หัวใจก้นครัว๑-๒ (แก้ไขใหม่)
|
 |
สวัสดีครับ ผม Awork ขอนำเสนอ นิยายเรื่องหัวใจก้นครัว ที่ได้นำมาแก้ไข เพิ่มเติมให้เข้มข้นขึ้น ใครที่เคยติดตามก็ลองอ่านดูใหม่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนเพื่อนๆหน้าใหม่ก็ฝากติชมด้วยนะครับ
เสียงล้อรถเบียดกับพื้นถนนดังมาแต่ไกล ก่อนที่เสียงเครื่องยนต์จะดับเสียง ทำให้ชายหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มที่กำลังตั้งใจแกะสลักฟักทองอยู่ ต้องวางมือลงชั่วคราว พร้อมกับเงี่ยหูฟังในเสียงที่กำลังจะตามมา ราวกับว่าตนสามารถคาดเดาในเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย
แดง...แด๊ง...แดง ... แดงอยู่ไหน! ทำอะไรอยู่! เสียงแหลม ใส ร้องดังเป็นเพลงมาแต่ไกล ก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏตัว
แดง กำลังทำอะไรอยู่น่ะ เรียกตั้งนานก็ไม่ขาน... คิดว่าไม่อยากคุยกะสิตาแล้วซะอีก ทันทีที่เจ้าของเสียงปรากฏกายขึ้น สายตาของหล่อนก็มองจิกมาที่เขา ราวกับแม่เสือสาวที่พร้อมจะตะปบเอาลูกหมีแพนด้าตัวน้อยๆ อย่างเขา เข้าไปเป็นของเล่นให้กับลูกๆของมันในถ้ำ หากลองกล้าขัดใจเธอเข้า
ไม่ทำอะไรก็ดีแล้ว มาฟังสิตาเล่าเรื่องดีกว่า... สีหน้าของหญิงสาวในชุดเสื้อคอวีสีเทาปักเลื่อมเข้าชุดกับกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเข้มเอวสูงแบบฮ็อตแพ้นท์ ดูพึงพอใจขึ้นมาก เมื่อเห็นเขาวางมือจากงานตรงหน้า พอดีกับที่หล่อนปรากฏตัวขึ้น
ชายหนุ่มปล่อยให้สิตาเล่าอะไรต่อมิอะไรเรื่องงานไปอีกสักพัก ซึ่งก็ไม่ได้มีใจความสำคัญอะไรนัก และเขาก็ไม่ได้ใส่ใจฟังสักเท่าไหร่ เพราะขณะที่ฟังก็เก็บของไปพลาง จนหล่อนเริ่มหลุดจากภวังค์ส่วนตัวมาเห็นเข้าจึงทักว่า อ้าว! แล้วนั่นทำอะไรอยู่น่ะ เออ... สวยดีนะสบู่สีเหลืองเนี่ย อี๊!ไม่เห็นหอมเลยอ้ะ เหม็นเขียวพิก๊น นี่แดงไม่มีอะไรจะทำแล้วเหรอถึงได้เอาของพวกนี้มาเล่นเนี่ย... คนพูดวางฟักทองที่เกลาเป็นรูปทรงไข่ หลังจากยกขึ้นดม ลงกับถาดทองเหลืองไว้ตามเดิม โดยไม่สนใจว่ามันคืออะไร
นั่นเราเกลาเอาไว้แกะสลักเป็นดอกต่างๆไง แล้วก็มันไม่ใช่สบู่ อย่างที่เข้าใจหรอกนะ มันคือฟักทอง แยกแยะอะไรออกบ้างมั้ยสิตา... เขาพูดพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอา พร้อมกับเปิดผ้าขาวบางที่คลุมถาดทองเหลืองออก นี่ไงอันที่เราแกะเสร็จแล้วอันนี้ลายรักเร่ อันนั้นลายบานชื่น อันโน้น...
