกับสัมผัสของมารดาผู้ให้กำเนิดก่อนผู้ใด แต่คันธรสกลับรู้สึกว่าสัมผัสที่ได้รับ ไม่เคยเติมเต็มในความอบอุ่นและพร่องหาย จนคิดว่าตนเองไม่เคยต้องการสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว
แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย... การปฏิเสธเป็นเพียงกลไกการต่อต้านทางจิตที่แสดงต่อบุคคลภายนอกเท่านั้น เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าหล่อนเข้มแข็ง ไม่ยี่หระต่อสิ่งใด ทว่าในส่วนลึกของชีวิต กลับต้องการมันมากเหลือเกิน อาจจะมากกว่าผู้ที่ขาดทั้งพ่อและแม่รวมกันเสียด้วยซ้ำ
และความรู้สึกที่ว่าก็แปรเปลี่ยนเป็นการเปรียบเทียบกับผู้ที่สมบูรณ์พรั่งพร้อมเหนือกว่าตน ไม่ใช่การประชันขันแข่งในสนามของการต่อสู้ที่นิยมการเผชิญหน้ากันโดยตรง เหมือนกับการแข่งกีฬา แข่งเรียนหนังสือทั่วไป
แต่หล่อนจะเป็นฝ่ายกักเก็บความรู้สึกริษยาเหล่านั้นเอาไว้อย่างเงียบๆ สร้างพลังขึ้นมาเพื่อเอาชนะ โดยไม่ให้อีกฝ่ายล่วงรู้ แรงริษยาที่มีเหนือกว่าแรงผลักอื่นใด
เกตุมาลา ก็คือหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายนั้น
เด็กสาวใบหน้าอ่อนใส และหัวสมองปราดเปรื่อง เจ้าหล่อนเป็นที่รักใคร่ของครูอาจารย์มาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยมด้วยกัน คันธรสแอบรู้มาว่าเกตุมาลามีชะตากรรมที่คล้ายคลึงกันกับหล่อนอยู่ไม่น้อย เด็กสาวในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาด... ไม่ใช่สิ! สำหรับเกตุมาลาแล้วมันเป็นเพียงอาการปริร้าวใกล้พังภินทร์ แต่ก็ยังคงสภาพอยู่ได้ ในสภาพสวยงามต่อสายตาคนภายนอก ทั้งที่ภายในบ้านหลังงามเต็มไปด้วยรอยแตกรอยร้าวใกล้ผุพังเต็มที ซ้ำยังอวลระอุด้วยความเกลียดชังรุ่มร้อนของผู้เป็นบุพการีทั้งสองแทรกอยู่ในทุกอณูบรรยากาศ
เราไม่อยากกลับบ้าน กลับไปทีไรก็เห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกัน ทุกที
เกตุมาลาอาจจะฉลาดเป็นกรดในการเรียนหนังสือ แต่ก็ซื่อจนเซ่อเสียเหลือเกินเมื่ออยู่กับคนที่หล่อนคิดว่าเป็นเพื่อนรัก เพื่อนที่ไว้วางใจมากที่สุดนอกเหนือจากยายกัทลี เพื่อนอีกคนของหล่อนนั่นแหละ
คิดได้แต่เพียงว่า ระยะเวลาที่รู้จักกันมาเนิ่นนาน จะทำให้มิตรภาพเหล่านั้นแน่นแฟ้นมาก ขึ้นเรื่อยๆ โดยหารู้ไม่ว่า ใช่เพียงแค่มิตรภาพเท่านั้นที่ขึ้นอยู่กับกาลเวลาเพียงอย่างเดียว
ความเกลียดชัง ริษยา ที่ถูกสะสมมาเนิ่นนานก็เป็นเช่นเดียวกัน!!
