Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สามหนุ่มสามมุม ติดต่อทีมงาน

สามหนุ่มสามมุม


1.
รถซาเล้งสภาพเก่าเบียดล้อกับฟุตบาทอย่างรีบเร่ง ทันทีที่ถึงเป้าหมาย ชายร่างเตี้ยตันผิวเข้มสวมเสื้อลาย สก๊อตแขนยาวสีมอม พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วปานสายลม มือทั้งสองปฏิบัติการด้วยความชำนาญ ไม่ถึงอึดใจมันก็ถูกโยนลงบนซาเล้ง

มัน-ป้ายหลากขนาด หลายอันถูกวางทับซ้อนกันอยู่บนซาเล้ง เขายิ้มเยาะให้กับพวกมันอย่างผู้ชนะ

ช่วงเวลาเพียงสิบเก้านาทีเศษ นับตั้งแต่เวลาบ่ายสาม เขาตระเวนเก็บป้ายที่ติดอยู่กับทุกเสาไฟฟ้าริมถนนตามแผนงานที่วางไว้ เวลาไม่เคยรอใคร นาทีทองอย่างนี้ มีคู่แข่งมากมายเหลือเกิน เขาต้องทำงานให้เร็วกว่านี้

“เร่งอีก ต้องเร่งอีก...” เขาฮัมเพลงเร่งอีกของเจ เจตริน พร้อมจังหวะเท้าทั้งสองถีบบันไดซาเล้งผ่านสี่แยกไฟแดง แรงขึ้น เร็วขึ้นทุกที...


2.
เมื่อประตูรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูซีรีส์เจ็ดสีดำทะเบียนตองเปิดออก เขาหยุดมองชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเน็กไทสีฟ้าด้วยความแปลกใจ ทันทีที่สบตากัน อภิชาติยิ้มให้แบบเขินๆ ขณะก้าวออกจากที่นั่งคนขับ

เขากับอภิชาติเป็นเพื่อนสมัยเรียนประถม เรียนจบก็แยกย้ายกันไป กว่ายี่สิบปีแล้วที่ไม่ได้พบกัน

อภิชาติทักทายเขาเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินตามชายสวมสูทสีดำร่างบางที่ลงรถด้านเบาะผู้โดยสารเข้าไปในงานเลี้ยง นาทีนี้เขารู้สึกตื่นเต้นกับรถหรูมากกว่าการได้เจอเพื่อนเก่า มองตามหลังอภิชาติที่กำลังทิ้งระยะห่างหายเข้าไปในแสงงานเลี้ยง ความต้องการบางอย่างก็นำพาให้ก้าวตามเข้าไปอัตโนมัติ

หากมองย้อนแสงเข้าไป จะเห็นโต๊ะจีนประมาณสิบห้าโต๊ะ เวทีคาราโอเกะ นักร้องสาวนุ่งสั้นกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามเสียงเพลง มันคงดูเป็นงานเลี้ยงวันเกิดธรรมดาๆ ด้วยแขกร่วมงานประมาณห้าสิบคน แต่มันกลับไม่ธรรมดาเพราะผู้ร่วมงานบางคน

เขาหยุดยืนในมุมมืดใต้ต้นไม้ สะดุดตาชายผิวขาวร่างเล็กที่นั่งหัวโต๊ะด้านหน้าเวที รอยยิ้มแฝงด้วยอำนาจ ทำให้ภาพเก่าๆ ย้อนขึ้นมาจากความทรงจำอีกครั้ง หัวใจเริ่มเต้นแรง ความฮึกเหิมพุ่งขึ้นมาโดยพลัน ร้อนระอุราวจมอารมณ์ร่วมในบ่ายวันนั้น ช่วงหนึ่งเขาเคยไปร่วมชุมนุมทางการเมืองกับกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตย ที่มีชายร่างเล็กเป็นหนึ่งในแกนนำนานหลายสัปดาห์

นาทีถัดไปชายชราร่างท้วมผมสีดอกเลาเจ้าของงานวันเกิด ได้ขึ้นกล่าวขอบคุณแขกเหรื่อและได้กล่าวเชิญชายร่างเล็กขึ้นกล่าวอวยพร

สิ้นเสียงชายชรา ชายร่างเล็กลุกขึ้นยืนประนมมือไหว้และโน้มตัวอย่างสุภาพไปรอบๆ และทำเช่นนั้นตลอดการเดินไปหน้าเวที พร้อมกับเสียงปรบมือดังเกรียวกราวราวต้อนรับซุปเปอร์สตาร์

ในค่ำคืนพิเศษนี้ นอกจากกล่าวคำอวยพรให้เจ้าของงานแล้ว ชายร่างเล็กปฏิเสธที่จะพูดถึงการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ด้วยหยอดมุขสั้นๆ ว่าประเทศยังอยู่ภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พูดมากเกินไปเดี๋ยวจะโดนอุ้ม ไม่ได้เห็นหน้าลูกเมียเหมือนบรรดาแกนนำท่านอื่นที่ได้ถูกละเมิดสิทธิ์เสรีภาพไปแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็กินนอนอยู่ในคุกโดยยังไม่รู้ชะตากรรม

แม้ไม่พูดถึงการเมืองแต่ทุกคนก็รู้กันดี ว่าหากผลเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นที่ใกล้เข้ามา คนในสังกัดชายร่างเล็กได้รับเลือกอีกครั้ง ภายในวาระอีกสี่ปีข้างหน้าใครจะได้รับผลประโยชน์อะไรบ้าง


3.
วิโรจน์ถอนหายใจหนักเมื่อรถบีเอ็มคันหรูของเขาจอดเทียบหน้างานเลี้ยง กำชับบอกให้อภิชาติจอดใกล้ๆ หน้างาน เพื่อคนที่มาร่วมงานหรือผ่านไปมาจะได้เห็นทั้งเขาและรถหรูชัดๆ เมื่อเปิดประตูรถลงไป ภาพแรกที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดพาลอารมณ์เสียก็คือ รถเบนซ์เอสคลาสสีบรอนซ์เงินทะเบียนตอง จอดห่างออกไปไม่ไกล เขาไม่คิดว่ามันจะมาร่วมงานนี้ด้วย คืนนี้อาจกลายเป็นงานหินกว่าที่ประเมินไว้ ขยับเน็กไทกระชับสูทเพื่อเรียกความมั่นใจอีกครั้ง รีบเดินเข้าไปภายในงาน มองนาฬิกา ยังไม่ดึกเกินไปที่จะพลาดขึ้นกล่าวอวยพรเจ้าของวันเกิด