พอ...พอ... พอแล้ว ไม่ต้องบอกมาก ขี้เกียจจำ ไม่เห็นจะอยากรู้สักนิด รู้แล้วล่ะน่า ว่าจะไปสอบเป็นช่างทำอาหารอะไรเนี่ย สิตาก็แกล้งถามไปงั้นล่ะ หล่อนทำน้ำเสียงราวกับว่าข้อมูลที่เขาป้อนแก่หล่อนไปนั้น ไม่ได้สลักสำคัญต่อชีวิตของหล่อน
เออๆ แล้วซื้อใบสมัครเรียบร้อยหรือยัง แต่...อย่าลืมที่เราตกลงกันไว้นะ เมื่อไหร่ที่จะไปสมัคร ถ้าไม่มีแดง สิตาแย่แน่ๆเลยนะ ว้าย! พรุ่งนี้จะไปซื้อใบสมัครแล้วเหรอ อืมมม... สิตา ทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงดีดนิ้วเสียงดัง แล้วบอกต่อไปว่า
งั้น... ไปด้วยสิ แบบว่า...พอแดงเสร็จธุระแล้ว แดงก็ไปบางลำพูกะสิตานะ อยากกินปั้นขลิบนึ่งน่ะ เออ... ไส้กรอกปลาแนมก็เลิศ โอ๊ย...พูดแล้วน้ำลายไหล ถ้าไม่ติดงานคืนนี้นะ จะแล่นไปเดี๋ยวนี้เลย ไม่ง้อแดงหรอก แล้วหล่อนก็ลุกจากไปทันที อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ตามนิสัยคิดไวทำไวของหล่อน
แล้วจะรีบไปไหน แวะมาทำไม สิตา คนพูดยังไม่ทันตั้งตัวกับบทสนทนาที่หล่อนมาป้อนให้และก็จะจากไปอย่างกะทันหัน รีบ...รี้บ...รีบ จะได้เวลาไปซาวน์เช็คแล้ว แต่แวะมางั้นๆล่ะ มากวนใจแดงเล่นเท่านั้นเอง สิตากลับมาเอารองเท้าน่ะ เมื่อเช้ากะว่าจะไปหาซื้อใหม่ไง แต่ประชุมเรื่องเพลงจนไม่มีเวลาแล้ว เลยกลับมาเอาคู่ใหม่ ที่ซื้อมาตั้งหลายคู่แต่ยังไม่ได้ใส่ก็ยังพอมี พอกล้อมแกล้มไปก่อนเนอะ แม้ว่าปากจะบอกว่ารีบ แต่สิตาก็ยังแกล้งทำอ้อยอิ่ง กวนใจเขาอยู่ ระวัง จะร้องเพลงไม่ออกนะ ไม่ได้ใส่ของใหม่เอี่ยมน่ะ เขาอดที่จะเหน็บเพื่อนสนิทไม่ได้
อย่าสิ! ยิ่งถืออยู่นะ เอาน่า...เรามันมืออาชีพ...The show must go on! สิตา แกล้งพาซื่อตอบกลับไปหน้าตาเฉย รักษภูมิ ส่ายหัวอย่างเอือมระอา ก่อนจะบ่นออกมานี่ประชด! เข้าใจมั้ย ประชดนะ รู้จักประหยัดซะบ้างนะเราน่ะ
จ้า...บ่นหยั่งกะป้าแก่ ผู้ชายอะไร้! สิ้นเสียงเขาก็เห็นหน้าเล็กรูปไข่ของสิตา ย่นหน้าล้อเลียนเขา ก่อนจะผละจากเขาเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้กัน ทิ้งให้เขาส่ายหน้าที่เจือด้วยรอยยิ้มอย่างเอ็นดูอยู่ตามลำพัง หน้ากระท่อมหลังน้อยของเขา ที่ถูกปลูกแยกออกมาให้ชายหนุ่มอย่างเป็นส่วนตัว ตั้งแต่เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
ดวงไฟหลากสีสัน ถูกตกแต่งประดับดาตามส่วนต่างๆของสถานที่ ส่องแสงสวยงามละลานตา ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือโครงลวดที่ดัดเป็นรูป เช่น สัตว์หรือดอกไม้ ที่นำมาตั้งอยู่รายรอบสนามหญ้าสีเขียว ได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว
โต๊ะจำนวนมากถูกคลุมด้วยผ้าปูสีขาวที่ลงแป้งจนเรียบกริบขลิบริมด้วยลูกไม้สีขาว ปักสลับด้วยด้ายสีทองเป็นลวดลายดอก เมื่อสายลมอ่อนๆพัดกระทบมา ดูแล้วระยิบระยับล้อรับกับแสงไฟ เก้าอี้นั่งทรงกลมสีขาวคลุมด้วยผ้าสีขาวเข้าชุดกับผ้าปูวางล้อมรอบโต๊ะ มองดูราวกับดอกเห็ดสีขาวผุดขึ้นรับแสงจันทร์ยามหลังฝนตก บนเวทีขนาดใหญ่ มีเครื่องดนตรีที่ถูกจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย พร้อมที่จะขึ้นแสดงในเวลาอันใกล้ ซุ้มอาหารจากร้านเจ้าประจำ ภัตตาคาร หรือโรงแรมมีชื่อต่างๆ ที่ได้รับเชิญมาออกงาน ตั้งล้อมอยู่รอบสนาม มีอาหารนานาชาติหลากหลายร้าน ให้แขกผู้มีเกียรติได้เลือกชิมเลือกรับประทานตามแต่ใจตน อีกสิบนาที ขอเชิญคุณสิตาและวงดนตรีแบมบูบีท สแตนด์บายหลังเวทีครับ เสียงเรียกจากออร์แกไนเซอร์ ทำให้สิตาหลุดจากภวังค์ที่กำลังชื่นชมกับความสวยงามของงานเลี้ยงในคืนนี้ ทุกครั้งที่หล่อนได้มาร้องเพลงในงาน ก่อนขึ้นเวทีหล่อนมักจะสร้างจินตนาการส่วนตัวให้เข้ากับงานนั้นๆ เพื่อที่จะสื่อสารบทเพลงออกมาได้ไพเราะเข้ากับบรรยากาศในงานให้มากที่สุด ขณะนั้นเป็นเวลาทุ่มกว่าๆ แม้ว่าคืนนี้เป็นคืนวันพระจันทร์เต็มดวง แต่พระจันทร์ยังคงหลบลี้อยู่ในหมู่เมฆมืด กระนั้นท้องฟ้าก็ยังพอมีแสงจากดวงดาว มองดูราวกับผืนผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มแซมด้วยเกล็ดเพชรเม็ดเล็กเม็ดน้อย สิตาหวังว่าคืนนี้ก่อนที่หล่อนจะหมดหน้าที่ ในการสร้างความสุขด้วยการร้องเพลงของหล่อนนั้น พระจันทร์จะยอมริบความขวยอาย ส่องแสงทรงกลดมาเป็นรางวัลกำนัลแด่ความตั้งใจจริงของหล่อนบ้าง เมื่อสายลมในปลายฤดูหนาวของต้นเดือนกุมภาพันธ์ พัดพาไอเย็นจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลเอื่อยมากระทบ สิตามิได้รู้สึกเย็นยะเยือกกายอย่างที่นักร้องหญิงรุ่นพี่ร่วมวงบอก เพราะตอนนี้ หล่อนรู้สึกอบอุ่นด้วยแรงโลหิตที่สูบฉีดไปจนทั่วร่างกาย ใจเต้นแรงเป็นสัญญาณบอกว่า...หล่อนพร้อม! พร้อมที่จะขึ้นไปสร้างความสุขกับบทเพลงในคืนนี้อีกครั้ง!
"...และในค่ำคืนนี้คงจะหมดหน้าที่ของสิตาแล้ว เมื่อสักครู่สิตาได้รับโน้ตจากพี่สาวคนสวย และเธอผู้เป็นเจ้าของวันคล้ายวันเกิดที่แสนน่าประทับใจในคืนนี้ สิตาขอกล่าวคำอวยพรจากใจ ขอให้พี่หญิงรัดเกล้า มีสุขภาพแข็งแรง มีความสุขมากๆ เป็นที่รักของทุกๆท่านอย่างนี้ตลอดไปนะคะ เธอขอเพลงมาด้วยค่ะ อันนี้ส่วนตัวนิดนึงนะคะ ใกล้วาเลนไทน์แล้ว สิตาก็หวังว่าทุกๆท่านคงมีแฮปปี้ วาเลนไทน์ แต่ก็อย่าลืมแบ่งปันความรักมาให้นักร้องคนนี้บ้างนะคะ
สิตาแหงนมองบนท้องฟ้า ขณะที่นักเปียโน บรรเลงดนตรีคลอไปกับการพูดด้วย ...เอ...โชคดีจริง...เมฆจางหายไปแล้ว เหลือแต่เพียงแสงจันทร์ส่อง...สวยงามจริงๆ...สิตาขอมอบเพลงพิเศษเพลงนี้ให้กับพี่หญิงและท่านผู้มีเกียรติ...Valentine...ค่ะ If there were no words No way to speak I would still hear you If there were no tears No way to feel inside Id still feel for you And even if the sun refused to shine Even if romance ran out of rhyme You would still have my heart until the end of time Youre all I need, my love, my valentine All of my life I have been waiting for All you give to me Youve opened my eyes And showed me how to love unselfishly Ive dreamed of this a thousand times before in my dreams I couldnt love you more I will give you my heart Until the end of time...Youre all I need, my love, my valentine