หล่อนอดทนฟังเพื่อนปรารภด้วยท่าทีเหมือนร่วมกลัดกลุ้มกังวลไปด้วย คอยปลุกปลอบใจให้เกตุมาลาเสมอ ในภาพลักษณ์ที่ไม่ต่างกับเพื่อนรักแสนดี ซุกซ่อนความปรีดิ์เปรมเอาไว้อย่างมิดเม้น ภายใต้ใบหน้าโศกกำสรดเสมือนได้ร่วมรับรู้และแบกรับความทุกข์ของเพื่อนเอาไว้จนเป็นความทุกข์ของตัวเองแทน
แต่แท้จริงแล้วคันธรสสุดแสนจะดีใจที่เห็นเกตุมาลาต้องเผชิญชะตากรรม ความทุกข์ทนเช่นเดียวกับที่หล่อนเคยเป็น และก้าวข้ามพ้นมันมาแล้ว ยินดีที่เห็นอีกฝ่ายยังเวียนว่ายอยู่ในท่ามทะเลทุกข์และไม่เห็นฝั่ง คาดหวังว่าสิ่งเหล่านั้นจะช่วยบั่นทอนการเรียนให้ลดถอยลงไปเรื่อยๆ และคันธรสคนนี้แหละ จะได้ก้าวขึ้นมาแซงหน้าเกตุมาลา เป็นลำดับแรกของคลาสได้ในที่สุด
โดยไม่สนใจว่าชัยชนะนั้น จะได้มาโดยวิธีที่ขาวสะอาดหรือไม่ เพราะหรรษากับการเสพย์ความทุกข์ของเพื่อนเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจตนเองมาโดยตลอด!!
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อเกตุมาลาควรจะเป็นสิ่งเลวร้ายได้ถึงที่สุด ในแบบอย่างที่อยากจะให้มันเป็น ถ้า...
ถ้าหากว่า... ความสามารถของเกตุมาลาจะไม่ไปเข้าตาโปรเฟสเซอร์คาเรนเข้าเสียก่อน นังแม่มดผมทองนั่นตาแหลมเลยทีเดียว คาเรนลงทุนชักชวนให้เด็กสาวสมัครและสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง แน่นอนระดับประธานหลักสูตรอย่างหล่อน ทำให้ได้ทุนอุดหนุนสำหรับการเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทสบายๆ โดยไม่ต้องเสียสตางค์แม้แต่บาทเดียว!
ในความยินดีของเพื่อนๆทุกคน คันธรสกลับเป็นฝ่ายตั้งคำถามกับตัวเอง ด้วยความร้าวรานและเจ็บปวดใจ
นี่คาเรนมองข้ามคนเก่งอันดับสองอย่างหล่อนไปได้อย่างไรกัน?
โปรเฟสเซอร์สาวใหญ่คนนั้น แทบไม่เคยปรายหางตามาเหลียวแล แม้แต่ในยามที่หล่อนพยายามทำคะแนนไล่เลี่ยกับเกตุมาลาอย่างฉิวเฉียดโดยเฉพาะในรายวิชาที่โปรเฟสเซอร์คาเรนอำนวยการสอน เพื่อให้อีกฝ่ายได้เล็งเห็นความสามารถที่ไม่แพ้กันเลยแม้แต่น้อย
และทุนวิจัยนั้น หล่อนก็หมายตาเอาไว้เช่นเดียวกัน แต่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะถูกเรียกสัมภาษณ์!
อาจารย์คาเรนแกก็มี เด็กของแกแล้วน่ะสิ คนอื่นถึงสมัครไปก็เท่านั้นแหละว้า
ใครบางคนก็ยังไม่วายบ่นให้ฟัง เมื่อรู้ผลว่าสุดท้ายแล้วเกตุมาลาก็ได้รับทุนนั้นไป โดยที่หญิงสาวได้แต่ยิ้มรับโดยไม่ปริปากพูด
เฝ้าเก็บความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้สุดความสามารถ ไม่รู้เลยความน้อยอกน้อยใจจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งการเอาชนะในอีกเส้นทางหนึ่ง แน่นอน! จะไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ความรู้สึกนึกคิดไปได้เด็ดขาด ในเมื่อที่เพชรพยัตไม่ต้อนรับ ก็เสาะแสวงหาทุนไปเรียนต่อปริญญาโทในสาขาอื่นก็ได้ เรื่องแมลงพวกนี้หาใช่สำคัญไม่ จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะเกตุมาลา และในขณะเดียวกัน... ก็ต้องการให้คาเรนได้เห็นว่าคนอย่างหล่อนก็ มีดีอยู่เช่นกัน!