แม้เคยถูกปรามาสว่าเป็นนักการเมืองไร้สังกัด เป็นใครมาจากไหนไม่มีใครรู้จัก นามสกุลก็ไม่ดัง จะไปได้สักกี่น้ำ แต่ด้วยความต้องการให้เป็นที่ยอมรับนับถือจากสังคมในระดับที่สูงกว่าคนปกติทั่วไป กลยุทธ์การทุ่มเม็ดเงินลงไปจนแทบหมดหน้าตัก บวกกับการทำงานเป็นระบบตามแผนงานที่จัดเตรียมเอาไว้ทุกขั้นตอนตลอดเกือบสี่ปี ทำให้วันนี้ภาพลักษณ์ของเขาได้ถูกยกระดับสูงขึ้นมาได้สำเร็จ

จากช่วงปีแรกที่ตัดสินใจทำงานการเมืองเต็มตัวจนถึงวันนี้ รายได้จากบริษัทออร์กาไนเซอร์ที่เป็นเจ้าของบวกสมบัติเก่าของบิดามารดาที่ล่วงลับไปแล้วหมดเงินไปกว่าสิบล้านบาท กับการส่งเสริมภาพลักษณ์ประชาสัมพันธ์ส่วนตัว รวมไปถึงเงินช่วยเหลือใส่ซอง ในวาระโอกาสต่างๆ อาทิเช่น งานเลี้ยงปีใหม่ งานแต่ง งานบุญ งานบวช งานศพ งานชุมชนสัมพันธ์ ฯลฯ วิโรจน์ให้ความร่วมมือในทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่เป้าหมาย เขาฝังตัวลงไปไม่เคยขาด แม้จะยังไม่ถูกตอบแทนกลับมาเป็นรูปธรรมด้วยตำแหน่งทางการเมือง แต่อย่างน้อยฐานเสียงที่ขยับตัวเลขเพิ่มขึ้น จากผลคะแนนการลงสมัครเลือกตั้งทั้งสนามเล็กและใหญ่ จึงทำให้ในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้เขาถูกทาบทามเข้าสังกัดพรรคการเมืองใหญ่ ในฐานะผู้สมัครเลือดใหม่ คนรุ่นใหม่ของพรรค และขึ้นมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญของนักการเมืองเจ้าถิ่นในขณะนี้

เมื่อก้าวเข้าสู่งานในคืนนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่วิโรจน์จะตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน เขาโน้มหลังก้มคอลงพนมมือไหว้ทุกคนที่เดินผ่านอย่างสุภาพ โปรยยิ้มบริสุทธิ์ให้พร้อมกล่าว “สวัสดีครับๆ” วนไปวนมาไม่หยุดปาก เขาเลือกนั่งตรงโต๊ะมุมหน้าเวทีฝั่งตรงข้ามกับชายร่างเล็ก การมาครั้งนี้หวังผลมากกว่าการแสดงตัวธรรมดาๆ เพราะเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ผู้ร่วมงาน กล่าวได้ว่าเป็นการรวมตัวของแกนนำชุมชน ผู้นำความคิดที่เป็นฐานเสียงหลักของชาวบ้านทั้งหมดเลยทีเดียว

หลังจากชายชรากล่าวเสร็จ ชายร่างเล็กก็ขึ้นกล่าวคำอวยพรเป็นคนแรกตามธรรมเนียมบารมีทางสังคม วิโรจน์ไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักแต่ก็แสร้งเก็บอาการ ชักสีหน้ายิ้มแย้มตามปกติ หลายปีที่ผ่านมาเขาลงทุนใส่ซองให้ชายชราและพวกพ้องไปมาก ความสัมพันธ์เก่าของชายชราและชายร่างบางกลับเหนียวแน่นกว่าที่เขาคาดคิดไว้นัก แต่ไม่นานหรอกเส้นใยเปราะบางเหล่านั้นก็จะขาดไป เมื่อเขาได้ก้าวขึ้นมาแทนที่ ในเวลาอันใกล้นี้

หลังจากชายร่างเล็กกล่าวคำอวยพรเสร็จ สิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นท่ามกลางความเงียบกริบของผู้ร่วมงาน “ขอเชิญคุณวิโรจน์ขึ้นมาบนเวทีหน่อยครับ” ชายร่างเล็กพูดซ้ำเป็นรอบสอง เมื่อได้ยิน หัวใจเขาเต้นรัว ตัดสินใจว่าจะเดินออกไปดีหรือไม่ แต่ด้วยต้นทุนทางสังคมที่เปลี่ยนไปกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถถอยได้ เขาเอามือทั้งสองกระชับสูท ลุกขึ้นยืน หมุนตัวไหว้ไปรอบๆ เดินออกไปยังหน้าเวทีตามคำท้าทายนั้น


4.
อภิชาติหัวใจเต้นแรงในทุกย่างก้าวที่เดินเข้าไปในงานเลี้ยง เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะได้มีโอกาสนำพาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์ทางการเมืองแบบอินไซด์จริงๆ อย่างนี้ ตั้งแต่เรียนจบ หลังจากนั้นหรือก่อนหน้านั้น เรื่องการเมืองไม่ว่าจะระดับเล็กจนถึงระดับชาติ เขาไม่เคยเอามาใส่หัวเลยแม้แต่นิดเดียว คิดเสมอว่าเป็นเรื่องไกลตัวเกินไป จนได้มาพบพี่วิโรจน์ความคิดทุกอย่างเปลี่ยนไปจนหมดสิ้น เมื่อการเมืองพุ่งชนเข้ามา มันกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างคาดไม่ถึง