เพลง Valentine / Martina Mcbride สตรีวัยกลางคน รูปร่างอวบอรชร ย่างก้าวมายังหลังเวทีด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ราวกับนางพญาหงส์ยามเยื้องกราย ใบหน้าถูกแต่งเติมอย่างเหมาะสม ทรงผมที่เก็บเกล้าอย่างเรียบร้อย เผยให้เห็นโครงหน้ารูปไข่ที่ชัดเจน แม้ไม่สวยคมโดดเด่น แต่งดงามเมื่อพิศโดยละเอียด ยังคงเค้าความงามในอดีตแสดงให้เห็นว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่ดูแลตัวเองมาเป็นอย่างดีตั้งแต่เยาว์วัย ชุดราตรียาวผ้าไหมแบบเปิดไหล่ ที่เผยให้เห็นไหล่ที่ผึ่งผายอิ่มเต็ม สีเปลือกมังคุดของชุดเข้ากับเครื่องเพชรน้ำงาม สุกใส แบบโบราณ ทำให้หม่อมราชวงศ์หญิงรัดเกล้า ดูโดดเด่นสมกับเป็นเจ้าของงานในคืนนี้
เป็นยังไงบ้างคะ พี่หญิง ที่สิตาร้องเพลงไป ถูกใจ สมกับที่รีเควสต์มารึเปล่าคะ? สิตาเอ่ยปากทัก เมื่อเจ้าของงานปรากฏกายตรงหน้าหล่อนพร้อมกับรอยยิ้มหวานงดงามเหมือนเคย
ไม่ผิดหวังเลยจ้ะ พี่หญิงยังเอ่ยปากชมกับพี่ณัฐอยู่เลย ทั้งเพลงสากล เพลงไทย ถูกใจพี่ไปหมด ไม่น่าเชื่อเลยนะ ผู้หญิงดูทันสมัย เปรี้ยวจี๊ด อย่างสิตา จะร้องเพลงสุนทราภรณ์ได้เพราะมาก เพลงสากลก็เพลินจนอดร้องคลอตามไปด้วยไม่ได้ เพลงเต้นรำก็สนุกสนานจนอยากออกไปขยับแข้งขยับขาที่ฟลอร์
เมื่อเห็นสิตา ยิ้มกว้างแทนคำขอบคุณ หม่อมราชวงศหญิงรัดเกล้าจึงชวนคุยต่อไปว่า เอ...แล้วนี่ทำเพลงไปถึงไหนแล้วคะ
เลื่อนออกไปอีกสักพักน่ะค่ะ แต่เรื่องมันยาว เอาไว้ว่างๆ สิตาขอมาทานน้ำชากับพี่หญิง แล้วจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลยทีเดียวค่ะ แต่ ที่แน่ๆ ถ้าเพลงออกมาแล้ว พี่หญิงตบอกปุแน่ทีเดียวค่ะ แรงสมตัวเลยล่ะค่ะ... สิตาตอบเย้าอย่างอารมณ์ดี ความคุ้นเคยทำให้ฝ่ายที่อาวุโสกว่าไม่ถือสาในคำพูดที่หล่อนแสดงออกมา กลับหัวเราะอย่างเอ็นดูไปกับหล่อนด้วยไม่ได้
เชิญเถอะจ้ะ ให้มาหาพี่หญิงจริงๆเถอะ จะเตรียมต้อนรับนักชิมตัวยงอย่างเราให้เต็มที่เลย แต่คืนนี้สิตาต้องชิมอาหารที่มาออกร้านในงานของพี่หญิงก่อน แล้วติชมด้วย นี่พี่หญิงก็คัดเลือก เอาแต่เชฟที่เราคุ้นเคยกัน แค่นี้ก็ไม่มีที่จะให้ตั้งร้านแล้ว
แหม...พี่หญิงจัดงานทั้งที ใครๆก็อยากมาช่วยทั้งนั้น งานนี้สิตา บอกเลย ว่าอย่ากังวลกับสิตา ขอให้สิตาได้ตอบแทนน้ำใจพี่หญิงบ้างนะคะ
อะไรได้ สิตา ไม่เคยมีสักครั้งที่สิตาจะมารบกวนพี่หญิง เรารู้จักกันมาสามปีแล้ว สิตาก็มาร้องเพลงให้พี่ไม่เคยพลาดสักปี บทสนทนาระหว่างสิตากับพี่หญิงจบลง เมื่อออร์แกไนเซอร์เดินมาเชิญพี่หญิงหรือ หม่อมราชวงศ์หญิงรัดเกล้าขึ้นไปกล่าวขอบคุณผู้ที่มาร่วมงานบนเวที ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเพลงเต้นรำไปจนเลิกงาน