สาขาไวรัสวิทยาที่มหาวิทยาลัยอีกแห่งหนึ่งกำลังเปิดรับสมัครนักศึกษาอยู่พอดี และมีทุนการศึกษาในระดับสูงส่งให้ถึงระดับปริญญาเอก คันธรสไม่รีรอที่จะไปสมัครและได้รับการตอบรับในเวลาต่อมา เรื่องนี้หล่อนไม่ได้บอกให้ใครรับรู้เลยสักคนเดียว
ยกเว้นคาเรนที่รู้
อาจารย์หัวหน้าภาคที่เคยมองข้ามมาโดยตลอด กลับเป็นฝ่ายเรียกตัวหล่อนเข้าพบเป็นการส่วนตัวในวันสอบผ่านสัมภาษณ์เข้าเรียนในคณะวิชาใหม่ อีกฝ่ายนั่งประจันหน้านิ่งก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกแปร่งอยู่เป็นนิจนั้น
ฉันได้ข่าวว่าเธอกำลังจะไปเรียนต่อทางไวรัสหรือโรส?
คาเรนเรียกชื่อหล่อนให้ง่ายสำหรับตัวเองว่า โรส อย่างเดียวกับที่เรียกเกตุมาลาว่า เคท และประโยคนั้นอีกฝ่ายเอ่ยขึ้นลอยๆ เหมือนกับปรารภกับตนเองเสียมากกว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบัง หญิงสาวพยักหน้ารับโดยดี
ฉันรู้จักกับอาจารย์ที่นั่นอยู่หลายคน แต่ได้ข่าวอาจารย์สุคนธารับเธอเป็นแอดไวซีเพียงคนเดียวนี่นะ เธอเก่งมากจริงๆที่ทำให้สุคันธาตัดสินใจรับเธอได้... เก่งกว่าที่ฉันคิดเสียอีก!
คันธรสประหลาดใจไม่น้อยกับประโยคของอีกฝ่าย ร้อนวูบที่ใบหน้านิดหนึ่งเมื่อเห็นนัยน์ตาสีฟ้าจางหรี่ลงเป็นนัย... อย่างที่อ่านความหมายของมันออกได้ไม่ยาก
ดอกเตอร์สุคนธา อาจารย์สาวโสดวัยกลางคน ประจำภาควิชาไวรัสเป็นคนสัมภาษณ์และรับหล่อนเข้าเป็นนักศึกษาทำวิจัยด้วยตัวเอง หลังจากการสัมภาษณ์จากทีมคณาจารย์ที่นั่นผ่านไปนานเกือบชั่วโมง
อันที่จริงคันธรสก็สืบทราบมาก่อนแล้วว่า ดอกเตอร์สุคันธามีทุนวิจัยระดับสูงอยู่ในมือ แต่ยังหาลูกศิษย์ที่จะมารับทุนนั้นไม่ได้
แน่นอน! ก็แค่หาทางเข้าไปแนะนำตัวกับอีกฝ่ายก่อนเป็นการส่วนตัว นำเสนอตัวเองทุกวิถีทางเท่าที่สืบเสาะข้อมูลมาแล้ว ท่าทีอาจารย์สาวใหญ่ผู้นั้นจะค่อนข้างพอใจในผลงานและการเรียนระดับเกียรตินิยมของหล่อนอยู่ไม่น้อย หากดอกเตอร์สุคนธาค่อนข้าง เลือกลูกศิษย์ที่จะทำวิจัยด้วยพอสมควร คันธรสรู้ดีว่าปัจจัยข้อสุดท้ายที่จะทำให้อาจารย์สุคันธายินดีรับหล่อนเป็นแอดไวซีคืออะไร นั่นคือข้อมูลลับชิ้นสำคัญที่รู้มา ทำให้หล่อนเตรียมทำการบ้านล่วงหน้ามาแล้วได้เป็นอย่างดี
มันคือรสนิยมทางเพศของดอกเตอร์สาวใหญ่ผู้นั้น!