อภิชาติพบกับพี่วิโรจน์ครั้งแรกในคืนเดือนหงาย คืนนั้นเขานั่งจมความคิดตัวเองอยู่คนเดียวตรงหน้าบาร์ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขาชอบร้านนี้เพราะมีบาร์เหล้าเล็กๆ แยกตัวออกมาด้านนอก ลานโล่งเปิดรับลมฟ้า ฝน ดวงดาวและแสงจันทร์ บรรยากาศชิวๆ กำลังเล่นงานให้พบเจอความเหงาอีกครั้ง อารมณ์นี้นอกจากขาดรักแล้ว เขายังรู้สึกว่าตัวเองไร้คุณค่าเพราะขาดงาน นาทีนั้นพี่วิโรจน์เดินมาจากไหนไม่รู้ลงนั่งข้างๆ พร้อมวางแก้วเหล้าที่ถือมา กล่าวทักทายสองสามประโยค แล้วบทสนทนาก็เริ่มต้นขึ้น จนกลายเป็นเรื่องเล่ามากมายตลอดทั้งคืนระหว่างเขาและพี่วิโรจน์

ในคืนนั้นเขาได้ค้นพบชีวิตด้านใหม่ๆ จากประสบการณ์ชีวิตพี่วิโรจน์ เรื่องเล่าเรื่องราวความฝันความทะเยอะทะยานจากคนที่ไม่มีอะไรเลย พ่อแม่เสียตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ต้องทนสู้ชีวิตเพียงลำพัง จนประสบความสำเร็จได้เป็นเจ้าของบริษัทออร์กาไนเซอร์ และกำลังหันเหชีวิตทำงานตอบแทนสังคมด้วยการลงเล่นเมือง ตัวอย่างความสำเร็จตรงหน้า ทำให้เขาเริ่มมีความฝันกับอนาคตตัวเอง อยากมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จบ้าง จากโอกาสมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง อยู่ที่จะค้นพบและไขว่คว้ามันมาได้เมื่อไรเท่านั้นเอง ภาพลักษณ์สุภาพ การแต่งกาย เสื้อผ้าหน้าผมดูดีมีราศี กับเรื่องราวทั้งหมด ทำให้อภิชาติรู้สึกยอมรับผู้ชายคนนี้อย่างไร้ข้อโต้แย้ง การสนทนาในคืนนั้นจบลงตรงการให้นามบัตรของพี่วิโรจน์ กับคำทิ้งทายสั้นๆ ที่ทำให้เขารู้สึกมีความหวังกับชีวิตขึ้นมาได้บ้างว่า “ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่แล้วกัน”

เช้าวันรุ่งขึ้นเขาไม่รีรอที่จะโทรไปตามเบอร์ในนามบัตร เพื่อลองเชิงถามเรื่องราวเมื่อคืนวานว่าโอกาสยังมีอยู่จริงไหม และก็ไม่ยากอย่างที่คิด เรื่องทั้งหมดเป็นไปตามที่คาดหวัง พี่วิโรจน์ชวนเขามาช่วยงานบริษัทออร์กาไนเซอร์และให้ช่วยงานการเมืองที่กำลังจะเริ่มหยิบจับ

เมื่อได้เริ่มงานจริง หนทางเพื่อพิสูจน์ตัวเองได้เริ่มต้นขึ้น เขาสัมผัสได้ว่าชีวิตคือการเรียนรู้ เติบโตและเข้มแข็งขึ้นจากประสบการณ์ที่ได้รับ เมื่อมองทุกอย่างคือโอกาสมันเลยทำให้เขาไม่เคยเกี่ยงงานหนักเบา ตั้งแต่เป็นพนักงานขับรถ พนักงานส่งเอกสาร งานบัญชี และงานทุกอย่างแล้วแต่จะถูกใช้ให้ทำ คิดเสมอว่ามันคือโอกาสให้เขาได้ไต่เต้า เพื่อชีวิตที่ดีกว่านี้

สี่ปีผ่าน พี่วิโรจน์เริ่มเป็นที่นับหน้าถือตามากขึ้น เขาซึ่งเป็นผู้ติดตามคนสนิท ทำให้ใครต่อใครต่างพากันมองว่าชีวิตเขาดีขึ้น แต่ความเป็นจริงกลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง สถานะทางการเงิน ความมั่นคงสูงสุดในชีวิตยังคงต่ำเตี้ยติดดิน นับเงินในบัญชีขณะนี้มีเพียงหลักพัน ไม่มีปัญญาแม้จะดาวน์รถมือสองเลยด้วยซ้ำ คิดจะหยิบจับทำอย่างอื่นก็คงต้องฝันไปอีกไกลๆ แต่ด้วยความฝันอยากจะทำให้ชีวิตดีขึ้นให้จงได้ เขาจึงยังไม่คิดเปลี่ยนงานหนีไปไหน เพราะโอกาสเปลี่ยนชีวิตมันอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น ความหวังที่ได้รับคำมั่นสัญญาไว้ว่า อยู่กับพี่ไม่ต้องกลัวไม่มีอนาคต หากงานการเมืองประสบความสำเร็จ จะไม่ลืมผลักดันเขาให้มีโอกาสเพิ่มช่องทางรายได้มากกว่านี้แน่นอน

กว่าจะถึงวันนั้น เขาก็ต้องอดทนลุยงานอย่างสุดกำลัง ทั้งงานการเมืองและงานบริษัทออร์กาไนเซอร์ด้วยเศรษฐกิจที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ พี่วิโรจน์มักจะบ่นให้ฟังว่าเดี๋ยวนี้งานเข้ามาไม่ต่อเนื่องกันเหมือนช่วงเศรษฐกิจดีๆ รายรับลดลงอย่างน่าตกใจสวนทางกับรายจ่ายที่ทวีคูณมากขึ้นหลายเท่าตัว ตัวแปรสำคัญคือสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่น่าไว้วางใจ ตั้งแต่รัฐประหารปีสี่เก้า ประเทศมีแต่เดินถอยหลังลงคลอง กรุงเทพฯจุดศูนย์กลางของรายได้หลัก ต้องเจอะเจอทั้งระเบิด ประท้วง ปิดถนน เผาห้างร้าน สารพัดเรื่องราวถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างเพื่อบทสรุปเป็นอันเข้าใจกันว่า ให้ช่วยๆ กันไปก่อน ทนไปอีกสักพัก เพื่อรอวันพรุ่งนี้ที่ดีขึ้นกว่าเดิม

ความหวังทำให้เขาเฝ้ารอมาจนถึงวันนี้ และในค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งรอยต่อความฝันที่ทอดไกลออกไป พี่วิโรจน์บอกให้ฟังระหว่างขับรถมาว่า งานวันเกิดของชายชราผู้เป็นที่รักและศรัทธาของทุกคนในคืนนี้ จะเป็นการรวมหัวคะแนนไว้ด้วยกันมากที่สุด เป็นโอกาสอันดีที่เขาจะทำการเปิดตัวในฐานะผู้สมัครลงเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นในนามพรรคการเมืองใหญ่ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงเดือนข้างหน้า