หญิงสาวเห็นโอกาสเหมาะที่จะได้ปลีกตัว จึงหยิบผ้าคลุมไหล่สีดำเนื้อเนียนละเอียดบางเบา มาพันทบให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น เพราะชุดราตรีเกาะอกสีเงินเลื่อมที่ดูงดงามเข้ากับรูปร่างเพรียวระหงของหล่อนบนเวที อาจดูไม่ค่อยเหมาะนัก กับการเดินไปตระเวนไปตามซุ้มอาหารต่างๆ พลันสายตาก็สอดส่องไปยังซุ้มอาหารที่ไม่มีผู้คนมากนัก เพื่อให้เป็นที่สนใจน้อยที่สุด สิตาเดินเลาะไปตามทางได้ไม่ไกลนัก หล่อนก็สะดุดตากับกับการจัดตกแต่งร้านด้วยงานแกะสลักทั้งแบบแกะเป็นดอกไม้แบบต่างๆ คล้ายกับที่หล่อนเห็นแดงทำเมื่อกลางวันนี้ แต่เยอะกว่า ซึ่งหล่อนก็ไม่รู้ว่ามีลายอะไรบ้าง เพราะสำหรับสิตาดอกไม้แกะสลักก็ดูเหมือนกันหมด นอกจากนี้ ยังมีแตงโม มะละกอ และผลไม้อีกหลายๆชนิด จัดวางตกแต่งได้อย่างงดงาม ขณะที่สิตา ยืนสำรวจดูอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น หล่อนก็ต้องสะดุ้งด้วยเสียงใสๆที่เข้ามาทักทาย
ทานขนมครกร้อนๆหน่อยไหมคะพี่? เจ้าของเสียงใส เป็นหญิงสาว หน้าตาสดใส มีลักยิ้ม เป็นรอยบุ๋มประดับอยู่ที่แก้มทั้งสองข้าง คะเนอายุจากหน้าตาแล้ว ไม่น่าจะเกินยี่สิบปีต้นๆ
พี่ร้องเพลงเพร้าะ... เพราะ หนูยังแอบร้องตามไปด้วยตั้งหลายเพลงแน่ะค่ะ หล่อนพูดพลางคีบขนมครกใส่จานให้หล่อน มีทั้งหน้าคาวหวานต่างๆ ดูน่าทาน จนหล่อนน้ำลายสอ อร่อยดีนะคะ อืมมม....ทำไมไม่ค่อยมีคนเลยละคะ แขกเค้าไม่ชอบอาหารไทยเหรอคะน้อง สิตาถามพลางจิ้มขนมครกเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย อาหารของเราหมดไปตั้งแต่หัวค่ำแล้วล่ะคะ ทั้งของว่าง ของคาว ของหวาน เชฟเค้าจัดมาเป็นที่ๆ ขนาดเตรียมเยอะ พอลงของแป๊บเดียวก็หมดเกลี้ยง จะรับเพิ่มอีกไหมคะ ยังพอมีอีก พอหมดกระทะนี้ก็จะเก็บร้านแล้วค่ะ เด็กสาวในชุดไทยที่นั่งพับเพียบอยู่หน้าเตาขนมครก ชี้ให้ดูเบ้ากระทะที่ว่างไปเกือบหมด
ไม่ล่ะจ้ะ เพราะสิตาได้รับโน้ตจากออร์แกไนซ์เซอร์ว่า ทางวงดนตรีอยากให้หล่อนขึ้นไปร่วมแจมในช่วงเพลงเต้นรำ ขอบคุณมาก แต่เดี๋ยวพี่ต้องขึ้นไปร้องเพลงต่อ ถ้าเสร็จงานแล้วจะไปเต้นที่ฟลอร์ก็ได้นะ สิตา ยิ้มตอบอย่างขอบคุณ
ขณะที่สิตากำลังจะเดินจากมา หล่อนรู้สึกตัวคล้ายกับว่ามีสายตาของใครคนหนึ่งคอยชำเลืองมองมาที่หล่อนเสมอ จากหางตาหล่อนเห็นว่าเป็นผู้ชาย เมื่อหล่อนหันกลับไปจ้องมองเขากลับ จึงเห็นว่า ชายคนนั้นแต่งชุดพนักงานครัวสีขาว ผูกผ้าพันคอสีเดียวกัน ไม่สวมหมวก รูปร่างสูงโปร่ง กำยำ คะเนอายุน่าจะราวสามสิบกว่า แต่หล่อนสังเกตได้เพียงเท่านั้น เพราะทางวงดนตรีประกาศเชิญหล่อนขึ้นไปร่วมแจมในช่วงต่อไป ทำให้หล่อนต้องหันกลับไปยังหน้าเวที และลืมสายตาของชายคนนั้นที่สนใจเมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น
จากคุณ |
:
Awork
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ม.ค. 55 04:02:33
|
|
|
|