ฉันยินดีรับเธอเป็นแอดไวซี คันธรส
มือเหี่ยวย่นแข็งกระด้างของอีกฝ่ายแตะลงยังผิวนุ่มนิ่มบอบบางของหล่อนด้วยความหมายบางอย่าง สายตาของผู้สูงวัยกว่าจับจ้องมายังใบหน้าที่ตกแต่งไว้เพียงบางๆผิดแผกจากที่เคย เสื้อเนื้อผ้าฝ้ายบางเบาที่เผยผิวอ่อนเยาว์ขาวเนียนละเอียดรำไรไม่ต่างกับเด็กน้อยไร้เดียงสา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับอิริยาบถนั้น ทิ้งความนัยเหมือนมีรสนิยมเดียวกันกับอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อให้ความหวังอันลึกเร้น แต่ในขณะเดียวกันก็ซ่อนความสะอิดสะเอียนเอาไว้เต็มเปี่ยม
สาบานได้ว่าไม่เคยมีรสนิยมชอบเพศเดียวกันมาก่อนเลยแม้แต่น้อย แต่ทุกอย่างต้องโอนอ่อนไปตามสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
เพื่อเป้าหมายที่ต้องการ! และในที่สุดหล่อนก็ได้มันมาตามคาด...
ทว่า... คันธรสแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะเรื่องนี้ก็ยังไม่ได้ประกาศออกไปเป็นทางการเลยด้วยซ้ำ แต่คาเรนกลับแสดงให้เห็นว่ารู้ดีทุกอย่าง
ไวรัสเป็นศาสตร์ที่เกี่ยวเนื่องกับแมลงเหมือนกัน เพราะบางครั้งมันก็จำเป็นที่ต้องอาศัยแมลงเป็นเวคเตอร์หรือพาหะ...
คาเรนพูดเรื่อยๆ เหมือนกำลังบรรยายรายวิชาให้ฟัง โดยที่หล่อนยังไม่เข้าใจในเจตนาของอีกฝ่ายนัก
ฉันรู้จักสุคันธาดี หล่อนเชี่ยวชาญในด้านอณูชีววิทยาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในด้านที่เกี่ยวข้องกับชีวสารสนเทศ* เสียแต่ไม่ยอมเผยแพร่งานวิจัยออกมาสู่สาธารณชนสักเท่าไร โดยเฉพาะเทคนิคการดีไซน์โครงสร้างโปรตีนในระดับนาโนด้วยวิธีพิเศษรูปแบบใหม่ ฉันสืบรู้มาว่ามันเป็นเทคนิคพิเศษที่ยังไม่เคยมีใครทำได้สำเร็จมาก่อน มันเป็นความลับเฉพาะที่รู้กันในทีมงานวิจัยของสุคันธาเท่านั้น
เสียงหัวเราะหึหึในลำคอ บอกใหรู้ว่าอีกฝ่าย รู้มากน้อยแค่ไหน และประโยคต่อมานั่นต่างหากที่ทำให้หล่อนนิ่งงันด้วยความตกตะลึง
และโรส... เธอจะต้อง หัดเรียนรู้เทคนิคการดีไซน์โครงสร้างโปรตีนในระดับนาโน นั้นมาให้ได้ เพื่อจะมาร่วมงานกับฉัน
นี่ไม่ใช่ข้อเสนอ แต่เป็น คำสั่ง!