อภิชาติหายใจไม่ทั่วท้อง หัวใจเต้นโครมครามด้วยความวิตกกลัว เมื่อชายร่างเล็กได้พูดเชื้อเชิญให้พี่วิโรจน์เดินไปบนเวที เขาพยายามมองไปรอบๆ อย่างเก็บอาการ หนึ่งเพื่อดูทางหนีทีไล่ สองเพื่อดูว่ามีใครเป็นสีเดียวกันบ้าง

เขาคาดเดาไม่ถูกเลยว่า งานเลี้ยงในคืนนี้จะจบลงแบบใด


5.
เขายืนสังเกตการณ์อยู่ในมุมมืดใต้ต้นไม้ ชายร่างเล็กกำลังเรียกชายร่างบางขึ้นเวที เขาคุ้นหน้าชายร่างบาง จากป้ายหาเสียงที่กลายเป็นร่มกำบังแดดหน้าร้านโชว์ห่วยในตลาด ได้ยินมาว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ชายร่างบางได้สังกัดพรรคใหญ่ ฝั่งตรงข้ามกับชายร่างเล็กและเขา เมื่อทั้งสองยืนคู่กันบนหน้าเวที เขานึกภูมิใจแทนว่าแม้ชายร่างเล็กจะตัวเตี้ยกว่า แต่บารมีกลับเฉิดฉายกว่าชายร่างบางอย่างเทียบกันไม่ได้ เหมือนคนหนึ่งเสมือนเป็นแสงสว่างจากแสงนีออนอีกคนหนึ่งเพียงแสงตะเกียง

ชายร่างเล็กกอดคอชายร่างบางอย่างคนสนิทสนม ยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร กล่าวชื่นชมว่าเป็นคนดีมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ทางการเมืองที่น่าจับตามองคนหนึ่ง  ในฐานะรุ่นพี่เห็นว่าเป็นน้องที่น่ารักคนหนึ่ง เห็นตั้งแต่ยังอนุบาลไม่ประสีประสากับงานการเมือง ยังต้องคอยให้คำแนะนำอยู่บ่อยๆ หวังว่าตอนนี้คงเก่งขึ้นแล้วไม่ต้องมาขอคำแนะนำเหมือนอย่างเคย พร้อมกล่าวทิ้งท้ายด้วยการเน้นน้ำเสียงกับทุกคนไว้ว่าขอฝากฝังน้องรักคนนี้ไว้กับทุกท่าน

“ขอให้โชคดี มืงกลับไปนั่งได้แล้ว” ชายร่างเล็กพูดเสียงห้วน ใช้มือดันไหล่ให้กลับไปยังทางที่เดินมา ชายร่างบางยิ้มเจื่อน โน้มคอลงไหว้ ก้มหน้าเดินกลับไปยังที่นั่ง

เสียงปรบมือดังเกรียวกราวตามขึ้นมา เมื่อเสียงเพลงประจำตัวของชายร่างเล็กได้กรีดท่วงทำนองขึ้น “ผมขอมอบเพลงนี้ให้กับเพื่อนพ้องนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทุกท่าน”

เขาปรบมือได้สามครั้ง รู้สึกสะใจกับภาพหน้าเวที พื้นที่แห่งนี้เป็นถิ่นใครให้มันรู้ซะบ้าง นึกหยันชายร่างบางในใจ แล้วโลกด้านหน้าก็มืดลงจากเงาใหญ่พาดทับร่าง บดบังภาพและแสงจากงาน พร้อมกับร่างชายฉกรรจ์สองคนยืนทำหน้าเครียดอยู่ตรงหน้า เขายืนนิ่งตัวชา ความกลัวกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
“มืงมายืนทำอะไรตรงนี้!” ชายฉกรรจ์คนแรกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ดุดัน
เขาตกใจ ตั้งตัวไม่ทัน ตัวสั่น ลิ้นจุกปากพูดอะไรไม่ออก ส่ายหน้า พูดเสียงสั่น “เปล่าครับพี่ๆ”

ชายฉกรรจ์อีกคนเดินเข้ามาใกล้ไม่พูดพล่ามทำเพลง เอาฝ่ามือหนาตบหัวเขาเต็มแรง จนหัวทิ่ม ร่วงลงไปกองกับพื้น

“ไอ้หัวขโมย มืงมาขโมยของใช่ไหม!” ชายฉกรรจ์ฝ่ามือหนักพูดเสียงดังขึ้น

“ป่ะ เปล่าครับพี่ ผมไม่ได้ขโมย ผมไม่รู้เรื่อง” เขายืนยัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน และเขาก็ไม่รู้เลยว่าชายทั้งสองกำลังพูดเรื่องอะไร

“อย่ามาทำตีหน้าเซ่อไม่รู้เรื่อง” ชายฉกรรจ์คนแรกพูดขึ้น ก้มตัวไปหยิบบางอย่างใต้ต้นไม้ที่เขานอนกองอยู่ “แล้วนี่อะไร อย่าบอกนะว่าไม่รู้เรื่อง” ชูเหล้าฝรั่งสองขวดขึ้นมา

เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเหล้าฝรั่งสองขวดมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แต่ยังไม่ทันจะได้พูดแก้ตัวใดๆ ออกไป ฝ่าเท้าหนักจากรองเท้าคอมแบทก็ระดมกระแทกไปทั่วร่าง เสียงครวญครางร้องขอชีวิตดังขึ้นจนทำให้เสียงร้องเพลงในงานต้องหยุดชั่วคราว คนทั้งงานต่างพากันมองมายังจุดเกิดเหตุ
     
ชายชราเดินเข้ามาถามเรื่องราวกับชายฉกรรจ์ทั้งสอง เรื่องทั้งหมดถูกลำดับขึ้นว่า เขาเป็นคนเก็บขยะที่ชอบเข้ามาขโมยของตามบ้านตามงานเลี้ยง คนทั้งสองเห็นตั้งแต่เดินเข้ามาในงานแล้ว ด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ จึงเฝ้าสังเกตพฤติกรรมและจับได้คาหนังคาเขาว่าเข้ามาขโมยเหล้า

เขารู้ดีอยู่แก่ใจตัวเองว่าคำพูดทั้งหมดเหล่านั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย ความจริงเขาเพียงเดินตามเพื่อนเก่าเข้ามา เผื่อจะมีอาหารดีๆ ที่เหลือจากโต๊ะจีนแบ่งให้ได้กินบ้าง แต่เขาไม่มีสิทธิ์แก้ตัวหรือโต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้นแล้วในนาทีนี้ ร่างกายเริ่มรู้สึกเจ็บระบมไปทั่ว ตาข้างหนึ่งเหมือนกำลังปิดลง เลือดรสฝาดไหลจากศีรษะผ่านริมฝีปากที่กำลังบวมเจ่อ

เขาเห็นภาพรางๆ ของชายร่างบางกับเพื่อนเก่ายืนซุบซิบกันชั่วครู่ ก่อนที่ชายร่างบางจะออกตัวว่าให้แจ้งตำรวจมาจับไปเลยดีกว่า เพื่อจะได้หมดเรื่องหมดราวไป ชายร่างบางใช้จังหวะนี้ถือโอกาสกล่าวกับผู้ร่วมงานที่กำลังเป็นไทยมุงในขณะนี้ว่า ชุมชนแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยความไม่ปลอดภัย จึงขออาสาแก้ไขปัญหาขโมยขโจรให้หมดสิ้นไปจากชุมชน ซึ่งต้องขอโอกาสและความร่วมมือจากทุกคน โปรดไว้วางใจลงคะแนนเสียงให้ ในการเลือกตั้งครั้งนี้

เขามองไปยังชายร่างบาง นึกเกลียดขึ้นมาทวีคูณ มองไปยังเพื่อนเก่า ภายใต้เปลือกตาริบหรี่ แววตาจับจ้องเหมือนกำลังอ้อนวอน ขอความช่วยเหลือจากที่พึ่งเดียวที่มีอยู่

ว่างเปล่า เหมือนคนไม่รู้จักกัน ไม่มีการตอบรับใดๆ กลับมาจากสายตาเฉยชาคู่นั้น



6.
รถบีเอ็มหมุนล้อค่อยๆ ห่างออกมาจากงานเลี้ยง วิโรจน์นั่งหน้าเครียดอยู่เบาะหลัง งานครั้งนี้เขาถูกหักหน้าจนน่าอับอาย ทั้งจากเหตุการณ์หน้าเวทีและเรื่องหัวขโมย ทั้งที่ก่อนหน้านี้คิดว่าฐานเสียงเพิ่มขึ้นและกำลังได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่ แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร เรื่องนี้มันได้สะท้อนบางอย่างให้ต้องเร่งทำการบ้านหนักขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว เพื่อช่วงชิงฐานเสียงฝั่งตรงข้ามมาเป็นของตนเองให้มากที่สุด เขาเริ่มนึกถึงเม็ดเงินจำนวนมากกว่าเดิมที่ได้ตั้งเอาไว้ เพื่อใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้  

เมื่ออารมณ์เริ่มเย็นลง วิโรจน์บ่นเรื่องหัวขโมยให้อภิชาติฟัง ว่าหากชายร่างเล็กไม่เข้ามายุ่งทำตัวเป็นพ่อพระใจบุญ ให้ปล่อยไปอย่าเอาเรื่องเอาความ ป่านนี้มันคงไปนอนตบยุงเล่นในคุกแล้ว สำทับต่อไปว่า ถ้าหากเขามีตำแหน่งทางการเมือง บทสรุปทั้งหมดต้องต่างออกไป ผู้คนต้องให้เกียรติและกล้าสนับสนุนเขามากกว่านี้ ยังคงนึกเข้าข้างตัวเอง อำนาจอยู่ที่ใครไอ้พวกไม้หลักปักขี้เลนก็เอนไปทางนั้น วันนี้อำนาจยังไม่มา ผลประโยชน์ยังไม่เกิดขึ้นเต็มตัว มันเลยยังไม่ใช่วันของเขา แต่คงอีกไม่นาน แล้วเมื่อวันนั้นมาถึง อำนาจ ทั้งบารมีและเงินตรา จะตกอยู่ภายในกำมือและมันจะเป็นวันของเขาอย่างแท้จริง

วิโรจน์คำนวณเม็ดเงินที่ลงทุนไปตั้งแต่บาทแรกจนถึงวันนี้ หากได้รับเลือกเข้าไปเพียงสมัยเดียว ทุกบาททุกสตางค์พร้อมดอกเบี้ย มันจะถูกชดใช้กลับมา เขายิ้มกับตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ใครที่คิดว่าคนรวยแล้วไม่อยากรวยอีกมันช่างโง่สิ้นดี เขาเชื่อว่างานการเมืองก็ไม่ได้ต่างอะไรกับงานออร์กาไนเซอร์ ต้องใช้เงินลงทุน มีการประชาสัมพันธ์ ใช้การตลาดเข้ามาเกี่ยวข้อง เล่นกับความรู้สึก ล้อกับความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ ต้องสร้างภาพต้องกล้าเสี่ยงลงทุนเพื่อผลกำไรสูงสุด ยิ่งลงไปมากเท่าไรยิ่งต้องหวังผลกำไรกลับมามากกว่านั้น

พอนึกถึงภาพวันที่ชนะการเลือกตั้งสารแห่งความสุขก็พรั่งพรูออกมาจนทำให้เคลิบเคลิ้ม ระหว่างรถติดแยกไฟแดง วิโรจน์สั่งให้อภิชาติเลี้ยวซ้ายไปยังร้านอาหารประจำ คืนนี้ต้องดื่มย้อมใจสักเล็กน้อย ก่อนลุยงานหนักตลอดเดือนที่กำลังจะมาถึง เมื่อเรื่องงานแวบเข้ามาเขาก็เริ่มรู้สึกสนุกกับสิ่งที่กำลังจะต้องทำ แผนงานต่างๆ ในการลงพื้นที่ผุดภาพขึ้นมาอย่างเป็นระบบ ไม่ต่างจากการเริ่มต้นคิดจัดงานออร์กาไนเซอร์ใหญ่ๆ งานหนึ่ง