ร่วมงาน? นี่หล่อนหูฝาดไปหรือเปล่า?
ในดวงตาสีฟ้าจางของคาเรนมีแววบางอย่าง แววแห่งความกระหาย โดยเฉพาะรายละเอียดการค้นคว้าบางอย่างที่เป็นความใฝ่ฝันของอาจารย์สาวใหญ่ผู้นั้น งานวิจัยเกี่ยวกับผีเสื้อเรืองแสง ที่ต้องอาศัยเทคนิคพิเศษซึ่งเป็นความลับสำคัญของดอกเตอร์สุคนธานั่นเอง
คาเรนต้องการให้หล่อน ล้วงข้อมูลและเรียนรู้เทคนิคของอีกฝ่าย เพื่อกลับมาเป็น ลูกมือที่เฉียบแหลมให้กับตัวเอง ลูกมือที่หล่อนสามารถบงการทุกอย่างได้ โดยมีชื่อเสียง เงินทอง เป็นเครื่องต่อรอง
แน่นอน มันเป็นแรงจูงใจที่ใช้ได้ดีสำหรับเด็กสาวไร้เดียงสา ที่ยังไม่คิดการณ์ไกล และมองเพียงแค่จำนวนเงินไม่กี่แสนบาท รวมถึงแลกกับชื่อ ผู้ร่วมวิจัยในวารสารนานาชาติสักฉบับสองฉบับ
สำหรับเป็นทุนไปเรียนต่อควบปริญญาเอก ด้วยยังไงล่ะ ถ้างานนี้สำเร็จตามเป้าหมาย
แต่หนูก็ต้องเสี่ยงอยู่ไม่น้อยนะคะ อาจารย์ ถ้าหากว่า อาจารย์สุคนธาเกิดรู้ขึ้นมา...
คันธรสเริ่มเรียนรู้วิธีการเจรจาต่อรองกับอีกฝ่าย คาเรนเอนร่างพิงเก้าอี้นวมตัวโปรดของหล่อนและยกมือขึ้นกอดอก สายตาคู่นั้นมองมาที่หล่อนด้วยประกายเพ่งพิศ ต่างไปจากเดิม
แล้วเธอคิดว่าข้อเสนอที่ฉันให้เธอมา มันคุ้มไหมล่ะ?
หล่อนถามออกมาตรงๆ คันธรสยอมรับว่าในเวลานั้น ยังโง่เกินไปที่เผลอแสดงท่าทางไม่พอใจออกมา อารมณ์น้อยใจ คั่งแค้นใจที่สะสมมาตั้งแต่เห็นความสำเร็จของเกตุมาลาในเวลาก่อนหน้า ทำให้อดปากไว้ไม่ได้
แล้วถ้าหนูตอบ ไม่ ล่ะคะ?
เธอคิดว่า เธอกล้าตอบเช่นนั้นหรือเปล่าล่ะ โรส?
และแล้ว หล่อนก็ได้เห็นธาตุแท้ของนังแม่มดผมทอง อย่างที่เหมวดีเคยแอบตั้งชื่อให้อย่างแท้จริงในวันนั้นเอง เมื่อคาเรนค่อยๆเปิดลิ้นชักและหยิบซองกระดาษซองหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะอย่างเยือกเย็น
************************ * ชีวสารสนเทศศาสตร์ หรือ Bioinformatic เป็นศาสตร์ที่ประยุกต์ข้อมูลเกี่ยวกับพันธุศาสตร์ และอณูชีววิทยานะระดับ สารพันธุกรรม เข้ากับคณิตศาสตร์ สถิติ และวิทยาการคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบันมีการนำมาใช้ประโยชน์มากมาย เช่นการค้นหายีน การทำนายหรือการดีไซน์โครงสร้างโปรตีนต่างๆ เป็นต้น
จากคุณ |
:
สามปอยหลวง
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ม.ค. 55 09:06:56
|
|
|
|