ยิ้มให้กับตัวเองอย่างผู้ชนะ ผ่านมาสี่ปี รออีกแค่เดือนเดียวจะเอาคืนให้หมดสิ้น รวมทั้งความแค้นฝังใจในคืนนี้


7.
ตลอดทั้งวัน อภิชาติได้ยินรายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ประชาชนมาใช้สิทธิ์กันบางตา มีการวิเคราะห์กันว่าถ้าเทียบกับครั้งที่แล้ว ที่มีผู้มาใช้สิทธิ์เพียงแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน ครั้งนี้ก็ไม่แตกต่างกันเลย อาจจะดูน้อยกว่าด้วยซ้ำ

เขาฟังการวิเคราะห์ข่าวแล้วตั้งคำถามจากความจริงที่เกิดขึ้น กับสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองว่า ไม่รู้วันนี้พวกรักประชาธิปไตยตัวจริงที่เคยมีให้เห็นทุกหัวมุมถนนหายหัวไปไหนหมด ในเวลาที่รัฐเปิดโอกาสให้สิทธิ์กับประชาชนได้ใช้ประชาธิปไตยอย่างถูกต้องตามกฎหมายจริงๆ ได้สักที ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยคนสุดท้ายเข้าคูหาไปตอนบ่ายโมง หลังจากนั้นคูหาลงคะแนนก็เงียบเหงาเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่กับผู้สังเกตการณ์เท่านั้น จนเมื่อถึงเวลาบ่ายสามหืบลงคะแนนปิดตัวลง เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งเริ่มจัดแจงสถานที่เตรียมการนับคะแนน

อภิชาติถอนหายใจหนักหลายครั้งตลอดวัน รู้สึกโล่งใจเมื่อพบว่ายังสามารถมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงนาทีนี้ อีกทั้งฐานเสียงที่ให้คำมั่นกันไว้ตอนลงพื้นที่ต่างพากันมาใช้สิทธิ์เกือบทั้งหมด พอให้มีความหวังกับการลงแรงครั้งนี้ได้บ้าง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่มีอะไรผิดปกติ เขาเดินออกมาจากหน่วยเลือกตั้ง หลังจากได้สั่งการผู้สังเกตการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้งของตนไว้จนเรียบร้อย ว่าหากมีอะไรผิดสังเกตระหว่างการนับคะแนนให้รีบโทรแจ้งทันที

พี่วิโรจน์นั่งคุยโทรศัพท์รออยู่ในรถ  

รถขับออกจากหน่วยเลือกตั้ง เพื่อกลับไปลุ้นคะแนนที่บ้านพี่วิโรจน์ แม้ผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการจะเสร็จตอนประมาณสองทุ่ม แต่ข่าววงในหลายสายรายงานมาว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พี่วิโรจน์มีคะแนนสูสีแบบหายใจรดต้นคอ กับเจ้าของตำแหน่งเดิมซึ่งเป็นทีมงานของชายร่างเล็ก

สองข้างทางเต็มไปด้วยป้ายหาเสียง ภาพคู่แข่งหลายเบอร์ทำให้เขาเริ่มนึกถึงมันที่อยู่ใต้เบาะอีกครั้ง ดีใจที่ไม่มีโอกาสได้ใช้มัน ด้วยบ้านเมืองยังไม่คืนสู่สภาวะปกติ ทำให้อภิชาติต้องระมัดระวังตัวทุกฝีก้าว ในฐานะผู้ติดตาม เขาไม่อยากสัมผัสภาพเวลาจำเป็นที่ต้องใช้มันเลย ตอนแรกที่พี่วิโรจน์ยื่นให้ เขาปฏิเสธทันที เพราะไม่อยากพกสิ่งอันตรายไว้ติดตัว แต่ข่าวการฆ่าตัดตอนนักการเมืองท้องถิ่นที่มีให้เห็นตามสื่อต่างๆ อยู่เป็นระยะ อีกทั้งในช่วงนี้กระแสไข้โป้งกำลังมาแรง เขาจึงต้องตัดสินใจเลือกว่าจะยอมเป็นเพียงแค่เหยื่อไร้ทางสู้หรือไม่ เพราะหลายๆ ครั้งเหยื่อมักจะตายฟรีเสมอ สุดท้ายมันก็นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นมาจนถึงตอนนี้

ขณะรถติดไฟแดง เขามโนภาพตัวเองในวันพรุ่งนี้หากพี่วิโรจน์ได้รับเลือกตั้ง กับโอกาสที่มากกว่าเดิม นึกถึงเงินในบัญชีที่เพิ่มขึ้น เวลานี้เขาไม่ต้องการแค่รถญี่ปุ่นมือสองเก่าๆ สักคัน แต่ฝันไกลกว่านั้นกับภาพตัวเองกำลังขับรถยุโรปป้ายแดงโฉบเฉี่ยวไปยังทุกที่ที่ต้องการอยากจะไป


8.
หลังจากกดวางสายโทรศัพท์ วิโรจน์นั่งยิ้มกับตัวเองอย่างพึงพอใจ หัวคะแนนหลายสายโทรมารายงานข่าวดีว่าเขาจะชนะในท้ายที่สุด ไม่เสียแรงที่ลงทุนลงแรงกายแรงเงินมาตลอดสี่ปี เขามโนภาพเห็นตัวเองอยู่ในจุดที่มีเกียรติยศชื่อเสียง เปี่ยมไปด้วยบารมี เป็นที่ยอมรับในสังคมระดับสูง สะใจไม่น้อยเมื่อไอ้พวกไม้หลักปักขี้เลนทั้งหลายแหล่กำลังเอนเอียงมาทางฝั่งเขามากขึ้นทุกที อีกไม่นานทุกอย่างจะเปลี่ยนไปและปมต่างๆ ที่เคยฝังอยู่ในจิตใจจะได้ถูกสะสาง ชำระล้างเสียที ในเวลาอันใกล้นี้

เพื่อจบงานอย่างสมบูรณ์แบบอีกครั้งตามสูตรสำเร็จ เขาคิดถึงป้ายกล่าวขอบคุณประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง หัวเราะอย่างสะใจกับตัวเอง งานการเมืองก็ไม่ได้ต่างจากงานออร์กาไนเซอร์สักนิด คิดไม่ผิดที่ตัดสินใจลงเล่นการเมือง แต่ป้ายขอบคุณครั้งนี้เขาคิดว่าจะไม่ลงทุนทำใหม่ กะว่าจะเอาป้ายเดิมมาเติมข้อสวยๆ ซึ้งกินใจเพิ่มสักประโยค เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายซึ่งหมดไปเยอะแล้ว ได้เวลาเอาคืนซักที

ในนาทีเดียวกันนั้นเอง ระหว่างรถติดไฟแดงตรงสี่แยก วิโรจน์ปรายตามองออกไปนอกรถ รู้สึกโล่งตาอย่างบอกไม่ถูก สี่แยกแห่งนี้หากเลี้ยวซ้ายจะไปยังร้านประจำ และตลอดเดือนที่ผ่านมามีความคุ้นชินใหม่เข้ามาตรงสี่แยกกับรูปเขายิ้มอย่างสง่างามบนป้ายหาเสียง เขาให้ทีมงานติดป้ายหาไว้ตรงแยกนี้หลายอัน ตอนนี้มันหายไปไหนหมด

เขาถามอภิชาติเพื่อความแน่ใจว่า มีป้ายตรงสี่แยกนี้อย่างที่สงสัยใช่ไหม อภิชาติตอบด้วยความมั่นใจว่ามี แต่ตอนนี้มันกลับหายไปไหนหมดก็ไม่รู้เหมือนกัน ทันทีที่ไฟแดงเปลี่ยนเป็นสีเขียว คำตอบก็ลอยอยู่ตรงหน้า

เขาสั่งให้อภิชาติขับตรงไปยังรถซาเล้งที่กำลังขับอยู่ด้านหน้าทันที



9.
เขารู้สึกตกใจ ตั้งตัวไม่ทัน ตัวสั่น ลิ้นจุกปาก ความรู้สึกเหมือนคืนนั้นพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อจู่ๆ รถบีเอ็มสีดำคันหรูทะเบียนตองคุ้นตามาจอดเทียบตรงหน้า ระหว่างเขากำลังปลดป้ายหาเสียงอยู่ตรงเสาไฟฟ้า เขาจำรถคันนี้กับพวกมันได้ดี ชายร่างบางที่จะเอาเขาเข้าคุก กับเพื่อนเก่าที่ไม่ให้ความช่วยเหลืออะไรเลย ในยามตกที่นั่งลำบาก คืนนั้นโชคดีได้ชายร่างเล็กมาช่วยเอาไว้ แต่ภายหลังก็เหมือนโดนกระทืบซ้ำอีกครั้งเมื่อได้ยินเรื่องเล่าจากร้านยาดองมาว่า เรื่องทั้งหมดมันเป็นแค่สถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมา เป็นเพียงฉากๆ หนึ่ง เหล้าสองขวดนั้นถูกวางไว้ในมุมมืดตั้งแต่แรกแล้ว รอเพียงตัวละครจำเป็นเดินเข้ามาเหยียบกับดักที่วางไว้ เพื่อให้ใครบางคนได้แสดงบารมีทางการเมือง และเขาก็ตกเป็นเหยื่อ ส่วนเหล้าสองขวดนั้นป่านนี้คงระเหยหายไปในลำไส้ของชายฉกรรจ์ทั้งสองหมดไปแล้ว

เขารู้สึกเจ็บใจ แต่ก็ไม่คิดติดใจเอาความอะไร เพราะคงไม่มีสิทธิ์มีเสียงไปทำอะไรใครได้ ก้มหน้ารับใช้ชะตากรรมต่อไป

วันนี้เขาถือว่าเป็นวันโชคดีวันหนึ่ง เมื่อป้ายทั้งหมดจะถูกนำไปแลกมาม่าหลายสิบห่อจากร้านโชว์ห่วยในตลาด ที่ต้องการนำมันไปต่อเติมบังแดดกันฝน เขาเล็งป้ายทุกป้ายตามเสาไฟฟ้านับจากวันแรกที่พวกมันแสดงตัว มาร์คจุดซักซ้อมเส้นทางอยู่หลายวัน วันนี้เขาทำได้ตามแผนที่วางไว้ ยังไม่มีความผิดพลาดใดเกิดขึ้นจนกระทั่งตอนนี้ โชคดีกำลังจะหมดไปเมื่อเพื่อนเก่าเปิดประตูรถหรูลงมา เขาเหลือบมองป้ายหาเสียงที่นอนกองอยู่บนซาเล้งกับป้ายอันใหม่ที่กำลังปลดลงมา ด้วยสัญชาติญาณเอาตัวรอด เขาทิ้งป้ายที่เพิ่งปลดได้ล่าสุดไว้ตรงเสาไฟฟ้า เดินไปเปิดถังขยะที่อยู่ใกล้ๆ ทำทีคุ้ยเขี่ยหาเศษขยะในนั้น


10.
อภิชาติรับคำสั่งจากพี่วิโรจน์เปิดประตูลงรถอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก หลายครั้งที่เขาต้องกลายเป็นภาชนะรองรับอารมณ์ คำอ้างว่าเศรษฐกิจไม่ดี งานไม่ค่อยมีเป็นเรื่องน่าตลกทั้งเพ เขาพอจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังความจริงว่า สถานะทางการเงินของพี่วิโรจน์กำลังย่ำแย่ ไม่ใช่เพราะงานออร์กาไนเซอร์ไม่ค่อยมี แต่สาเหตุหลักเป็นเพราะเม็ดเงินรายรับนั้น พี่วิโรจน์เอาเงินทั้งหมดไปทุ่มกับการเมือง การเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าเป็นไพ่ใบสุดท้ายเลยก็ว่าได้ หากไม่ได้รับเลือกครั้งนี้

ทุกอย่างก็คงจบไม่ใช่แต่พี่วิโรจน์ เพราะมันรวมถึงโอกาสของเขาด้วย
ภาพอนาคตยังคงพร่าเลือน ภาพอดีตก็ซ้อนทับชัดเจนขึ้นมาแทนด้วยช่วงชีวิตสมัยมัธยม ตั้งแต่เรียนจบเขาไม่มีโอกาสได้เจอเพื่อนเก่าเท่าไรนัก เพื่อนสนิทหลายคนในสมัยนั้นพอเรียนจบ ต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ตามแต่บุญวาสนา บางคนได้ดิบได้ดีเรียนต่อในระดับปริญญาจบมาเป็นเจ้าคนนายคน  หลายคนไร้โอกาสเรียนต่อ ต้องสู้ชีวิตทำงานเลี้ยงชีพด้วยวุฒิต่ำเตี้ย จมปลักกับความจนกันเรื่อยไปไม่จบสิ้น รวมถึงคนเก็บขยะตรงหน้า เพื่อนเก่า สารภาพกับตัวเองตามตรงว่า ในคืนนั้นตอนแรกจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ต้องทบทวนความทรงจำอยู่สักพักกว่าจะนึกเค้าโครงหน้าในอดีตออก แต่สุดท้ายก็ยังนึกชื่อไม่ได้  เลยไม่มั่นใจว่าคนๆ นี้เคยเป็นเพื่อนกันจริงหรือเปล่า หากเคย ตอนนั้นความสัมพันธ์สนิทสนมกันแค่ไหน ด้วยไม่แน่ใจทำให้ไม่อยากพูดด้วยสักเท่าไร อีกทั้งการแต่งกายสกปรกและรถซาเล้งข้างๆ ทำให้เขารู้สึกเสียโอกาสมากกว่าได้ หากต้องพูดคุยเกินคำทักทายออกไป ยังนึกสมเพศความโง่ของเพื่อนเก่า ขโมยของไม่ดูตาม้าตาเรือมาเจอของจริงเข้า ถูกกระทืบแค่นั้นมันยังน้อยไป

เพื่อนเก่าอยู่ตรงหน้า เขาทักทายเล็กน้อย พยายามไม่พูดถึงเรื่องคืนนั้น เสนอข้อต่อรองอย่างมั่นใจว่ามันดีเกินกว่าจะถูกปฏิเสธ

“ป้ายละยี่สิบ” เขาพูดเสียงเฉียบ หมายถึงราคาป้ายหาเสียงของพี่วิโรจน์ที่นอนอยู่บนซาเล้ง และป้ายที่เหลือทั้งหมดตามเสาไฟตามแต่จะเอามาให้ได้ แต่เพื่อนเก่ายังทำท่าไม่สนใจ คุ้ยเขี่ยถังขยะไม่หยุด เขาถอนหายใจเพิ่มราคาขึ้นไปอีก “สามสิบล่ะเอาไหม”

จากท่าทีไม่สนใจ เพื่อนเก่าหยุดนิ่งเมื่อสิ้นเสียงราคาที่เพิ่มขึ้น เงยหน้าขึ้นมอง พร้อมหยิบกล่องกระดาษขนาดพอๆ กับกล่องรองเท้าติดมือขึ้นมา มันถูกพันด้วยเทปกาวสีน้ำตาลจนแน่น


11.
หลังจากได้ยินราคาแลกเปลี่ยนจากปากเพื่อนเก่าในทีแรก ประสบการณ์ในคืนนั้น ทำให้เขานึกถึงการต่อยหน้าสวยๆ ของมันแทนคำตอบ จริงอยู่มันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าการนำป้ายไปแลกมาม่า แต่หากตอบตกลงก็ไม่ต่างจากสุนัขรับใช้พวกนายทุน ไร้ศักดิ์ศรีในชีวิต พอราคาแลกเปลี่ยนถูกปรับขึ้นในทีสอง คำพูดบางคำที่เขาเคยได้ยินในช่วงไปร่วมการชุมนุมจากฝีปากของชายร่างเล็ก ก็ผุดขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ “ประชาธิปไตยที่กินได้” ทำให้เขาเกิดลังเลในการตัดสินใจครั้งสำคัญ พร้อมๆ กับมือควานเปะปะไปพบอะไรบางอย่างในถังขยะ หัวใจเขาเต้นแรงเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่อค่อยๆ หยิบมันขึ้นมา


12.
วิโรจน์รู้สึกขัดใจ เมื่อเห็นอภิชาติใช้เวลาต่อรองเรื่องเล็กๆ อย่างนี้นานเกินควร บางครั้งเขาก็คิดว่าตัวเองตัดสินใจผิดที่เลือกเข้ามาช่วยงาน นอกจากรูปร่างหน้าตาที่พอจะดูดีกว่าคนทั่วไป อย่างอื่นก็ไม่ได้มีดีอะไรสักอย่าง สุดท้ายเขาก็ต้องเปลี่ยนเจาะจงให้หน้าที่เป็นพนักงานขับรถเพียงอย่างเดียว ได้ใกล้ตัวใกล้ตา ให้ชีวิตได้กระชุ่มกระชวยขึ้นมาหน่อย คงจะเป็นข้อดีเดียวที่อภิชาติทำให้ได้

เขากดลดกระจก สองคนนั้นมัวคุยอะไรกันอยู่นานสองนาน ไม่อยากเสียเวลาเพราะต้องรีบกลับไปลุ้นผลคะแนนการเลือกตั้งที่บ้าน หลังสองทุ่มคืนนี้ ทุกๆ อย่างที่ฝันไว้จะเป็นจริงขึ้นมากองอยู่ตรงหน้าซักที

กระจกฟิล์มหนาค่อยๆ เลื่อนลงไปจนสุด เขาชะโงกหน้าออกมา อภิชาติและเพื่อนเก่ามองมายังเขา ทั้งสองยืนตัวนิ่ง สีหน้าตื่นตระหนก นึกขันกับท่าทางของคนทั้งสอง เรื่องเล็กๆ แค่นี้คุยกันไม่รู้เรื่อง แล้วเรื่องใหญ่ๆ จะไปทำอะไรกันได้ ถึงว่าชีวิตก็เป็นได้แค่นี้ คนขับรถกับคนเก็บขยะ

เขามองไปยังสองคนนั้น ตะโกนเรียกอภิชาติ

“ตูม!!!”

ยังไม่ทันสิ้นคำ เสียงระเบิดก็ดังสนั่นขึ้น พร้อมกับชิ้นส่วนเศษเนื้อ เลือด ของคนทั้งสองกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ กระจกรถหรูแตกละเอียด เขาหลับตาปี๋ หูอื้อ รู้สึกจุกไปทั่วร่าง สัมผัสได้ถึงความแสบร้อนของสะเก็ดเหล็กจำนวนมากที่พุ่งเข้ามายังใบหน้าและส่วนบนของร่างกาย



*****

จากคุณ : วันสบายๆ
เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:34:31




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com